“ชัยธวัช” นำทีมเตรียมความพร้อม หวังก้าวไกลคว้าชัยชนะเลือกตั้ง อบจ.ภูเก็ต
https://www.thairath.co.th/news/politic/2760597
“ชัยธวัช” หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีมลงพื้นที่ภูเก็ต หวังคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้ง นายก-ส.อบจ.ภูเก็ต แบบยกทีม เพื่อให้ภูเก็ตเป็นต้นแบบต่อไปในอนาคต
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 นาย
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จ.ภูเก็ต พรรคก้าวไกล ทั้ง 3 เขต และผู้บริหารพรรคก้าวไกล จัดกิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์กำหนดทิศทางพรรคก้าวไกล เพื่อคว้าชัยเวทีท้องถิ่น ที่ห้องประชุมพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่จังหวัดภูเก็ต อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมีว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และสมาชิกพรรคก้าวไกล ตลอดจนพี่น้องประชาชนที่ให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล เลือกภูเก็ตเป็นจังหวัดแรกในการกำหนดทิศทางเวทีท้องถิ่น โดยก่อนการสัมมนามีชาวบ้านชุมชนบ้านหัวท่า-ท่าต้นโด บ้านคอเอน ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ซึ่งได้รับความเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัย โดยกรมเจ้าท่า ระบุว่า สร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ กีดขวางเส้นทางการเดินเรือ ให้รื้อออก ซึ่งกระบวนการอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับพรรคก้าวไกล สิ่งชุมชนต้องการ คือ
1. ขอให้ประสานงาน สภ.ท่าฉัตรไชย กรมเจ้าท่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระงับกระบวนการดังกล่าวไว้ก่อน
2. ขอให้ประสานงานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ระงับกระบวนการไล่และรื้อไปก่อน จนกว่าจะมีการพิจารณาข้อเท็จจริง
3. หาแนวทาง และมาตรการเพื่อคุ้มครองวิถีชีวิตชุมชนชุมชนชายฝั่งที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายกรมเจ้าท่า
จากนั้น นาย
ชัยธวัช เป็นประธานเปิดกิจกรรมดังกล่าว พร้อมกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการกระทำของ นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล กรณีล้มล้างการปกครอง ตลอดจนทิศทางของพรรคก้าวไกลหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย รวมไปถึงการวางแนวทางในการสู้ศึกเลือกตั้ง อบจ. ส่งสมาชิกพรรคลงสมัครนายก และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ อีกทั้งพรรคก้าวไกลมีความหวังเป็นอย่างมากที่จะคว้าชัยการเลือกตั้ง อบจ.ภูเก็ต ซึ่งใช้เวลาในการสัมมนาดังกล่าวราว 2 ชั่วโมง ขณะที่ในช่วงบ่าย นาย
ชัยธวัช และคณะ มีกำหนดการที่จะลงพื้นที่ต่างๆ ใน จ.ภูเก็ต เช่น ชุมชนชาวไทยใหม่ราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมือง, ชุมชนเกาะมะพร้าว อ.เมือง, หาดสุรินทร์ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง เป็นต้น ก่อนที่จะเดินทางกลับ กทม.
นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้เป็นกิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้บริหารพรรคได้มาพูดคุยกับสมาชิกพรรคเกี่ยวกับทิศทางของพรรคก้าวไกลหลังจากนี้ รวมถึงทิศทางหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพื่อให้สมาชิกพรรคมีความมั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขี้นไม่กระทบหรือทำให้การทำงานของพรรคก้าวไกลหยุดยั้ง และการมายัง จ.ภูเก็ต ยังเป็นการมาเตรียมความพร้อมที่จะสู้ศึกการเลือกตั้ง อบจ.ภูเก็ต ด้วย ซึ่งวันนี้เรามีว่าที่ผู้บริหาร อบจ.ภูเก็ต ที่พรรคพิจารณแล้ว และอยู่ระหว่างการฝึกอบรม พัฒนาการจัดทำนโยบาย หลังจากนี้เราจะมีการชักชวนสมาชิกพรรคมาร่วมกันวิเคราะห์งบประมาณในการนำมาพัฒนา จ.ภูเก็ต ด้วยกัน รวมไปถึงการทำเวิร์กช็อปการพัฒนานโยบายที่จะตอบโจทย์พี่น้องชาวภูเก็ต
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุในช่วงท้ายว่า พรรคก้าวไกล ให้น้ำหนักที่ จ.ภูเก็ต ไว้มาก เราคาดหวังที่จะชนะการเลือกตั้งนายก อบจ.ภูเก็ต รวมถึง ส.อบจ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกล และถ้าพรรคก้าวไกลได้บริหาร จ.ภูเก็ต แล้วเราจะบริหารให้ จ.ภูเก็ต เป็นต้นแบบพรรคก้าวไกล ทั้งแบบภาคใต้ และประเทศต่อไป.
“สส.ชยพล” ยัน คนในพรรคก้าวไกล ไม่มีใครใจฝ่อ หลังศาล รธน.ชี้ แก้ ม.112 ล้มล้าง
https://www.thairath.co.th/news/politic/2760560
“ชยพล สท้อนดี” เผย พรรคก้าวไกล ยังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องราว หลัง ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย แก้ ม.112 ล้มล้างการปกครอง แต่ยืนยัน ไม่มีใครใจฝ่อ ขอไม่เดาจะถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่
วันที่ 4 ก.พ. นาย
ชยพล สท้อนดี สส.กทม.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีเสียงสะท้อนประชาชนในพื้นที่ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยการกระทำของ นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล เสนอแก้ไขมาตรา 112 เป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่า ความจริงยังไม่ค่อยได้คุยเรื่องนี้กับชาวบ้านเท่าไร แต่เท่าที่ฟังก็มีบ้างว่าไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร แต่ชาวบ้านในพื้นที่กำลังใจยังดี เมื่อถามว่า คุยกันในพรรคเรื่องยุบพรรคหรือไม่ และชาวบ้านถามเรื่องยุบพรรคหรือไม่ นายชยพล ตอบว่า ตอนนี้ในพรรคยังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องราว ส่วนตนคิดว่าต้องโฟกัสงานก่อน จะไปพะวงเรื่องอะไรที่เหนือการควบคุม เดี๋ยวจะเสียงานสำคัญตอนนี้ เช่น เรื่อง กมธ.งบประมาณ 2567 เรื่องยุบพรรคตนไม่กลัว หรือซีเรียส ตนมองว่าอีกด้านหนึ่งอาจดีเสียยิ่งกว่าอีก ถ้ามีเหมือนกำหนดเวลาที่ชัดเจน จากเดิมต้องทำงานครบสี่ปีเต็ม ก็ใส่ให้เต็มแบบระเบิดระเบ้อมากกว่าเดิม ให้ทันภายใน 3 เดือน
นาย
ชยพล กล่าวถึงกรณี 44 สส.พรรคก้าวไกล ที่เคยเซ็นรับรองเสนอแก้ไข 112 อาจโดนตัดสิทธิทางการเมืองในอนาคต นาย
ชยพล ตอบว่า ในฐานะ สส.หน้าใหม่ ทำงานไม่ถึง 1 ปี ก็หวั่นไหวบ้าง เพราะ สส.ที่มีประสบการณ์คอยแนะนำเรื่องการทำงานเราอย่างดีตลอด แต่เรื่องนี้ไม่เห็นมีใครจะใจฝ่อ ทุกคนที่เข้ามาเป็น สส.พรรคก้าวไกลก็ถือว่าขาแข็งพอตัวอยู่แล้ว พร้อมรับสถานการณ์ เมื่อถามว่า คิดว่าผู้มีอำนาจกล้ายุบพรรคก้าวไกลหรือไม่ นาย
ชยพล ตอบว่า มันสุดเกินกว่าจะเดาใจจริงๆ คิดว่าการไปเดาใจก็ไม่มีประโยชน์อะไรด้วย เรารู้แล้วว่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นมันไม่ซ้ายก็ขวา เราเตรียมเผื่อสำหรับสิ่งที่แย่ที่สุด และยังทำงานต่อไป
GDP แผ่ว-ยุบพรรควุ่น ชี้ชะตาดอกเบี้ย 7 ก.พ.
https://www.innnews.co.th/video/general-news-clips/news_672497/
นับถอยหลังสู่การประชุมเคาะอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง.วันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ หลัง “นายกฯเศรษฐา” สะกิดให้แบงก์ชาติฉุดคิด หลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา ตามที่สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุด อดีตคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. “ศ.ดร.
พรายพล คุ้มทรัพย์” วิเคราะห์ให้ฟังอีกครั้งถึงแนวโน้มผลการประชุมดังกล่าว โดยฟันธงว่า รอบนี้ กนง.คงดอกเบี้ยไว้ก่อนที่ร้อยละ2.5 โดยมองว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังสามารถไปต่อได้
และสำหรับตัวเลขจีดีพีปีนี้ “ศ.ดร.
พรายพล” มองว่ามีโอกาสขยายตัวได้ 3% โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการส่งออก และการท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ หรือ จีโอโพลิติก ด้วยเช่นกัน
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองการประชุม กนง. 7 ก.พ. คาดว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% ไปก่อนเนื่องจากระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ทาง กนง. ประเมินว่าเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในบริบทปัจจุบันถึงแม้ว่าเงินเฟ้อจะติดลบต่อเนื่อง แต่มาจากผลของปัจจัยชั่วคราว
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสปรับลงในช่วงครึ่งหลังของปีมากขึ้น หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าที่ทาง กนง. ประเมินไว้ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ที่ยังมีการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐล่าช้า และความไม่แน่นอนของมาตรการ Digital Wallet
ด้านฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า ประเด็นเรื่องทิศทางดอกเบี้ยถือเป็นเรื่องหลักที่อยู่ในความสนใจ โดยหากมองใน มุมของวัฎจักรของดอกเบี้ยโลกเชื่อว่าน่าจะเริ่มเข้าสู่ขาลงแม้การประชุมธนาคาร กลางที่สำคัญหลายประเทศในรอบแรกของปีนี้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ ตามเดิม แต่หากมองผ่านการตอบสนองของตลาดพบว่า Bond Yield ส่วนใหญ่ ปรับตัวลดลง โดยในสหรัฐ Bond Yield อายุไม่เกิน 5 ปี ปรับลดลงจากจุดสูงสุด แล้วราว 1% ส่วน 10 ปีปรับลดลงมากกว่า 1% ซึ่งน่าจะพอบอกได้ว่าตลาด คาดหมายว่าอัตราดอกเบี้ยที่กำลังจะลดลงในปี 2567 อาจอยู่ที่ประมาณ 1%
ส่วนในบ้านเรานั้น กระแสที่พุ่งไปที่การลดดอกเบี้ยก็รุนแรงขึ้นตามลำดับ ส่วนหนึ่ง เป็นเพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่ช้ากว่าที่คาด ขณะที่ Bond Yield1 ปี ปรับลดลงมาต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบาย องค์ประกอบดังกล่าวสะท้อนให้ เห็นโอกาสปรับลดดอกเบี้ยที่มีมากขึ้น และหากลดจริงก็จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้น
นอกจากนี้ ตัวเลขที่สำคัญทางเศรษฐกิจไทยที่ทยอยออกมากในช่วงไตรมาส 4 ปี 2566 เริ่มแสดงให้เห็น ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัวลง เฉพาะอย่างยิ่งในเดือน ธ.ค. 2566 สะท้อนผ่านหลาย Indicators เริ่มจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ลบ 6.27%YoY ขณะที่ในปี 2566 ดัชนี MPI ลบ 5.11% เศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวช้า และ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
นอกจากนี้ ธปท.ยังเผยว่าเศรษฐกิจไทยในเดือน ธ.ค.2566 ขยายตัวชะลอลงตามรายรับ ภาคการท่องเที่ยวและมูลค่าการส่งออกไม่รวมทองคำที่ชะลอลงจากอุปสงค์โลกที่ฟื้นตัวช้า อีกทั้งเศรษฐกิจไทยยังโตต่ำและฟื้นตัวช้ากว่าประเทศเพื่อนบาน ทั้งมิติ GDP และการส่งออกสินค้า ซึ่งเป็นผลจากทั้งปัจจัยเชิงวัฏจักรระยะสั้นและเชิงโครงสร้าง
ดังนั้นภาพรวมเศรษฐกิจและการเงินของไทยในเดือน ธ.ค.2566 และ ไตรมาส 4 ปี 2566ที่ดูไม่ค่อยสดใส อาจเป็นปัจจัยที่หนุนให้ แบงก์ชาติปรับลดคาดการณ์ GDP ไทย ปี 2566-2567 และ มีโอกาสจะเห็น Gap คาดการณ์ GDP ของ แบงก์ชาติ และรัฐบาลที่แคบลง ซึ่งต้องติดตาม ทิศทาง กนง. ในการประชุมนัดแรกของปีวันที่7 ก.พ. รวมถึงประเด็นการเมืองไทยที่กลับมาร้อนแรงซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดหุ้น หลังศาล รธน. ชี้ ก้าวไกล “
ล้มล้างการ ปกครอง” ซึ่งคำวินิจฉัยดังกล่าว น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการถัดๆ ไป ได้แก่ กกต. อาจพิจารณายื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองและเพิกถอน สิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นได้นั่นเอง
บุกถึงกำแพงเครมลิน เมียทหารรัสเซียประท้วง'ปูติน'-เรียกร้องสามีกลับบ้าน
https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news
เมียทหารรัสเซียประท้วง-วันที่ 4 ก.พ.เอพีรายงานว่า ภรรยาทหารรัสเซียเดินประท้วงในกรุงมอสโก เพื่อเรียกร้องให้สามีกลับจากสมรภูมิก่อนกำหนด ท่ามกลางการป้องกันความเคลื่อนไหวต่อต้านสงครามของรัฐบาลไม่ให้ลุกลามในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียระหว่างวันที่ 15-17 มี.ค.นี้
ประชาชนหลายคนรวมถึงหญิงที่สามีถูกเรียกระดมกำลังพลในสถานการณ์ที่รัสเซียรุกรานยูเครน ชุมนุมที่ด้านนอกกำแพงเครมลิน ที่ทำการรัฐบาลเมื่อวันเสาร์ที่ 3 ก.พ.ตามเวลาท้องถิ่น ในโอกาสครบรอบ 500 วันนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเรียกระดมพลทหารกองหนุนบางส่วนสูงสุดถึง 300,000 นายเมื่อปลายเดือนก.ย.2565
ผู้ประท้วงร่วมวางดอกไม้ที่อนุสรณ์สถานหลุมศพของทหารนิรนามที่สร้างเพื่อเป็นเกียรติแด่ทหารสหภาพโซเวียตที่ถูกสังหารระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังสำนักงานใหญ่เพื่อการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งหลายแห่งของนาย
วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียเพื่อแจ้งถึงความประสงค์ของพวกตนต่อนาย
ปูติน
“
เราต้องการให้สามีของเรามีชีวิตรอดกลับมา”
แอนโทเนีย หนึ่งในผู้ประท้วง ซึ่งบอกแค่ชื่อ เนื่องจากเกรงการตอบโต้จากทางการกล่าวกับโซตาวิชั่น สำนักข่าวอิสระของรัสเซีย
JJNY : 5in1 “ชัยธวัช”หวังคว้าชัย│“สส.ชยพล”ยันไม่มีใครใจฝ่อ│GDP แผ่ว-ยุบพรรควุ่น│เมียทหารรัสเซียประท้วง│รัสเซียโดนเอาคืน
https://www.thairath.co.th/news/politic/2760597
“ชัยธวัช” หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีมลงพื้นที่ภูเก็ต หวังคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้ง นายก-ส.อบจ.ภูเก็ต แบบยกทีม เพื่อให้ภูเก็ตเป็นต้นแบบต่อไปในอนาคต
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จ.ภูเก็ต พรรคก้าวไกล ทั้ง 3 เขต และผู้บริหารพรรคก้าวไกล จัดกิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์กำหนดทิศทางพรรคก้าวไกล เพื่อคว้าชัยเวทีท้องถิ่น ที่ห้องประชุมพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่จังหวัดภูเก็ต อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมีว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และสมาชิกพรรคก้าวไกล ตลอดจนพี่น้องประชาชนที่ให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล เลือกภูเก็ตเป็นจังหวัดแรกในการกำหนดทิศทางเวทีท้องถิ่น โดยก่อนการสัมมนามีชาวบ้านชุมชนบ้านหัวท่า-ท่าต้นโด บ้านคอเอน ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ซึ่งได้รับความเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัย โดยกรมเจ้าท่า ระบุว่า สร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ กีดขวางเส้นทางการเดินเรือ ให้รื้อออก ซึ่งกระบวนการอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับพรรคก้าวไกล สิ่งชุมชนต้องการ คือ
1. ขอให้ประสานงาน สภ.ท่าฉัตรไชย กรมเจ้าท่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระงับกระบวนการดังกล่าวไว้ก่อน
2. ขอให้ประสานงานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ระงับกระบวนการไล่และรื้อไปก่อน จนกว่าจะมีการพิจารณาข้อเท็จจริง
3. หาแนวทาง และมาตรการเพื่อคุ้มครองวิถีชีวิตชุมชนชุมชนชายฝั่งที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายกรมเจ้าท่า
จากนั้น นายชัยธวัช เป็นประธานเปิดกิจกรรมดังกล่าว พร้อมกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล กรณีล้มล้างการปกครอง ตลอดจนทิศทางของพรรคก้าวไกลหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย รวมไปถึงการวางแนวทางในการสู้ศึกเลือกตั้ง อบจ. ส่งสมาชิกพรรคลงสมัครนายก และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ อีกทั้งพรรคก้าวไกลมีความหวังเป็นอย่างมากที่จะคว้าชัยการเลือกตั้ง อบจ.ภูเก็ต ซึ่งใช้เวลาในการสัมมนาดังกล่าวราว 2 ชั่วโมง ขณะที่ในช่วงบ่าย นายชัยธวัช และคณะ มีกำหนดการที่จะลงพื้นที่ต่างๆ ใน จ.ภูเก็ต เช่น ชุมชนชาวไทยใหม่ราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมือง, ชุมชนเกาะมะพร้าว อ.เมือง, หาดสุรินทร์ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง เป็นต้น ก่อนที่จะเดินทางกลับ กทม.
นายชัยธวัช กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้เป็นกิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้บริหารพรรคได้มาพูดคุยกับสมาชิกพรรคเกี่ยวกับทิศทางของพรรคก้าวไกลหลังจากนี้ รวมถึงทิศทางหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพื่อให้สมาชิกพรรคมีความมั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขี้นไม่กระทบหรือทำให้การทำงานของพรรคก้าวไกลหยุดยั้ง และการมายัง จ.ภูเก็ต ยังเป็นการมาเตรียมความพร้อมที่จะสู้ศึกการเลือกตั้ง อบจ.ภูเก็ต ด้วย ซึ่งวันนี้เรามีว่าที่ผู้บริหาร อบจ.ภูเก็ต ที่พรรคพิจารณแล้ว และอยู่ระหว่างการฝึกอบรม พัฒนาการจัดทำนโยบาย หลังจากนี้เราจะมีการชักชวนสมาชิกพรรคมาร่วมกันวิเคราะห์งบประมาณในการนำมาพัฒนา จ.ภูเก็ต ด้วยกัน รวมไปถึงการทำเวิร์กช็อปการพัฒนานโยบายที่จะตอบโจทย์พี่น้องชาวภูเก็ต
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุในช่วงท้ายว่า พรรคก้าวไกล ให้น้ำหนักที่ จ.ภูเก็ต ไว้มาก เราคาดหวังที่จะชนะการเลือกตั้งนายก อบจ.ภูเก็ต รวมถึง ส.อบจ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกล และถ้าพรรคก้าวไกลได้บริหาร จ.ภูเก็ต แล้วเราจะบริหารให้ จ.ภูเก็ต เป็นต้นแบบพรรคก้าวไกล ทั้งแบบภาคใต้ และประเทศต่อไป.
“สส.ชยพล” ยัน คนในพรรคก้าวไกล ไม่มีใครใจฝ่อ หลังศาล รธน.ชี้ แก้ ม.112 ล้มล้าง
https://www.thairath.co.th/news/politic/2760560
“ชยพล สท้อนดี” เผย พรรคก้าวไกล ยังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องราว หลัง ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย แก้ ม.112 ล้มล้างการปกครอง แต่ยืนยัน ไม่มีใครใจฝ่อ ขอไม่เดาจะถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่
วันที่ 4 ก.พ. นายชยพล สท้อนดี สส.กทม.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีเสียงสะท้อนประชาชนในพื้นที่ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยการกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล เสนอแก้ไขมาตรา 112 เป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่า ความจริงยังไม่ค่อยได้คุยเรื่องนี้กับชาวบ้านเท่าไร แต่เท่าที่ฟังก็มีบ้างว่าไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร แต่ชาวบ้านในพื้นที่กำลังใจยังดี เมื่อถามว่า คุยกันในพรรคเรื่องยุบพรรคหรือไม่ และชาวบ้านถามเรื่องยุบพรรคหรือไม่ นายชยพล ตอบว่า ตอนนี้ในพรรคยังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องราว ส่วนตนคิดว่าต้องโฟกัสงานก่อน จะไปพะวงเรื่องอะไรที่เหนือการควบคุม เดี๋ยวจะเสียงานสำคัญตอนนี้ เช่น เรื่อง กมธ.งบประมาณ 2567 เรื่องยุบพรรคตนไม่กลัว หรือซีเรียส ตนมองว่าอีกด้านหนึ่งอาจดีเสียยิ่งกว่าอีก ถ้ามีเหมือนกำหนดเวลาที่ชัดเจน จากเดิมต้องทำงานครบสี่ปีเต็ม ก็ใส่ให้เต็มแบบระเบิดระเบ้อมากกว่าเดิม ให้ทันภายใน 3 เดือน
นายชยพล กล่าวถึงกรณี 44 สส.พรรคก้าวไกล ที่เคยเซ็นรับรองเสนอแก้ไข 112 อาจโดนตัดสิทธิทางการเมืองในอนาคต นายชยพล ตอบว่า ในฐานะ สส.หน้าใหม่ ทำงานไม่ถึง 1 ปี ก็หวั่นไหวบ้าง เพราะ สส.ที่มีประสบการณ์คอยแนะนำเรื่องการทำงานเราอย่างดีตลอด แต่เรื่องนี้ไม่เห็นมีใครจะใจฝ่อ ทุกคนที่เข้ามาเป็น สส.พรรคก้าวไกลก็ถือว่าขาแข็งพอตัวอยู่แล้ว พร้อมรับสถานการณ์ เมื่อถามว่า คิดว่าผู้มีอำนาจกล้ายุบพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายชยพล ตอบว่า มันสุดเกินกว่าจะเดาใจจริงๆ คิดว่าการไปเดาใจก็ไม่มีประโยชน์อะไรด้วย เรารู้แล้วว่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นมันไม่ซ้ายก็ขวา เราเตรียมเผื่อสำหรับสิ่งที่แย่ที่สุด และยังทำงานต่อไป
GDP แผ่ว-ยุบพรรควุ่น ชี้ชะตาดอกเบี้ย 7 ก.พ.
https://www.innnews.co.th/video/general-news-clips/news_672497/
นับถอยหลังสู่การประชุมเคาะอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง.วันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ หลัง “นายกฯเศรษฐา” สะกิดให้แบงก์ชาติฉุดคิด หลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา ตามที่สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุด อดีตคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. “ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์” วิเคราะห์ให้ฟังอีกครั้งถึงแนวโน้มผลการประชุมดังกล่าว โดยฟันธงว่า รอบนี้ กนง.คงดอกเบี้ยไว้ก่อนที่ร้อยละ2.5 โดยมองว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังสามารถไปต่อได้
และสำหรับตัวเลขจีดีพีปีนี้ “ศ.ดร.พรายพล” มองว่ามีโอกาสขยายตัวได้ 3% โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการส่งออก และการท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ หรือ จีโอโพลิติก ด้วยเช่นกัน
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองการประชุม กนง. 7 ก.พ. คาดว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% ไปก่อนเนื่องจากระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ทาง กนง. ประเมินว่าเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในบริบทปัจจุบันถึงแม้ว่าเงินเฟ้อจะติดลบต่อเนื่อง แต่มาจากผลของปัจจัยชั่วคราว
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสปรับลงในช่วงครึ่งหลังของปีมากขึ้น หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าที่ทาง กนง. ประเมินไว้ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ที่ยังมีการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐล่าช้า และความไม่แน่นอนของมาตรการ Digital Wallet
ด้านฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า ประเด็นเรื่องทิศทางดอกเบี้ยถือเป็นเรื่องหลักที่อยู่ในความสนใจ โดยหากมองใน มุมของวัฎจักรของดอกเบี้ยโลกเชื่อว่าน่าจะเริ่มเข้าสู่ขาลงแม้การประชุมธนาคาร กลางที่สำคัญหลายประเทศในรอบแรกของปีนี้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ ตามเดิม แต่หากมองผ่านการตอบสนองของตลาดพบว่า Bond Yield ส่วนใหญ่ ปรับตัวลดลง โดยในสหรัฐ Bond Yield อายุไม่เกิน 5 ปี ปรับลดลงจากจุดสูงสุด แล้วราว 1% ส่วน 10 ปีปรับลดลงมากกว่า 1% ซึ่งน่าจะพอบอกได้ว่าตลาด คาดหมายว่าอัตราดอกเบี้ยที่กำลังจะลดลงในปี 2567 อาจอยู่ที่ประมาณ 1%
ส่วนในบ้านเรานั้น กระแสที่พุ่งไปที่การลดดอกเบี้ยก็รุนแรงขึ้นตามลำดับ ส่วนหนึ่ง เป็นเพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่ช้ากว่าที่คาด ขณะที่ Bond Yield1 ปี ปรับลดลงมาต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบาย องค์ประกอบดังกล่าวสะท้อนให้ เห็นโอกาสปรับลดดอกเบี้ยที่มีมากขึ้น และหากลดจริงก็จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้น
นอกจากนี้ ตัวเลขที่สำคัญทางเศรษฐกิจไทยที่ทยอยออกมากในช่วงไตรมาส 4 ปี 2566 เริ่มแสดงให้เห็น ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัวลง เฉพาะอย่างยิ่งในเดือน ธ.ค. 2566 สะท้อนผ่านหลาย Indicators เริ่มจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ลบ 6.27%YoY ขณะที่ในปี 2566 ดัชนี MPI ลบ 5.11% เศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวช้า และ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
นอกจากนี้ ธปท.ยังเผยว่าเศรษฐกิจไทยในเดือน ธ.ค.2566 ขยายตัวชะลอลงตามรายรับ ภาคการท่องเที่ยวและมูลค่าการส่งออกไม่รวมทองคำที่ชะลอลงจากอุปสงค์โลกที่ฟื้นตัวช้า อีกทั้งเศรษฐกิจไทยยังโตต่ำและฟื้นตัวช้ากว่าประเทศเพื่อนบาน ทั้งมิติ GDP และการส่งออกสินค้า ซึ่งเป็นผลจากทั้งปัจจัยเชิงวัฏจักรระยะสั้นและเชิงโครงสร้าง
ดังนั้นภาพรวมเศรษฐกิจและการเงินของไทยในเดือน ธ.ค.2566 และ ไตรมาส 4 ปี 2566ที่ดูไม่ค่อยสดใส อาจเป็นปัจจัยที่หนุนให้ แบงก์ชาติปรับลดคาดการณ์ GDP ไทย ปี 2566-2567 และ มีโอกาสจะเห็น Gap คาดการณ์ GDP ของ แบงก์ชาติ และรัฐบาลที่แคบลง ซึ่งต้องติดตาม ทิศทาง กนง. ในการประชุมนัดแรกของปีวันที่7 ก.พ. รวมถึงประเด็นการเมืองไทยที่กลับมาร้อนแรงซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดหุ้น หลังศาล รธน. ชี้ ก้าวไกล “ล้มล้างการ ปกครอง” ซึ่งคำวินิจฉัยดังกล่าว น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการถัดๆ ไป ได้แก่ กกต. อาจพิจารณายื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองและเพิกถอน สิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นได้นั่นเอง
บุกถึงกำแพงเครมลิน เมียทหารรัสเซียประท้วง'ปูติน'-เรียกร้องสามีกลับบ้าน
https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news
เมียทหารรัสเซียประท้วง-วันที่ 4 ก.พ.เอพีรายงานว่า ภรรยาทหารรัสเซียเดินประท้วงในกรุงมอสโก เพื่อเรียกร้องให้สามีกลับจากสมรภูมิก่อนกำหนด ท่ามกลางการป้องกันความเคลื่อนไหวต่อต้านสงครามของรัฐบาลไม่ให้ลุกลามในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียระหว่างวันที่ 15-17 มี.ค.นี้
ประชาชนหลายคนรวมถึงหญิงที่สามีถูกเรียกระดมกำลังพลในสถานการณ์ที่รัสเซียรุกรานยูเครน ชุมนุมที่ด้านนอกกำแพงเครมลิน ที่ทำการรัฐบาลเมื่อวันเสาร์ที่ 3 ก.พ.ตามเวลาท้องถิ่น ในโอกาสครบรอบ 500 วันนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเรียกระดมพลทหารกองหนุนบางส่วนสูงสุดถึง 300,000 นายเมื่อปลายเดือนก.ย.2565
ผู้ประท้วงร่วมวางดอกไม้ที่อนุสรณ์สถานหลุมศพของทหารนิรนามที่สร้างเพื่อเป็นเกียรติแด่ทหารสหภาพโซเวียตที่ถูกสังหารระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังสำนักงานใหญ่เพื่อการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งหลายแห่งของนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียเพื่อแจ้งถึงความประสงค์ของพวกตนต่อนายปูติน
“เราต้องการให้สามีของเรามีชีวิตรอดกลับมา” แอนโทเนีย หนึ่งในผู้ประท้วง ซึ่งบอกแค่ชื่อ เนื่องจากเกรงการตอบโต้จากทางการกล่าวกับโซตาวิชั่น สำนักข่าวอิสระของรัสเซีย