เราเกิดมาในบ้านที่ฐานะค่อนข้างดีค่ะเรียนเอกชนตั้งแต่เด็กที่บ้านสปอยมากมากไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยอยากไปเที่ยวไหนก็ได้ไปอยากกินอะไรก็ได้กินแต่ตอนเราอายุ8-9ขวบสถานะภาพทางการเงินของครอบครัวก็ไม่เหมือนเดิมเนื่องด้วยปัจจัยหลายอย่าง แม่เราต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด ตาต้องมาอยู่กับเราเเละพี่เพราะเป็นผู้หญิงทั้งคู่กลัวว่าจะเกิดอันตราย ส่วนพ่อเราก็พึ่งพาไม่ค่อยจะได้ทำให้เสาหลักกลายเป็นแม่ หลังจากนั้นประมาณ1-2ปีที่บ้านก็เริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่มันก็มีจุดเปลี่ยนมาอีกเพราะพ่อกับแม่เราหย่ากันค่ะ พ่อเรียกร้องเงินไป3-4แสนพร้อมรถอีก2คันเเละไม่ส่งเสียเลี้ยงดูพวกเราสองคนพี่น้องสักบาทเดียว สถานะภาพทางการเงินของที่บ้านเลยกลับมาแย่ลงอีกครั้ง ครั้งนี้แย่กว่าหลายๆรอบเลยค่ะแม่ต้องหาเงินหลายๆทางเพื่อที่จะให้ครอบครัวไม่ลำบาก พอที่บ้านเริ่มกลับมาดีอีกครั้งจนตอนเราขึ้นมัธยม มันก็ตู้ม แม่บอกเราว่าติดหนี้มากมายอาจจะเป็นเพราะลงทุนเล่นหุ้นรวมถึงหลายอย่างบ้านจะโดนยึดเพราะญาติเราไปทำอะไรสักอย่างแล้วเเม่เราเป็นคนค้ำประกันให้จนต้องขึ้นศาลแม่เราต้องเอาทองไปขายทั้งที่แม่เราซื้อไว้เพื่อเป็นการลงทุนแม่บอกว่าถ้าไม่จำเป็นจะไม่ขายมันแต่เรากลับต้องขายเพื่อเอาบ้านออกจากกรมบังคับคดีทั้งที่ไม่ใช่ปัญหาของพวกเราด้วยซ้ำ เป็นหนี้บัตรเครดิตแถมโรงงานที่แม่ทำก็จะปิดตัวลงคาดว่าจะอยู่ได้อีกไม่ถึงปีแม่ทำงานที่หนักขึ้นแต่เงินเดือนเท่าเดิม ตอนนี้แม่ก็จะขายรถเพื่อหาเงินมาค้ำจุนครอบครัว แม่บอกเราว่าถ้าขายบ้านจะไปอยู่บ้านยาย บอกก่อนค่ะว่าบ้านยายเราตอนนี้ไม่มีใครอยู่เพราะตากับยายมาอยู่ที่บ้านเราหมดเลย ที่บ้านยายเราแถวนั้นมีแต่พวกบ้ายาขี้เมาไม่ปลอดภัยเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่น่าอยู่แม่เคยบอกว่าเราไม่ควรไปบ่อยๆเพราะมันอัตรายแต่มาตอนนี้แม่บอกกับเราว่าถ้าขายอาจจะต้องไปอยู่บ้านยายมันเลยทำให้เรารู้สึกหดหู่มากมากที่เราจะย้ำแย่ขนาดที่ต้องไปอยู่ตรงนั้นตรงที่แม่เคยบอกว่ามันอันตรายเลยหรอ พี่เราตอนนี้อยู่ปี2เงินก็ต้องใช้มากขึ้นเราจะมีเงินเก็บไว้ส่วนนึงถ้าพี่ไม่พอมาขอเราเพิ่มได้เพราะเราก็กลัวแม่ลำบาก เราจะต่อม.4หาทางวางแผนล่วงหน้าที่จะใช้เงินน้อยที่สุดกู้เรียนหรืออะไรต่างๆ เราไม่อยากให้พี่สาวเป็นกังวลหรือเลือกที่จะดรอปเรียนมาช่วยครอบครัวเพราะพี่สาวเราอีก2ปีก็จะจบแล้ว ถ้าต้องเลือกระหว่างเรากับพี่ เราเลือกให้พี่เรียนต่อดีกว่า
ตอนนี้เรารู้สึกแย่มากๆเลยค่ะเราเอาแต่เปรียบเทียบตัวเองในอดีตกับตัวเองในตอนนี้เอาแต่คิดว่าถ้าไม่มีเราสักคนแม่อาจจะสบายขึ้นไม่ต้องเหนื่อยส่งลูกเรียน2คน อารมณ์เราแปรปวนบ่อยมากๆตอนเด็กเคยคิดอยากจะไปหาจิตแพทย์บอกที่บ้านที่บ้านบอกว่าเราไม่เป็นหรอกเราเลยตัดสินใจไม่ไปแต่พอโตขึ้นความรู้สึกเรามันดิ่งลงมันจะมีชั่ววูบที่คิดไม่ดีกับตัวเองอยู่บ่อยครั้ง เราไม่กล้าบอกที่บ้านเป็นรอบที่สองไม่อยากให้ที่บ้านเครียดหรือเหนื่อยมากขึ้น ปกติเราก็เข้าโรงพยาบาลหรือคลินิกบ่อยอยู่แล้วเนื่องด้วยร่างกายไม่แข็งแรง ยังจะสร้างปัญหาเพิ่มอีก มีครั้งนึงค่ะเมื่อไม่นานมานี้เราป่วยหนักมากแต่ไม่กล้าบอกที่บ้านเพราะแม่ก็พึ่งกลับมาถึงบ้านตอน3ทุ่มอยากจะให้ท่านพักเราเลยเลือกที่จะไม่บอกแต่เราเกือบไม่รอดเลยค่ะแทบจะไม่มีเเรงแม้กระทั่งยืนดีที่ถึงโรงพยาบาลทันไม่งั้นคงกลายเป็นกุ๊กกู๋เฝ้าบ้านแน่เลยค่ะแค่คิดก็ขนลุก555
เราอยากจะขอคำแนะนำในการจัดการความรู้สึกของตัวเราหรือแนะนำตามที่ทุกท่านเสนอแนะเลยค่ะเราอยากจะขอนำเอาที่ทุกท่านบอกมาทำตามเพราะเราคิดอะไรไม่ออกเลยค่ะ ปล.ตอนนี้เรายังไม่จบม.3เลยค่ะ เราขอขอบคุณล่วงหน้าที่ทุกท่านเสนอแนะเข้ามาค่ะขอบคุณมากมากเลยค่ะจากเด็กคนนึง
มีวิธีจัดการความรู้สึกหรือจัดการตัวเองยังไงบ้างคะ
ตอนนี้เรารู้สึกแย่มากๆเลยค่ะเราเอาแต่เปรียบเทียบตัวเองในอดีตกับตัวเองในตอนนี้เอาแต่คิดว่าถ้าไม่มีเราสักคนแม่อาจจะสบายขึ้นไม่ต้องเหนื่อยส่งลูกเรียน2คน อารมณ์เราแปรปวนบ่อยมากๆตอนเด็กเคยคิดอยากจะไปหาจิตแพทย์บอกที่บ้านที่บ้านบอกว่าเราไม่เป็นหรอกเราเลยตัดสินใจไม่ไปแต่พอโตขึ้นความรู้สึกเรามันดิ่งลงมันจะมีชั่ววูบที่คิดไม่ดีกับตัวเองอยู่บ่อยครั้ง เราไม่กล้าบอกที่บ้านเป็นรอบที่สองไม่อยากให้ที่บ้านเครียดหรือเหนื่อยมากขึ้น ปกติเราก็เข้าโรงพยาบาลหรือคลินิกบ่อยอยู่แล้วเนื่องด้วยร่างกายไม่แข็งแรง ยังจะสร้างปัญหาเพิ่มอีก มีครั้งนึงค่ะเมื่อไม่นานมานี้เราป่วยหนักมากแต่ไม่กล้าบอกที่บ้านเพราะแม่ก็พึ่งกลับมาถึงบ้านตอน3ทุ่มอยากจะให้ท่านพักเราเลยเลือกที่จะไม่บอกแต่เราเกือบไม่รอดเลยค่ะแทบจะไม่มีเเรงแม้กระทั่งยืนดีที่ถึงโรงพยาบาลทันไม่งั้นคงกลายเป็นกุ๊กกู๋เฝ้าบ้านแน่เลยค่ะแค่คิดก็ขนลุก555
เราอยากจะขอคำแนะนำในการจัดการความรู้สึกของตัวเราหรือแนะนำตามที่ทุกท่านเสนอแนะเลยค่ะเราอยากจะขอนำเอาที่ทุกท่านบอกมาทำตามเพราะเราคิดอะไรไม่ออกเลยค่ะ ปล.ตอนนี้เรายังไม่จบม.3เลยค่ะ เราขอขอบคุณล่วงหน้าที่ทุกท่านเสนอแนะเข้ามาค่ะขอบคุณมากมากเลยค่ะจากเด็กคนนึง