แฟนฉันรักฉันมาก แต่ฉันไม่รักเขาแล้ว

ฉันกับแฟนคบกันตั้งแต่วัยรุ่น เป็นคู่รักที่รักกันทั่วไป ฉันกับเขาคบกันและแต่งงานกันมา20กว่าปี  มีลูกด้วยกัน ปัจจุบันฉันอายุ37ปี แฟนฉันอายุ 40ปี แฟนฉันเป็นคนดี แต่ติดเป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงออกมากนัก ผิดกับฉันที่ชอบชวนเขาคุย แต่เขาก็มักจะเมินเฉย บางครั้งฉันชวนเขาคุย เขาไม่คุยด้วยไม่สนใจ จนบางทีฉันก็โมโหและทะเลาะกับเขาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ฉันเป็นอะไรก็มักจะอยากอ้อนเขา ให้เขาสนใจ แต่เขามักจะไม่สนใจและมองข้ามไป ฉันมักจะน้อยใจเขาอยู่บ่อย เขามักจะมีเพื่อนชอบไปดื่ม เขาจะชอบไป ฉันก็ไม่เคยห้าม เพราะฉันคิดว่าเป็นความสุขเล็กน้อยของเขา พอนานวันเข้าหลายปี ฉันเริ่มเคยชินกับพฤติกรรมของเขา จากที่เคยเรียกร้องก็ไม่เรียกร้อง จากเคยโวยวายก็เลือกที่จะเงียบ ฉันรู้สึกไม่ได้โกรธเคืองอะไรกับสิ่งที่เคยจะเป็นจะตาย ฉันเคยบอกกับเขาว่า ถ้าวันนึงเจอคนใหม่บอกได้เลยนะ ไม่ต้องแอบมีขอให้บอก ฉันบอกเขาว่าใจคนเราเปลี่ยนกันได้ตลอด ไม่มีอะไรแน่นอน เขาคงคิดว่าฉันพูดเล่น เขาแค่ฟังและบอกว่าไม่มีวันนั้นหรอก จนมาถึงจุดนึง ที่ครอบครัวเริ่มมีปัญหาการเงิน ฉันกับแฟนเอาบ้านไปจำนองและยังมีรถที่ต้องผ่อนด้วย  เป็นช่วงที่เริ่มวิกฤต จากที่ฉันเคยขายของได้ก็ขายของไม่ได้ ภาระทุกอย่างเหมือนตกไปอยู่แฟนฉันคนเดียว พอฉันไม่มีเงินลงของขาย ก็เอาเงินจากแฟนมาลงทุน พอลงทุนไปแล้วก็เก็บคืนไม่ได้ สรุปคือหายทั้งทุนและกำไร พอเงินไม่พอฉันก็ต้องหันไปเอาเงินนอกระบบมาหมุน โดยที่ไม่ได้บอกแฟนฉัน เพราะฉันเคยพูดให้เขาฟังแล้ว แต่เขาได้แต่เงียบและฉันสังเกตว่าคำพูดของทำให้เขาเครียด ฉันจึงไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเขาอีก เพราะฉันคิดว่ามันไม่ประโยชน์อะไร มีแต่จะทำให้เขาเครียดเปล่าๆ จากนั้นฉันเริ่มมีความคิดที่จะไปทำงานต่างประเทศ ฉันคิดทบทวนหลายรอบก่อนที่จะมั่นใจว่าจะไป ว่าถ้าไปแล้วแฟนฉันจะเป็นยังไง เขาคงอยู่ได้แหละ ฉันไปทำงานมาแบ่งเบาภาระครอบครัว ฉันจะอยู่หรือไม่อยู่ก็มีค่าไม่ต่างกัน เพราะทุกวันนี้เราคุยกันน้อยมาก อยู่ด้วยกันวันละไม่กี่ชั่วโมง พอฉันปิดร้านกลับบ้านเขาก็จะหลับไปแล้ว ฉันคิดว่าถ้าฉันไปทำงานแล้ววันนึง แฟนฉันมีคนใหม่ ฉันก็จะไม่โทษใคร เพราะฉันคิดว่าทุกอย่างแล้วแต่บุญวาสนา โดยประเทศแรกที่ฉันคิดจะไปคือ เกาหลี เพราะฉันเห็นรีวิวมาว่า เงินดีมาก แต่งานหนัก ซึ่งฉันไม่เคยกลัวเรื่องงานหนักอยู่แล้ว ฉันทำมาเกือบทุกอย่างแล้วฉันคิดว่า ฉันไหว แต่ปัญหาคือ ใช้เงินจำนวนหลักแสนในการที่จะไปทำงานที่นั่น ฉันจึงล้มเลิกความคิดไป จนฉันมาเห็นรีวิวงานนวดสปาไทยที่จีน ฉันสนใจมาก และศึกษาข้อมูลที่คิดว่า ไม่ได้โดนหลอก ทุกอย่างตอบโจทย์ฉันมาก เงินเดือนไม่มากเหม่อนเกาหลี แต่ก็พอปลดหนี้ให้บ้านได้ภายในไม่2-3ปี ได้ ฉันเริ่มบอกเขาอย่างจริงจังว่าฉันไปทำงานที่จีน แต่เขากลับเงียบเพราะคงคิดว่าฉันไม่ได้จริงจังอะไร จนฉันโหลดแอพๆนึง เป็นแอปฝึกภาษาทั่วโลก ฉันลงเลือกเรียนภาษาจีน แอพนี้จะมีลักษณะคล้ายแชทไลน์ แต่ถ้าเราเลือกภาษาที่เราลงเรียน แอพจะดึงดูดคนประเทศนั้นมาให้เราๆสามารถเลือกทักไปคุยกับใครก็ได้ ที่เราอยากจะเป็นเพื่อนด้วย มีทั้งหญิงและชาย แน่นอนฉันทักไปหาผู้หญิงอยู่แล้ว ซึ่งคนพวกนี้ก็จะเป็นลักษณะเดียวกับเราเป็นคนจีนอยากเรียนภาษาไทย เราจึงสามารถเป็นคู่ซ้อมภาษากันได้ แลกๆคุยกันไป พอคุยกันได้ไม่กี่วันก็หาย แน่นอนระหว่างนั้นก็จะมีหนุ่มจีนทักมาคุยอยู่ตลอด ฉันก็คุยนะ พวกเขามักจะถามว่าฉันแต่งงานหรือยัง แต่ทุกครั้งฉันจะบอกตลอดว่าฉันแต่งงานแล้วมีครอบครัวแล้ว และมักจะทยอยหายกันไป ฉันก็ไม่ได้คิดอะไร มีแอบขำในใจว่า แอพเรียนภาษาหรือแอพหาคู่ว่ะ555 จนมาถึงหนุ่มฮ่องกงคนนึง เขาทักฉันมา ฉันก็คุยกับเขาปกติ ถามประวัติส่วนตัว แลกเปลี่ยนกันไปมา เขาอายุน้อยกว่าฉัน6ปี เขาบอกว่าจะมาเที่ยวเมืองไทยในเดือนกุมภาพันธ์ เขาจึงอยากได้ภาษา ฉันก็ว่าโอเคนะ เราเป็นคู่ซ้อมกันได้ ฉันก็บอกเขาไปว่าเราแลกเปลี่ยนกันได้ แรกๆคุยกัน ฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แค่รู้สึกว่าคุยกันถูกคอและไม่อึดอัดดี ตอนหลังเรามาต่อคุยกันในไลน์แล้ว เขาจะชอบถ่ายรูปให้ฉันดูเสมอ ว่าเขาไปที่ไหน เลิกงานกำลังกลับบ้านก็จะบอก ถึงบ้านแล้วก็จะบอก และมักจะบอกฉันเสมอว่าเขาทำอะไร ตอนแรกฉันก็รู้สึกแปลกๆ แต่ก็รู้สึกดี ฉันเลยติดนิสัยแบบเขาไปเหมือนกัน พอทำอะไรฉันก็จะบอกเขา ฉันมักจะปิดร้านดึกและขับรถกลับบ้านคนเดียว ฉันบอกเขาว่าฉันกำลังจะปิดร้านนะ บอกฝันดีเขา เขาถามฉันว่าคุณปิดร้าน ขับรถกลับบ้านคนเดียวทุกวันเลยเหรอ แล้วลูกคุณล่ะ ฉันบอกว่าฉันกลับบ้านคนเดียว ลูกฉันอยู่บ้าน ฉันทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เขาบอกให้ฉันรีบปิดร้าน เขาจะไม่นอนรอฉันขับรถถึงบ้านก่อน มันเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหวังมาก เขามักจะถามฉันว่าวันนี้คุณเหนื่อยไหม ฉันจะเล่าให้เขาฟังทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวฉัน เขามักจะจดจำเรื่องของฉันได้ ซึ่งฉันรู้สึกประทับใจ ฉันรู้ว่าบางทีมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แต่ฉันกลับรู้สึกดีกับเขา ฉันคิดว่าฉันมีความสุขแค่นี้ ฉันตั้งใจว่ามีเขาอยู่ในพื้นที่ของเพื่อนก็ดีแล้ว ฉันพอใจแค่นี้และไม่คิดจะบอกความรู้สึกตัวเองออกไป ในขณะเดียวกัน เขาก็สุภาพกับฉันมาก เขาไม่เคยพูดจาในเชิงชู้สาวกับฉัน เขามักจะเป็นที่ปรึกษาให้ฉันทุกเรื่อง จนมาถึงวันนึงเขาหายไป 1วัน จนฉันรู้สึกกระวนกระวายใจ คิดว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า ฉันเครียดมาก จนฉันเข้าไปแอพภาษาที่เราคุยกันครั้งแรก เพื่อจะดูว่าเขาออนไลน์หรือเปล่า ปรากฏเขาไม่ออนไลน์ ฉันอยู่ในแอพเพื่อรอดูเขาอยู่สักพัก เขาเข้ามาออน ฉันเห็นเท่านั้นก็เริ่มเสียใจ ฉันคิดว่าเขาคงเบื่อจะคุยกับฉันสินะ ฉันจึงพิมพ์ไลน์ไปบอกเขาว่า ฉันแค่เป็นห่วงคุณ แค่คุณสบายดีฉันก็โอเคแล้วฉันบอกเขาว่าคุณไม่จำเป็นต้องหลบหน้าฉัน ถ้าคุณเบื่อจะคุยกับฉันบอกฉันตรงๆได้ แล้วฉันก็บอกความในใจกับเขาไปว่าฉันรู้สึกชอบเขา แต่ฉันไม่ได้คาดหวังอะไร แค่อยากเป็นเพื่อนกับเขา แล้วก็บอกลาเขา พอฉันพิมพ์เสร็จ ส่งเสร็จ เขาเข้ามาอ่านทันที ฉันคิดว่าไม่เป็นไร มันจบแล้ว อย่างน้อยก็ได้บอกความรู้สึกออกไป พอเขาอ่านเขาพิมพ์กลับมาถามฉันคุณชอบผมจริงเหรอ ฉันไม่ตอบ เขาบอกว่า เขาป่วยอาการตั้งแต่เมื่อวานนอนกินน้ำเกลือ และเข้าโรงพยาบาล ซึ่งพอเรียบเรียงฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้ เขาบอกฉันตลอดว่าเขาปวดหัว ไม่ค่อยอยากอาหาร แต่เป็นฉันเองที่ไม่ได้ใส่ใจถามเขา แล้วเขาก็ถ่ายรูปตัวเองที่อยู่โรงพยาบาลมาให้ฉันดู ฉันรู้สึกอายและหน้าแตกมาก ฉันบอกความรู้สึกของฉันไปหมด ฉันกลัวเขาอึดอัดที่ฉันรู้สึกกับเขาแบบนั้น ฉันจึงบอกกับเขาว่า ไม่เป็นห่วงฉันแค่อยากเป็นเพื่อนกับคุณเท่านั้น เขาก็บอกขอบคุณที่ฉันมีความรู้สึกดีด้วย เขาก็ไม่ได้คาดหวังเกี่ยวกับเรื่องความรักเหมือนกัน เราตกลงที่จะเป็นเพื่อนกัน หลังจากวันนั้นเราก็คุยกันเรื่อยมา แต่ที่มันไม่เหมือนเดิมคือ เราจะคุยกันน้อยลง เพราะทั้งฉันและเขาเหมือนไม่รู้จะคุยอะไรกัน ฉันรอให้เขาถามฉัน เขาก็บอกว่าไม่ คุณต้องถามผมสิ บางวันเราคุยกันไม่กี่ประโยค แต่ฉันก็มีความสุข จนมาถึงช่วงปีใหม่ เขามักจะหายบ่อย เงียบบ่อย บางทีหายไป1วัน พออีกวันมาคุยก็คุยกันได้ไม่กี่ประโยค ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร ฉันเริ่มคิดว่าเขาไม่อยากคุยกับฉันแน่ๆ ฉันจึงเริ่มงี่เง่ากับเขา เขาก็บอกขอโทษฉัน เขาบอกว่าตอนนี้งานเขาวุ่นมาก อยู่ในช่วงสิ้นปี เขาทำงานเกี่ยวกับส่งออกสินค้าจีนไปต่างประเทศ ฉันจึงบอกว่า ฉันจะพยายามเข้าใจให้มากกว่า ฉันไม่คิดไปเอง แล้วเป็นอยู่แบบนี้มาตลอด บางทีไม่มีเวลาคุยกับฉัน ฉันก็ไปคุยเล่นกับน้องๆผู้หญิงที่อยู่แอพฝึกภาษา ฉันเริ่มทำใจ เพราะคิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน ฉันไปคาดหวังอะไรจากเขา จนวันนั้นที่ฉันไปคุยเล่นกับน้องในแอพฝึกภาษา เขาทักไลน์มา เขาถามฉันว่าว่างไหม ฉันบอกว่าว่าง ฉันถามเขาไปว่าคุณว่างเหรอวันนี้ เขาบอกว่าง เขาเริ่มชวนคุยแปลกๆ ฉันบอกว่าฉันไม่เหมือนเดิม ฉันบอกว่าฉันเหมือนเดิมนะ ฉันรอคุณว่างไง คุณไม่ค่อยว่างฉันก็เลยคุยเล่นกับน้องไปในแอพ เขาถามว่าฉันมาจีนจริงไหม ฉันบอกแน่นอน ฉันจะต้องไปที่นั่น เขาถามว่าทำไมฉันไม่ไปฮ่องกง เงินเดือนที่จีนไม่สูงมากนัก ฉันเริ่มงง ฉันบอกว่าฉันไม่เข้าใจ วันนี้คุณพูดจาแปลกๆ ปกติเขาไม่เคยพูดจาแบบนี้กับฉัน เขาพูดต่ออีกว่า แล้วที่ฉันบอกว่าชอบเขา รักเขาก็แค่ลมปาก ฉันงงมาก อะไรของเขา เขาพิมพ์มาเป็นชุด บอกว่าเขาไม่สำคัญ แล้วก็ขออนุญาตไปนอน555 บอกกู๊ดไนท์เสร็จ ฉันนิ่งอึ้งไปพักนึง คืองง เขาเป็นอะไร ฉันจึงเรียบเรียงประโยคแล้วพิมพ์ไปบอกเขาว่า คุณก็รู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับคุณ แต่มันเป็นไปไม่ได้ ฉันรู้ตัวเองดี เขาตอบกลับมา ผมเข้าใจแล้ว แล้วเราก็ไม่ได้คุยกัน2วัน จนฉันทนไม่ไหวทักเขาไปก่อน เราจึงได้ปรับความเข้าใจกัน จนฉันรู้ว่าวันนั้นเขาว่าง แล้วรอคุยกับฉัน แต่ฉันไม่สนใจอยากคุยกับเขา เขาเลยน้อยใจ ฉันบอกฉันไม่รู้นิว่าคุณว่าง ฉันแค่ไม่อยากไปจุกจิกกับคุณมาก ฉันกลัวคุณรำคาญ ฉันบอกเขาไป เราเข้าใจกันและตกลงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือน แล้วคืนนั้นแฟนฉันก็จำได้ว่ามีผู้ชายจีนทักมาคุยกับฉัน เราทะเลาะกัน ฉันถามเขาว่า เราเลิกกันไหม เขาบอกว่าไม่มีทางเลิกกับฉัน แฟนฉันบอกมีแต่ความตายเท่านั้นที่จะทำให้เขาเลิกกับฉันได้ เขาถามว่าฉันรักเขาไหม ฉันได้แต่เงียบ ฉันรู้สึกว่าคำว่ารัก มันพูดออกมายากเหลือเกิน เขาพูดกับฉันถ้าไม่มีเขา ฉันอยู่ได้ใช่ไหม ฝากดูแลแม่เขาด้วยนะ ฉันรู้สึกจุกที่อก ฉันรู้สึกผิดๆที่สุดท้ายแล้ว ฉันเองที่หมดรักเขา ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ฉันรู้สึกแบบนี้  มีต่อนะคะ เดี๋ยวต่อให้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่