ร่างกายของผมเริ่มลีบแบนทั้งหดเล็กลง ๆ ขณะพลังอันยิ่งใหญ่ยังคงบีบคั้นด้วยอำนาจของมัน ตอนนี้ผมทำได้แค่พยายามต้านทานตามสัญชาตญาณอันเปล่าประโยชน์เท่านั้น
เป็นเช้าที่ผมต้องทำธุระข้ามจังหวัด แมงกะไซด์เก่า ๆ คันเดียวคือพาหนะที่พอจะหาหยิบยืมมาได้ ยังมีหลานชายที่จะต้องขับแมงกะไซด์พาผมไปยังจุดหมายคือจันทบุรีด้วยอีกฅน
บนถนนสุขุมวิท หรือ บางนา-ตราด (ชื่อของมันยังคงทำให้ผมสับสนว่าจะเรียกอะไรดี) ด้วยความเร็วตามปกติ หลานชายพาผมข้ามแม่น้ำเวฬุ แล่นมาเรื่อย ๆ ใกล้ถึงขลุงนั่นเอง
"เฮ้ย!"
หลานชายของผมหลุดเสียงดังออกมา ขณะที่เฮ้ยของผมนั้นอาจหล่นหายอยู่ในใจ ด้วยอยู่ ๆ เด็กหญิงวัยมัธยมต้นที่ซ้อนสามมาจากอีกฝั่ง ดันตัดสินใจยูเทิร์นตัดหน้าเราเสียอย่างนั้น
เป็นช่วงเวลาที่รวดเร็วมาก รถเครื่องของเด็กหญิงล้มกลิ้งอยู่กลางทาง ขณะที่หลานชายยังคงพยายามบังคับรถและประคองจอดได้ในที่สุด
"ประมาทหรือไงเรา" น้ำเสียงทรงอำนาจนั้นดังอยู่ข้าง ๆ หูผมนี่เอง
หลังจากแมงกะไซด์ถูกนำไปโรงพัก หลานชายถูกพาไปทำแผลซึ่งมีไม่มากนักที่โรงพยาบาล ผมจึงต้องโดยสารรถตำรวจที่มาดูเหตุการณ์ไปโรงพัก แล้วร้อยเวรเจ้าของคดีก็เอ่ยถามขณะนั่งรถไปด้วยกัน
"ไม่ครับผมมาทางตรง แต่น้องสามคนนั้นยูเทิร์นตัดหน้ากะทันหันครับ" ผมตอบตามปกติ คนไม่มีความผิดจะต้องกลัวตำรวจทำไม นั่นเป็นคำพูดที่ผมมักจะได้ยินจากปากของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อยู่บ่อยครั้ง และผมก็คิดเช่นนั้น
"ขับเร็วหนะสิ" น้ำเสียงของเขาดูจะเพิ่มความเข้มขึ้นอีกระดับ ขณะผมเริ่มทบทวนคำพูดที่ได้ยินบ่อยครั้งนั่นแล้ว
"ไม่เร็วนะครับ เพราะถ้าเร็วรถผมคงเสียหลักล้มไปแล้ว แต่นี่หลานชายผมยังประคองจอดได้เลยครับ" ยังคงตอบตามปกติ
"เฮ้ย! นี่ให้เด็กขับเรอะ" เสียงเข้มคับรถของเขาทำเอาผมตกใจ รู้สึกเหมือนตัวเองทำผิด เริ่มไม่แน่ใจในความคิดที่ผ่านมา ได้แต่อ้อมแอ้มตอบไป
"ก็หลานชายผมสิบแปดแล้ว และเขาก็มีใบขับขี่ ส่วนผมไม่มีนี่ครับ"
สาเหตุจากคำตอบนั่นแหละ ที่ทำให้ผมต้องลากหลานชายมาด้วยในครั้งนี้
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันสมควรไหมที่จะให้เด็กขับน่ะ การตัดสินใจของเด็กกับฅนโตมันเหมือนกันไหมล่ะ"
อะไรกันนี่ ผมได้แต่ร้องค้านพลังอำนาจที่ค่อย ๆ กดทับในใจ พลังอำนาจที่ถูกเค้นออกมาจากน้ำเสียงของสารวัตรผู้ยิ่งใหญ่ เขายังคงแสดงพลังอีกสักพักก่อนจบด้วยคำว่า "อั๊วพูดถูกไหม"
ไม่ถูก ไม่ถูกต้องแน่นอน ความเป็นคนหัวดื้อของผมทำให้ไม่มีทางจะยอมรับเรื่องแบบนี้ได้อยู่แล้ว อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าผมขับมาเองเพราะมองว่าหลานยังเด็ก หากผ่านด่านตรวจซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่กันด้วยความแข็งขันนั้น พวกเขาจะว่าอย่างไรเมื่อผมอ้างว่า ผมไม่มีใบขับขี่แต่ต้องขับเอง เพราะหลานชายที่มีใบขับขี่นั้นยังเด็ก (แม้จะมึอายุมากพอทำใบขับขี่ได้แล้วก็ตาม) พวกเขาจะยอมปล่อยผมจากคำอ้างนี้ไหม
"อั๊วพูดถูกไหม" พลังอำนาจคับฟ้านั้นเพิ่มระดับบีบคั้นยิ่งขึ้นไปอีก ผมยังคงนิ่งขัดขืน บอกตัวเองว่าอย่างไรก็ไม่ถูกต้องแน่นอน
"อั๊วถามว่าอั๊วพูดถูกไหม"
เสียงนั้นบ่งบอกถึงการใช้พลังอำนาจระดับสูงสุด ผมนิ่งอยู่สักพักจึงหลุดคำพูดออกไป
"คับ"
"คับ"
เป็นเช้าที่ผมต้องทำธุระข้ามจังหวัด แมงกะไซด์เก่า ๆ คันเดียวคือพาหนะที่พอจะหาหยิบยืมมาได้ ยังมีหลานชายที่จะต้องขับแมงกะไซด์พาผมไปยังจุดหมายคือจันทบุรีด้วยอีกฅน
บนถนนสุขุมวิท หรือ บางนา-ตราด (ชื่อของมันยังคงทำให้ผมสับสนว่าจะเรียกอะไรดี) ด้วยความเร็วตามปกติ หลานชายพาผมข้ามแม่น้ำเวฬุ แล่นมาเรื่อย ๆ ใกล้ถึงขลุงนั่นเอง
"เฮ้ย!"
หลานชายของผมหลุดเสียงดังออกมา ขณะที่เฮ้ยของผมนั้นอาจหล่นหายอยู่ในใจ ด้วยอยู่ ๆ เด็กหญิงวัยมัธยมต้นที่ซ้อนสามมาจากอีกฝั่ง ดันตัดสินใจยูเทิร์นตัดหน้าเราเสียอย่างนั้น
เป็นช่วงเวลาที่รวดเร็วมาก รถเครื่องของเด็กหญิงล้มกลิ้งอยู่กลางทาง ขณะที่หลานชายยังคงพยายามบังคับรถและประคองจอดได้ในที่สุด
"ประมาทหรือไงเรา" น้ำเสียงทรงอำนาจนั้นดังอยู่ข้าง ๆ หูผมนี่เอง
หลังจากแมงกะไซด์ถูกนำไปโรงพัก หลานชายถูกพาไปทำแผลซึ่งมีไม่มากนักที่โรงพยาบาล ผมจึงต้องโดยสารรถตำรวจที่มาดูเหตุการณ์ไปโรงพัก แล้วร้อยเวรเจ้าของคดีก็เอ่ยถามขณะนั่งรถไปด้วยกัน
"ไม่ครับผมมาทางตรง แต่น้องสามคนนั้นยูเทิร์นตัดหน้ากะทันหันครับ" ผมตอบตามปกติ คนไม่มีความผิดจะต้องกลัวตำรวจทำไม นั่นเป็นคำพูดที่ผมมักจะได้ยินจากปากของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อยู่บ่อยครั้ง และผมก็คิดเช่นนั้น
"ขับเร็วหนะสิ" น้ำเสียงของเขาดูจะเพิ่มความเข้มขึ้นอีกระดับ ขณะผมเริ่มทบทวนคำพูดที่ได้ยินบ่อยครั้งนั่นแล้ว
"ไม่เร็วนะครับ เพราะถ้าเร็วรถผมคงเสียหลักล้มไปแล้ว แต่นี่หลานชายผมยังประคองจอดได้เลยครับ" ยังคงตอบตามปกติ
"เฮ้ย! นี่ให้เด็กขับเรอะ" เสียงเข้มคับรถของเขาทำเอาผมตกใจ รู้สึกเหมือนตัวเองทำผิด เริ่มไม่แน่ใจในความคิดที่ผ่านมา ได้แต่อ้อมแอ้มตอบไป
"ก็หลานชายผมสิบแปดแล้ว และเขาก็มีใบขับขี่ ส่วนผมไม่มีนี่ครับ"
สาเหตุจากคำตอบนั่นแหละ ที่ทำให้ผมต้องลากหลานชายมาด้วยในครั้งนี้
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันสมควรไหมที่จะให้เด็กขับน่ะ การตัดสินใจของเด็กกับฅนโตมันเหมือนกันไหมล่ะ"
อะไรกันนี่ ผมได้แต่ร้องค้านพลังอำนาจที่ค่อย ๆ กดทับในใจ พลังอำนาจที่ถูกเค้นออกมาจากน้ำเสียงของสารวัตรผู้ยิ่งใหญ่ เขายังคงแสดงพลังอีกสักพักก่อนจบด้วยคำว่า "อั๊วพูดถูกไหม"
ไม่ถูก ไม่ถูกต้องแน่นอน ความเป็นคนหัวดื้อของผมทำให้ไม่มีทางจะยอมรับเรื่องแบบนี้ได้อยู่แล้ว อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าผมขับมาเองเพราะมองว่าหลานยังเด็ก หากผ่านด่านตรวจซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่กันด้วยความแข็งขันนั้น พวกเขาจะว่าอย่างไรเมื่อผมอ้างว่า ผมไม่มีใบขับขี่แต่ต้องขับเอง เพราะหลานชายที่มีใบขับขี่นั้นยังเด็ก (แม้จะมึอายุมากพอทำใบขับขี่ได้แล้วก็ตาม) พวกเขาจะยอมปล่อยผมจากคำอ้างนี้ไหม
"อั๊วพูดถูกไหม" พลังอำนาจคับฟ้านั้นเพิ่มระดับบีบคั้นยิ่งขึ้นไปอีก ผมยังคงนิ่งขัดขืน บอกตัวเองว่าอย่างไรก็ไม่ถูกต้องแน่นอน
"อั๊วถามว่าอั๊วพูดถูกไหม"
เสียงนั้นบ่งบอกถึงการใช้พลังอำนาจระดับสูงสุด ผมนิ่งอยู่สักพักจึงหลุดคำพูดออกไป
"คับ"