: รีวิว The Witcher (2019) ฉบับดูแล้วอินจัด! นี่แหละพ่อมดที่เราตามหา!
สวัสดีครับชาว Pantip ทุกท่าน! วันนี้ผมจะมาขอแชร์ความรู้สึกหลังดู "The Witcher" ซีซั่นแรกฉบับ Netflix จบไปหมาดๆ ครับ บอกเลยว่าคาดหวังไว้สูงมาก เพราะติดตามเกมมาตั้งแต่เด็กๆ และเคยอ่านนิยายมาบ้างนิดหน่อย ก็แอบหวั่นๆ อยู่เหมือนกันว่า Netflix จะทำออกมาได้ถึงหรือเปล่า แต่พอดูจบแล้ว ผมต้องกราบเลยครับว่า "ทำได้ถึง!" แถมยังเกินคาดไปอีก!
เรื่องย่อแบบคร่าวๆ ก็คงจะรู้กันดีอยู่แล้วนะครับ สำหรับใครที่ยังไม่เคยดู The Witcher มันคือเรื่องราวของ "เกรวิลล์" (Geralt of Rivia) สุดยอดนักล่าอสูรผู้มีพลังเหนือมนุษย์ กลายพันธุ์จากวัยเด็กด้วยการทดลองอันโหดร้าย ทำให้เขามีพลังพิเศษ ความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ และอายุขัยที่ยืนยาว แต่ก็แลกมาด้วยการที่เขากลายเป็นคนนอกสังคม ถูกรังเกียจ และหวาดกลัวจากผู้คนทั่วไป เกรวิลล์ใช้ชีวิตเร่ร่อนไปตามเมืองต่างๆ รับจ้างล่าอสูรเพื่อแลกกับเงินทอง ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยอันตราย ความขัดแย้ง และการต้องเผชิญหน้ากับอสูรกายที่น่าสะพรึงกลัว
แต่เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่เกรวิลล์นะครับ! ความเจ๋งของ The Witcher คือการเล่าเรื่องที่ตัดสลับกันไปมาระหว่าง 3 ตัวละครหลัก คือ เกรวิลล์, เจ้าหญิงซิริลล่า (Ciri) แห่งอาณาจักรซินทรา ผู้มีสายเลือดพิเศษและพลังลึกลับที่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่น และแม่มดสาวผู้ทรงพลัง "เยนเนเฟอร์แห่งเวนเกอร์เบิร์ก" (Yennefer of Vengerberg) ที่มีอดีตอันเจ็บปวดและมุ่งมั่นที่จะได้มาซึ่งพลังอำนาจ การเล่าเรื่องแบบนี้ในช่วงแรกอาจจะทำให้งงๆ นิดหน่อยครับ เพราะแต่ละเส้นเรื่องมันเหมือนจะแยกกันไปคนละทาง แต่พอถึงจุดหนึ่ง มันจะค่อยๆ มาบรรจบกันอย่างสวยงาม เป็นเหมือนการปะติดปะต่อจิ๊กซอว์ที่ค่อยๆ เผยให้เห็นภาพรวมทั้งหมด ซึ่งผมว่ามันเป็นวิธีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจมากครับ
มาพูดถึงนักแสดงกันบ้างครับ! เฮนรี่ คาวิลล์ ในบทของเกรวิลล์นี่คือ...ใช่เลยครับ! ตั้งแต่เห็นเขาสวมวิกผมขาว ปรับท่าทางการเดิน และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ผมนี่ขนลุกเลยครับ เขาถ่ายทอดความรู้สึกของเกรวิลล์ออกมาได้ดีมาก ทั้งความเหนื่อยหน่าย ความเด็ดเดี่ยว ความเหงา และความดิบเถื่อนที่ซ่อนอยู่ภายใน การต่อสู้ของเขาก็ทำได้น่าประทับใจมากครับ ดูแข็งแกร่ง ดุดัน สมกับเป็นนักล่าอสูรจริงๆ ครับ ส่วน อะเนีย ชาลอทรา ในบทของซิริ และ เฟรยา อัลลัน ในบทของเยนเนเฟอร์ ก็ทำได้ดีมากๆ เช่นกันครับ โดยเฉพาะเยนเนเฟอร์นี่ ผมว่าเฟรยาถ่ายทอดความซับซ้อนของตัวละครออกมาได้ดีเกินคาดเลยครับ
โปรดักชั่นและภาพนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ สวยงามอลังการมาก! ฉากต่างๆ ทั้งป่าเขาลำเนาไพร เมืองในยุคกลาง หรือแม้กระทั่งฉากต่อสู้กับอสูรกายต่างๆ ทำออกมาได้สมจริงมากๆ ครับ การออกแบบชุดเครื่องแต่งกายก็ดูดี มีรายละเอียดเยอะ ทำให้รู้สึกอินไปกับโลกของ The Witcher ได้ง่ายขึ้นครับ ส่วนฉากต่อสู้กับอสูรกายต่างๆ นี่ต้องยกนิ้วให้เลยครับ อสูรกายแต่ละตัวก็ดูน่ากลัว น่าขนลุก มีเอกลักษณ์ของตัวเอง และฉากต่อสู้ก็ทำได้ดุเดือด ลุ้นระทึกมากๆ ครับ
สิ่งที่ผมชอบมากๆ อีกอย่างหนึ่งคือ "ดนตรีประกอบ" ครับ เพลงประกอบในเรื่องนี้มีความเป็นเอกลักษณ์มากๆ โดยเฉพาะเพลงของ "Jaskier" (แจสเกอร์) นักกวีคู่หูของเกรวิลล์ เพลงของเขาฟังติดหูมากครับ ทั้งสนุกสนาน ขบขัน และบางทีก็แอบเศร้า เป็นเหมือนสีสันที่เข้ามาเติมเต็มเรื่องราวให้มีชีวิตชีวามากขึ้น
แต่ก็ต้องยอมรับว่าสำหรับคนที่ไม่เคยดูเกมหรือไม่เคยอ่านนิยายมาก่อน อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวนิดหน่อยครับ เพราะเรื่องราวค่อนข้างเข้มข้น มีตัวละครเยอะ และการเล่าเรื่องแบบตัดสลับอาจจะทำให้สับสนได้บ้าง แต่ถ้าเราตั้งใจดูไปเรื่อยๆ แล้ว จะค่อยๆ เข้าใจและอินไปกับมันเองครับ
อีกประเด็นที่อยากพูดถึงคือ "ความรุนแรง" และ "ฉากผู้ใหญ่" ครับ The Witcher เป็นซีรี่ย์ที่ค่อนข้างดิบเถื่อน มีฉากต่อสู้ที่โหดร้าย เลือดสาด และมีฉากผู้ใหญ่ค่อนข้างเยอะ ใครที่อ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้ อาจจะต้องพิจารณาดูนะครับ แต่สำหรับผมแล้ว มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ซีรี่ย์ดูสมจริงและเข้าถึงอารมณ์ของเรื่องราวได้ดี
โดยรวมแล้ว "The Witcher (2019)" ซีซั่นแรก ถือว่าเป็นซีรี่ย์แฟนตาซีฟอร์มยักษ์ที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมากๆ ครับ ทั้งในเรื่องของการแสดง โปรดักชั่น ดนตรีประกอบ และการเล่าเรื่อง ถึงแม้จะมีบางจุดที่อาจจะทำให้ผู้ชมใหม่ๆ งงบ้าง แต่ถ้าให้โอกาสแล้ว ผมรับรองว่าคุณจะหลงรักพ่อมดเกรวิลล์ และโลกอันน่าทึ่งของ The Witcher แน่นอนครับ
ถ้าถามว่าคุ้มค่ากับการรอคอยไหม? บอกเลยว่าคุ้มค่ามากๆ ครับ! ผมรอคอยซีซั่นต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเลยครับ หวังว่า Netflix จะรักษามาตรฐานที่ดีแบบนี้ไว้ได้ในซีซั่นต่อๆ ไปนะครับ
ใครที่ยังลังเลอยู่ ผมขอแนะนำให้ลองเปิดใจดูครับ อาจจะเจอซีรี่ย์แฟนตาซีเรื่องโปรดเรื่องใหม่ก็ได้นะ!
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิวของผมนะครับ ถ้าใครมีข้อสงสัย หรืออยากแชร์ความคิดเห็นเพิ่มเติม มาคุยกันได้เลยนะครับ ยินดีมากๆ ครับ!
รีวิว The Witcher (2019) ฉบับดูแล้วอินจัด! นี่แหละพ่อมดที่เราตามหา!
: รีวิว The Witcher (2019) ฉบับดูแล้วอินจัด! นี่แหละพ่อมดที่เราตามหา!
สวัสดีครับชาว Pantip ทุกท่าน! วันนี้ผมจะมาขอแชร์ความรู้สึกหลังดู "The Witcher" ซีซั่นแรกฉบับ Netflix จบไปหมาดๆ ครับ บอกเลยว่าคาดหวังไว้สูงมาก เพราะติดตามเกมมาตั้งแต่เด็กๆ และเคยอ่านนิยายมาบ้างนิดหน่อย ก็แอบหวั่นๆ อยู่เหมือนกันว่า Netflix จะทำออกมาได้ถึงหรือเปล่า แต่พอดูจบแล้ว ผมต้องกราบเลยครับว่า "ทำได้ถึง!" แถมยังเกินคาดไปอีก!
เรื่องย่อแบบคร่าวๆ ก็คงจะรู้กันดีอยู่แล้วนะครับ สำหรับใครที่ยังไม่เคยดู The Witcher มันคือเรื่องราวของ "เกรวิลล์" (Geralt of Rivia) สุดยอดนักล่าอสูรผู้มีพลังเหนือมนุษย์ กลายพันธุ์จากวัยเด็กด้วยการทดลองอันโหดร้าย ทำให้เขามีพลังพิเศษ ความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ และอายุขัยที่ยืนยาว แต่ก็แลกมาด้วยการที่เขากลายเป็นคนนอกสังคม ถูกรังเกียจ และหวาดกลัวจากผู้คนทั่วไป เกรวิลล์ใช้ชีวิตเร่ร่อนไปตามเมืองต่างๆ รับจ้างล่าอสูรเพื่อแลกกับเงินทอง ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยอันตราย ความขัดแย้ง และการต้องเผชิญหน้ากับอสูรกายที่น่าสะพรึงกลัว
แต่เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่เกรวิลล์นะครับ! ความเจ๋งของ The Witcher คือการเล่าเรื่องที่ตัดสลับกันไปมาระหว่าง 3 ตัวละครหลัก คือ เกรวิลล์, เจ้าหญิงซิริลล่า (Ciri) แห่งอาณาจักรซินทรา ผู้มีสายเลือดพิเศษและพลังลึกลับที่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่น และแม่มดสาวผู้ทรงพลัง "เยนเนเฟอร์แห่งเวนเกอร์เบิร์ก" (Yennefer of Vengerberg) ที่มีอดีตอันเจ็บปวดและมุ่งมั่นที่จะได้มาซึ่งพลังอำนาจ การเล่าเรื่องแบบนี้ในช่วงแรกอาจจะทำให้งงๆ นิดหน่อยครับ เพราะแต่ละเส้นเรื่องมันเหมือนจะแยกกันไปคนละทาง แต่พอถึงจุดหนึ่ง มันจะค่อยๆ มาบรรจบกันอย่างสวยงาม เป็นเหมือนการปะติดปะต่อจิ๊กซอว์ที่ค่อยๆ เผยให้เห็นภาพรวมทั้งหมด ซึ่งผมว่ามันเป็นวิธีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจมากครับ
มาพูดถึงนักแสดงกันบ้างครับ! เฮนรี่ คาวิลล์ ในบทของเกรวิลล์นี่คือ...ใช่เลยครับ! ตั้งแต่เห็นเขาสวมวิกผมขาว ปรับท่าทางการเดิน และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ผมนี่ขนลุกเลยครับ เขาถ่ายทอดความรู้สึกของเกรวิลล์ออกมาได้ดีมาก ทั้งความเหนื่อยหน่าย ความเด็ดเดี่ยว ความเหงา และความดิบเถื่อนที่ซ่อนอยู่ภายใน การต่อสู้ของเขาก็ทำได้น่าประทับใจมากครับ ดูแข็งแกร่ง ดุดัน สมกับเป็นนักล่าอสูรจริงๆ ครับ ส่วน อะเนีย ชาลอทรา ในบทของซิริ และ เฟรยา อัลลัน ในบทของเยนเนเฟอร์ ก็ทำได้ดีมากๆ เช่นกันครับ โดยเฉพาะเยนเนเฟอร์นี่ ผมว่าเฟรยาถ่ายทอดความซับซ้อนของตัวละครออกมาได้ดีเกินคาดเลยครับ
โปรดักชั่นและภาพนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ สวยงามอลังการมาก! ฉากต่างๆ ทั้งป่าเขาลำเนาไพร เมืองในยุคกลาง หรือแม้กระทั่งฉากต่อสู้กับอสูรกายต่างๆ ทำออกมาได้สมจริงมากๆ ครับ การออกแบบชุดเครื่องแต่งกายก็ดูดี มีรายละเอียดเยอะ ทำให้รู้สึกอินไปกับโลกของ The Witcher ได้ง่ายขึ้นครับ ส่วนฉากต่อสู้กับอสูรกายต่างๆ นี่ต้องยกนิ้วให้เลยครับ อสูรกายแต่ละตัวก็ดูน่ากลัว น่าขนลุก มีเอกลักษณ์ของตัวเอง และฉากต่อสู้ก็ทำได้ดุเดือด ลุ้นระทึกมากๆ ครับ
สิ่งที่ผมชอบมากๆ อีกอย่างหนึ่งคือ "ดนตรีประกอบ" ครับ เพลงประกอบในเรื่องนี้มีความเป็นเอกลักษณ์มากๆ โดยเฉพาะเพลงของ "Jaskier" (แจสเกอร์) นักกวีคู่หูของเกรวิลล์ เพลงของเขาฟังติดหูมากครับ ทั้งสนุกสนาน ขบขัน และบางทีก็แอบเศร้า เป็นเหมือนสีสันที่เข้ามาเติมเต็มเรื่องราวให้มีชีวิตชีวามากขึ้น
แต่ก็ต้องยอมรับว่าสำหรับคนที่ไม่เคยดูเกมหรือไม่เคยอ่านนิยายมาก่อน อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวนิดหน่อยครับ เพราะเรื่องราวค่อนข้างเข้มข้น มีตัวละครเยอะ และการเล่าเรื่องแบบตัดสลับอาจจะทำให้สับสนได้บ้าง แต่ถ้าเราตั้งใจดูไปเรื่อยๆ แล้ว จะค่อยๆ เข้าใจและอินไปกับมันเองครับ
อีกประเด็นที่อยากพูดถึงคือ "ความรุนแรง" และ "ฉากผู้ใหญ่" ครับ The Witcher เป็นซีรี่ย์ที่ค่อนข้างดิบเถื่อน มีฉากต่อสู้ที่โหดร้าย เลือดสาด และมีฉากผู้ใหญ่ค่อนข้างเยอะ ใครที่อ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้ อาจจะต้องพิจารณาดูนะครับ แต่สำหรับผมแล้ว มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ซีรี่ย์ดูสมจริงและเข้าถึงอารมณ์ของเรื่องราวได้ดี
โดยรวมแล้ว "The Witcher (2019)" ซีซั่นแรก ถือว่าเป็นซีรี่ย์แฟนตาซีฟอร์มยักษ์ที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมากๆ ครับ ทั้งในเรื่องของการแสดง โปรดักชั่น ดนตรีประกอบ และการเล่าเรื่อง ถึงแม้จะมีบางจุดที่อาจจะทำให้ผู้ชมใหม่ๆ งงบ้าง แต่ถ้าให้โอกาสแล้ว ผมรับรองว่าคุณจะหลงรักพ่อมดเกรวิลล์ และโลกอันน่าทึ่งของ The Witcher แน่นอนครับ
ถ้าถามว่าคุ้มค่ากับการรอคอยไหม? บอกเลยว่าคุ้มค่ามากๆ ครับ! ผมรอคอยซีซั่นต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเลยครับ หวังว่า Netflix จะรักษามาตรฐานที่ดีแบบนี้ไว้ได้ในซีซั่นต่อๆ ไปนะครับ
ใครที่ยังลังเลอยู่ ผมขอแนะนำให้ลองเปิดใจดูครับ อาจจะเจอซีรี่ย์แฟนตาซีเรื่องโปรดเรื่องใหม่ก็ได้นะ!
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิวของผมนะครับ ถ้าใครมีข้อสงสัย หรืออยากแชร์ความคิดเห็นเพิ่มเติม มาคุยกันได้เลยนะครับ ยินดีมากๆ ครับ!