พิธา โต้ ‘ก้าวไกล’ ไม่กล้าแตะ ‘ทักษิณ’ ลั่นมองที่ระบบ ชี้ผู้ลี้ภัยควรได้กลับเข้ากระบวนการอย่างเท่าเทียม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4395006
“พิธา” สวน ไม่เป็นความจริง หลังถูกวิจารณ์ “ก้าวไกล” ไม่กล้าแตะ “ทักษิณ” มอง ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง แปลกใจ สว.เปิดซักฟอก ม.153 ทั้งที่ไม่เคยทำ ชี้ เป็นสิทธิ
เมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 26 มกราคม ที่รัฐสภา นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกล ว่า การตรวจสอบของพรรคก้าวไกลค่อนข้างที่จะอ่อนแอลง หลังจากที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล โดยเฉพาะการตรวจสอบเรื่องของนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรี ว่า ไม่เป็นความจริง เรายังทำงานอย่างตรงไปตรงมา นาย
ชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ได้ตั้งกระทู้ถามสดไปในสภาฯแล้ว ตนมองว่าเป็นเรื่องของระบบไม่ใช่แค่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และไม่ต้องการให้กลายเป็นเรื่องของความสะใจ แต่จะให้ความสำคัญ กับระบบที่ควรจะมีความเสมอภาคของคนที่โดนกลั่นแกล้งทางการเมือง รวมถึงคนที่โดนลี้ภัยไปต่างประเทศที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองและไม่สามารถกลับบ้านได้ ควรที่จะได้รับโอกาสกลับเข้าสู่กระบวนการอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะสนับสนุนและโจมตีบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ไม่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นนิติรัฐของอภิสิทธิ์ชน เราพยายามทำงานตรงนี้ให้ไปข้างหน้าให้ได้
เมื่อถามว่า มีความเห็นอย่างไรที่ตอนนี้ สถานการณ์ของนายทักษิณ ที่อยู่โรงพยาบาลตำรวจ มีการมองว่าเป็นการสองมาตรฐาน แต่ทางพรรคก้าวไกลไม่มีการเคลื่อนไหวอย่างจริงจัง นาย
พิธา กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า นาย
ทักษิณถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ด้วยความสองมาตรฐานเช่นเดียวกัน ไม่ได้หมายความว่าความสองมาตรฐานที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ สามารถไปล้มล้างความสามารถความสองมาตรฐานในอดีต เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ควรจะเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งก่อนและหลัง แต่ยังไงก็ยังติดตามอยู่ตลอด จะใช้กลไกทั้งนอกและในสภาฯในการทำงานตรงนี้
ส่วนที่มีการนำพรรคก้าวไกลไปเปรียบเทียบกับส.ว. ที่จะเปิดอภิปราย มาตรา153 โดยประเด็นเนื้อหารวมถึงนายทักษิณด้วยนั้น นาย
พิธา ระบุว่า อายุการทำงานไม่เท่ากัน ประสิทธิภาพของการทำงานไม่ได้หมายความว่าใครทำก่อนทำหลัง แต่ประสิทธิภาพการทำงานคือใครทำงานตรงเป้าหมายมากกว่ากัน หากวุฒิสภาเห็นว่า เวลาที่เหมาะสมคือตอนนี้ก็อาจจะทำก่อนพรรคก้าวไกล ก็เป็นสิทธิ์ของวุฒิสภา
“
แต่ที่น่าแปลกก็คือประชุมกันมาหลายปี ก็เพิ่งเห็นครั้งแรกไม่เคยมีการตรวจสอบรัฐบาลมาก่อน ก็เป็นสิ่งที่ต้องตั้งคำถามกลับไป แต่ของเราอภิปรายไม่ไว้วางใจมาทุกปี และไม่เคยทำให้ประชาชนผิดหวัง เราทำอย่างเต็มที่ไม่มีการออมมือ” นาย
พิธา กล่าว
เมื่อถามว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน จะมีเรื่องนายทักษิณหรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า มีหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ต้องรอดูสถานการณ์ไหนที่จะมาเรียงลำดับความสำคัญ
พิธา รับไร้ร่างแก้ 112 ในแผนเสนอกม.ของก้าวไกล ยังไม่คอนเฟิร์มนิรโทษมีคดี 112
https://www.matichon.co.th/politics/news_4395123
’พิธา‘ เผยรอ ‘ศาลรธน.’ วินัจฉัยก่อน ดัน ‘กม.นิรโทษกรรม’ ต่อได้หรือไม่ ย้ำ ข้อเสนอ ’รังสิมันต์’ เป็นแนวทาง ’กมธ.ความมั่นคงฯ‘ ไม่ใช่ ‘ก้าวไกล‘ ยัน ไม่ทิ้งการให้ความช่วยเหลือนักเคลื่อนไหว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มกราคม ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการผลักดัน กฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมที่ยังไม่มีการตกผลึก โดยล่าสุดพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ได้ยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุขเข้าสภาด้วย ว่า ตนยังไม่ได้อ่านร่าง พ.ร.บ.ของรวมไทยสร้างชาติ
ส่วนแนวทางการดำเนินนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 จะมีการผลักดันต่อหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังทำอะไรไม่ได้ ต้องรอคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ ในพรรคยังไม่ได้พูดคุยกัน
สำหรับกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ที่ระบุว่า จะไม่นิรโทษกรรม ม.112 แต่จะมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาเป็นรายๆ ไป ซึ่งอาจขัดกับพรรคอื่นที่ไม่รวมการนิรโทษกรรม ม.112 นายพิธากล่าวว่า เท่าที่ได้มีโอกาสคุยกับนายรังสิมันต์ ในส่วนของ กมธ.เป็นเหมือนการพบกันครึ่งทาง แต่ของพรรคก้าวไกล การนิรโทษกรรม รวม ม.112 ขณะนี้ยังไม่สามารถคอนเฟิร์มได้ ว่าตรงกับที่นายรังสิมันต์ต้องการทำหรือไม่
ส่วนตัวเห็นว่า ช่วง 17 ปีที่ผ่านมา ที่มีความขัดแย้งทางการเมือง ถ้าปีนี้มีโอกาสที่เราจะเริ่มต้นใหม่ ก็ไม่อยากให้มีการสร้างกำแพงขึ้นมา เพราะจะทำให้โอกาสในการสร้างความสมานฉันท์ในชาติลดลง เมื่อมีเงื่อนไขใหม่เกิดขึ้น คิดว่าน่าจะมีวิธีการบริหารจัดการความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งจากหลายรูปแบบ ได้รับการจัดการอย่างครบถ้วน
สำหรับอุปสรรคใหญ่ของการนิรโทษกรรม ซึ่งมีเงื่อนไข ม.112 นั้น พรรคก้าวไกลจะมีบทบาทในการช่วยเหลือผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างไรนั้น ยังติดตามสถานการณ์อยู่เรื่อยๆ อัพเดตอยู่เสมอ คิดว่าพรรคก้าวไกล คงไม่ทิ้งเรื่องนี้ เป็นเรื่องการแสดงออกทางการเมือง และเป็นการหาทางออกร่วมกันของประเทศชาติ ว่าการที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น ควรจะออกมาในทิศทางไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นกับเยาวชนอายุน้อยกว่า 18 ปี
พิธา ยันยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเม.ย.นี้ พุ่ง 3 ประเด็น ทุจริต บริหารล้มเลว ทำงานล่าช้า
https://www.matichon.co.th/politics/news_4394814
พิธา ยันยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเม.ย.นี้ พุ่ง 3 ประเด็น ทุจริต บริหารล้มเลว ทำงานล่าช้า
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มกราคม ที่รัฐสภา นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส. บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน จะมีเรื่องนาย
ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า มีหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ต้องรอดูสถานการณ์ไหนที่จะมาเรียงลำดับความสำคัญ
ส่วนการทำงานร่วมกันของฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลนั้น การจะเป็นสถาบันพรรคการเมือง หรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ทุกองค์กรมีแผนการดำเนินงานประจำปีของตัวเองอยู่แล้ว แต่เราคงต้องเอามารวมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น เพื่อดูว่าจะสามารถทำงานอะไรร่วมกัน และแจกจ่ายงานในส่วนไหนให้กันได้บ้าง
ส่วนภาพที่รัฐบาลจะต้องเจอภายหลังจากที่นาย
พิธากลับมานั้น ในทุกสัปดาห์ เราจะมีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) คอยเก็บข้อมูล และลงพื้นที่ไปรับฟังพี่น้องประชาชน มีทีมงานเบื้องหลังก็มีการเรียบเรียงข้อมูลให้เห็น ว่าภาพที่รัฐบาลทำมีอะไรบ้าง และมีอะไรบ้างที่รัฐบาลควรจะต้องปรับปรุง ตามกลไกของรัฐสภา ตั้งแต่เดือน เม.ย.เป็นต้นไป น่าจะพอเห็นภาพ
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีเหตุการณ์สำคัญ ที่เราคิดว่ารอไม่ได้ถึง เม.ย. ก็จะใช้กลไกสภา อาทิ การตั้งกระทู้ รวมไปถึงการทำงานกับสื่อมวลชนในการแถลงข่าว เพื่อให้ทิศทางการบริหารราชการแผ่นดินเป็นประโยชน์ และเป็นธรรมต่อประชาชน
ส่วนได้คิดฉากทัศน์ภายหลังศาลธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในคดี นโยบายหาเสียง 112 ไว้แล้วใช่หรือไม่นายพิธา กล่าวว่า มีการคิดไว้แล้ว ถึงแม้จะเป็นฉากทัศน์ที่แย่ที่สุด พรรคก้าวไกลก็ยังบริหารจัดการได้ ไม่ได้ทำให้ภาพรวมใหญ่ทั้งปีต้องสะดุดลง ตนคิดว่าสามารถบริหารจัดการได้ แต่ยังลงรายละเอียดไม่ได้
เมื่อถามถึงการเตรียมหัวข้อในการอภิปราย นาย
พิธา กล่าวว่า เน้นไปที่ 3 หัวข้อใหญ่คือ
1. ความล้มเหลวในการบริหาร
2. การประพฤติมิชอบ คอรัปชั่น
และ3. การทำงานช้า น้อย หรือสายเกินไป ไม่ตรงกับความท้าทายของศักยภาพประเทศ
ตอนนี้อาจจะไม่มีโอกาสได้พูด แต่ทีมงายหลังบ้านกำลังทำข้อมูล เพิ่มขึ้นทุกอาทิตย์ ในส่วน กมธ. ก็สามารถเรียกข้อมูลเพิ่มเติมได้ “
สัญญากับพี่น้องประชาชน ว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง”
เมื่อถามว่า กลัวจะเป็นการสกัดดาวรุ่งของตัวเองหรือไม่ เนื่องจากได้เปิดเผยความต้องการในการทำงานไปแล้ว นาย
พิธา กล่าวว่า การทำงานของตน ไม่ได้มีแค่ตนและรัฐบาล แต่มีฝ่ายประชาชน ฝ่ายข้าราชการ เอ็นจีโอ องค์การระหว่างประเทศ ร่วมด้วย ถ้าตนไม่พูดว่าต้องการอะไร ก็จะสะเปะสะปะ ภาคส่วนอื่นก็ไม่รู้ว่าจะเข้าร่วมตรงไหน อย่างไร กับใคร และมองไม่เห็นการเมืองแห่งความเป็นไปได้ ต้องหาดุลภาพให้เจอ
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านของพรรคก้าวไกลจะไม่เหมือนกับฝ่ายค้านชุดที่ผ่านๆ มา ใช่หรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า เราอยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ การทำกฎหมายที่ก้าวหน้าเป็นหน้าที่ของเรา แน่นอนว่าต้องตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาเต็มที่อยู่แล้ว แต่การตรวจสอบยังไม่พอ ต้องมีการแนะนำ ขณะเดียวกันต้องเรียนรู้ในกระบวนการ
“
เมื่อเราเป็นรัฐบาลด้วยตัวเอง เราจะได้ไม่มีข้อติดขัดต่างๆ ทำงานได้เลย เป็นการเรียนรู้ไปในตัว” นาย
พิธา กล่าว
ถามถึงนโยบายที่มีตรงกันกับพรรคร่วมรัฐบาล มั่นใจแค่ไหน ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะผลักดันนโยบายให้ผ่าน นาย
พิธา กล่าวว่า เท่าที่ดูจากสถิติ มี 2 กฎหมายที่เราสามารถผ่านสภาได้ ทั้งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สมรสเท่าเทียม และพ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ว่าไปกันคนละทาง แต่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และมีกฎหมายที่ดีที่ตอบโจทย์กับพี่น้องประชาชน ตนคิดว่าบางเรื่องก็มีทิศทางไปในทางเดียวกัน ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง อาทิ นโยบายเปลี่ยนโฉนดที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ก็เป็นนโยบายเดียวที่เหมือนกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ยังมีรายละเอียดที่แตกต่างกันในทางปฏิบัติ
นาย
พิธา กล่าวต่อว่า เมื่อฟังการแถลงข่าวแล้วก็ค่อนข้างที่จะชัดเจน ว่าในเมื่อมีทิศทางไปในทางเดียวกัน ก็ไม่เห็นข้อจำกัดคือข้ออ้างใดๆ ที่จะปัดตกตั้งแต่ชั้น กมธ.วาระแรก เพื่อให้ไปคุยกันในรายละเอียดวาระสอง และลงมติในวาระสาม ถ้าผ่านได้ก็คิดว่าเป็นผลงานของสภาร่วมกัน และพี่น้องประชาชนจะได้ประโยชน์
JJNY : พิธาโต้ ไม่กล้าแตะ‘ทักษิณ’│พิธารับไร้ร่างแก้ 112│พิธายันยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เม.ย.นี้│ศก.สหรัฐเติบโตดีเกินคาด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4395006
“พิธา” สวน ไม่เป็นความจริง หลังถูกวิจารณ์ “ก้าวไกล” ไม่กล้าแตะ “ทักษิณ” มอง ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง แปลกใจ สว.เปิดซักฟอก ม.153 ทั้งที่ไม่เคยทำ ชี้ เป็นสิทธิ
เมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 26 มกราคม ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกล ว่า การตรวจสอบของพรรคก้าวไกลค่อนข้างที่จะอ่อนแอลง หลังจากที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล โดยเฉพาะการตรวจสอบเรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรี ว่า ไม่เป็นความจริง เรายังทำงานอย่างตรงไปตรงมา นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ได้ตั้งกระทู้ถามสดไปในสภาฯแล้ว ตนมองว่าเป็นเรื่องของระบบไม่ใช่แค่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และไม่ต้องการให้กลายเป็นเรื่องของความสะใจ แต่จะให้ความสำคัญ กับระบบที่ควรจะมีความเสมอภาคของคนที่โดนกลั่นแกล้งทางการเมือง รวมถึงคนที่โดนลี้ภัยไปต่างประเทศที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองและไม่สามารถกลับบ้านได้ ควรที่จะได้รับโอกาสกลับเข้าสู่กระบวนการอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะสนับสนุนและโจมตีบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ไม่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นนิติรัฐของอภิสิทธิ์ชน เราพยายามทำงานตรงนี้ให้ไปข้างหน้าให้ได้
เมื่อถามว่า มีความเห็นอย่างไรที่ตอนนี้ สถานการณ์ของนายทักษิณ ที่อยู่โรงพยาบาลตำรวจ มีการมองว่าเป็นการสองมาตรฐาน แต่ทางพรรคก้าวไกลไม่มีการเคลื่อนไหวอย่างจริงจัง นายพิธา กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า นายทักษิณถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ด้วยความสองมาตรฐานเช่นเดียวกัน ไม่ได้หมายความว่าความสองมาตรฐานที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ สามารถไปล้มล้างความสามารถความสองมาตรฐานในอดีต เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ควรจะเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งก่อนและหลัง แต่ยังไงก็ยังติดตามอยู่ตลอด จะใช้กลไกทั้งนอกและในสภาฯในการทำงานตรงนี้
ส่วนที่มีการนำพรรคก้าวไกลไปเปรียบเทียบกับส.ว. ที่จะเปิดอภิปราย มาตรา153 โดยประเด็นเนื้อหารวมถึงนายทักษิณด้วยนั้น นายพิธา ระบุว่า อายุการทำงานไม่เท่ากัน ประสิทธิภาพของการทำงานไม่ได้หมายความว่าใครทำก่อนทำหลัง แต่ประสิทธิภาพการทำงานคือใครทำงานตรงเป้าหมายมากกว่ากัน หากวุฒิสภาเห็นว่า เวลาที่เหมาะสมคือตอนนี้ก็อาจจะทำก่อนพรรคก้าวไกล ก็เป็นสิทธิ์ของวุฒิสภา
“แต่ที่น่าแปลกก็คือประชุมกันมาหลายปี ก็เพิ่งเห็นครั้งแรกไม่เคยมีการตรวจสอบรัฐบาลมาก่อน ก็เป็นสิ่งที่ต้องตั้งคำถามกลับไป แต่ของเราอภิปรายไม่ไว้วางใจมาทุกปี และไม่เคยทำให้ประชาชนผิดหวัง เราทำอย่างเต็มที่ไม่มีการออมมือ” นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน จะมีเรื่องนายทักษิณหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มีหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ต้องรอดูสถานการณ์ไหนที่จะมาเรียงลำดับความสำคัญ
พิธา รับไร้ร่างแก้ 112 ในแผนเสนอกม.ของก้าวไกล ยังไม่คอนเฟิร์มนิรโทษมีคดี 112
https://www.matichon.co.th/politics/news_4395123
’พิธา‘ เผยรอ ‘ศาลรธน.’ วินัจฉัยก่อน ดัน ‘กม.นิรโทษกรรม’ ต่อได้หรือไม่ ย้ำ ข้อเสนอ ’รังสิมันต์’ เป็นแนวทาง ’กมธ.ความมั่นคงฯ‘ ไม่ใช่ ‘ก้าวไกล‘ ยัน ไม่ทิ้งการให้ความช่วยเหลือนักเคลื่อนไหว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มกราคม ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการผลักดัน กฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมที่ยังไม่มีการตกผลึก โดยล่าสุดพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ได้ยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุขเข้าสภาด้วย ว่า ตนยังไม่ได้อ่านร่าง พ.ร.บ.ของรวมไทยสร้างชาติ
ส่วนแนวทางการดำเนินนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 จะมีการผลักดันต่อหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังทำอะไรไม่ได้ ต้องรอคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ ในพรรคยังไม่ได้พูดคุยกัน
สำหรับกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ที่ระบุว่า จะไม่นิรโทษกรรม ม.112 แต่จะมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาเป็นรายๆ ไป ซึ่งอาจขัดกับพรรคอื่นที่ไม่รวมการนิรโทษกรรม ม.112 นายพิธากล่าวว่า เท่าที่ได้มีโอกาสคุยกับนายรังสิมันต์ ในส่วนของ กมธ.เป็นเหมือนการพบกันครึ่งทาง แต่ของพรรคก้าวไกล การนิรโทษกรรม รวม ม.112 ขณะนี้ยังไม่สามารถคอนเฟิร์มได้ ว่าตรงกับที่นายรังสิมันต์ต้องการทำหรือไม่
ส่วนตัวเห็นว่า ช่วง 17 ปีที่ผ่านมา ที่มีความขัดแย้งทางการเมือง ถ้าปีนี้มีโอกาสที่เราจะเริ่มต้นใหม่ ก็ไม่อยากให้มีการสร้างกำแพงขึ้นมา เพราะจะทำให้โอกาสในการสร้างความสมานฉันท์ในชาติลดลง เมื่อมีเงื่อนไขใหม่เกิดขึ้น คิดว่าน่าจะมีวิธีการบริหารจัดการความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งจากหลายรูปแบบ ได้รับการจัดการอย่างครบถ้วน
สำหรับอุปสรรคใหญ่ของการนิรโทษกรรม ซึ่งมีเงื่อนไข ม.112 นั้น พรรคก้าวไกลจะมีบทบาทในการช่วยเหลือผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างไรนั้น ยังติดตามสถานการณ์อยู่เรื่อยๆ อัพเดตอยู่เสมอ คิดว่าพรรคก้าวไกล คงไม่ทิ้งเรื่องนี้ เป็นเรื่องการแสดงออกทางการเมือง และเป็นการหาทางออกร่วมกันของประเทศชาติ ว่าการที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น ควรจะออกมาในทิศทางไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นกับเยาวชนอายุน้อยกว่า 18 ปี
พิธา ยันยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเม.ย.นี้ พุ่ง 3 ประเด็น ทุจริต บริหารล้มเลว ทำงานล่าช้า
https://www.matichon.co.th/politics/news_4394814
พิธา ยันยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเม.ย.นี้ พุ่ง 3 ประเด็น ทุจริต บริหารล้มเลว ทำงานล่าช้า
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มกราคม ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส. บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน จะมีเรื่องนายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มีหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ต้องรอดูสถานการณ์ไหนที่จะมาเรียงลำดับความสำคัญ
ส่วนการทำงานร่วมกันของฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลนั้น การจะเป็นสถาบันพรรคการเมือง หรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ทุกองค์กรมีแผนการดำเนินงานประจำปีของตัวเองอยู่แล้ว แต่เราคงต้องเอามารวมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น เพื่อดูว่าจะสามารถทำงานอะไรร่วมกัน และแจกจ่ายงานในส่วนไหนให้กันได้บ้าง
ส่วนภาพที่รัฐบาลจะต้องเจอภายหลังจากที่นายพิธากลับมานั้น ในทุกสัปดาห์ เราจะมีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) คอยเก็บข้อมูล และลงพื้นที่ไปรับฟังพี่น้องประชาชน มีทีมงานเบื้องหลังก็มีการเรียบเรียงข้อมูลให้เห็น ว่าภาพที่รัฐบาลทำมีอะไรบ้าง และมีอะไรบ้างที่รัฐบาลควรจะต้องปรับปรุง ตามกลไกของรัฐสภา ตั้งแต่เดือน เม.ย.เป็นต้นไป น่าจะพอเห็นภาพ
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีเหตุการณ์สำคัญ ที่เราคิดว่ารอไม่ได้ถึง เม.ย. ก็จะใช้กลไกสภา อาทิ การตั้งกระทู้ รวมไปถึงการทำงานกับสื่อมวลชนในการแถลงข่าว เพื่อให้ทิศทางการบริหารราชการแผ่นดินเป็นประโยชน์ และเป็นธรรมต่อประชาชน
ส่วนได้คิดฉากทัศน์ภายหลังศาลธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในคดี นโยบายหาเสียง 112 ไว้แล้วใช่หรือไม่นายพิธา กล่าวว่า มีการคิดไว้แล้ว ถึงแม้จะเป็นฉากทัศน์ที่แย่ที่สุด พรรคก้าวไกลก็ยังบริหารจัดการได้ ไม่ได้ทำให้ภาพรวมใหญ่ทั้งปีต้องสะดุดลง ตนคิดว่าสามารถบริหารจัดการได้ แต่ยังลงรายละเอียดไม่ได้
เมื่อถามถึงการเตรียมหัวข้อในการอภิปราย นายพิธา กล่าวว่า เน้นไปที่ 3 หัวข้อใหญ่คือ
1. ความล้มเหลวในการบริหาร
2. การประพฤติมิชอบ คอรัปชั่น
และ3. การทำงานช้า น้อย หรือสายเกินไป ไม่ตรงกับความท้าทายของศักยภาพประเทศ
ตอนนี้อาจจะไม่มีโอกาสได้พูด แต่ทีมงายหลังบ้านกำลังทำข้อมูล เพิ่มขึ้นทุกอาทิตย์ ในส่วน กมธ. ก็สามารถเรียกข้อมูลเพิ่มเติมได้ “สัญญากับพี่น้องประชาชน ว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง”
เมื่อถามว่า กลัวจะเป็นการสกัดดาวรุ่งของตัวเองหรือไม่ เนื่องจากได้เปิดเผยความต้องการในการทำงานไปแล้ว นายพิธา กล่าวว่า การทำงานของตน ไม่ได้มีแค่ตนและรัฐบาล แต่มีฝ่ายประชาชน ฝ่ายข้าราชการ เอ็นจีโอ องค์การระหว่างประเทศ ร่วมด้วย ถ้าตนไม่พูดว่าต้องการอะไร ก็จะสะเปะสะปะ ภาคส่วนอื่นก็ไม่รู้ว่าจะเข้าร่วมตรงไหน อย่างไร กับใคร และมองไม่เห็นการเมืองแห่งความเป็นไปได้ ต้องหาดุลภาพให้เจอ
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านของพรรคก้าวไกลจะไม่เหมือนกับฝ่ายค้านชุดที่ผ่านๆ มา ใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เราอยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ การทำกฎหมายที่ก้าวหน้าเป็นหน้าที่ของเรา แน่นอนว่าต้องตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาเต็มที่อยู่แล้ว แต่การตรวจสอบยังไม่พอ ต้องมีการแนะนำ ขณะเดียวกันต้องเรียนรู้ในกระบวนการ
“เมื่อเราเป็นรัฐบาลด้วยตัวเอง เราจะได้ไม่มีข้อติดขัดต่างๆ ทำงานได้เลย เป็นการเรียนรู้ไปในตัว” นายพิธา กล่าว
ถามถึงนโยบายที่มีตรงกันกับพรรคร่วมรัฐบาล มั่นใจแค่ไหน ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะผลักดันนโยบายให้ผ่าน นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่ดูจากสถิติ มี 2 กฎหมายที่เราสามารถผ่านสภาได้ ทั้งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สมรสเท่าเทียม และพ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ว่าไปกันคนละทาง แต่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และมีกฎหมายที่ดีที่ตอบโจทย์กับพี่น้องประชาชน ตนคิดว่าบางเรื่องก็มีทิศทางไปในทางเดียวกัน ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง อาทิ นโยบายเปลี่ยนโฉนดที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ก็เป็นนโยบายเดียวที่เหมือนกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ยังมีรายละเอียดที่แตกต่างกันในทางปฏิบัติ
นายพิธา กล่าวต่อว่า เมื่อฟังการแถลงข่าวแล้วก็ค่อนข้างที่จะชัดเจน ว่าในเมื่อมีทิศทางไปในทางเดียวกัน ก็ไม่เห็นข้อจำกัดคือข้ออ้างใดๆ ที่จะปัดตกตั้งแต่ชั้น กมธ.วาระแรก เพื่อให้ไปคุยกันในรายละเอียดวาระสอง และลงมติในวาระสาม ถ้าผ่านได้ก็คิดว่าเป็นผลงานของสภาร่วมกัน และพี่น้องประชาชนจะได้ประโยชน์