JJNY : 5in1 ศึกหญิงแกร่ง “อิ๊ง-ไหม”│ก้าวไกลยันไขก๊อกกมธ.│จับตา JN.1│ค้าปลีกโอด กำลังซื้อซบเซาทั่วไทย│อินโดนีเซียเตือนภัย

ศึกหญิงแกร่ง “อิ๊ง-ไหม” ประชันการเมืองเดือด
https://www.innnews.co.th/video/general-news-clips/news_664434/

ชั่วโมงนี้นักการเมืองหญิงพุ่งแรงคงหนีไม่พ้นอุ๊งอิ๊ง และไหม เพราะ 2 สาวต่างมีแฟนคลับไม่แพ้กันทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน ลุยทำผลงานเอาใจชาวด้อมทั้งหลาย
 
โดยรศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อ.ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา บอกกับสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นว่าหากพูดถึง 2 นักการเมืองหญิงดังกล่าว ทั้งอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ ไหม ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคก้าวไกล นั้น ซึ่งทั้งคู่เป็นคนรุ่นใหม่ มีความรู้ ความสามารถ แต่สิ่งที่ต่างกันคือสิริกัญญาสร้างตัวตนด้วยตัวเอง นอกจากนี้ล่าสุดจากโพลสำรวจยังพบว่า ศิริกัญญา ขึ้นแท่นนักการเมืองหญิงที่สุดแห่งปี 2566 อีกด้วย

ขณะที่ทางพรรคก้าวไกลก็ดูเหมือนว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะลาออกจากตำแหน่งแล้วดันศิริกัญญาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพราะแม้ชัยธวัชจะมีความสามารถ แต่หากดูกระแส ด้านการเมืองนั้นยังไม่ขึ้น ซึ่งภาพพิธา ลิ้มเจริญรัตตน์ ขวัญใจแม่ยก ยังคงครอบงำประชาชน และถ้าหากมีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าจริง ก็คาดว่าศิริกัญญาจะกอบกู้ภาพลักษณ์ของพรรคก้าวไกลขึ้นมาได้ ทั้งนี้ล่าสุด ศิริกัญญา ยังคง เดินหน้าออกมาโต้ตอบซัดรัฐบาลหลายนโยบาย โดยเฉพาะเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต1หมื่นบาท ที่เธอย้ำหนักย้ำหนาว่ารัฐบาลทำไม่สำเร็จแน่นอน ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นศิริกัญญาก็ตามลุ้นว่ารัฐบาลจะแจกเงินดิจิทัล ทันเดือน พ.ค.นี้หรือไม่
 
อีกทั้งเธอยังออกมาชำแหละภาพรวมงบปี2567 ด้วย ซึ่งประเด็นนี้ทำให้นายใหญ่ ทักษิณ โกรธ มากเลยทีเดียวทั้งนี้พรรคก้าวไกลจะถูกยุบหรือไม่นั้นก็คงขึ้นอยู่กับกลุ่มคนชั้นนำที่มีอิทธิพล แต่การยุบพรรคนั้นคงไม่ได้มีผลแต่อย่างใด เพราะคะแนนก้าวไกลสูง ซึ่งจากการประเมินแล้วคาดว่า คงไม่กล้ายุบก้าวไกล และอาจจะปล่อย ให้พรรคก้าวไกลอยู่แบบนี้ไปก่อน แต่ถ้าในกรณีที่ก้าวไกลถูกยุบก็คาดว่า พรรคก้าวไกลจะชนะเลือกตั้งในสมัยหน้า
 
ส่วนแพทองธาร มาจากตระกูลชินวัตร ซึ่งเธอไม่ได้แสดงบทบาทมากนัก ถึงแม้ว่าหลายครั้งที่เธอพยายามสร้างตัวตนแต่ก็ขายไม่ได้ เพราะเธอทำลายคะแนนนิยมจากการตระบัตสัตย์ โดยให้คำสัญญาจะไม่จับมือกับ 3 ปอเด็ดขาด แต่สุดท้ายเกมพลิก จึงทำให้ประชาชนแสดงความไม่พอใจและโจมตีพรรคเพื่อไทยอย่างหนักหน่วงจนพุ่งติดเทรนด์Xอยู่พักใหญ่
 
ซึ่งถือว่าทำลายคะแนนนิยมความน่าเชื่อถือไปมาก ขณะที่ตัวเธอเองนั้นก็เดินหน้า ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์อย่างเต็มที่ พร้อมกันนั้นวันที่ 9 ม.ค.67 ที่ผ่านมาสถานการณ์การเมืองก็กลับมาฮือฮาอีกครั้งหลังเธอเซ็นตั้งนนกุล ชานน นักแสดงหนุ่มชื่อดัง นั่งอนุกรรมการซอฟพาวเวอร์ด้านภาพยนตร์ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
 
อีกทั้งชื่อแพทองธาร ยังไปโผล่อยู่บนเว็บไซต์วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือวปอ. โดยพบว่า เธอเป็น 1 ในผู้ที่มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ในหลักสูตรผู้บริหารยุคใหม่ในอนาคตวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ.บอ. หรือที่เรียกว่า หลักสูตร “มินิ วปอ.” ในวันที่ 24 ม.ค. 67 นี้ นอกจากนั้นยังมีลูกหลานคนดังและทายาทนักการเมืองอีกหลายคนด้วย ซึ่งก็ถูกตั้งข้อสังเกตุว่าจะได้รับสิทธิพิเศษอะไรหรือไม่ ดังนั้นต้องบอกเลยว่าไม่ว่า จะขยับตัวทำอะไรก็มักจะถูกจับตาอยู่เสมอ รวมถึงยังต้องเผชิญกับปมทักษิณ ชินวัตร
 
โดยมีครั้งหนึ่งที่เธอตอบสื่อว่าได้แต่ให้กำลังใจตนเอง ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน อย่างไรก็ตามก็คงต้องมาจับตาว่าอุ๊งอิ๊งกับไหมจะเดินเกมการเมืองอย่างไร แล้วฝั่งรัฐบาล ฝ่ายค้านจะดุเดือดขนาดไหน แล้วดิจิทัล1หมื่นแจกจริงหรือหลอกคงต้องมาลุ้นกันต่อไป

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ส.ส.ก้าวไกล ยันไขก๊อก กมธ.แลนด์บริดจ์ ไม่ใช่เกมการเมือง ชี้ใช้งบศึกษา 68 ล้าน แต่ข้อมูลไม่ครบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4375236

ส.ส.ก้าวไกล ยันไขก๊อก กมธ.แลนด์บริดจ์ ไม่ใช่เกมการเมือง ชี้ใช้งบศึกษา 68 ล้าน แต่ข้อมูลไม่ครบ
 
เมื่อวันที่ 14 มกราคม นายจุลพงศ์ อยู่เกษ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกมาระบุว่าการที่กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) ในสัดส่วนพรรค ก.ก. ลาออกทั้ง 5 คน เพื่อไม่ขอเป็นตรายางร่วมอนุมัติรายงานโครงการแลนบริดจ์นั้น เป็นเกมการเมือง ว่า เป็นไปอย่างที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรค ก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์ ไม่ใช่เรื่องเกมการเมือง เพราะเราดูที่เนื้อหาของรายงาน แต่หากรายงานไม่สมบูรณ์ ก็ไม่สมควรที่จะให้รายงานเล่มนี้ผ่านเข้าไป ไม่ว่าโครงการนี้จะทำหรือไม่ก็ตาม ซึ่งรัฐบาลได้ใช้งบประมาณศึกษาโครงการนี้ไปมากถึง 68 ล้านบาท แต่ 68 ล้านบาทนี้ กลับได้เพียงรายงานที่ไม่เสร็จสมบูรณ์ มีคำถามค้างอยู่มากมาย ที่ไม่มีคำตอบกลับมาจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม
 
เมื่อถามว่า หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดทางรัฐบาลถึงสนใจโครงการแลนด์บริดจ์เป็นพิเศษ นายจุลพงษ์กล่าวว่า หากโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี ไม่ว่ารัฐบาลไหนเสนอมาเราก็ควรสนับสนุน ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลชุดที่แล้ว เพียงแต่ว่า ตามชื่อกมธ.ชุดนี้ ศึกษาเกี่ยวกับโครงการพื้นฐานการขนส่ง เราไม่ได้ศึกษาว่าจะต้องสร้างนิคมอุตสาหกรรมประเภทไหน ในเมื่อชื่อของ กมธ.ชุดนี้ เจาะจงมาเรื่องการขนส่ง ฉะนั้นเราก็ต้องการตัวเลขที่ถูกต้อง ส่วนโครงการนี้ใครจะเป็นคนเริ่มนั้น ไม่ใช่ว่าเมื่อรัฐบาลเป็นเก่าเป็นคนเริ่ม แล้วรัฐบาลชุดใหม่จะต้องมาล้ม ตนว่าขึ้นอยู่กับโครงการมากกว่า ว่าคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่
 
นายจุลพงศ์กล่าวต่อว่า  น่าสนใจว่า หากสมมุติว่าตนชวนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน และตนระบุว่าจะได้กำไรเท่านั้นเท่านี้ พอนักลงทุนเหล่านั้นมาศึกษาเอง แล้วไม่เป็นไปตามที่เราเคยพูด คนพูดที่เป็นนายกรัฐมนตรีจะทำอย่างไร ในเรื่องความน่าเชื่อถือของประเทศ เราเป็นกังวลเรื่องนั้น เพราะจริงๆ แล้ว ตัวเลขก็ยังออกมาไม่ชัดเจน แต่แน่นอนว่านายกฯ คงไม่ได้มาดูในรายละเอียด ก็คงจะดูแต่ภาพกว้างและมีคนสรุปให้ ฉะนั้น เรื่องนี้คือความน่าเชื่อถือของข้อมูลจากประเทศไทย ที่จะชักชวนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน
 


ศูนย์จีโนมฯ จับตาโควิดโอมิครอน JN.1 คาดแทนที่ EG.5.1 เตือนไทยเตรียมรับมือ
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4375262

ศูนย์จีโนมฯ จับตาโควิดโอมิครอน JN.1 คาดแทนที่ EG.5.1 เตือนไทยเตรียมรับมือ
 
เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2567 ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยผ่านเพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ให้เตรียมพร้อมกับเชื้อโควิด-19 โอมิครอน JN.1 ที่คาดว่าจะระบาดเข้ามาแทนที่ EG.5.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักของประเทศไทยในขณะนี้
 
ทั้งนี้ข้อความระบุว่า  

เตรียมพร้อมเผชิญกับโอมิครอน JN.1 ที่มีการกลายพันธุ์บริเวณหนามเพิ่มเติมจาก 1 ตำแหน่ง กลายเป็น 2 ตำแหน่ง ในรูปแบบ “SLip (L455S+F456L)”
 
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จากข้อมูลการถอดรหัสพันธุกรรมโควิด-19 ทั้งจีโนมที่แชร์บนฐานข้อมูลโควิด-19 โลก “จีเสด (GISAID)” โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และเครือข่ายสถาบันการแพทย์ต่างๆพบว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังคงเป็นสายพันธุ์ EG.5.1* ประมาณ 244 ราย และ JN* ประมาณ 15 ราย คาดว่า JN จะระบาดเข้ามาแทนที่ EG.5.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักของไทยในขณะนี้
โอมิครอนในสายของ EG.5.1 มีการกลายพันธุ์บริเวณหนาม 2 ตำแหน่งติดกัน คือ “L455F” และ “F456L” มักเรียกการกลายพันธุ์แบบนี้ว่า “FLip” ส่งผลต่อความสามารถของไวรัสในการจับกับตัวรับบนผิวเซลล์ได้ดีขึ้น พร้อมกับหลบเลี่ยงการเข้าจับและทำลายจากแอนติบอดีที่ผลิตโดยระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์จากการรับการฉีดวัคซีนหรือการติดเชื้อตามธรรมชาติ
 
อนึ่ง การกลายพันธุ์บริเวณหนามของ L455F หมายถึง มีการแทนที่กรดอะมิโนลิวซีน (L) ด้วยฟีนิลอะลานีน (F) ที่ตำแหน่ง 455 ในขณะที่การกลายพันธุ์ของ F456L เกี่ยวข้องกับการแทนที่ของฟีนิลอะลานีน (F) ด้วยลิวซีน (L) ที่ตำแหน่ง 456 

โอมิครอนในสายของ JN* เดิมมีการกลายพันธุ์บริเวณหนาม “เพียงตำแหน่งเดียวคือ L455S” แต่ก็ส่งผลให้มีการระบาดไปทั่วโลกและเข้ามาแทนที่ EG.5.1 ซึ่งเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานของ XBB ในสหรัฐอเมริกา JN.1 กลายเป็นสายพันธุ์หลัก ร้อยละ 61.6 ของสายพันธุ์ทั้งหมดที่ระบาด (ข้อมูล ณ วันที่ 6 มกราคม 2567) จากนั้นในเดือนมกราคม 2567 เช่นเดียวกันพบ JN (JN.1, JN.1.1, JN.1.1.1) มีการกลายพันธุ์เพิ่มอีกหนึ่งตำแหน่งรวมเป็น 2 ตำแหน่ง คือ L455S และ F456L พบผู้ติดเชื้อรายแรกในฝรั่งเศส ขณะนี้พบแล้วทั่วโลกจำนวน 41 ราย เรียกการกลายพันธุ์แบบนี้ว่า “SLip” ยังไม่แน่ชัดว่าสายพันธุ์ JN ที่พบการกลายพันธุ์แบบ SLip mutation จะส่งผลให้มีการระบาดที่รวดเร็วและเจ็บป่วยรุนแรงเพิ่มขึ้นไปจาก JN.1 สายพันธุ์เดิมที่ส่วนหนามมีการกลายพันธุ์เพียงตำแหน่งเดียว (L455S) หรือไม่
   
ล่าสุด ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ร่วมมือกับห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยา โรงพยาบาล (รพ.) รามาธิบดี กำลังเฝ้าติดตามสายพันธุ์ JN ที่พบการกลายพันธุ์แบบ SLip mutation ในบรรดาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย
 
หมายเหตุ การกลายพันธุ์แบบ “SLip” คล้ายกับ “FLip” แต่เกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์ของซีรีน (S) แทนที่จะเป็นฟีนิลอะลานีน (F) บริเวณส่วนหนามที่ตำแหน่ง 455 ส่งผลให้เกิดการกลายพันธุ์ในรูปแบบ L455S และ F456L
 
https://www.facebook.com/CMGrama/posts/pfbid0GfUoext2SVQYjuCgdz1Yr2q9e1HszTuQzSdz2BxjNvVernzy4CQAiqc67L4vwbJyl



ค้าปลีกโอด กำลังซื้อซบเซาทั่วไทย สภาพคล่องหาย รวมพลังอัดโปร เฮง เฮง เฮง สู้ตลาดฝืด
https://matichon.co.th/economy/news_4375637

ค้าปลีกโอด กำลังซื้อซบเซาทั่วไทย สภาพคล่องหาย รวมพลังอัดโปร เฮง เฮง เฮง สู้ตลาดฝืด
 
เมื่อวันที่ 14 มกราคม นายสมชาย พรรัตนเจริญ เจ้าของร้านค้า ส.สรรพกิจ อดีตนายกสมาคมค้าส่ง-ค้าปลีกไทย กล่าวว่าหลังหมดเทศกาลปีใหม่  2567 กำลังซื้อค้าปลีกเงียบมาก เนื่องจากคนใช้เงินหมดไปกับปีใหม่แล้ว ประกอบกับคนประหยัดและเลือกซื้อสินค้าราคาถูกและซื้อเท่าที่จำเป็นมากขึ้น โดยเฉพาะของกินของใช้ในชีวิตประจำวันที่ยังพอขายได้ ขณะที่ร้านค้าเอง ต้องทำโปรโมชั่นและกิจกรรมการตลาดถี่มากขึ้น เพื่อดึงลูกค้าเข้าร้าน
 
นายมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จ.อุดรธานี กล่าวว่า หลังปีใหม่กำลังซื้อยังทรงๆตัว มีคึกคักขึ้นมาเล็กน้อยในช่วงวันเด็กที่ขนมคบเคี้ยวจะขายดี เพราะมีการจัดงานวันเด็ก แต่เป็นแค่ไม่กี่วัน ทั้งนี้ร้านค้าปลีกภูธร 70 ร้านค้าทั่วประเทศประมาณ 88 ร้าน จะรวมตัวจัดกิจกรรมโปรโมชั่นลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคพร้อมกัน ภายใต้ชื่อโครงการ Local Low Cost ในวันที่ 1-10 กุมภาพันธ์ 2567 นำสินค้ามาลดราคา 20% ภายใต้แคมเปญ ”เฮง เฮง เฮง” เพื่อกระตุ้นยอดขายและรับเทศกาลวันตรุษจีน โดยปีนี้ตั้งเป้าจัด 4 ครั้ง ยังไม่รวมโปรโมชั่นที่ร้านค้าจัดเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่