กระทู้ภาคต่อ กระทู้เดิม....
https://pantip.com/topic/39369142
สวัสดีคะหนูหายไปห้าปีเลย ช่วงที่หายไปนั้น เกิดอะไรขึ้นมากมายหลายอย่างในชีวิตมากค่ะ หลังจากกลับมาอยู่นอร์เวย์และคลอดลูกคนที่สอง พอลูกเริ่มเข้าอนุบาลก็กลับไปลุยเรียนพยาบาลต่อ ชีวิตคุณแม่ลูกสองกับการกลับมาเป็นนักศึกษาพยาบาลตอนอายุเข้าเลขสี่แล้วเป้นอะไรที่หินมากค่ะ แต่ก็ดีใจที่ผ่านมันมาได้ ส่วนสถานการณ์ทางบ้านหนู ครอบครัวและพี่ชายหนูก็ยังเหมือนเดิม หลังจากที่พี่ชายเอาที่ดินจำนองไว้ 1 ไร่ เพื่อเอามาหมุนหนี้รายวันตัวเอง สุดท้ายแล้วเขาก็ไปไม่รอดอีกตามเคย
กรรมสิทธิ์ในที่ดิน 1 ไร่ นั้นเลยตกไปเป็นของน้องชาย น้องชายต้องการเงินคืน เลยขายที่ 1 ไร่ไปเป็นเงิน 700 000 + เพื่อหักลบส่วนคงค้างทั้งต้นและดอกจากยอดเงิน 330000 + ค่าไถ่ถอนที่นามรดกเนื้อที่ 32 ไร่ (ซึ่งยั้งไม่ได้ทำการแย่งแยกโฉนด ก่อนจำนองธนาคาร ตามเดิมนั้นแม่ต้องการให้ทั้งสองคนต้องแบ่งกันคนละ 16 ไร่ ) น้องชายเสนอให้พี่รับผิดชอบค่าโอนและแบ่งแยกโฉนดคนเดียว เพราะต้นปัญฆาทั้งหมดมันเกิดจากการกระทำของพี่ พอแบ่งแยกและโอนที่เสร็จแล้ว พี่คนโตยังคงเหลือติดน้องอีกหกหมื่นกว่าบาท คนที่ทุกข์ใจกว่าเดิมคือแม่ เพราะมักจะพูดว่าพี่ไม่เหลืออะไร ความห่วงของแม่ทำให้แกมองไม่เห็นความจริง แม่บ่นว่าพี่โดนน้องเอาเปรียบ เพราะที่ขายได้ตั้งเจ็ดแสนพี่ไม่ได้อะไรเลยหนำซ้ำยังเหลือค้างอีกหกหมื่นกว่า
ทุกวันนี้พ่อและแม่ปลงไม่ตกกับปัญหาหนี้สินลูกชายคนโตที่ตอนนี้เป้นคุณพ่อลูกสอง บ้านโดนขายทอดตลาด ช่วงแรก ๆที่หนูได้รับรู้ปัญหาเขา หนูก็พยายามแนะนำว่าหาบ้านเช่าราคาถูก ไปหางานทำเสริม แล้วขายกับข้าวถุงตามตลาดนัดก่อนก็ได้ ค่อย ๆ ยืนค่อย ๆ สู้ไป สรุปเขาไม่รับคำแนะนำอะไรเลยค่ะ เขามีความมั่นใจในตัวเองสูง เขาบอกว่าเขาขายอาหารตามสั่ง เน้นทำเล เขามองหาทำเลหลายที่เหมือนกัน เขาโดนใจที่ ๆ หนึ่งตึกสามชั้น ใกล้มหาวิทยาลัยและที่ทำงานคนพลุกพล่าน แต่ค่าเช่าแพงมากเดือนละเก้าพัน พ่อแม่ไม่ห้ามหรือเตือนสติแต่กลับกันสนับสนุน สำหรับหนูหนูมองว่าทั้งพ่อแม่และพี่ชายติดกรอบความคิด อดีตข้าราชการ ลูกคนโตทำมาค้าขายจริงและมีบ้านทาวเฮาส์ราคา 2.8 ล้าน หากจะต้องย้ายจริง ๆ ก็เลี่ยงที่จะบอกว่าบ้านโดนยึด แต่ใช้คำว่าที่เดิมค้าขายซบเซาเลยปล่อยหลังเก่าให้คนเช่าแล้วตัวเองหาทำเลใหม่
หลังจากย้ายมาได้สองเดือนกว่า ๆ ตอนนี้เริ่มหนักค่าเช่า เพราะค้าขายได้ไม่ตามเป้า ลูกน้อยอีกสองคน คนลำบากสุดคือปู่ ย่า เพราะกลัวหลานไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีอนาคต ทุกวันนี้เงินบำนาญทั้งคู่รวมกันสองคนได้ไม่ถึงเจ็ดพันบาทต่อเดือนค่ะ เพราะอะไรที่กุ้ได้จากกองทุนหรืออมทรัพย์ครู แกสองคนกู้หมด แกบอกยังไงก็จะไม่ทิ้งพี่ชายไว้ข้างหลัง หนูกับน้องชายได้แต่เหนื่อยใจ เพราะพ่อกับแม่ไม่ห่วงสุขภาพตัวเอง ช่วยพี่ชายจนเขาเคยตัว
หน้าตาอมทุกข์ สุขภาพย่ำแย่หนูเห็นแล้วก็สงสารแต่หนูก้ช่วยอะไรได้ไม่มาก สิ่งที่หนูช่วยได้คือสนับสนุนเงินใช้รายเดือนเท่าที่หนูส่งให้ได้ ช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าเนตให้ บ้านที่สร้างไว้ก็ให้แกสองคนมาอยู่ ที่นามรดกที่ได้หนูก็ให้แม่ดูแลปล่อยให้คนเช่า ขายผลผลิตหรือเก็บไว้กิน แต่ดูแล้วก็ยังไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่เกินตัวของครอบครัวพี่ชาย พ่อแม่หยิบยื่นให้ตลอด
ทุกวันนี้แม่ชอบโยนหินถามทางหนูว่า หนูพอจะแบ่งที่นาให้หลาน ๆ ลูกพี่ชายได้ไหมสักคนละสองสามงาน กลัวพ่อมันไม่รักษาแล้วไม่เหลืออะไรให้ลูก ๆ กลัวหลานไม่มีที่อยู่ ไม่มีโอกาสเรียน หนักกว่านั้นคือ เวลาหนูขอความร่วมมือในการดูแลรักษาความสะอาดบริเวณรอบบ้าน แฟนไม่อยากให้บ้านรก เพราะบ้านคือที่ชาร์ทพลังงานเวลากลับจากทำงานเหน็ดเหนื่อย หลังจากที่หนูได้เห้นจากภาพกล้องวงจรปิด สองตายายขนของจากบ้านหลังเก่าพี่มาไว้ที่บ้านหนูเพื่อจะมาคัดแยก โดยเฉพาะเสื้อผ้า การที่ได้เห็นคนแก่สองคนหอบเสื้อผ้าแปดเก้ากระสอบลงจากรถแล้วมาแกะแยก ซักให้พี่ชาย ในความคิดหนู หนูมองว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของตากะยาย เรื่องแบบนี้เจ้าตัวเขาและเมียเขาควรจจะจัดการกันเอง พูดไปเท่านั่นล่ะค่ะ พ่อหนูตะวาดกลับ ว่าทำอะไรก็ผิด มันอะไรหนักหนา บ้านหลังนี้ก็สร้างบนที่ที่ได้มาจากพ่อแม่นะ ถ้ามันจะมากมายขนาดนี้ก็มาอยู่ดูแลรักษาบ้านตัวเอง ส่วนแม่ก็บอกว่าจะมาวันไหนบอกด้วยจะได้ย้ายออก สามีเธอหน่ะเยอะเกิน ฝรั่งบางคนไม่เห้นเขาจะอะไรหนักหนา แทนที่เธอจะอธิบายให้สามีเข้าใจครอบครัวเรา กลับกลายเป้นเอาความคิดสามีมาเป้นใหญ่ ลามไปถึงที่ทางที่หนูได้จากมรดกก้ได้เยอะกว่าพี่ หนูอธิบายไปไม่ฟัง มันไม่ใช่ประเด็นที่ต้องมาตะโคกด่ากันแบบนี้ เพราะแค่ขอความร่วมมือแค่นั้น พ่อกับแม่เองก็เคยมาเที่ยวนอร์เวย์มาเห้นว่าคนที่นี่ใช้ชีวิตยังไง ให้เห้นใจหนูด้วยหนูคนกลางลำบากใจ เราอยู่แบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา และเกรงใจกันและกันจะดีกว่า
หนูเห้นด้วยว่าหนูได้ที่ดินเยอะกว่าพี่และน้องจริง โดยเป็นที่นา18 ไร่ ที่ดินเปล่า 1 งาน (มรดก) ติดกับที่ที่หนูซื้อจากน้องชายในราคา 750 000 ปัจจุบันสรา้งบ้านแล้วให้พ่อแม่มาอยู่ดูแลให้ และที่ดินเปล่าที่ซื้อต่อจากแม่ (แปลงนี้เรื่องเยอะมากค่ะ มีภาคต่อคอมเม้นต์ข้างล่างค่ะ) ทุกวันนี้สมบัตินอกกายทำให้หนุไม่สบายใจมาก เวลาพ่อและแม่โมโหหรือน้อยใจแกมักจะบอกว่า ถ้ารู้ว่าลูกๆจะเป้นแบบนี้ แกจะไม่ไม่ยกที่ดินให้ใครหมด จนตัวเองหมดตัวแบบนี้ ถ้ามีเงินแกจะหาซื้อและสร้างบ้านอยู่เอง
หนูผิดไหมคะหากบางครั้งรู้สึกว่าบ้านไม่ใช่เชฟโซนสำหรับหนู การมาอยู่ไกลบ้านแต่งงานข้ามวัฒนธรรม ทำให้คนที่บ้านมองเราว่าเราสบายกว่าคนอื่นแล้วไม่ช่วยเหลือทางบ้าน ไม่เข้าใจสถานกาณ์เขา
ตอนนี้เลยแพลนว่าหากได้กลับไทยปีนี้ กะว่าจะไปทำเรื่องโอนที่ดินมรดกคืนพ่อและแม่ หรือหากขายบ้านพร้อมที่ดิน เนื้อที่ 2 งานได้ ก็จะขายแล้วหาซื้อที่ใหม่สักแปลงพร้อมสร้างบ้านให้แม่และพ่ออยู่เพื่อทดแทนบุญคญท่านทั้งสองในพื้นที่ทำเลที่แกสองคนเลือกเอง และเก็บส่วนต่างไว้สำหรับอนาคตการกลับไปใช้ชีวิตอยู่ไทยของเราอีกที เพราะตอนนี้เราเองก็ยังไมรู้ว่าจะได้กลับไปอยู่ไทยเมือไหร่ ไม่ได้มีเงินก้อนช่วยเหลือหรือสนับสนุนครอบครัว และไม่อยากเห็นพ่อและแม่ลำบากอีกต่อไป อย่างน้อยการคืนที่นาที่ ๆ พ่อและแม่เขาหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงเพื่อให้เขาได้เลือกตัดสินใจใช้ในสื่งที่เขามีความสุขในปั้นปลายที่เหลืออยู่
ขอคำแนะนำค่ะว่าควรจะหาทางออกแบบไหนดีคะ
กระทู้ต่อจากกระทู้เดิม ผิดไหมที่รู้สึกว่าบ้านไม่ใช่เซฟโซนสำหรับทุกคนเสมอไป
สวัสดีคะหนูหายไปห้าปีเลย ช่วงที่หายไปนั้น เกิดอะไรขึ้นมากมายหลายอย่างในชีวิตมากค่ะ หลังจากกลับมาอยู่นอร์เวย์และคลอดลูกคนที่สอง พอลูกเริ่มเข้าอนุบาลก็กลับไปลุยเรียนพยาบาลต่อ ชีวิตคุณแม่ลูกสองกับการกลับมาเป็นนักศึกษาพยาบาลตอนอายุเข้าเลขสี่แล้วเป้นอะไรที่หินมากค่ะ แต่ก็ดีใจที่ผ่านมันมาได้ ส่วนสถานการณ์ทางบ้านหนู ครอบครัวและพี่ชายหนูก็ยังเหมือนเดิม หลังจากที่พี่ชายเอาที่ดินจำนองไว้ 1 ไร่ เพื่อเอามาหมุนหนี้รายวันตัวเอง สุดท้ายแล้วเขาก็ไปไม่รอดอีกตามเคย
กรรมสิทธิ์ในที่ดิน 1 ไร่ นั้นเลยตกไปเป็นของน้องชาย น้องชายต้องการเงินคืน เลยขายที่ 1 ไร่ไปเป็นเงิน 700 000 + เพื่อหักลบส่วนคงค้างทั้งต้นและดอกจากยอดเงิน 330000 + ค่าไถ่ถอนที่นามรดกเนื้อที่ 32 ไร่ (ซึ่งยั้งไม่ได้ทำการแย่งแยกโฉนด ก่อนจำนองธนาคาร ตามเดิมนั้นแม่ต้องการให้ทั้งสองคนต้องแบ่งกันคนละ 16 ไร่ ) น้องชายเสนอให้พี่รับผิดชอบค่าโอนและแบ่งแยกโฉนดคนเดียว เพราะต้นปัญฆาทั้งหมดมันเกิดจากการกระทำของพี่ พอแบ่งแยกและโอนที่เสร็จแล้ว พี่คนโตยังคงเหลือติดน้องอีกหกหมื่นกว่าบาท คนที่ทุกข์ใจกว่าเดิมคือแม่ เพราะมักจะพูดว่าพี่ไม่เหลืออะไร ความห่วงของแม่ทำให้แกมองไม่เห็นความจริง แม่บ่นว่าพี่โดนน้องเอาเปรียบ เพราะที่ขายได้ตั้งเจ็ดแสนพี่ไม่ได้อะไรเลยหนำซ้ำยังเหลือค้างอีกหกหมื่นกว่า
ทุกวันนี้พ่อและแม่ปลงไม่ตกกับปัญหาหนี้สินลูกชายคนโตที่ตอนนี้เป้นคุณพ่อลูกสอง บ้านโดนขายทอดตลาด ช่วงแรก ๆที่หนูได้รับรู้ปัญหาเขา หนูก็พยายามแนะนำว่าหาบ้านเช่าราคาถูก ไปหางานทำเสริม แล้วขายกับข้าวถุงตามตลาดนัดก่อนก็ได้ ค่อย ๆ ยืนค่อย ๆ สู้ไป สรุปเขาไม่รับคำแนะนำอะไรเลยค่ะ เขามีความมั่นใจในตัวเองสูง เขาบอกว่าเขาขายอาหารตามสั่ง เน้นทำเล เขามองหาทำเลหลายที่เหมือนกัน เขาโดนใจที่ ๆ หนึ่งตึกสามชั้น ใกล้มหาวิทยาลัยและที่ทำงานคนพลุกพล่าน แต่ค่าเช่าแพงมากเดือนละเก้าพัน พ่อแม่ไม่ห้ามหรือเตือนสติแต่กลับกันสนับสนุน สำหรับหนูหนูมองว่าทั้งพ่อแม่และพี่ชายติดกรอบความคิด อดีตข้าราชการ ลูกคนโตทำมาค้าขายจริงและมีบ้านทาวเฮาส์ราคา 2.8 ล้าน หากจะต้องย้ายจริง ๆ ก็เลี่ยงที่จะบอกว่าบ้านโดนยึด แต่ใช้คำว่าที่เดิมค้าขายซบเซาเลยปล่อยหลังเก่าให้คนเช่าแล้วตัวเองหาทำเลใหม่
หลังจากย้ายมาได้สองเดือนกว่า ๆ ตอนนี้เริ่มหนักค่าเช่า เพราะค้าขายได้ไม่ตามเป้า ลูกน้อยอีกสองคน คนลำบากสุดคือปู่ ย่า เพราะกลัวหลานไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีอนาคต ทุกวันนี้เงินบำนาญทั้งคู่รวมกันสองคนได้ไม่ถึงเจ็ดพันบาทต่อเดือนค่ะ เพราะอะไรที่กุ้ได้จากกองทุนหรืออมทรัพย์ครู แกสองคนกู้หมด แกบอกยังไงก็จะไม่ทิ้งพี่ชายไว้ข้างหลัง หนูกับน้องชายได้แต่เหนื่อยใจ เพราะพ่อกับแม่ไม่ห่วงสุขภาพตัวเอง ช่วยพี่ชายจนเขาเคยตัว
หน้าตาอมทุกข์ สุขภาพย่ำแย่หนูเห็นแล้วก็สงสารแต่หนูก้ช่วยอะไรได้ไม่มาก สิ่งที่หนูช่วยได้คือสนับสนุนเงินใช้รายเดือนเท่าที่หนูส่งให้ได้ ช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าเนตให้ บ้านที่สร้างไว้ก็ให้แกสองคนมาอยู่ ที่นามรดกที่ได้หนูก็ให้แม่ดูแลปล่อยให้คนเช่า ขายผลผลิตหรือเก็บไว้กิน แต่ดูแล้วก็ยังไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่เกินตัวของครอบครัวพี่ชาย พ่อแม่หยิบยื่นให้ตลอด
ทุกวันนี้แม่ชอบโยนหินถามทางหนูว่า หนูพอจะแบ่งที่นาให้หลาน ๆ ลูกพี่ชายได้ไหมสักคนละสองสามงาน กลัวพ่อมันไม่รักษาแล้วไม่เหลืออะไรให้ลูก ๆ กลัวหลานไม่มีที่อยู่ ไม่มีโอกาสเรียน หนักกว่านั้นคือ เวลาหนูขอความร่วมมือในการดูแลรักษาความสะอาดบริเวณรอบบ้าน แฟนไม่อยากให้บ้านรก เพราะบ้านคือที่ชาร์ทพลังงานเวลากลับจากทำงานเหน็ดเหนื่อย หลังจากที่หนูได้เห้นจากภาพกล้องวงจรปิด สองตายายขนของจากบ้านหลังเก่าพี่มาไว้ที่บ้านหนูเพื่อจะมาคัดแยก โดยเฉพาะเสื้อผ้า การที่ได้เห็นคนแก่สองคนหอบเสื้อผ้าแปดเก้ากระสอบลงจากรถแล้วมาแกะแยก ซักให้พี่ชาย ในความคิดหนู หนูมองว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของตากะยาย เรื่องแบบนี้เจ้าตัวเขาและเมียเขาควรจจะจัดการกันเอง พูดไปเท่านั่นล่ะค่ะ พ่อหนูตะวาดกลับ ว่าทำอะไรก็ผิด มันอะไรหนักหนา บ้านหลังนี้ก็สร้างบนที่ที่ได้มาจากพ่อแม่นะ ถ้ามันจะมากมายขนาดนี้ก็มาอยู่ดูแลรักษาบ้านตัวเอง ส่วนแม่ก็บอกว่าจะมาวันไหนบอกด้วยจะได้ย้ายออก สามีเธอหน่ะเยอะเกิน ฝรั่งบางคนไม่เห้นเขาจะอะไรหนักหนา แทนที่เธอจะอธิบายให้สามีเข้าใจครอบครัวเรา กลับกลายเป้นเอาความคิดสามีมาเป้นใหญ่ ลามไปถึงที่ทางที่หนูได้จากมรดกก้ได้เยอะกว่าพี่ หนูอธิบายไปไม่ฟัง มันไม่ใช่ประเด็นที่ต้องมาตะโคกด่ากันแบบนี้ เพราะแค่ขอความร่วมมือแค่นั้น พ่อกับแม่เองก็เคยมาเที่ยวนอร์เวย์มาเห้นว่าคนที่นี่ใช้ชีวิตยังไง ให้เห้นใจหนูด้วยหนูคนกลางลำบากใจ เราอยู่แบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา และเกรงใจกันและกันจะดีกว่า
หนูเห้นด้วยว่าหนูได้ที่ดินเยอะกว่าพี่และน้องจริง โดยเป็นที่นา18 ไร่ ที่ดินเปล่า 1 งาน (มรดก) ติดกับที่ที่หนูซื้อจากน้องชายในราคา 750 000 ปัจจุบันสรา้งบ้านแล้วให้พ่อแม่มาอยู่ดูแลให้ และที่ดินเปล่าที่ซื้อต่อจากแม่ (แปลงนี้เรื่องเยอะมากค่ะ มีภาคต่อคอมเม้นต์ข้างล่างค่ะ) ทุกวันนี้สมบัตินอกกายทำให้หนุไม่สบายใจมาก เวลาพ่อและแม่โมโหหรือน้อยใจแกมักจะบอกว่า ถ้ารู้ว่าลูกๆจะเป้นแบบนี้ แกจะไม่ไม่ยกที่ดินให้ใครหมด จนตัวเองหมดตัวแบบนี้ ถ้ามีเงินแกจะหาซื้อและสร้างบ้านอยู่เอง
หนูผิดไหมคะหากบางครั้งรู้สึกว่าบ้านไม่ใช่เชฟโซนสำหรับหนู การมาอยู่ไกลบ้านแต่งงานข้ามวัฒนธรรม ทำให้คนที่บ้านมองเราว่าเราสบายกว่าคนอื่นแล้วไม่ช่วยเหลือทางบ้าน ไม่เข้าใจสถานกาณ์เขา
ตอนนี้เลยแพลนว่าหากได้กลับไทยปีนี้ กะว่าจะไปทำเรื่องโอนที่ดินมรดกคืนพ่อและแม่ หรือหากขายบ้านพร้อมที่ดิน เนื้อที่ 2 งานได้ ก็จะขายแล้วหาซื้อที่ใหม่สักแปลงพร้อมสร้างบ้านให้แม่และพ่ออยู่เพื่อทดแทนบุญคญท่านทั้งสองในพื้นที่ทำเลที่แกสองคนเลือกเอง และเก็บส่วนต่างไว้สำหรับอนาคตการกลับไปใช้ชีวิตอยู่ไทยของเราอีกที เพราะตอนนี้เราเองก็ยังไมรู้ว่าจะได้กลับไปอยู่ไทยเมือไหร่ ไม่ได้มีเงินก้อนช่วยเหลือหรือสนับสนุนครอบครัว และไม่อยากเห็นพ่อและแม่ลำบากอีกต่อไป อย่างน้อยการคืนที่นาที่ ๆ พ่อและแม่เขาหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงเพื่อให้เขาได้เลือกตัดสินใจใช้ในสื่งที่เขามีความสุขในปั้นปลายที่เหลืออยู่
ขอคำแนะนำค่ะว่าควรจะหาทางออกแบบไหนดีคะ