ก้าวไกล แนะ ธปท.บี้ ธ.พาณิชย์ ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อลดส่วนต่าง ดอกเบี้ยเงินกู้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4369732
‘ก้าวไกล’ แนะ ธ.พาณิชย์ ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก ไม่ใช่ลดดอกเบี้ยเงินกู้ หวัง ปชช.ออมเงินมากขึ้น เหน็บ ถ้าไม่มีดิจิทัลวอลเล็ต ธปท. อาจสามารถลดดอกเบี้ยนโยบายลงได้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 มกราคม ที่รัฐสภา นาย
จุลพงศ์ อยู่เกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึง กรณีการวิพากษ์วิจารณ์ส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินฝากกับดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ ว่า ตามที่รัฐบาลอ้างว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรลดลงเพราะเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับต่ำนั้น
อันที่จริงแล้วเงินเฟ้อของไทยถูกบิดเบือน ไม่ได้สะท้อนสภาพที่เป็นจริง เพราะรัฐบาลทั้งที่ผ่านมาและรัฐบาลชุดปัจจุบันได้แทรกแซงราคาพลังงานและราคาคาไฟฟ้า ทำให้ดูเหมือนเงินเฟ้อของไทยต่ำ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.50 เปอร์เซ็นต์ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศนั้น ยังต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ที่ประเทศมาเลเซีย อยู่ที่ 3 เปอร์เซ็นต์ ประเทศเวียดนาม 4 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอยู่ที่ 5.35 เปอร์เซ็นต์
นาย
จุลพงศ์กล่าวว่า การที่รัฐบาลเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงโดยหวังว่าดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารจะลดลงนั้น จะทำให้เกิดปัญหาเงินทุนไหลออกไปประเทศอื่นที่มีผลตอบแทนสูงกว่า อาจจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงจนไม่มีเสถียรภาพ ซึ่งหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยคือการรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท
“
ตนมองว่าหากไม่มีการใช้นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจจะสามารถลดดอกเบี้ยนโยบายลงได้ แต่การที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ดี ประกอบกับการที่รัฐบาลมี
นโยบายดังกล่าว การลดดอกเบี้ยนโยบายลงจะเป็นการกดดันค่าเงินบาท ปีที่แล้วเงินทุนจากต่างประเทศไหลออกจากประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ผู้นำเข้าสินค้าไทยในต่างประเทศจะหยุดซื้อสินค้าจากไทยเพื่อหวังว่าค่าเงินบาทของไทยจะอ่อนลงไปอีก ก็จะเกิดปัญหาการส่งออกตามมา”
นาย
จุลพงศ์กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับนักการเงินบางท่านที่ออกมาให้ความเห็นว่าดอกเบี้ยที่ควรจะเปลี่ยนแปลงนั้น ไม่ใช่ดอกเบี้ยเงินกู้ แต่ควรจะเปลี่ยนแปลงโดยการให้ธนาคารพาณิชย์ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากมากกว่า เพราะดอกเบี้ยเงินฝากแทบจะไม่ขยับขึ้นเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยเงินฝากลบด้วยอัตราเงินเฟ้อติดลบมายาวนาน หากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ
“
การขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากอาจจะทำให้กำไรของธนาคารลดลง แต่ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ธนาคารพาณิชย์ควรลดส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินกู้กับดอกเบี้ยเงินฝากลง อย่าเอาแต่กำไรอย่างเดียวเพราะตามรายงานข่าวในขณะนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นของธนาคารพาณิชย์จากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสที่สามของปี 2566 เทียบกับไตรมาสที่สามของปี 2565 ถึงเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์” นาย
จุลพงศ์กล่าว
นาย
จุลพงศ์กล่าวทิ้งท้ายว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยควรกดดันให้ธนาคารพาณิชย์ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนกลับมาเก็บออมเงินมากขึ้น แทนที่จะใช้เงินก่อนเก็บเงินเช่นทุกวันนี้
ปกรณ์วุฒิ โล่ง เศรษฐา เซ็นรับรองร่างอากาศเป็นพิษก้าวไกล ขอบคุณทุกฝ่ายทำให้จบด้วยดี
https://www.matichon.co.th/politics/news_4369668
‘ปกรณ์วุฒิ’ ยินดี ‘นายกฯ’ เซ็นรับรองร่างอากาศเป็นพิษของ “ก้าวไกล” ขอบคุณทุกฝ่ายประสานงานทันเวลา มองไม่ใช่เกมการเมือง โวย ร่าง ครม.แทรกคิว ส.ส.มีเวลาแค่ 40 ชม. หวังไม่เกิดอีกในอนาคต
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 มกราคม ที่รัฐสภา นาย
ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่นายเ
ศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงนามรับรองร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ฝุ่นพิษและการก่อมลพิษข้ามพรมแดนของพรรคก้าวไกล ว่า รู้สึกยินดี สองวันที่ผ่านมาก็ลุ้นกันตลอด มองว่าเรื่องนี้มีความสับสนเล็กน้อย เนื่องจากมีความเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของข้อมูล เมื่อวันที่ 8 มกราคม ตนรับทราบว่ามีความเห็นของบางหน่วยงานว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ของพรรคก้าวไกล มีหลักการต่างจากร่างอื่น แต่ปรากฏว่ากฤษฎีกาก็แจ้งต่อวิปฝ่ายค้านว่าไม่เคยให้ความเห็นแบบนั้น จากนั้นเหตุการณ์ก็เปลี่ยนมาว่าร่างของพรรคก้าวไกลส่งช้ากว่าร่างอื่น
“
ผมใช้คำว่าถึงมือนายกรัฐมนตรีช้ากว่าร่างอื่นแล้วกัน เพราะที่จริงแล้วก็ยื่นสภาไปตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค. ก็ยังมีเวลาเยอะอยู่ แต่ผมเข้าใจว่าในทางธุรการ ก็มีหลายขั้นตอนกว่าจะไปถึงมือนายกรัฐมนตรี แต่สิ่งสำคัญก็คือ ณ วันที่ประชุมวิปรัฐบาลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รับทราบแล้วว่ามีกี่ร่าง” นาย
ปกรณ์วุฒิ กล่าว
นาย
ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า มีอยู่ 3 ร่างที่ยังไม่ได้รับความเห็นจากหน่วยงาน คือร่างของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ และร่างของพรรคก้าวไกล คำถามของตนก็คือ ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่ายังไม่ได้รับฟังความเห็นหน่วยงาน ทำไมต้องรีบร้อน และนำวาระนี้เข้าเป็นคิวแทรก ย้ำว่าไม่ใช่ว่าพรรคก้าวไกลแซงคิว จะเป็นคิวแทรก เรื่องนี้ต้องบอกตามตรงว่าร่างของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่แซงคิวสภาฯ ซึ่งส่ง SMS แจ้ง ส.ส.ให้รับทราบตอนเวลา 20.30 น. ของวันที่ 9 มกราคม ดังนั้น ส.ส.มีเวลาแค่ 40 ชั่วโมง หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์นี้ในอนาคต มองว่าการทำงานควรเป็นไปด้วยความรอบคอบ
นาย
ปกรณ์วุฒิ กล่าวอีกว่า ร่างของพรรคประชาธิปัตย์และพลังประชารัฐ นายกรัฐมนตรีเซ็นตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 มกราคม แต่ร่างของพรรคก้าวไกลเพิ่งเซ็นเมื่อช่วงเช้า ซึ่งขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำให้จบด้วยดี
เมื่อถามว่า มองว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่นั้น ตนมองว่าเป็นความไม่รอบคอบ การที่วิปรัฐบาลหรือ ครม.ทุบโต๊ะ ไม่มั่นใจว่าใครริเริ่มเรื่องที่จะต้องเอาเข้าวันนี้ แต่ไม่ได้มองข้างหลังว่ายังมีกระบวนการที่ไม่เรียบร้อย และยังมีร่างของ ส.ส.อีกหลายร่างที่ต้องเข้า แต่ยังไม่เสร็จ ถ้ามีการคำนึงถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น
เมื่อถามว่า จะนำบทเรียนในครั้งนี้ไปหารือกับวิปรัฐบาล ตนมองว่ามาตรฐานจริงๆ คิวแทรกแบบนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แบบร้ายแรงจริงๆ ไม่ควรมี อย่างน้อย ส.ส.ควรได้รับทราบก่อน สัก 1 สัปดาห์ คิวแบบนี้ ส.ส.ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ใช่แทรกกันระหว่างทางแบบนี้
เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะรับหลักทุกร่างหรือไม่ นาย
ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เท่าที่ทราบเป็นการลงมติรวม น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
อีสานโพล เชื่อ รัฐบาลเศรษฐา แจกเงินดิจิทัล1หมื่นสำเร็จ ชี้ผลงานด้านเศรษฐกิจพุ่ง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8046772
อีสานโพลเผย คนอีสานเชื่อรัฐบาล เศรษฐา แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทสำเร็จ ชี้มาตรการด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลคะแนนผลงานพุ่งขึ้น
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ม.ค.2567 รศ.ดร.
สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน หรือ ECBER คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. เปิดเผยว่า จากการสำรวจเรื่อง ดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนอีสาน ไตรมาส 4/2566 และคาดการณ์ไตรมาส 1/2567 โดยสำรวจข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคอีสาน
รศ.ดร.
สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน หรือ ECBER คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ผลสำรวจพบว่า ดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนอีสาน ไตรมาส 4/2566 (ต.ค. – ธ.ค. 66) เท่ากับ 32.8 เต็ม 100 อยู่ในระดับแย่ ดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนซึ่งมีค่า 32.3
ด้วยมาตรการทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลให้คะแนนผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจาก 31.6 เป็น 33.0 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น 2 ไตรมาสติดต่อกัน
สำหรับการสำรวจความคิดเห็นเรื่องดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนอีสาน ไตรมาส 1/2567 ระหว่างเดือน ม.ค. – มี.ค. 67 จะเท่ากับ 31.2 แย่ลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2566
ขณะที่คำถามสุดฮิตซึ่งได้รับการตอบรับจากคนอีสานอย่างมากคือท่านคิดว่า รัฐบาลนำโดย นาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จะทำนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10.000 บาทสำเร็จหรือไม่อย่างไร พบว่า ร้อยละ 52.3 ระบุทำสำเร็จ ร้อยละ 28.3 ระบุไม่สำเร็จ และ ร้อยละ 19.4 ไม่แน่ใจ
นอกจากนี้คนอีสานยังคงให้ความคิดเห็นว่าหากได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะนำไปใช้จ่ายอะไรเป็นหลัก พบว่าร้อยละ 53.3 จะนำไปซื้อของใช้ส่วนตัวและของกิน รองลงมาร้อยละ 19.7 จะนำไปซื้อของและอุปกรณ์เพื่อสร้างอาชีพและสร้างรายได้
ร้อยละ 13 จะนำไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ ร้อยละ 6.2 อาจขายสิทธิ์เพื่อเอาเงินสด ร้อยละ 2.8 ไม่อยู่ในเกณฑ์ของการได้รับเงินดิจิทัล และร้อยละ 2.7 อาจไม่ได้ใช้เพราะภูมิลำเนาอยู่ไกล
JJNY : ก้าวไกลแนะ ธปท.│ปกรณ์วุฒิโล่ง เศรษฐาเซ็นรับรอง│อีสานโพล เชื่อแจกเงินดิจิทัลสำเร็จ│ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ร่วงลง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4369732
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 มกราคม ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึง กรณีการวิพากษ์วิจารณ์ส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินฝากกับดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ ว่า ตามที่รัฐบาลอ้างว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรลดลงเพราะเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับต่ำนั้น
อันที่จริงแล้วเงินเฟ้อของไทยถูกบิดเบือน ไม่ได้สะท้อนสภาพที่เป็นจริง เพราะรัฐบาลทั้งที่ผ่านมาและรัฐบาลชุดปัจจุบันได้แทรกแซงราคาพลังงานและราคาคาไฟฟ้า ทำให้ดูเหมือนเงินเฟ้อของไทยต่ำ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.50 เปอร์เซ็นต์ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศนั้น ยังต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ที่ประเทศมาเลเซีย อยู่ที่ 3 เปอร์เซ็นต์ ประเทศเวียดนาม 4 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอยู่ที่ 5.35 เปอร์เซ็นต์
นายจุลพงศ์กล่าวว่า การที่รัฐบาลเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงโดยหวังว่าดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารจะลดลงนั้น จะทำให้เกิดปัญหาเงินทุนไหลออกไปประเทศอื่นที่มีผลตอบแทนสูงกว่า อาจจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงจนไม่มีเสถียรภาพ ซึ่งหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยคือการรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท
“ตนมองว่าหากไม่มีการใช้นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจจะสามารถลดดอกเบี้ยนโยบายลงได้ แต่การที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ดี ประกอบกับการที่รัฐบาลมี
นโยบายดังกล่าว การลดดอกเบี้ยนโยบายลงจะเป็นการกดดันค่าเงินบาท ปีที่แล้วเงินทุนจากต่างประเทศไหลออกจากประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ผู้นำเข้าสินค้าไทยในต่างประเทศจะหยุดซื้อสินค้าจากไทยเพื่อหวังว่าค่าเงินบาทของไทยจะอ่อนลงไปอีก ก็จะเกิดปัญหาการส่งออกตามมา”
นายจุลพงศ์กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับนักการเงินบางท่านที่ออกมาให้ความเห็นว่าดอกเบี้ยที่ควรจะเปลี่ยนแปลงนั้น ไม่ใช่ดอกเบี้ยเงินกู้ แต่ควรจะเปลี่ยนแปลงโดยการให้ธนาคารพาณิชย์ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากมากกว่า เพราะดอกเบี้ยเงินฝากแทบจะไม่ขยับขึ้นเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยเงินฝากลบด้วยอัตราเงินเฟ้อติดลบมายาวนาน หากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ
“การขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากอาจจะทำให้กำไรของธนาคารลดลง แต่ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ธนาคารพาณิชย์ควรลดส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินกู้กับดอกเบี้ยเงินฝากลง อย่าเอาแต่กำไรอย่างเดียวเพราะตามรายงานข่าวในขณะนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นของธนาคารพาณิชย์จากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสที่สามของปี 2566 เทียบกับไตรมาสที่สามของปี 2565 ถึงเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์” นายจุลพงศ์กล่าว
นายจุลพงศ์กล่าวทิ้งท้ายว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยควรกดดันให้ธนาคารพาณิชย์ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนกลับมาเก็บออมเงินมากขึ้น แทนที่จะใช้เงินก่อนเก็บเงินเช่นทุกวันนี้
ปกรณ์วุฒิ โล่ง เศรษฐา เซ็นรับรองร่างอากาศเป็นพิษก้าวไกล ขอบคุณทุกฝ่ายทำให้จบด้วยดี
https://www.matichon.co.th/politics/news_4369668
‘ปกรณ์วุฒิ’ ยินดี ‘นายกฯ’ เซ็นรับรองร่างอากาศเป็นพิษของ “ก้าวไกล” ขอบคุณทุกฝ่ายประสานงานทันเวลา มองไม่ใช่เกมการเมือง โวย ร่าง ครม.แทรกคิว ส.ส.มีเวลาแค่ 40 ชม. หวังไม่เกิดอีกในอนาคต
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 มกราคม ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงนามรับรองร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ฝุ่นพิษและการก่อมลพิษข้ามพรมแดนของพรรคก้าวไกล ว่า รู้สึกยินดี สองวันที่ผ่านมาก็ลุ้นกันตลอด มองว่าเรื่องนี้มีความสับสนเล็กน้อย เนื่องจากมีความเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของข้อมูล เมื่อวันที่ 8 มกราคม ตนรับทราบว่ามีความเห็นของบางหน่วยงานว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ของพรรคก้าวไกล มีหลักการต่างจากร่างอื่น แต่ปรากฏว่ากฤษฎีกาก็แจ้งต่อวิปฝ่ายค้านว่าไม่เคยให้ความเห็นแบบนั้น จากนั้นเหตุการณ์ก็เปลี่ยนมาว่าร่างของพรรคก้าวไกลส่งช้ากว่าร่างอื่น
“ผมใช้คำว่าถึงมือนายกรัฐมนตรีช้ากว่าร่างอื่นแล้วกัน เพราะที่จริงแล้วก็ยื่นสภาไปตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค. ก็ยังมีเวลาเยอะอยู่ แต่ผมเข้าใจว่าในทางธุรการ ก็มีหลายขั้นตอนกว่าจะไปถึงมือนายกรัฐมนตรี แต่สิ่งสำคัญก็คือ ณ วันที่ประชุมวิปรัฐบาลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รับทราบแล้วว่ามีกี่ร่าง” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า มีอยู่ 3 ร่างที่ยังไม่ได้รับความเห็นจากหน่วยงาน คือร่างของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ และร่างของพรรคก้าวไกล คำถามของตนก็คือ ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่ายังไม่ได้รับฟังความเห็นหน่วยงาน ทำไมต้องรีบร้อน และนำวาระนี้เข้าเป็นคิวแทรก ย้ำว่าไม่ใช่ว่าพรรคก้าวไกลแซงคิว จะเป็นคิวแทรก เรื่องนี้ต้องบอกตามตรงว่าร่างของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่แซงคิวสภาฯ ซึ่งส่ง SMS แจ้ง ส.ส.ให้รับทราบตอนเวลา 20.30 น. ของวันที่ 9 มกราคม ดังนั้น ส.ส.มีเวลาแค่ 40 ชั่วโมง หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์นี้ในอนาคต มองว่าการทำงานควรเป็นไปด้วยความรอบคอบ
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวอีกว่า ร่างของพรรคประชาธิปัตย์และพลังประชารัฐ นายกรัฐมนตรีเซ็นตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 มกราคม แต่ร่างของพรรคก้าวไกลเพิ่งเซ็นเมื่อช่วงเช้า ซึ่งขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำให้จบด้วยดี
เมื่อถามว่า มองว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่นั้น ตนมองว่าเป็นความไม่รอบคอบ การที่วิปรัฐบาลหรือ ครม.ทุบโต๊ะ ไม่มั่นใจว่าใครริเริ่มเรื่องที่จะต้องเอาเข้าวันนี้ แต่ไม่ได้มองข้างหลังว่ายังมีกระบวนการที่ไม่เรียบร้อย และยังมีร่างของ ส.ส.อีกหลายร่างที่ต้องเข้า แต่ยังไม่เสร็จ ถ้ามีการคำนึงถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น
เมื่อถามว่า จะนำบทเรียนในครั้งนี้ไปหารือกับวิปรัฐบาล ตนมองว่ามาตรฐานจริงๆ คิวแทรกแบบนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แบบร้ายแรงจริงๆ ไม่ควรมี อย่างน้อย ส.ส.ควรได้รับทราบก่อน สัก 1 สัปดาห์ คิวแบบนี้ ส.ส.ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ใช่แทรกกันระหว่างทางแบบนี้
เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะรับหลักทุกร่างหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เท่าที่ทราบเป็นการลงมติรวม น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
อีสานโพล เชื่อ รัฐบาลเศรษฐา แจกเงินดิจิทัล1หมื่นสำเร็จ ชี้ผลงานด้านเศรษฐกิจพุ่ง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8046772
อีสานโพลเผย คนอีสานเชื่อรัฐบาล เศรษฐา แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทสำเร็จ ชี้มาตรการด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลคะแนนผลงานพุ่งขึ้น
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ม.ค.2567 รศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน หรือ ECBER คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. เปิดเผยว่า จากการสำรวจเรื่อง ดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนอีสาน ไตรมาส 4/2566 และคาดการณ์ไตรมาส 1/2567 โดยสำรวจข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคอีสาน
รศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน หรือ ECBER คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ผลสำรวจพบว่า ดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนอีสาน ไตรมาส 4/2566 (ต.ค. – ธ.ค. 66) เท่ากับ 32.8 เต็ม 100 อยู่ในระดับแย่ ดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนซึ่งมีค่า 32.3
ด้วยมาตรการทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลให้คะแนนผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจาก 31.6 เป็น 33.0 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น 2 ไตรมาสติดต่อกัน
สำหรับการสำรวจความคิดเห็นเรื่องดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนอีสาน ไตรมาส 1/2567 ระหว่างเดือน ม.ค. – มี.ค. 67 จะเท่ากับ 31.2 แย่ลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2566
ขณะที่คำถามสุดฮิตซึ่งได้รับการตอบรับจากคนอีสานอย่างมากคือท่านคิดว่า รัฐบาลนำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จะทำนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10.000 บาทสำเร็จหรือไม่อย่างไร พบว่า ร้อยละ 52.3 ระบุทำสำเร็จ ร้อยละ 28.3 ระบุไม่สำเร็จ และ ร้อยละ 19.4 ไม่แน่ใจ
นอกจากนี้คนอีสานยังคงให้ความคิดเห็นว่าหากได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะนำไปใช้จ่ายอะไรเป็นหลัก พบว่าร้อยละ 53.3 จะนำไปซื้อของใช้ส่วนตัวและของกิน รองลงมาร้อยละ 19.7 จะนำไปซื้อของและอุปกรณ์เพื่อสร้างอาชีพและสร้างรายได้
ร้อยละ 13 จะนำไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ ร้อยละ 6.2 อาจขายสิทธิ์เพื่อเอาเงินสด ร้อยละ 2.8 ไม่อยู่ในเกณฑ์ของการได้รับเงินดิจิทัล และร้อยละ 2.7 อาจไม่ได้ใช้เพราะภูมิลำเนาอยู่ไกล