JJNY : โพลชี้ เด็กมหา’ลัย ให้โอกาส ม.ปลายไม่เชื่อมั่น │‘ก้าวไกล กทม.’ เสวนา│ราคาน้ำมันโลกร่วง│พบ“อุโมงค์ขนาดใหญ่”ฮามาส

ธำรงศักดิ์โพล ชี้ เด็กมหา’ลัย ให้โอกาส รบ.เศรษฐา ขอรอดูผลงาน แต่ม.ปลาย ไม่เชื่อมั่น
https://www.matichon.co.th/education/news_4335693
 
 
ธำรงศักดิ์โพล ชี้ เด็กมหา’ลัย ให้โอกาส รบ.เศรษฐา ขอรอดูผลงาน แต่ม.ปลาย ไม่เชื่อมั่น
 
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม รองศาสตราจารย์ ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต เปิดเผยงานวิจัยส่วนบุคคล ซึ่งเก็บข้อมูลแบบสอบถามจากคน Gen Z ได้แก่ นักศึกษามหาวิทยาลัย และนักเรียนมัธยมศึกษาสรุปผลวิจัยดังนี้
 
ข้อคำถามว่า “ท่านเชื่อมั่นในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าจะนำชาติไทยให้เจริญ ด้านประชาธิปไตย ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพและความยุติธรรมมากขึ้น ระดับใด” ผลการวิจัยพบว่า
 
เมื่อพิจารณาภาพรวม คน Gen Z มัธยมปลาย ไม่เชื่อมั่น รวม (น้อยและน้อยที่สุด) ร้อยละ 45.4 ขณะที่เชื่อมั่น รวม (มากและมากที่สุด) ร้อยละ 7.8  ส่วนคน Gen Z มหาวิทยาลัย ไม่เชื่อมั่น รวม (น้อยและน้อยที่สุด) ร้อยละ 55.8 ขณะที่เชื่อมั่น รวม (มากและมากที่สุด) ร้อยละ 13.5
 
1. คน Gen Z มัธยมปลาย เชื่อมั่นมากที่สุด ร้อยละ 2.8 (14 คน) เชื่อมั่นมาก ร้อยละ 7.0 (35 คน) เชื่อมั่นปานกลาง ร้อยละ 44.8 (225 คน) เชื่อมั่นน้อย ร้อยละ 26.9 (135 คน) เชื่อมั่นน้อยที่สุด ร้อยละ 18.5 (93 คน)2. คน Gen Z มหาวิทยาลัย เชื่อมั่นมากที่สุด ร้อยละ 2.5 (12 คน) เชื่อมั่นมาก ร้อยละ 11.0 (55 คน) เชื่อมั่นปานกลาง ร้อยละ 30.7 (153 คน) เชื่อมั่นน้อย ร้อยละ 30.7 (153 คน) เชื่อมั่นน้อยที่สุด ร้อยละ 25.1 (125 คน)
3. จากการสัมภาษณ์เชิงลึก การให้ความเชื่อมั่นระดับปานกลางของ Gen Z มัธยมปลายและมหาวิทยาลัย โดยทั่วไปหมายถึง ให้รัฐบาลได้ทำงานไปอีกระยะหนึ่งก่อน
 
ข้อคำถามว่า “ท่านเชื่อมั่นในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าจะนำชาติไทยให้เจริญด้านเศรษฐกิจ ระดับใด” ผลการวิจัยพบว่า
เมื่อพิจารณาภาพรวม คน Gen Z มัธยมปลาย ไม่เชื่อมั่น รวม (น้อยและน้อยที่สุด) ร้อยละ 37.2 ขณะที่เชื่อมั่น รวม (มากและมากที่สุด) ร้อยละ 11.9  ส่วนคน Gen Z มหาวิทยาลัย ไม่เชื่อมั่น รวม (น้อยและน้อยที่สุด) ร้อยละ 42 ขณะที่เชื่อมั่น รวม (มากและมากที่สุด) ร้อยละ 16.6
1. คน Gen Z มัธยมปลาย เชื่อมั่นมากที่สุด ร้อยละ 3.3 (17 คน) เชื่อมั่นมาก ร้อยละ 8.6 (43 คน) เชื่อมั่นปานกลาง ร้อยละ 50.9 (255 คน) เชื่อมั่นน้อย ร้อยละ 22.8 (114 คน) เชื่อมั่นน้อยที่สุด ร้อยละ 14.4 (72 คน)
2. คน Gen Z มหาวิทยาลัย เชื่อมั่นมากที่สุด ร้อย 3.3 (17 คน) เชื่อมั่นมาก ร้อยละ 13.3 (66 คน) เชื่อมั่นปานกลาง ร้อยละ 41.4 (206 คน) เชื่อมั่นน้อย ร้อยละ 27.5 (137 คน) เชื่อมั่นน้อยที่สุด ร้อยละ 14.5 (72 คน)
3. จากการสัมภาษณ์เชิงลึก การให้ความเชื่อมั่นระดับปานกลางของ Gen Z มัธยมปลายและมหาวิทยาลัย โดยทั่วไปหมายถึง ให้รัฐบาลได้ทำงานไปอีกระยะหนึ่งก่อน
 
กล่าวโดยสรุป คือ
Gen Z มัธยมปลาย และมหาวิทยาลัย
ไม่เชื่อมั่น มากกว่า เชื่อมั่น ว่ารัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน จะนำชาติให้ดีขึ้น
ด้านประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ ความยุติธรรม และด้านเศรษฐกิจ
ซึ่งเก็บข้อมูลแบบสอบถามจากคน Gen Z (ช่วงอายุ 15-19 ปี) ที่กำลังศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 504 คน (13 พฤศจิกายน ถึง 1 ธันวาคม 2566) และจากคน Gen Z (ช่วงอายุ 18-26 ปี) ที่กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัย จำนวน 500 คน (13-15 กันยายน 2566)
 
ข้อมูลพื้นฐาน Gen Z มัธยมปลาย
 
เก็บข้อมูลแบบสอบถามจากโรงเรียนมัธยมปลายในเขตกรุงเทพฯและจังหวัดปริมณฑล สมุทรปราการ นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร รวม 6 จังหวัด
มีผู้ตอบคำถามด้านประชาธิปไตย 502 คน ด้านเศรษฐกิจ 501 คน จกทั้งหมด 504 คน
เพศ : หญิง 235 คน (46.6%) ชาย 232 คน (46.0%) เพศหลากหลาย 37 คน (7.4%)
 
โรงเรียนมัธยมปลาย: กรุงเทพฯ 109 คน (21.6%) สมุทรปราการ 160 คน (31.7%) นครปฐม 90 คน (17.9%) ปทุมธานี 117 คน (23.2%) นนทบุรี 20 คน (4.0%) สมุทรสาคร 8 คน (1.6%)
(หมายเหตุ: ปี 2566 โรงเรียนมัธยมปลายทั้งประเทศ มี 2505 โรง มีนักเรียน 1,073,311 คน)
อายุ : อายุ 15 ปี 104 คน (20.6%) อายุ 16 ปี 136 คน (27.0%) อายุ 17 ปี 130 คน (25.8%) อายุ 18 ปี 95 คน (18.8%) อายุ 19 ปี 39 คน (7.8%)
ระดับชั้นการศึกษา : ม.4 จำนวน 182 คน (36.9%) ม.5 จำนวน 129 คน (26.2%) ม.6 จำนวน 182 คน (36.9%) (ระบุข้อนี้ 493 คน)
 
ข้อมูลพื้นฐาน Gen Z มหาวิทยาลัย
เพศ : หญิง 298 คน (59.6%) ชาย 150 คน (30.0%) เพศหลากหลาย 52 คน (10.4%)
(หมายเหตุ: ปี 2566 มีนักศึกษาระดับปริญญาตรี 1,426,445 คน)
 
โรงเรียนที่ท่านจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจากเขตภูมิภาคใด : กรุงเทพฯ 128 คน (25.6%) ภาคกลาง 178 คน (35.6%) ภาคเหนือ 41 คน (8.2%) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 80 คน (16.0%) ภาคใต้ 73 คน (14.6%)
อายุ : อายุ 18 ปี 232 คน (46.4%) อายุ 19 ปี 184 คน (36.8%) อายุ 20 ปี 54 คน (10.8%) อายุ 21 ปี 20 คน (4.0%) อายุ 22 ปี 8 คน (1.6%) อายุ 23 ปี 1 คน (0.2%) อายุ 24 ปี 1 คน (0.2%) อายุ 25 ปี 0 คน (0%)  อายุ 26 ปี 0 คน (0%)



‘ก้าวไกล กทม.’ เสวนา ‘กรุงเทพ (ผัง) เมืองในหมอก ชีวิตดีดีย์ที่คุณเลือกไม่ได้’ จี้แก้กม.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4335457

“ก้าวไกล กทม.” จัดเสวนา “กรุงเทพ (ผัง) เมืองในหมอก ชีวิตดีดีย์ที่คุณเลือกไม่ได้” จี้แก้กฎหมาย หวั่นความเจริญกระจุกตัว “ศุภณัฐ” ฉะ กทม. ยังไม่รู้ตัว ผังเมืองที่ตัวเองอยู่คืออาวุธ ถามกล้าปลดล็อกหรือไม่ หรือจะเป็นผู้ตามอย่างเดียว ด้านนักวิชาการชี้ผังเมือง กทม. ขาดส่วนร่วมจากประชาชน-ตอบสนองนายทุนใหญ่
 
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2566 ที่พรรคก้าวไกล พรรคก้าวไกลจัดเสวนาในหัว “กรุงเทพ (ผัง) เมืองในหมอก ชีวิตดีดีย์ที่คุณเลือกไม่ได้” โดยทีม สส.กทม. ได้แก่ นายธีรัจชัย พันธุมาศ , นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ , น.ส.สิริลภัส กองตระการ และนายเอกกวิน โชคประสบรวย มาร่วมเล่าปัญหาที่พบเจอในพื้นที่ รวมถึงพูดคุยเรื่องการก่อสร้างกทม.ในย่านต่างๆ
 
นอกจากนี้ ยังมีผู้แลกเปลี่ยนความเห็นที่เป็นนักวิชาการ ได้แก่ ผศ.ดร. พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รศ.ดร. บุญเลิศ วิเศษปรีชา คณะสังคมวิทยาฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วย
 
ผศ.ดร. พิชญ์ กล่าวว่า การศึกษาเรื่องผังเมืองในประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ผังเมืองจะเป็นตัวกำหนดทิศทาง และควบคุมการพัฒนาเมือง ซึ่งผู้ที่กำหนดคือประชาชน ขณะที่ในประเทศไทยนั้น การกำหนดผังเมืองจะอยู่ในอำนาจของผู้รู้
 
ผศ.ดร.พิชญ์ กล่าวต่อไปว่า ผังเมืองเปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญของเมือง เป็นตัวกำหนดว่าอำนาจของเมืองควรอยู่ที่ใด ซึ่งผังเมืองจะศักดิ์สิทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อมาจากประชาชน อย่างไรก็ตาม ประชาชนมักไม่ได้รับรู้ว่าผังเมืองมีความใกล้ตัวกับชีวิต และมีรายละเอียดต่างๆ ในการออกแบบที่ละเมิดสิทธิในการใช้ชีวิตของประชาชนในบางพื้นที่
 
ด้าน รศ.ดร. บุญเลิศ มองผังเมืองของกทม. ว่า ไม่ค่อยเห็นความสำคัญของคนตัวเล็ก ความสำคัญของผังเมืองอยู่ที่กระบวนการออกแบบผังเมือง มีส่วนร่วมของประชาชนอยู่หรือไม่ บางชุมชนอยู่ในเมืองไม่ได้ เนื่องจากประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
 
รศ.ดร.บุญเลิศ ระบุว่า เมืองจำเป็นต้องตอบสนองผู้คนที่หลากหลาย ไม่ใช่เพียงแค่ทุนใหญ่เท่านั้น หากเทียบกับสิงคโปร์หลังได้รับเอกราช ได้มีการออกแบบผังเมืองด้วยแนวคิดว่าต้องพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของคนส่วนใหญ่เป็นเป้าหมายสำคัญ ส่วนการจัดระเบียบผังเมืองนั้น ก็ต้องโอบรับรายละเอียดที่แตกต่างหลากหลายในแต่ละพื้นที่ของเมือง และไม่กีดกันคนกลุ่มใดออกไป
 
ขณะที่ นายธีรัจชัย กล่าวว่า ในพื้นที่ของตนส่วนมากเป็นพื้นที่รับน้ำ ตั้งคำถามว่าการสำรวจความเห็นเรื่องผังเมือง มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งการทำผังเมืองต้องคำนึงถึงภูมิศาสตร์ด้วย ตนคิดว่าประเทศไทย ผังเมืองมุ่งสู่ศูนย์กลางอย่างเดียว ซึ่งมองว่าเป็นการเอื้อต่อนายทุน เอื้อต่อการสร้างตึกสูงบนแนวรถไฟฟ้ามากขึ้น ส่วนพื้นที่โดยรอบต้องเป็นพื้นที่รับน้ำ ทำไมคนถึงไม่เท่ากัน ผังเมืองที่ดีต้องกระจายความเจริญไปด้วย ซึ่งลักษณะแบบนี้ เป็นการกดทับชาวกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกไม่ให้เติบโต
 
ด้านนายศุภณัฐ กล่าวว่า มีใครชอบความแออัดบ้าง คงไม่มีใครชอบ แต่ในขณะเดียวกันเราปฏิเสธไม่ได้ว่าความเจริญนำมาให้ ซึ่งแหล่งงาน แหล่งอาชีพ สุดท้ายความเจริญนี้นำมาซึ่งความแออัด มองว่าความเจริญแบบนี้ไม่ใช่ความเจริญที่แท้จริง ผังเมือง กทม. ทำให้เกิดความเจริญแบบกระจุก โดยไม่ได้ส่งเสริมให้มีแหล่งงานในแถบชานเมืองเลย ไม่ได้ส่งเสริมให้มีการลงทุน มองว่าผังเมืองถูกบีบให้ความเจริญมาอยู่ในเมือง
 
“บางกระเจ้าของสมุทรปราการต้องเป็นปอดให้คนกรุงเทพฯ คนกรุงเทพฯ จะแออัด มีมลพิษขนาดไหน แค่ไหนก็ได้ แล้วเดี๋ยวคนบางกระเจ้าจะดูดซับให้เอง นี่เป็นโลจิกส์ของคนเห็นแก่ตัว” นายศุภณัฐ กล่าว
 
นายศุภณัฐ ระบุว่า หากแก้กฎหมายผังเมืองได้ คาดว่าราคาบ้านเดี่ยวที่ขายอยู่ในปัจจุบัน อาจจะลดลงจาก 5 ล้านลงมาเหลือ 3 ล้านบาทก็ได้ ทั้งนี้ ผังเมืองที่ใช้ในปัจจุบันนั้น ยังไม่ได้อัพเดต ไม่ได้สอดคล้องกับการใช้งานจริง
 
ทุกวันนี้รับมอบพื้นที่สีแดงให้นายทุน ไม่มีข้อแลกเปลี่ยนใดๆทั้งสิ้น เอาไปพัฒนาได้เลยเป็นที่ของคุณ” นายศุภณัฐ กล่าว
 
นายศุภณัฐ กล่าวว่า สิ่งที่กทม. ทำได้ คือใช้ผังเมืองนำความเจริญ ไม่ใช่มาตามรถไฟฟ้าบีทีเอส สิ่งที่ควรทำคือหยิบผังเมืองในอนาคตวางเทียบกันแล้วปลดล็อก พัฒนาตามแนวทางของรัฐบาล ยอมรับว่าปัญหาส่วนหนึ่งเป็นเพราะขนส่งมวลชนไม่มี
 
ถามว่าทำไมไม่มีรถเมล์ จะมีได้ยังไง จะคุ้มได้ยังไง ความหนาแน่นก็ต่ำ รัฐบาลก็กดเขาไว้อยู่ ชาตินี้ผมพูดเลยว่าอีก 10 ปีข้างหน้า ต่อให้คุณมีรถเมล์ก็จะเป็นรถเมล์ที่ขาดทุน แล้วรถเมล์เอกชนทำ 30 นาทีมาคันหนึ่ง” นายศุภณัฐ กล่าว
 
นายศุภณัฐ กล่าวต่อว่า กทม. ยังไม่รู้ตัวคือผังเมืองที่ตัวเองอยู่คืออาวุธ สำหรับตนเหมือนสายฟ้าเลย ถ้าใช้เป็น มองว่าวิสัยทัศน์ของ กทม.สามารถนำรัฐบาลได้ องค์กรท้องถิ่นสามารถควบคุมรัฐบาลได้ถ้าปลดล็อกก่อน แต่ขึ้นอยู่กับว่าท้องถิ่นจะกล้าหรือไม่ หรือจะเป็นแค่ผู้ตามอย่างเดียว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่