ปั้มน้ำมัน บริษัท PTG งบQ3 ปี66 ออกมากำไรทรุดแย่หนักกว่าคาด จากนโยบายรัฐฝ่ายการเมืองแทรกแซง ขายน้ำมันเกือบแสนล้าน เสียภาษีให้รัฐหมื่นล้าน แต่เหลือกำไรสุทธิผู้ประกอบการเพียง 24ล้าน
อีกหนึ่งปั้มน้ำมันสัญชาติไทย บริษัท PTG งบQ3 ปี66 ออกมากำไรทรุดแย่หนักกว่าคาด จากนโยบายรัฐฝ่ายการเมืองแทรกแซง ขายน้ำมันเกือบแสนล้าน เสียภาษีให้รัฐหมื่นล้าน ในงบQ3 ปีนี้ บริษัท บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี เหลือกำไรสุทธิผู้ประกอบการเพียง24ล้านบาท หรือ 1สตต่อหุ้น ( 0.01บาท )
นี่อาจคือเหตุผล ทำไม ปั้มJETสหรัฐ ปั้มปิโตรนาสมาเลเซีย ปั้มเอสโซ่ESSO จึงขายกิจการในไทย ม้วนเสื่อกลับ
เป็นคำถามตัวโตๆ รัฐฝ่ายการเมืองควรเข้าไปแทรกแทรงบิดเบี้ยวกลไกตลาดของเศรษฐกิจ ของโลกยุคการค้าเสรี หรือไม่ เพราะบทเรียนจากบางประเทศ ที่เศรษฐกิจชาติเสียหายล่มสลายก็ล้วนเริ่มต้นมาจากรัฐบาลดำเนินนโยบายผิดพลาด ใช้ประชานิยมสุดโต่งแทรกแซง ราคาน้ำมัน-ไฟฟ้า สินค้าราคาถูกๆ แจกเอาใจสร้างคะแนนการเมือง แต่ภาคเอกชน ภาคธุรกิจที่เก่งๆ เริ่มเสียหายลำบาก จนโครงสร้างเศรษฐกิจชาติเสียหายหนักล่มจมเหมือนเวเนซุเอลา ศรีลังกา และ บางประเทศในแอฟริกา
ส่วนประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่าง ยุโรป อเมริกา จะมีการแปรรูป กิจการ สาธารณูปโภคต่างๆ ไปเป็นรูปแบบบริษัทมหาชน จดทะเบียนในตลาดหุ้น ทำให้เกิดประสิทธิภาพพัฒนาผลิตภัณฑ์โดดเด่น มีความโปร่งใส มีความแข็งแกร่งสร้างความเติบโตต่อระบบเศรษฐกิจชาติ สร้างความงาน สร้างรายได้ พัฒนาต่อเนื่อง ดัชนีหุ้นของประเทศโตต่อเนื่องตลอดหลายปี โดยใช้หลักการค้าเสรีเป็นธรรม ปล่อยให้เป็นตามธรรมชาติของกลไกลตลาด รัฐจะไม่เข้าไปยุ่งกดราคาแทรกแทรง ราคาไฟฟ้า-น้ำมัน และถ้ารัฐมนตรีท่านไปยุ่งเกี่ยวบิดเบือนกลไกลตลาดเสรี อาจถูกฟ้องดำเนินคดีฐานละเมิดกฏหมาย
ซึ่งต่างกันสิ้นเชิง กับดัชนีตลาดหุ้นไทย ตลอดเกือบราว20ปี ไม่ไปไหน ตั้งต้มยำกุ้ง แถมมุดลง ถอยหลังเข้าคลองอีก ขาดพลังการพัฒนา ขาดเอกภาพ มีความแตกแยกคนในชาติทะเลาะกันเอง การเมืองขาดเสถียรภาพ ตีกันบ่อย รัฐประหารบ่อย นโยบายรัฐบาลที่ผ่านมาหลายปี บริหารเศรษฐกิจไม่ทันโลก ไม่เป็นมิตรกับบริษัทใหญ่ๆในตลาดหุ้นตัวเอง จึงทำให้ที่ผ่านมาหลายปี GDPไทยดูเกือบแย่สุดในภูมิภาคของโลกและดัชนีหุ้นไทยจึงแย่ตามดังที่เห็น
ปั้มน้ำมัน บริษัท PTG งบQ3 ปี66 ออกมากำไรทรุดแย่หนักกว่าคาดจากนโยบายรัฐฝ่ายการเมืองแทรกแซง ยอดขายเยอะ ภาษีเยอะ กำไรจิมมด
อีกหนึ่งปั้มน้ำมันสัญชาติไทย บริษัท PTG งบQ3 ปี66 ออกมากำไรทรุดแย่หนักกว่าคาด จากนโยบายรัฐฝ่ายการเมืองแทรกแซง ขายน้ำมันเกือบแสนล้าน เสียภาษีให้รัฐหมื่นล้าน ในงบQ3 ปีนี้ บริษัท บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี เหลือกำไรสุทธิผู้ประกอบการเพียง24ล้านบาท หรือ 1สตต่อหุ้น ( 0.01บาท )
นี่อาจคือเหตุผล ทำไม ปั้มJETสหรัฐ ปั้มปิโตรนาสมาเลเซีย ปั้มเอสโซ่ESSO จึงขายกิจการในไทย ม้วนเสื่อกลับ
เป็นคำถามตัวโตๆ รัฐฝ่ายการเมืองควรเข้าไปแทรกแทรงบิดเบี้ยวกลไกตลาดของเศรษฐกิจ ของโลกยุคการค้าเสรี หรือไม่ เพราะบทเรียนจากบางประเทศ ที่เศรษฐกิจชาติเสียหายล่มสลายก็ล้วนเริ่มต้นมาจากรัฐบาลดำเนินนโยบายผิดพลาด ใช้ประชานิยมสุดโต่งแทรกแซง ราคาน้ำมัน-ไฟฟ้า สินค้าราคาถูกๆ แจกเอาใจสร้างคะแนนการเมือง แต่ภาคเอกชน ภาคธุรกิจที่เก่งๆ เริ่มเสียหายลำบาก จนโครงสร้างเศรษฐกิจชาติเสียหายหนักล่มจมเหมือนเวเนซุเอลา ศรีลังกา และ บางประเทศในแอฟริกา
ส่วนประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่าง ยุโรป อเมริกา จะมีการแปรรูป กิจการ สาธารณูปโภคต่างๆ ไปเป็นรูปแบบบริษัทมหาชน จดทะเบียนในตลาดหุ้น ทำให้เกิดประสิทธิภาพพัฒนาผลิตภัณฑ์โดดเด่น มีความโปร่งใส มีความแข็งแกร่งสร้างความเติบโตต่อระบบเศรษฐกิจชาติ สร้างความงาน สร้างรายได้ พัฒนาต่อเนื่อง ดัชนีหุ้นของประเทศโตต่อเนื่องตลอดหลายปี โดยใช้หลักการค้าเสรีเป็นธรรม ปล่อยให้เป็นตามธรรมชาติของกลไกลตลาด รัฐจะไม่เข้าไปยุ่งกดราคาแทรกแทรง ราคาไฟฟ้า-น้ำมัน และถ้ารัฐมนตรีท่านไปยุ่งเกี่ยวบิดเบือนกลไกลตลาดเสรี อาจถูกฟ้องดำเนินคดีฐานละเมิดกฏหมาย
ซึ่งต่างกันสิ้นเชิง กับดัชนีตลาดหุ้นไทย ตลอดเกือบราว20ปี ไม่ไปไหน ตั้งต้มยำกุ้ง แถมมุดลง ถอยหลังเข้าคลองอีก ขาดพลังการพัฒนา ขาดเอกภาพ มีความแตกแยกคนในชาติทะเลาะกันเอง การเมืองขาดเสถียรภาพ ตีกันบ่อย รัฐประหารบ่อย นโยบายรัฐบาลที่ผ่านมาหลายปี บริหารเศรษฐกิจไม่ทันโลก ไม่เป็นมิตรกับบริษัทใหญ่ๆในตลาดหุ้นตัวเอง จึงทำให้ที่ผ่านมาหลายปี GDPไทยดูเกือบแย่สุดในภูมิภาคของโลกและดัชนีหุ้นไทยจึงแย่ตามดังที่เห็น