
part 1
https://www.facebook.com/ying.phongpisitkul/videos/1022469872351474
part 2
https://www.facebook.com/ying.phongpisitkul/videos/258014690137698
เวอร์ชันอ่านสำหรับคนที่ไม่สะดวกดูวีดีโอครับ:
สวัสดีค่ะ เราจะเริ่มซีรีย์เกี่ยวกับความสำเร็จจากการรักษาที่เรียกว่า ACC คีเลชั่น
ACC ย่อมาจาก แอนดรู คัทเลอร์ คีเลชั่น ซึ่งเป็นวิธีการขับสารปรอทโดยนักวิทยาศาตร์
ที่ชื่อ แอนดรูว์ คัทเลอร์ ซึ่งงานของเราก็คือการพรีเซนต์ให้เห็นว่า ในกลุ่มโรคที่แพทย์ในปัจจุบัน
ระบุว่ารักษาไม่ได้นั้น เป็นสิ่งที่ตัวเราเองสามารถศึกษาค้นคว้าข้อมูลทางวิทยาศาตร์
เพื่อรักษาตัวเราเองให้หายได้ ซึ่งมันจะส่งผลดีต่อสังคมอย่างมากและทำให้ผู้คน
มีความสุขกับชีวิตความเป็นอยู่มากยิ่งขึ้น
ACC คีเลชันเป็นวิธีการขับสารพิษโลหะหนักที่มีการเขียนอธิบายอย่าง
ละเอียดอยู่ในหนังสือของเรา มันเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาโรค
ในแบบองค์รวม เพราะโรคเหล่านี้ที่เมื่อเป็นไปแล้วไม่สามารถรักษาให้หายได้
อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมที่ทำงานผิดปกติ ซึ่งจะไม่มียาจากบริษัทยา
ที่ไหนที่จะสามารถรักษาโรคเหล่านี้ให้หายได้ มีแต่ยาที่ช่วยควบคุมอาการเท่านั้น
ที่จริงแล้วความผิดปกติทางพันธุกรรมนั้นมีสองแบบ แบบแรกเป็นแบบที่เรารู้จักกันดี
คือเป็นแบบที่เป็นกรรมพันธุ์ในเชื้อสายตระกูลหรือยีนเกิดการกลายพันธุ์
จนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้
กับแบบที่สองคือ อีพิเจเนติกส์ ที่ถ้าเราขจัดต้นเหตุที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อพันธุกรรมออกไปได้
ก็สามารถช่วยให้ยีนกลับมาทำงานเป็นปกติได้
ผลกระทบทางอีพิเจเนติกส์ที่สำคัญก็คือ การที่มีสารพิษเข้าไปสะสมอยู่ในสมอง
ของเรามายาวนาน มันทำให้เกิดความเสียหายและการอักเสบอยู่ในสมองไปเรื่อย ๆ
จนทำให้เราเกิดโรคทางระบบประสาทมากมายหลายโรค ตั้งแต่เด็กเล็กไปถึงผู้ใหญ่
และทุกคนก็มีสารพิษนั้นสะสมอยู่ในสมอง เพียงแต่จะมากหรือน้อยไม่เท่ากัน
เมื่อติดตามซีรีย์นี้ของเราไปเรื่อย ๆ ก็จะรู้เกี่ยวกับเรื่องราวนี้มากขึ้น
ซึ่งทุกคนควรจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เฉพาะคนที่ป่วย
เพราะในที่สุดในอนาคต พวกเราก็จะเกิดโรคเหล่านี้ขึ้นด้วยเช่นกัน
สารพิษนี้ก็คือปรอทในสิ่งแวดล้อม มันอยู่ในอาหารที่เรากินทุกวัน
มันอยู่ในวัคซีนหลายชนิด ทั้งแบบที่ถูกใช้อยู่ในขั้นตอนการผลิต
หรือแบบที่ถูกใช้เป็นสารกันเสียตรง ๆ
มันอยู่ในอมัลกัมหรือเหล็กอุดฟันที่คนจำนวนมากนิยมใช้กัน
เพราะมีความคงทนกว่าวัสดุอื่น แต่ถึงแม้ตัวเราจะไม่เคยอุดฟัน
ด้วยอมัลกัมมาก่อน ถ้าหากพ่อแม่ปู่ย่าของเราเคยใช้มัน
เราก็สามารถได้รับมันสืบทอดผ่านครรภ์ของแม่เรามาอีกที
เรียกได้ว่าพวกเราทุกคนไม่เคยหลุดพ้นจากปรอท
และข่าวร้ายมากที่สุดก็คือ
ร่างกายของเราไม่สามารถขับสารปรอทส่วนใหญ่
ที่เข้ามาสู่ร่างกายได้เลย เพราะมันชอบอยู่กับไขมัน
มันจึงเดินทางไปที่สมอง และไม่ได้ไปที่ระบบขับถ่าย
ที่เป็นระบบขับสารพิษหลักของร่างกายเรา
ดังนั้นมันจึงมีการสะสมเพิ่มขึ้นอยู่เสมอภายในสมองของเรา
และการที่มันสามารถส่งต่อผ่านครรภ์มารดาได้
มันจึงทำให้เด็กจำนวนมากต้องเป็นโรคทางระบบประสาทตั้งแต่เด็ก
หนึ่งในโรคเหล่านั้นก็คือโรคออทิซึม ที่จะอยู่ในเรื่องเล่าของเราในวันนี้
ที่เราได้นำเรื่องราวมาจากกรุ๊ปFacebook ของคัทเลอร์ที่เป็นกลุ่มเด็ก
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาเพื่อให้ลูกหายเป็นออทิสติก
แต่เรื่องราวทั้งหมดของซีรีย์นั้นไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะโรคออทิซึมเท่านั้น
แต่เป็นโรคส่วนใหญ่ทั้งหมดที่คนในยุคปัจจุบันรักษาไม่หาย
โดยหมอที่โรงพยาบาลหรือหมอเอง ก็มีการยืนยันเองว่าเป็นโรคที่ไม่มีทาง
รักษาให้หาย หรือ ทำให้อาการดีขึ้นได้
ต้นเหตุที่รักษาไม่ได้ ไม่ใช่เพราะหมอไม่เก่ง
แต่เพราะว่ายาที่รักษานั้นจะมีได้หรือไม่
ก็ขึ้นอยู่กับความสนใจของบริษัทยา
ว่าอยากจะลงทุนกับยาประเภทไหน
ถ้ามีความคุ้มค่าพวกเขาก็จะทุ่มงานวิจัยไปกับเรื่องนั้น
เรื่องผลกระทบที่มาจากอีพิเจเนติกส์นั้น
หากจะทำก็ต้องอาศัยเม็ดเงินลงทุนมหาศาล
เพราะต้องอาศัยกลุ่มตัวอย่างจำนวนมาก
และการทดลองที่กินเวลายาวนานที่อาจจะนานถึงหลายสิบปี
มันจึงไม่จูงใจให้บริษัทยาหันมาศึกษาในเรื่องนี้
เหมือนกับงานวิจัยแบบทั่วไปที่ช่วยให้ผลิตยา
ที่รักษาแบบควบคุมอาการแบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
เพราะลงทุนน้อยแต่ได้ยาแบบที่คนไข้ต้องซื้อกินไปตลอดชีวิต
ทำให้ได้กำไรมหาศาล และได้กำไรต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ
เรามาเริ่มต้นกันดีกว่าเมื่อฟังคลิปนี้จบแล้ว
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีการรักษา
คุณมีทางเลือก 2 ทาง คือ
1.ซื้อหนังสือของคัทเลอร์ ประมาณ 2-4 เล่ม
ควรอ่านให้จบก่อน แล้วเข้าไปศึกษาในกรุ๊ปของเขา
ทั้งกรุ๊ปเด็กและกรุ๊ปผู้ใหญ่
หรือ
2.คุณจะเข้ามาสอบถามกับทางเราเพื่อรักษาก็ได้
แต่ก็ควรอ่านหนังสือที่อยู่ในเว็บแพทริออนของเราที่ชื่อ Gnos128
เพื่อให้เข้าใจเหตุผลทางชีววิทยาและทางเคมีมากขึ้น
ว่าทำไมต้องทำการรักษาแบบนี้ ซึ่งจะมีค่าบริจาคเล็กน้อย
เพื่อสนับสนุนให้เราสามารถเผยแพร่ข้อมูลดีๆเหล่านี้ให้กับคนอื่นได้มากขึ้น
ซึ่งการขับสารปรอทแบบ ACC จะไม่เหมือนกับการขับสารปรอทที่โรงพยาบาล
ซึ่งแบบหลังอาจทำให้เกิดการย้อนกระจายกลับของสารปรอท
ที่จะทำให้สมองบาดเจ็บมากขึ้น มันเป็นความแตกต่างที่ทำให้มีแต่คีเลชันของ ACC เท่านั้น
ที่มีหลักฐานจากคนจำนวนมากว่าสามารถรักษาโรคให้หายได้
ในส่วนแรกเราตัดมาจากโพสต์ของ แซล
คุณ แทชโจเวสเทิร์น เล่าว่า ACC ช่วยให้ลูกชายของเขาหายจากการเป็นออทิสติกพูดไม่ได้
โดยเขาเริ่มขับสารปรอทให้ลูกตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จนกระทั่ง 11 ขวบ
แต่เขาก็เชื่อว่าอาหารก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน
ใช่แล้วค่ะ เพราะปรอทจะมาคู่กับยีสต์ในลำไส้ ที่จะทำให้อาการของโรคเป็นหนักมากขึ้น
เวลาที่เรากินอาหารที่ไม่ดี
เขาทำไปแล้ว 125 รอบ และกำลังเริ่มให้กินแบบ S C D ไดเอท
ซึ่งก็คือการเลี่ยง พวกขนมปัง พาสต้า และซีเรียล
เน้นกินผัก ผลไม้สด และกินเนื้อสัตว์ ที่ไม่มีสารเคมีปรุงแต่ง
กับกินโยเกิร์ตแบบทำเองที่บ้าน
คุณ แอนเดรีย บรินค์ คริสเตียน ได้เข้ามาตอบว่า
ตัวเธอนั้นไม่ได้เป็นออทิสติก เธออายุ 37 ปี และขับสารปรอทมาแล้ว 3 ปี พร้อมกับลูก ๆ
และเธอพบว่า มันสามารถช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตัวเธอเป็นอย่างมาก
มันคุ้มค่าที่จะทำจริง ๆ
ซึ่งถ้าขยายความตรงนี้ก็คือ ปัญหาสุขภาพทั้งหมดที่เธอเป็นเรื้อรังอยู่
หรือปัญหาทางระบบประสาทของเธอก็น่าจะดีขึ้นหรือหายไป
ซึ่งพวกนี้เป็นผลกระทบของปรอทที่มีต่อฮอร์โมนและระบบการทำงาน
ของร่างกายทั้งหมดอยู่แล้ว
ซึ่งคุณจะรู้เรื่องพวกนี้ได้ละเอียดดีมากขึ้น เมื่อเข้าไปอ่านในหนังสือ
มันเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด
คุณ เอเลนา ไม เข้ามาบอกว่า สำหรับเด็กออทิสติกอายุ 19 ปี และพูดไม่ได้
มันยากที่จะบอกว่าเขาจะรักษาหาย ควรซื้อหนังสือ ของคัทเลอร์ 2 เล่ม
ร่วมมือกับหมอ ค้นคว้าเพิ่มเติมในเว็บ โอนิบาสุ
ซึ่งเป็นเว็บที่มีคำพูดของคัทเลอร์มากมายอยู่ในนั้น
คุณจอห์น เข้ามาบอกว่า การฉีดวิตามินบี12 กับอาหารเสริม DMG
ช่วยการพูดของ ลูกชายของเขา และพวกเขาลองอีกหลายอย่าง
เช่น เรื่องคุมอาหาร ลองใช้โปรโตคอลของ ยาสโก ซึ่งก็ช่วยบ้างเล็กน้อย
คุณ นาตาลี บอกว่า เขาเริ่มทำ ACC ให้กับลูกตอนอายุ 11
และยังคงทำอยู่ตอนนี้ลูกอาการดีขึ้นอย่างมาก
แต่ก็มีเช่นเดียวกันที่บอกว่าไม่ได้ผล
คุณ มาเลน่า เข้ามาบอกว่าอาการของลูกเธอดีขึ้น
แต่ก็ยังไม่หาย เธอทำ ACC มาแล้ว 3 ปีให้ลูกชายที่พูดไม่ได้
ซึ่งสุดท้ายแล้ว อาการของลูกดีขึ้นแต่ลูกก็ยังพูดไม่ได้
คุณ อิซซาเบลล่าเข้ามาบอกว่า
โรคออทิซึมเกิดได้จากหลายสาเหตุ
ACC สามารถช่วยขับสารพิษออกไปได้ทั้งหมดจริง
แต่คุณก็ยังต้องสำรวจด้านอื่น ๆ ด้วย
ที่อาจจะเป็นส่วนที่ยังคงขัดขวางพัฒนาการของสมองอยู่
ซึ่งเธอแนะนำให้ไปศึกษาต่อที่
recovering kids group
ซึ่งเป็นกรุ๊ปของเด็กอีกกรุ๊ปที่สำรวจในเรื่องอื่น ๆ ด้วย
เช่น การติดเชื้อไวรัสและเชื้อรา
ซึ่งก็เป็นสิ่งที่จะทำให้อาการออทิสติกเป็นหนักมากขึ้นได้เช่นกัน
ตอน 1 ข้อมูลหลักฐานสำหรับคนที่อยากรักษาโรคออทิซึมให้หาย ทุกคนควรติดตามเพราะไม่ใช่แค่โรคออทิซึมเท่านั้น
part 1
https://www.facebook.com/ying.phongpisitkul/videos/1022469872351474
part 2
https://www.facebook.com/ying.phongpisitkul/videos/258014690137698
เวอร์ชันอ่านสำหรับคนที่ไม่สะดวกดูวีดีโอครับ:
สวัสดีค่ะ เราจะเริ่มซีรีย์เกี่ยวกับความสำเร็จจากการรักษาที่เรียกว่า ACC คีเลชั่น
ACC ย่อมาจาก แอนดรู คัทเลอร์ คีเลชั่น ซึ่งเป็นวิธีการขับสารปรอทโดยนักวิทยาศาตร์
ที่ชื่อ แอนดรูว์ คัทเลอร์ ซึ่งงานของเราก็คือการพรีเซนต์ให้เห็นว่า ในกลุ่มโรคที่แพทย์ในปัจจุบัน
ระบุว่ารักษาไม่ได้นั้น เป็นสิ่งที่ตัวเราเองสามารถศึกษาค้นคว้าข้อมูลทางวิทยาศาตร์
เพื่อรักษาตัวเราเองให้หายได้ ซึ่งมันจะส่งผลดีต่อสังคมอย่างมากและทำให้ผู้คน
มีความสุขกับชีวิตความเป็นอยู่มากยิ่งขึ้น
ACC คีเลชันเป็นวิธีการขับสารพิษโลหะหนักที่มีการเขียนอธิบายอย่าง
ละเอียดอยู่ในหนังสือของเรา มันเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาโรค
ในแบบองค์รวม เพราะโรคเหล่านี้ที่เมื่อเป็นไปแล้วไม่สามารถรักษาให้หายได้
อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมที่ทำงานผิดปกติ ซึ่งจะไม่มียาจากบริษัทยา
ที่ไหนที่จะสามารถรักษาโรคเหล่านี้ให้หายได้ มีแต่ยาที่ช่วยควบคุมอาการเท่านั้น
ที่จริงแล้วความผิดปกติทางพันธุกรรมนั้นมีสองแบบ แบบแรกเป็นแบบที่เรารู้จักกันดี
คือเป็นแบบที่เป็นกรรมพันธุ์ในเชื้อสายตระกูลหรือยีนเกิดการกลายพันธุ์
จนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้
กับแบบที่สองคือ อีพิเจเนติกส์ ที่ถ้าเราขจัดต้นเหตุที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อพันธุกรรมออกไปได้
ก็สามารถช่วยให้ยีนกลับมาทำงานเป็นปกติได้
ผลกระทบทางอีพิเจเนติกส์ที่สำคัญก็คือ การที่มีสารพิษเข้าไปสะสมอยู่ในสมอง
ของเรามายาวนาน มันทำให้เกิดความเสียหายและการอักเสบอยู่ในสมองไปเรื่อย ๆ
จนทำให้เราเกิดโรคทางระบบประสาทมากมายหลายโรค ตั้งแต่เด็กเล็กไปถึงผู้ใหญ่
และทุกคนก็มีสารพิษนั้นสะสมอยู่ในสมอง เพียงแต่จะมากหรือน้อยไม่เท่ากัน
เมื่อติดตามซีรีย์นี้ของเราไปเรื่อย ๆ ก็จะรู้เกี่ยวกับเรื่องราวนี้มากขึ้น
ซึ่งทุกคนควรจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เฉพาะคนที่ป่วย
เพราะในที่สุดในอนาคต พวกเราก็จะเกิดโรคเหล่านี้ขึ้นด้วยเช่นกัน
สารพิษนี้ก็คือปรอทในสิ่งแวดล้อม มันอยู่ในอาหารที่เรากินทุกวัน
มันอยู่ในวัคซีนหลายชนิด ทั้งแบบที่ถูกใช้อยู่ในขั้นตอนการผลิต
หรือแบบที่ถูกใช้เป็นสารกันเสียตรง ๆ
มันอยู่ในอมัลกัมหรือเหล็กอุดฟันที่คนจำนวนมากนิยมใช้กัน
เพราะมีความคงทนกว่าวัสดุอื่น แต่ถึงแม้ตัวเราจะไม่เคยอุดฟัน
ด้วยอมัลกัมมาก่อน ถ้าหากพ่อแม่ปู่ย่าของเราเคยใช้มัน
เราก็สามารถได้รับมันสืบทอดผ่านครรภ์ของแม่เรามาอีกที
เรียกได้ว่าพวกเราทุกคนไม่เคยหลุดพ้นจากปรอท
และข่าวร้ายมากที่สุดก็คือ
ร่างกายของเราไม่สามารถขับสารปรอทส่วนใหญ่
ที่เข้ามาสู่ร่างกายได้เลย เพราะมันชอบอยู่กับไขมัน
มันจึงเดินทางไปที่สมอง และไม่ได้ไปที่ระบบขับถ่าย
ที่เป็นระบบขับสารพิษหลักของร่างกายเรา
ดังนั้นมันจึงมีการสะสมเพิ่มขึ้นอยู่เสมอภายในสมองของเรา
และการที่มันสามารถส่งต่อผ่านครรภ์มารดาได้
มันจึงทำให้เด็กจำนวนมากต้องเป็นโรคทางระบบประสาทตั้งแต่เด็ก
หนึ่งในโรคเหล่านั้นก็คือโรคออทิซึม ที่จะอยู่ในเรื่องเล่าของเราในวันนี้
ที่เราได้นำเรื่องราวมาจากกรุ๊ปFacebook ของคัทเลอร์ที่เป็นกลุ่มเด็ก
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาเพื่อให้ลูกหายเป็นออทิสติก
แต่เรื่องราวทั้งหมดของซีรีย์นั้นไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะโรคออทิซึมเท่านั้น
แต่เป็นโรคส่วนใหญ่ทั้งหมดที่คนในยุคปัจจุบันรักษาไม่หาย
โดยหมอที่โรงพยาบาลหรือหมอเอง ก็มีการยืนยันเองว่าเป็นโรคที่ไม่มีทาง
รักษาให้หาย หรือ ทำให้อาการดีขึ้นได้
ต้นเหตุที่รักษาไม่ได้ ไม่ใช่เพราะหมอไม่เก่ง
แต่เพราะว่ายาที่รักษานั้นจะมีได้หรือไม่
ก็ขึ้นอยู่กับความสนใจของบริษัทยา
ว่าอยากจะลงทุนกับยาประเภทไหน
ถ้ามีความคุ้มค่าพวกเขาก็จะทุ่มงานวิจัยไปกับเรื่องนั้น
เรื่องผลกระทบที่มาจากอีพิเจเนติกส์นั้น
หากจะทำก็ต้องอาศัยเม็ดเงินลงทุนมหาศาล
เพราะต้องอาศัยกลุ่มตัวอย่างจำนวนมาก
และการทดลองที่กินเวลายาวนานที่อาจจะนานถึงหลายสิบปี
มันจึงไม่จูงใจให้บริษัทยาหันมาศึกษาในเรื่องนี้
เหมือนกับงานวิจัยแบบทั่วไปที่ช่วยให้ผลิตยา
ที่รักษาแบบควบคุมอาการแบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
เพราะลงทุนน้อยแต่ได้ยาแบบที่คนไข้ต้องซื้อกินไปตลอดชีวิต
ทำให้ได้กำไรมหาศาล และได้กำไรต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ
เรามาเริ่มต้นกันดีกว่าเมื่อฟังคลิปนี้จบแล้ว
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีการรักษา
คุณมีทางเลือก 2 ทาง คือ
1.ซื้อหนังสือของคัทเลอร์ ประมาณ 2-4 เล่ม
ควรอ่านให้จบก่อน แล้วเข้าไปศึกษาในกรุ๊ปของเขา
ทั้งกรุ๊ปเด็กและกรุ๊ปผู้ใหญ่
หรือ
2.คุณจะเข้ามาสอบถามกับทางเราเพื่อรักษาก็ได้
แต่ก็ควรอ่านหนังสือที่อยู่ในเว็บแพทริออนของเราที่ชื่อ Gnos128
เพื่อให้เข้าใจเหตุผลทางชีววิทยาและทางเคมีมากขึ้น
ว่าทำไมต้องทำการรักษาแบบนี้ ซึ่งจะมีค่าบริจาคเล็กน้อย
เพื่อสนับสนุนให้เราสามารถเผยแพร่ข้อมูลดีๆเหล่านี้ให้กับคนอื่นได้มากขึ้น
ซึ่งการขับสารปรอทแบบ ACC จะไม่เหมือนกับการขับสารปรอทที่โรงพยาบาล
ซึ่งแบบหลังอาจทำให้เกิดการย้อนกระจายกลับของสารปรอท
ที่จะทำให้สมองบาดเจ็บมากขึ้น มันเป็นความแตกต่างที่ทำให้มีแต่คีเลชันของ ACC เท่านั้น
ที่มีหลักฐานจากคนจำนวนมากว่าสามารถรักษาโรคให้หายได้
ในส่วนแรกเราตัดมาจากโพสต์ของ แซล
คุณ แทชโจเวสเทิร์น เล่าว่า ACC ช่วยให้ลูกชายของเขาหายจากการเป็นออทิสติกพูดไม่ได้
โดยเขาเริ่มขับสารปรอทให้ลูกตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จนกระทั่ง 11 ขวบ
แต่เขาก็เชื่อว่าอาหารก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน
ใช่แล้วค่ะ เพราะปรอทจะมาคู่กับยีสต์ในลำไส้ ที่จะทำให้อาการของโรคเป็นหนักมากขึ้น
เวลาที่เรากินอาหารที่ไม่ดี
เขาทำไปแล้ว 125 รอบ และกำลังเริ่มให้กินแบบ S C D ไดเอท
ซึ่งก็คือการเลี่ยง พวกขนมปัง พาสต้า และซีเรียล
เน้นกินผัก ผลไม้สด และกินเนื้อสัตว์ ที่ไม่มีสารเคมีปรุงแต่ง
กับกินโยเกิร์ตแบบทำเองที่บ้าน
คุณ แอนเดรีย บรินค์ คริสเตียน ได้เข้ามาตอบว่า
ตัวเธอนั้นไม่ได้เป็นออทิสติก เธออายุ 37 ปี และขับสารปรอทมาแล้ว 3 ปี พร้อมกับลูก ๆ
และเธอพบว่า มันสามารถช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตัวเธอเป็นอย่างมาก
มันคุ้มค่าที่จะทำจริง ๆ
ซึ่งถ้าขยายความตรงนี้ก็คือ ปัญหาสุขภาพทั้งหมดที่เธอเป็นเรื้อรังอยู่
หรือปัญหาทางระบบประสาทของเธอก็น่าจะดีขึ้นหรือหายไป
ซึ่งพวกนี้เป็นผลกระทบของปรอทที่มีต่อฮอร์โมนและระบบการทำงาน
ของร่างกายทั้งหมดอยู่แล้ว
ซึ่งคุณจะรู้เรื่องพวกนี้ได้ละเอียดดีมากขึ้น เมื่อเข้าไปอ่านในหนังสือ
มันเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด
คุณ เอเลนา ไม เข้ามาบอกว่า สำหรับเด็กออทิสติกอายุ 19 ปี และพูดไม่ได้
มันยากที่จะบอกว่าเขาจะรักษาหาย ควรซื้อหนังสือ ของคัทเลอร์ 2 เล่ม
ร่วมมือกับหมอ ค้นคว้าเพิ่มเติมในเว็บ โอนิบาสุ
ซึ่งเป็นเว็บที่มีคำพูดของคัทเลอร์มากมายอยู่ในนั้น
คุณจอห์น เข้ามาบอกว่า การฉีดวิตามินบี12 กับอาหารเสริม DMG
ช่วยการพูดของ ลูกชายของเขา และพวกเขาลองอีกหลายอย่าง
เช่น เรื่องคุมอาหาร ลองใช้โปรโตคอลของ ยาสโก ซึ่งก็ช่วยบ้างเล็กน้อย
คุณ นาตาลี บอกว่า เขาเริ่มทำ ACC ให้กับลูกตอนอายุ 11
และยังคงทำอยู่ตอนนี้ลูกอาการดีขึ้นอย่างมาก
แต่ก็มีเช่นเดียวกันที่บอกว่าไม่ได้ผล
คุณ มาเลน่า เข้ามาบอกว่าอาการของลูกเธอดีขึ้น
แต่ก็ยังไม่หาย เธอทำ ACC มาแล้ว 3 ปีให้ลูกชายที่พูดไม่ได้
ซึ่งสุดท้ายแล้ว อาการของลูกดีขึ้นแต่ลูกก็ยังพูดไม่ได้
คุณ อิซซาเบลล่าเข้ามาบอกว่า
โรคออทิซึมเกิดได้จากหลายสาเหตุ
ACC สามารถช่วยขับสารพิษออกไปได้ทั้งหมดจริง
แต่คุณก็ยังต้องสำรวจด้านอื่น ๆ ด้วย
ที่อาจจะเป็นส่วนที่ยังคงขัดขวางพัฒนาการของสมองอยู่
ซึ่งเธอแนะนำให้ไปศึกษาต่อที่
recovering kids group
ซึ่งเป็นกรุ๊ปของเด็กอีกกรุ๊ปที่สำรวจในเรื่องอื่น ๆ ด้วย
เช่น การติดเชื้อไวรัสและเชื้อรา
ซึ่งก็เป็นสิ่งที่จะทำให้อาการออทิสติกเป็นหนักมากขึ้นได้เช่นกัน