ที่จริงไป มาตั้งแต่ เมษา ค่ะแต่ไม่มีเวลาตั้งกระทู้เลย จนถึงช่วงนี้มีสงครามแถบเยรูซาเล็มเห็นอียิปต์เปิดพรมแดนช่วย ผู้อพยพ เห็นคนที่กำลังจะไปอียิปต์หลายคนเริ่มกังวลถึงสถานการณ์ว่าจะบานปลายมาแถบนี้หรือเปล่าเราก็เฝ้าติดตามทุกวันค่ะ 



เราเดินทางทั้งหมดแปดวันแต่ต้องไปแวะนอนเปลี่ยนเครื่องที่ โอมานเพราะยังไม่มีบินตรงช่วงนั้นค่ะ บินกับโอมานแอร์ชั้นประหยัด แต่ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมากเพราะทัวร์จัดการให้หมด 
เลือกรูปอยู่นานว่าจะเอารูปอะไรเปิดกระทู้ดี เพราะ มีกระทู้อียิปต์ค่อนข้างเยอะรูปแต่ละคนสวยๆทั้งนั้น เรากล้องมือถืออย่างเดียวเลยค่ะ เคยมี มิเลอร์เลส กะ DSLR นี่ขายไปหมดแล้ว เนื่องจากขี้เกียจหอบไปไหนมาไหน มือถือคือกดเลย ชอบหลายมหาวิหารมาก แต่ด้วยประวัติของอาบูซิมเบล นี่คือทึ่งมาก
ตอนไปดูไม่รู้เลยว่าเค้ายกภูเขาทั้งลูกมาไว้บนบกได้ยังไง เลยไปตามหาประวัติงี้ซึ้งเลยค่ะ เลยชอบอาบูซิมเบลมากๆ เสียดายมีเวลาให้แค่สองชั่วโมงถ้าใครไปเองแนะนำ ไปค้างนะคะถ้าอยากอยู่นานๆ ไปจากอัสวานยังไงก็มีเวลาไม่มากเพราะระยะทางไกลมากสี่ร้อยโล ต้องออกตีสี่เพื่อไปให้ถึงเช้าพอดีและต้องรีบกลับมาอัสวานให้ทันเรือออก 

  เริ่มจากการเดินทาง ด้วยโอมานแอร์ ขาไปนั่ง ดรีมไลน์เนอร์ ดีมากค่ะ นั่งครั้งแรก ใหญ่มากกว้างมาก กัปตันขับนิ่งมากๆด้วย ดีทุกอย่าง ไปนอนพัก เป็นมัสกัส 1 คืนเช้ามานั่งต่อเครื่องเล็กจากโอมานไปอียิปต์ ช่วงที่บินจากมัสกัสไปอียิปต์นี่วิวหน้าต่างคือเป็นทะเลทรายจริงๆ ภูมิประเทศจะเปลี่ยนตลอดเวลาเนื่องจากเครื่องบินไม่สูง ถึงเห็นวิวด้านล่างค่อนข้างชัดส่วนอาหารบนเครื่องก็อย่างที่เห็นค่ะ ทานได้แต่ไม่หมด ให้รสชาติกลางๆ



  พอถึงไครโร  ไกด์จะให้ทุกคนรวมตัวกันเพื่อ แปะหน้าพาสปอร์ตด้วยวีซ่ากรุ๊ปที่ขอมา โดยจะมีไกด์อียิปต์เป็นผ๔้ประสานงานอยู่ทางนี้อีกที
แต่ก็รอไม่นานค่ะ เห็นรูปปั้นนี้ คุณถึงอียิปต์แน่นอนฮ่าๆๆข้ามวันข้ามคืนมาแบบสุดๆ



             ลงเครื่องก็ทานข้าวเข้าโรงแรม เป็นฮอลิเดย์อินน์ อยู่กลางใจเมืองติดห้างใหญ่ของอียิปต์ เข้าออกทุกที่ต้อง สแกนกระเป๋านะคะ ทุกใบ
อาหารคิดว่าจะแยกไปไว้ท้ายๆค่ะ เนื้อที่กระทู้ไม่น่าพอ สัหรับปลั๊กไฟ แนะนำเอาปลั๊กพ่วงไปด้วยค่ะ และใช้ยูนิเวอร์แซลปลั๊กได้ แต่บางอันมันหลวมถ้าไฟไม่เข้าให้หาตำแหน่งปลั๊กที่มันแน่นๆ หน่อย



   เนื่องจากตารางทัวร์ มีการเปลี่ยนแปลงคือเช้าอีกวันต้องต่อเครื่องไป อัสวาน นี่ขึ้นลงเครื่องจนมึน และเนื่องจาก ตม. ทำงานค่อนข้างช้า พนักงานสนามบินก็แบบเอื่อยๆเรื่อยๆมากค่ะ  ชาวเราที่เคยแต่รีบๆเชคอินถึงกับไปไม่เป็นเลย คนเยอะแค่ไหน พี่ก็จะไม่เปิดแถวเพิ่ม บางทีก็เดินออกไปคุยกันเฉย 
ลุ้นทุกวินาที ไปไหนมาหลายที่ น่าจะเป็นสนามบินอียิปต์นี่หล่ะ อีดอาด สุดๆ รอบนี้บินอียิปต์แอร์ ไปเมืออัสวาน บินต่ำเหมือนเดิม ภูมิประเทศแปลกตามากเราก็นั่งมองล่างไปตลอดทาง ชอบมาก เวลาคนที่นู่นเค้ามาบ้านเราจะตกใจกับต้นไม้บ้านเราไม๊นะ ฮ่าๆ มองลงล่างนี่ทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา ถึงอัสวานโดยสวัสดิภาพ



            เอาจริงๆ ชอบเมืองอัสวาน ที่สุดในทริปนี้เพราะ น้ำสีเข้มสวยมาก เหมือนสีน้ำมหาสมุทรลึกๆเลย  ทั้งๆที่เป็นแม่น้ำไนล์ แต่สีจะแตกต่างกันไปตามเมืองที่เราล่องผ่านนะคะ บางที่เป็นสีเขียว บางที่ขุ่นๆ เหลืองๆ แต่ที่อัสวานน้ำสวยที่สุด 

        

        หลังจากเครื่องลง เราก็จะถูกพาไปเที่ยวเขื่อนอัสวาน ใหญ่โตมากๆ น้ำสีเข้ม มาก ข้อมูลของเขื่อนแบบย่อๆ และเขื่อนนี้ทำให้ มหาวิหารหลายแห่งในอียิปต์ต้องจมน้ำ โดยเฉพาะมหาวิหารอาบูซิมเบล
เขื่อนอัสวานมีความยาว 3.600 เมตรและสูงถึง 111 เมตร นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่น่าประทับใจที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษย์ ฐานกว้าง 980 เมตรและค่อยๆลดลงเหลือ 40 เมตรที่ด้านบนการก่อสร้างใช้หิน 43 ล้านลูกบาศก์เมตรและ 10 ปีจึงจะเสร็จ ก่อให้เกิดจุดเริ่มต้นของทะเลสาบนัสเซอร์ ทะเลสาบแห่งนี้มีความยาวประมาณ 500 กิโลเมตรและกว้างถึง 16 กิโลเมตร มีน้ำทั้งหมด 6.000 ตารางกิโลเมตรซึ่งทำให้ที่นี่กลายเป็นทะเลสาบที่มนุษย์สร้างขึ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก



            ออกจากเขื่อนก็ไปตามโปรแกรมไปดูเสาหินโอเบลิกส์ เสาที่สร้างไม่เสร็จนั่นคือ “Unfinished obelisk” ของพระนางฮัตเซปซุต (Hatshepsut) (ปี 1508–1458 ก่อนคริสตกาล) ฟาโรห์หญิงองค์แรกแห่งอียิปต์ เมื่อประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสต์ราช ณ เมืองอัสวาน (Aswan) ห่างจากเมืองไคโรไปทางตอนใต้ ประมาณ 680 กิโลเมต Unfinished obelisk นั้นแกะสลักทั้งต้นออกจากเหมืองหินแกรนิต แต่ระหว่างการก่อสร้างนั้นเกิดมีรอยร้าวขึ้น ช่างแกะสลักจึงเลิกล้มโครงการ และทิ้งมันไว้เช่นนั้น ซึ่งน่าเสียดายว่าหากไม่ร้าวเสียก่อนเราก็จะได้เสาโอเบลิสก์ที่สูงที่สุดในโลกถึง 137 ฟุต (42 เมตร) หนัก 1,168 ตัน 
คิดว่าคนสมัยก่อนขนมันไปไหนมาไหนยังไงก่อน เนื่องจากอัสวานเป็นเมืองที่ มีหินแกนิตคุณภาพดี เสาทุกต้นแกะจากเมืองนี้แล้วส่งไปตามเมืองต่างๆในอียิปต์ ยอมคนโบราณ 



           เดินทางมาหลายเพลา ในที่สุดก็จะได้เข้าที่พักละค่ะ สามคืนนี้เราจะไม่ต้องย้ายที่พักละโอ๊ยดีใจแบบสุดๆไปเลย เหมือนกับเปลี่ยนที่นอนทุกวันมาสามวันติด มากับทัวร์ต้องทำใจแต่ก็สบายตรงที่มีคนจัดแจงให้ทุกอย่างทั้ง การขึ้นรถ บัตรเข้าสถานที่ต่างๆ ข้อดีข้อเสียต่างกันค่ะ

สามคืนนี้เราจะพัก บนเรือค่ะ ล่องแม่น้ำไปเรื่อยๆ จากอัสวาน ไปลักซอร์ แล้วขึ้นฝั่งที่ลักซอร์ ไปดูที่พักกันค่ะ เราลงเรือชื่อ มอนติคารืโล ต้องจำชื่อให้ดีๆ เพราะเรือเราอาจย้ายตำแน่ง ไปจอดที่อื่นหรือ จอดเรียงกับเรืออื่นได้  ห้องพักก้สะดวกสบายดีค่ะ วิวก็เป็นแม่น้ำไนล์ไปตลอดทาง 



        บนเรือก็มีห้องอาหาร และห้องสันทนาการ อาหารจะออกเป็นเวลา แบบบุฟเฟ่ต์ มีเครื่องดื่มขาย กาแฟ ขายค่ะ แต่ปิดเปิดเป็นเวลา นอกเวลาอาหารสามารถไปนั่งเล่นได้ค่ะ ทุกคนในเรือจะมาตรงนี้กัน
   อาหารเราให้กลางๆ เลือกทานแต่ที่เราชอบ ขนมปังที่นี่ค่อนข้างแข็ง 


        ปิดท้ายด้วยรูปดาดฟ้าเรือและคงต้อง ปิดตอนนี้แค่นี้ก่อนค่ะรูปเยอะมาก ตัวอักษรก็เยอะเช่นกัน เดี๋ยวไปต่อข้างล่างด้วย การล่องเรือเที่ยวแถบแม่น้ำที่อัสวานกันค่ะ