‘พิธา’ ปราศรัยจอมทอง ลั่นอีก 4 ปี ‘ก้าวไกล’ กลับมาแน่ คอหวยไม่พลาดส่องป้ายทะเบียน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4202435
‘พิธา’ ปราศรัยจอมทอง ทำหน้าที่ฝ่ายค้านเชิงรุก เป็นปากเสียงให้ ปชช. ลั่นอีก 4 ปี ‘ก้าวไกล’ กลับมาแน่นอน
เมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 27 กันยายน ที่บริเวณลานจอดรถหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมายังบูทกิจกรรมรับสมัครสมาชิกพรรค โดยมีประชาชนในพื้นที่ อ.จอมทอง และใกล้เคียง เดินทางมาต้อนรับพร้อมนำดอกกุหลาบสีแดงมอบให้อย่างอบอุ่น
ขณะที่นาย
พิธา ได้ถือโอกาสกราบสักการะองค์พระธาตุศรีจอมทอง และเข้ากราบพระสงฆ์ภายในวิหาร จากนั้นได้เดินทางมาพบปะประชาชนที่มารอต้อนรับบริเวณลานจอดรถ พร้อมขึ้นกล่าวปราศัยบนรถกระบะ ท่ามกลางเสียงตะโกนโห่ร้องต้อนรับ
นายพิธา กล่าวว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่ลงพื้นที่ หลังรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า แม้พรรคจะเป็นฝ่ายค้าน แต่จะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้ประชาชนในการตรวจสอบการทำงาของรัฐบาล รวมทั้งจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างเต็มที่ แม้ อ.จอมทอง ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขต 9 ผู้สมัครของพรรค คือนาย
สมเกียรติ มีธรรม จะไม่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แต่ขอขอบคุณพี่น้องเขต 9 ที่ลงคะแนนให้ผู้สมัครของพรรคกว่า 2.6 หมื่นคะแนน ขอให้ประชาชนรอคอยอีก 4 ปี ข้างหน้าพรรคก้าวไกลจะกลับมาอย่างแน่นอน
นาย
พิธา กล่าวว่า ส่วนปีหน้าจะมีการเลือกตั้งนายก อบจ. พรรคก้าวไกลยืนยันจะส่งผู้สมัครลงชิงเก้าอี้นายก อบจ.เชียงใหม่ และตนเองจะเดินทางมาช่วยผู้สมัครหาเสียงด้วย ขณะที่วันนี้พรรคมาเปิดรับสมัครสมาชิกแบบออฟไลน์ถึงพื้นที่ เพราะพรรคเราเป็นพรรคเล็กๆไม่มีนายทุนสนับสนุน วันนี้ พรรคอยู่ได้เพราะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเดือนละกว่า 1 หมื่นคน จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนชาว อ.จอมทองและใกล้เคียงสมัครสมาชิกพรรค แบบรายปี 200 บาท และตลอดชีพ 2,000 บาท
หลังใช้เวลาปราศัยราว 10 นาที นายพิธา ก็เดินมาทักทายประชาชนที่บูทรับสมัครสมาชิก โดยมีประชาชนเข้ามารุมล้อมขอถ่ายรูปและนำของฝาก เช่น ลำไยอบแห้ง ลำไยสดคว้านเม็ดมามอบให้ ขณะที่บางคนก็นำหมวกที่ระลึกมาให้นาย
พิธาเซ็นชื่อเป็นที่ระลึกด้วย
จากนั้นนาย
พิธาได้เดินทางขึ้นรถตู้เดินทางกลับในเวลา 16.15 น. ขณะที่ประชาชนหลายคนได้นำโทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพรถตู้หมายเลขทะเบียน “
นจ 3535 เชียงใหม่” ที่นาย
พิธาโดยสารมา และเดินไปหาซื้อลอตเตอรี้เลขดังกล่าวที่แผงขายหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง นอกจากเลขทะเบียนรถแล้ว เลขที่ประชาชนหาซื้อกันคือ 43 ซึ่งเป็นอายุของนาย
พิธา
ธนาธรเฮ ศาล พิพากษาให้ กรมที่ดิน ชดใช้ 4.9ล้าน ปมสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ดินราชบุรี
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7887039
ศาลปกครอง สั่ง กรมที่ดิน ชดใช้เงิน 4.9 ล้าน พร้อมดอกเบี้ยให้ ‘ธนาธร’ ปมสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ดินราชบุรี ชี้เป็นพฤติการณ์ความผิดพลาดเจ้าหน้าที่
เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2566 ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่ นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ยื่นฟ้องกระทรวงมหาดไทย กรมที่ดิน นายอำเภอจอมบึง จ.ราชบุรี อธิบดีกรมที่ดิน และปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-4 ขอให้เพิกถอนคำสั่งกรมที่ดินที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มี.ค.2565 ที่เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 158-159 ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี
ศาลปกครองกลาง พิจารณาแล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบตำแหน่งที่ดินของหน่วยงานต่างๆ ตามหลักวิชาการที่ดิน ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากแผนที่แสดงตำแหน่งแปลงที่ดินแล้ว เห็นว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ของผู้ฟ้องคดีอยู่ในแนวเขตที่ดิน ซึ่งมติครม.เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2512 ได้กำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ป่าไม้ถาวร “
ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี” หมายเลข 85
ต่อมาได้ประกาศกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ “
ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี” ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 1,069(พ.ศ.2527) ออกตามความใน พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ซึ่งต้องห้ามมิให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3. ก.) ตามข้อ 3 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2497) และข้อ 8 (2) ของกฎกระทรวงฉบับที่ 5 (พ.ศ.2497) ออกตามความพ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497
จึงเป็นการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) โดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย รองอธิบดีซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มอบหมายจึงมีอำนาจตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน สั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ได้ ดังนั้น คำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มี.ค.2565 ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3.ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ของผู้ฟ้องคดีจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ดังนั้น เมื่อคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี จึงอาศัยข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และการใช้ดุลพินิจเช่นเดียวกัน จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน
เมื่อหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 158 ออกให้แก่นาย อ. และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 159 ออกให้แก่นาย ช. เมื่อวันที่ 3 ต.ค.2521 ตามโครงการเดินสำรวจโดยมิได้แจ้งการครอบครองที่ดินตามตามมาตรา 58 และมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (2) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
ต่อมา นาย อ. และนาย ช. ได้จดทะเบียนขายให้แก่ บริษัท ร. เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2528 หลังจากนั้น บริษัท ร. ได้จดทะเบียนขายรวม 2 แปลงให้แก่นาย ส. เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2434และนาย ส. ได้จดทะเบียนขายรวม 2 แปลงให้แก่ผู้ฟ้องคดี เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2543 ผู้ฟ้องคดีจึงเป็นบุคคลภายนอกได้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และได้รับความเสียหาย
เมื่อนายอำเภอจอมบึง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (กระทรวงมหาดไทย) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ไม่ได้ใช้ความระมัดระวัง ความรู้ความชำนาญและความละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบสภาพและที่ตั้งของที่ดินว่า เป็นที่ดินที่ต้องห้ามออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ตามกฎหมายหรือไม่
ตามวิสัยและพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน อาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่เมื่อนายอำเภอจอมบึง ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงต้องไม่รับผิดชดใช้ค่าเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ของนายอำเภอจอมบึง
แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (กรมที่ดิน) จึงต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของนายอำเภอจอมบึงในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว ตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539
ส่วนในการพิจารณากำหนดค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดี จะต้องพิจารณาถึงความเสียหายที่ผู้ฟ้องคดีได้รับ ณ วันที่ผู้ฟ้องคดีได้รับแจ้งคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (นส.3ก.) เมื่อผู้ฟ้องคดีได้รับแจ้งคำสั่งเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2565 และไม่ปรากฏว่ามีราคาซื้อขายที่ดินกันตามปกติในท้องตลาดในวันดังกล่าว จึงเห็นควรกำหนดค่าเสียหาย
โดยเทียบเคียงจากบัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม รอบบัญชี ปี พ.ศ. 2559 – พ.ศ. 2562 ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดราชบุรี สาขาจอมบึง ประกาศกำหนด เนื่องจากอัตราดังกล่าว เป็นการกำหนดราคาที่ดินที่เป็นกลางและใช้บังคับอยู่จนถึงวันที่มีการเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.)
เมื่อหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 158 มีเนื้อที่ 43 ไร่ 3 งาน มีราคาประเมินทุนทรัพย์ฯ ราคาตารางวาละ 160 บาท คิดเป็นเงิน 2,800,000 บาท และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. – ก.) เลขที่ 159 มีเนื้อที่ 38 ไร่ 67 ตารางวา มีราคาประเมินทุนทรัพย์ฯ ราคาตารางวาละ 190 บาท คิดเป็นเงินจำนวน 2,900,730 บาท รวมเป็นเงิน 5,700,730 บาท
อย่างไรก็ดี ผู้ฟ้องคดี มีคำขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 4,785,782.98 บาท ศาลจึงไม่อาจพิพากษาเกินคำขอของผู้ฟ้องคดีได้ และผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ทำละเมิด คือ ตั้งแต่วันที่ 1เม.ย.2565 จนถึงวันที่ฟ้องคดี (10 ต.ค. 2565) คิดเป็นดอกเบี้ยก่อนฟ้องคดีเป็นเงินจำนวน 126,528.23 บาท ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิได้รับค่าเสียหายรวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 4,912,311.21 บาท
ส่วนการที่ผู้ฟ้องคดี มีคำขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดี เป็นรายเดือน เดือนละ 13,666.67 บาท นับแต่วันที่ 1 เม.ย.2565 เป็นต้นไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และค่าเสียหายจากการเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดิน
โดยค่าเสียหายตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2565 จนถึงวันฟ้องคิดเป็นเงินจำนวน 86,555.57 บาทนั้น เห็นว่า ผู้ฟ้องคดีไม่เคยเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดิน และไม่เคยมีรายได้จากที่ดินแปลงพิพาท อีกทั้งผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างลอย ๆ ปราศจากพยานหลักฐานการให้เช่าที่ดิน กรณีจึงถือไม่ได้ว่า ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหายตามที่กล่าวอ้าง
ศาลจึงไม่กำหนดค่าเสียหายจากการทำประโยชน์ในที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดี พิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 4,912,311.21 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ซึ่งออกตามความในมาตรา 7 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ ของต้นเงิน 4,785,782.98 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแต่ไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี ตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ทั้งนี้ ภายใน 60 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด คืนค่าธรรมเนียมศาลแต่บางส่วนตามส่วนของการชนะคดีแก่ผู้ฟ้องคดี และให้ยกฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
“ศิธา” เผย พรุ่งนี้ ทสท. ตั้งกระทู้ ทวงเบี้ยเลี้ยงค้างจ่ายให้อาสาสมัครการแพทย์ หวัง “ชลน่าน” แจงด้วยตัวเอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4202428
“ศิธา” เผย พรุ่งนี้ ทสท. ตั้งกระทู้ ทวงเบี้ยเลี้ยงค้างจ่ายให้อาสาสมัครทางการแพทย์ หวัง “ชลน่าน” แจงด้วยตัวเอง
จากกรณีที่ นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินได้มอบนโยบายของรัฐมนตรีว่าการ สธ. ให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จัดตั้งทีมการแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศ หรือ Sky Doctor ให้มีครบทุกเขตสุขภาพทั่วประเทศ ซึ่งเป็น 1 ใน 13 ควิกวิน (Quick Win) 13 ประเด็น ให้เห็นผลใน 100 วัน ของ สธ. นั้น
JJNY : 5in1 ‘พิธา’ปราศรัยจอมทอง│ธนาธรเฮ│“ศิธา”เผยพรุ่งนี้ทสท.ตั้งกระทู้│กนง.ขึ้นดอกเบี้ย หั่นจีดีพี│รัสเซียโจมตีโอเดสซา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4202435
‘พิธา’ ปราศรัยจอมทอง ทำหน้าที่ฝ่ายค้านเชิงรุก เป็นปากเสียงให้ ปชช. ลั่นอีก 4 ปี ‘ก้าวไกล’ กลับมาแน่นอน
เมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 27 กันยายน ที่บริเวณลานจอดรถหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมายังบูทกิจกรรมรับสมัครสมาชิกพรรค โดยมีประชาชนในพื้นที่ อ.จอมทอง และใกล้เคียง เดินทางมาต้อนรับพร้อมนำดอกกุหลาบสีแดงมอบให้อย่างอบอุ่น
ขณะที่นายพิธา ได้ถือโอกาสกราบสักการะองค์พระธาตุศรีจอมทอง และเข้ากราบพระสงฆ์ภายในวิหาร จากนั้นได้เดินทางมาพบปะประชาชนที่มารอต้อนรับบริเวณลานจอดรถ พร้อมขึ้นกล่าวปราศัยบนรถกระบะ ท่ามกลางเสียงตะโกนโห่ร้องต้อนรับ
นายพิธา กล่าวว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่ลงพื้นที่ หลังรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า แม้พรรคจะเป็นฝ่ายค้าน แต่จะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้ประชาชนในการตรวจสอบการทำงาของรัฐบาล รวมทั้งจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างเต็มที่ แม้ อ.จอมทอง ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขต 9 ผู้สมัครของพรรค คือนายสมเกียรติ มีธรรม จะไม่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แต่ขอขอบคุณพี่น้องเขต 9 ที่ลงคะแนนให้ผู้สมัครของพรรคกว่า 2.6 หมื่นคะแนน ขอให้ประชาชนรอคอยอีก 4 ปี ข้างหน้าพรรคก้าวไกลจะกลับมาอย่างแน่นอน
นายพิธา กล่าวว่า ส่วนปีหน้าจะมีการเลือกตั้งนายก อบจ. พรรคก้าวไกลยืนยันจะส่งผู้สมัครลงชิงเก้าอี้นายก อบจ.เชียงใหม่ และตนเองจะเดินทางมาช่วยผู้สมัครหาเสียงด้วย ขณะที่วันนี้พรรคมาเปิดรับสมัครสมาชิกแบบออฟไลน์ถึงพื้นที่ เพราะพรรคเราเป็นพรรคเล็กๆไม่มีนายทุนสนับสนุน วันนี้ พรรคอยู่ได้เพราะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเดือนละกว่า 1 หมื่นคน จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนชาว อ.จอมทองและใกล้เคียงสมัครสมาชิกพรรค แบบรายปี 200 บาท และตลอดชีพ 2,000 บาท
หลังใช้เวลาปราศัยราว 10 นาที นายพิธา ก็เดินมาทักทายประชาชนที่บูทรับสมัครสมาชิก โดยมีประชาชนเข้ามารุมล้อมขอถ่ายรูปและนำของฝาก เช่น ลำไยอบแห้ง ลำไยสดคว้านเม็ดมามอบให้ ขณะที่บางคนก็นำหมวกที่ระลึกมาให้นายพิธาเซ็นชื่อเป็นที่ระลึกด้วย
จากนั้นนายพิธาได้เดินทางขึ้นรถตู้เดินทางกลับในเวลา 16.15 น. ขณะที่ประชาชนหลายคนได้นำโทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพรถตู้หมายเลขทะเบียน “นจ 3535 เชียงใหม่” ที่นายพิธาโดยสารมา และเดินไปหาซื้อลอตเตอรี้เลขดังกล่าวที่แผงขายหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง นอกจากเลขทะเบียนรถแล้ว เลขที่ประชาชนหาซื้อกันคือ 43 ซึ่งเป็นอายุของนายพิธา
ธนาธรเฮ ศาล พิพากษาให้ กรมที่ดิน ชดใช้ 4.9ล้าน ปมสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ดินราชบุรี
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7887039
ศาลปกครอง สั่ง กรมที่ดิน ชดใช้เงิน 4.9 ล้าน พร้อมดอกเบี้ยให้ ‘ธนาธร’ ปมสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ดินราชบุรี ชี้เป็นพฤติการณ์ความผิดพลาดเจ้าหน้าที่
เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2566 ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ยื่นฟ้องกระทรวงมหาดไทย กรมที่ดิน นายอำเภอจอมบึง จ.ราชบุรี อธิบดีกรมที่ดิน และปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-4 ขอให้เพิกถอนคำสั่งกรมที่ดินที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มี.ค.2565 ที่เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 158-159 ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี
ศาลปกครองกลาง พิจารณาแล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบตำแหน่งที่ดินของหน่วยงานต่างๆ ตามหลักวิชาการที่ดิน ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากแผนที่แสดงตำแหน่งแปลงที่ดินแล้ว เห็นว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ของผู้ฟ้องคดีอยู่ในแนวเขตที่ดิน ซึ่งมติครม.เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2512 ได้กำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี” หมายเลข 85
ต่อมาได้ประกาศกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี” ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 1,069(พ.ศ.2527) ออกตามความใน พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ซึ่งต้องห้ามมิให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3. ก.) ตามข้อ 3 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2497) และข้อ 8 (2) ของกฎกระทรวงฉบับที่ 5 (พ.ศ.2497) ออกตามความพ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497
จึงเป็นการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) โดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย รองอธิบดีซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มอบหมายจึงมีอำนาจตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน สั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ได้ ดังนั้น คำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มี.ค.2565 ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3.ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ของผู้ฟ้องคดีจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ดังนั้น เมื่อคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี จึงอาศัยข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และการใช้ดุลพินิจเช่นเดียวกัน จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน
เมื่อหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 158 ออกให้แก่นาย อ. และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 159 ออกให้แก่นาย ช. เมื่อวันที่ 3 ต.ค.2521 ตามโครงการเดินสำรวจโดยมิได้แจ้งการครอบครองที่ดินตามตามมาตรา 58 และมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (2) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
ต่อมา นาย อ. และนาย ช. ได้จดทะเบียนขายให้แก่ บริษัท ร. เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2528 หลังจากนั้น บริษัท ร. ได้จดทะเบียนขายรวม 2 แปลงให้แก่นาย ส. เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2434และนาย ส. ได้จดทะเบียนขายรวม 2 แปลงให้แก่ผู้ฟ้องคดี เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2543 ผู้ฟ้องคดีจึงเป็นบุคคลภายนอกได้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และได้รับความเสียหาย
เมื่อนายอำเภอจอมบึง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (กระทรวงมหาดไทย) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ไม่ได้ใช้ความระมัดระวัง ความรู้ความชำนาญและความละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบสภาพและที่ตั้งของที่ดินว่า เป็นที่ดินที่ต้องห้ามออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ตามกฎหมายหรือไม่
ตามวิสัยและพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน อาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่เมื่อนายอำเภอจอมบึง ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงต้องไม่รับผิดชดใช้ค่าเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ของนายอำเภอจอมบึง
แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (กรมที่ดิน) จึงต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของนายอำเภอจอมบึงในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว ตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539
ส่วนในการพิจารณากำหนดค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดี จะต้องพิจารณาถึงความเสียหายที่ผู้ฟ้องคดีได้รับ ณ วันที่ผู้ฟ้องคดีได้รับแจ้งคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (นส.3ก.) เมื่อผู้ฟ้องคดีได้รับแจ้งคำสั่งเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2565 และไม่ปรากฏว่ามีราคาซื้อขายที่ดินกันตามปกติในท้องตลาดในวันดังกล่าว จึงเห็นควรกำหนดค่าเสียหาย
โดยเทียบเคียงจากบัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม รอบบัญชี ปี พ.ศ. 2559 – พ.ศ. 2562 ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดราชบุรี สาขาจอมบึง ประกาศกำหนด เนื่องจากอัตราดังกล่าว เป็นการกำหนดราคาที่ดินที่เป็นกลางและใช้บังคับอยู่จนถึงวันที่มีการเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.)
เมื่อหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 158 มีเนื้อที่ 43 ไร่ 3 งาน มีราคาประเมินทุนทรัพย์ฯ ราคาตารางวาละ 160 บาท คิดเป็นเงิน 2,800,000 บาท และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. – ก.) เลขที่ 159 มีเนื้อที่ 38 ไร่ 67 ตารางวา มีราคาประเมินทุนทรัพย์ฯ ราคาตารางวาละ 190 บาท คิดเป็นเงินจำนวน 2,900,730 บาท รวมเป็นเงิน 5,700,730 บาท
อย่างไรก็ดี ผู้ฟ้องคดี มีคำขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 4,785,782.98 บาท ศาลจึงไม่อาจพิพากษาเกินคำขอของผู้ฟ้องคดีได้ และผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ทำละเมิด คือ ตั้งแต่วันที่ 1เม.ย.2565 จนถึงวันที่ฟ้องคดี (10 ต.ค. 2565) คิดเป็นดอกเบี้ยก่อนฟ้องคดีเป็นเงินจำนวน 126,528.23 บาท ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิได้รับค่าเสียหายรวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 4,912,311.21 บาท
ส่วนการที่ผู้ฟ้องคดี มีคำขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดี เป็นรายเดือน เดือนละ 13,666.67 บาท นับแต่วันที่ 1 เม.ย.2565 เป็นต้นไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และค่าเสียหายจากการเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดิน
โดยค่าเสียหายตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2565 จนถึงวันฟ้องคิดเป็นเงินจำนวน 86,555.57 บาทนั้น เห็นว่า ผู้ฟ้องคดีไม่เคยเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดิน และไม่เคยมีรายได้จากที่ดินแปลงพิพาท อีกทั้งผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างลอย ๆ ปราศจากพยานหลักฐานการให้เช่าที่ดิน กรณีจึงถือไม่ได้ว่า ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหายตามที่กล่าวอ้าง
ศาลจึงไม่กำหนดค่าเสียหายจากการทำประโยชน์ในที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดี พิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 4,912,311.21 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ซึ่งออกตามความในมาตรา 7 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ ของต้นเงิน 4,785,782.98 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแต่ไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี ตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ทั้งนี้ ภายใน 60 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด คืนค่าธรรมเนียมศาลแต่บางส่วนตามส่วนของการชนะคดีแก่ผู้ฟ้องคดี และให้ยกฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
“ศิธา” เผย พรุ่งนี้ ทสท. ตั้งกระทู้ ทวงเบี้ยเลี้ยงค้างจ่ายให้อาสาสมัครการแพทย์ หวัง “ชลน่าน” แจงด้วยตัวเอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4202428
“ศิธา” เผย พรุ่งนี้ ทสท. ตั้งกระทู้ ทวงเบี้ยเลี้ยงค้างจ่ายให้อาสาสมัครทางการแพทย์ หวัง “ชลน่าน” แจงด้วยตัวเอง
จากกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินได้มอบนโยบายของรัฐมนตรีว่าการ สธ. ให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จัดตั้งทีมการแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศ หรือ Sky Doctor ให้มีครบทุกเขตสุขภาพทั่วประเทศ ซึ่งเป็น 1 ใน 13 ควิกวิน (Quick Win) 13 ประเด็น ให้เห็นผลใน 100 วัน ของ สธ. นั้น