‘รฟท.’ เดือด ฟ้องศาลแพ่งบุรีรัมย์ เพิกถอนบ.ศิลาชัย-กรุณา ชิดชอบ รุก ‘ที่ดินเขากระโดง’

KEY POINTS
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งบุรีรัมย์ เพื่อขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดงที่ออกทับซ้อนที่ดินของ รฟท.

ผู้ถูกฟ้องคือ บริษัท ศิลาชัยบุรีรัมย์ (1991) จำกัด และนางกรุณา ชิดชอบ ซึ่งเป็นผู้ครอบครองโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ตามลำดับ

การฟ้องร้องนี้เป็นไปตามมติของ ป.ป.ช. และคำพิพากษาศาลฎีกาที่ชี้ว่ามีการออกโฉนดโดยมิชอบด้วยกฎหมายในที่ดินของการรถไฟฯ

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า วันนี้ (14 ตุลาคม 2568) สำนักงานอาณาบาล ของการรถไฟฯ ได้เดินทางไปยื่นฟ้องคดีเขากระโดงแปลงที่ดิน 3466 กับ 8564 ที่ศาลแพ่งบุรีรัมย์ ปัจจุบันได้มีการสำรวจแผนที่รถไฟเสร็จแล้ว ซึ่งจะต้องเพิกถอนทันทีที่ร้องต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2568 สำนักงานอาณาบาลได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าการรถไฟฯ โดยระบุว่าตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติว่าออกโฉนดในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณแยกเขากระโดง

ซึ่งเป็นที่สงวนห้ามการออกโฉนดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จึงให้ฟ้องเพิกถอนหรือฟ้องขับไล่ ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 บริเวณแยกเขากระโดง ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ตามหนังสือ0040 (บร)/1542 ลงวันที่ 12 กันยายน 2568

ต่อมาสำนักงานรัฐมนตรี กลุ่มงานเรื่องราวร้องทุกข์ได้มีหนังสือ ที่ คค 0100/สรค 1611 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 และ ที่ คค 0100/สรค 1853 ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2568 กระทรวงคมนาคม โดยมีข้อสั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และขอให้ดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายกรณีที่ดินเขากระโดง

เรื่องนี้การรถไฟฯ ได้มีหนังสือ ที่ รฟ 1/605/2568 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2568 เพื่อขอความอนุเคราะห์อัยการสูงสุดรับดำเนินคดีแทน รฟท. โดยยื่นฟ้องคดีต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับช้อนที่ดินของการรถไฟฯ ขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากผู้ถือเอกสารสิทธิ์
และผู้ยึดถือครอบครองในบริเวณทางแยกเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งปัจจุบันสำนักงานอัยการสูงสุดยังไม่แจ้งกลับมา

ดังนี้เพื่อเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลปกครองสูงสูงสุด สำนักงานอาณาบาล จึงขออนุมัติฟ้องเพิกถอน หรือฟ้องขับไล่ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 บริเวณแยกเขากระโดง ตำบณอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์

ต่อมานายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ลงนามในหนังสือเลขที่ รฟ.อบ.1000/1792/2568 ลงวันที่ 29 กันยายน 2568 อนุมัติให้สำนักงานอาณาบาล ฟ้องเพิกถอนหรือฟ้องขับไล่ผู้ยึดถือครอบครองโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 (บริษัท ศิลาชัยบุรีรัมย์ (1991) จํากัด เป็นผู้ครอบครอง) และโฉนดที่ดินเลขที่ 8564 (นางกรุณา ชิดชอบ เป็นผู้ครอบครอง) บริเวณแยกเขากระโดง ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ตามหนังสือที่ ปช 0040 (บร)/1542 ลงวันที่ 12 กันยายน 2568

สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 ศาลปกครองกลางได้พิพากษาให้อธิบดีกรมที่ดินปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยให้การรถไฟร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 วรรค 2 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินทำการตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณขอบกระโดงตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อหาแนวเขตที่ดินที่เป็นของการรถไฟตามคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขแดงที่ 842-876/2560 และที่ 8027/2561 
และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 เพื่อให้คณะกรรมการสอบสวนจัดทำรายงานการสอบสวนให้แล้วเสร็จตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ประมวลกฎหมายที่ดินกฎและระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนดต่อไป 

นอกจากนี้ตามผลแห่งคำพิพากษาศาลฎีกา 842-876/2560 รวมทั้งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลจังหวัดบุรีรัมย์และเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (นส. 3) เลขที่ 206 ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งที่ดินทั้งหมดข้างต้นเกิดขึ้นในพื้นที่ที่การรถไฟกล่าวอ้างว่าเป็นการออกหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินทับซ้อนที่ดินของการรถไฟฯ

แม้ในคำพิพากษาของศาลฎีกาทั้ง 2 คดีและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 จะไม่ได้วินิจฉัยให้เพิกถอนที่ดินแปลงอื่นๆนอกเหนือจากที่ปรากฏ
เป็นข้อพิพาทในคดีก็ตามแต่คำพิพากษาดังกล่าวได้วินิจฉัยอย่างชัดแจ้งถึงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดีผู้ฟ้องคดีจึงสามารถใช้ยันต์กับบุคคลภายนอกได้

อีกทั้งที่ดินบริเวณศาลมีคำพิพากษากล่าวอ้างถึงมีฐานะเป็นที่ดินของรัฐซึ่งสามารถใช้จัดทำบริการสาธารณะแก่ประชาชนโดยทั่วไปได้หาใช่มีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีตามมาตรา 145 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง 

ส่วนกรณีที่อธิบดีกรมที่ดินและกรมที่ดินกล่าวอ้างว่าการรถไฟไม่ยอมใช้สิทธิ์ฟ้องคดีต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินตามมาตรา 61 วรรค 8 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินนั้นเห็นว่ามาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินไม่ได้จำกัดอำนาจของผู้ปกครองคดีทั้งสองจะเพิ่มถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินเฉพาะกรณีที่จะต้องมีคำพิพากษาถึงที่สุดเท่านั้น

แต่ยังได้กำหนดอำนาจหน้าที่รวมถึงวิธีการและขั้นตอนต่างๆกรณีที่ความปรากฏแก่กรมที่ดินคดีที่ 1 เองว่ามีการออกหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินให้แก่ผู้ใดโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ก็เป็นหน้าที่ของกรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดินที่จะใช้อำนาจตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง
และหากพบว่ามีการออกหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินไม่ชอบด้วยกฎหมายก็เป็นอำนาจของอธิบดีกรมที่ดินจะมีคำสั่งเพิ่มถอนหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินได้โดยไม่จำเป็นให้ผู้ฟ้องคดีไปฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาลเสียก่อนข้อกล่าวอ้างของอธิบดีกรมที่ดินและกรมที่ดินจึงไม่อาจรับฟังได้


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่