Colorful Light vivid night
Verdurous park
A way to ride
Learning History of Singapore
ลองสักครั้งกับเมืองที่เขาว่ากันว่า ค่าครองชีพเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เมืองที่พระเจ้าไม่ได้ให้ทรัพยากรธรรมชาติที่พรั่งพร้อม จากชาวเกาะสู่เมืองสุด civilize ที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียนที่ใครๆ ก็คงนึกถึงช็อปชิมชม แต่ช็อปชิมเราไม่จุก เดินสิจุกๆ
ทริปนี้จองตั๋วก่อนไป เป็นเวลาราว 3 สัปดาห์ แต่มีเหตุขัดข้องจากสายการบินยกเลิกเที่ยวบินทำให้เราต้องเลือกวันใหม่ เพื่อไม่ให้แผน (ที่จริงๆ กลวงเปล่า) ต้องเสียไปจาก 3 วัน 2 คืนเลยเป็น 4 วัน 4 คืน ประการฉะนี้
ไฟล์ทบินยามเย็นแลนด์ประมาณ 3 ทุ่มกว่า การจะเข้าเมืองจากสนามบินนั้นหลักๆ มีอยู่สามทางคือรถ MRT รถบัส และรถแท็กซี่ ซึ่งหลังเที่ยงคืนไปแล้วจะเหลือแค่รถแท็กซี่เท่านั้น เราใช้เวลาผ่านตมจนถึงขึ้นรถไฟฟ้า MRT Changi airport ปรากฏว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมง มุ่งหน้าสู่ที่พักในคืนแรก ซึ่งอยู่ถนน Arab street
โถง imigration
ทางจาก T2 มีป้ายบอกทางไป MRT ตลอดแนว ตู้กดเงินมีคนเข้าแถว
หลังจากเปิดโรมมิ่งเพื่อใช้อินเตอร์เน็ต มีข้อความจากที่พักแจ้งว่า หลัง 3ทุ่มจะเป็นการ self check-in ให้กรอกลิ้งที่ส่งมา แต่ระบบหลังบ้าน ค่ายA เซ็นเซอร์ลิ้งขึ้นเป็น XXX ที่พักก็พยายามให้แอด whatsapp อีก … ไอเราวอทแอพก็ไม่มีเลยเข้าเว็บไปหา contact ทางอื่นใน official website ของที่พักได้มาเป็นไลน์ เดชะบุญ แอดไปนางอ่านและตอบเลย จึงได้ข้อมูลเช็คอินมาสำเร็จ ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ในการ Self check-in ครั้งแรกของเราเลยเพราะที่จริง note ไปตอนจองว่าน่าจะเช็คอิน 5 ทุ่มเที่ยงคืนนะ ก็ไม่ได้ว่าอะไร และไม่ได้มีกำหนดเวลาเช็คอินแต่แรก
เดินทางสู่ที่พักคืนแรก เป็นHOSTEL อยู่ใกล้สถานี Bugis ลงแล้วเดินข้ามถนน 2 แยก ใกล้กับมัสยิดสุลต่าน เดินผ่านยามค่ำคืน
ไปถึง 4ทุ่มกว่า ยังมีคนหลายคนนั่งในโซนหน้าบ้านก็เข้าพักโดยสวัสดิภาพเพื่อเอาแรงไว้ลุยวันถัดไป
แวะเซเว่นหาหนมรองท้อง
Day 1
ร้านอาหารเช้าเก่าแก่ เดินผ่านย่าน Arab street (sultan mosque)
จักรยานวิบากที่ Punggol-Coney Island- น้ำพุ fountain of wealth-Llight show at garden by the bay
เริ่มต้นยามเช้า เราเดินไปกินร้านอาหารเช้าเก่าแก่ที่บังเอิญอยู่ในย่านนี้พอดี และเดินไม่ไกลจากที่พัก ชื่อ
Heap Seng Leong โดยอยู่ในตึกที่มีร้านอาหารอยู่หลายๆ ร้านด้วยกัน
ไปถึงจับจองโต๊ะและเดินไปสั่งที่บาร์ซึ่งมีอาแป๊ะกำลังชงกาแฟอยู่ จากนั้นจ่ายเงินสด (หรือ scan ) แล้วรอรับอาหารไปนั่งกิน
เราสั่ง set เช้าซึ่งได้แก่ ขนมปังปิ้ง 2 แผ่น (เนยนม1kaya1) กาแฟ 1 ไข่ลวก 1 ที่ ( มี 2ฟอง) 5.6 เหรียญ
ขนมปังปิ้งเป็นปิ้งเตาถ่าน สั่งเนยนมกับสังขยา แต่จะบอกว่าทาไม่ฉ่ำ ได้รสบางๆ ของสังขยา กาแฟโบราณไม่ค่อยเข้ม กลิ่นไม่ชัด ไข่ลวกราดซีอิ๊ว อุ่นนุ่มไม่คาว โชคดีมาก มาถึงไม่มีคิวใดๆ ทั้งสิ้นโต๊ะว่างๆ ถือว่ามารับบรรยากาศ แต่ถ้ามีคิวหรือไม่ได้ผ่านมาแถบ ๆนี้ แนะนำว่า ไม่ต้องพยายามขนาดนั้น
กินเสร็จเดินกลับผ่านมัสยิดกลับโรงแรม
ด้านหน้า
ด้านหลังมีซอยและร้านขายของ
ภาพวาดบนตึก
เช็คเอ้าท์และเดินทางไปฝากกระเป๋าที่พักแห่งที่ 2 ซึ่งเดินไปได้เหมือนกัน แต่ถ้านั่ง MRT มาจะใกล้สถานี Farrer park
Hostel นี้มี reception ที่ nice อยู่เกือบตลอด เช็คอินได้จนถึงตี 2 หลังจากนั้นเป็น self checkเช่นกัน และมีห้องรับฝากกระเป๋า (ภายในวันเช็คอินและเช็คเอาท์ถึง 23.00) ฝากเสร็จเดินไปขึ้น MRTที่อยู่กับห้าง city square ที่พักนี้อยู่ใกล้มุสตาฟาด้วย
City square เราไปก่อนสิบโมง และหลังสี่ทุ่ม แม้ว่าร้านรวงจะไม่เปิด แต่ในส่วนพื้นที่ห้างกลับเปิด ชั้นใต้ดินที่เชื่อม MRT ของห้างนี้มี Fair price และ value และดองกี้ เรียกว่าอยากกินอะไรพร้อมทุกแบบ food court อยู่ชั้นบนสุดก็มี
ศูนย์อาหาร
แพลนที่เพิ่งเรียบเรียงวันนี้คือไปชมสวนริมทะเลที่เขตพุงโกล ที่
Punggol watery park โดยการปั่นจักรยาน วิธีเดินทางที่ศึกษามาคือนั่ง MRT ไปลง Punggol จากนั้นต่อ LRT ไปลง punggol point หรือนั่งบัสไปลงก็ได้ จาก MRT punggolจะเชื่อมกับห้าง
waterway point และระยะทางไปยังสวนแค่ 1.4 km เราจึงคิดว่าจะเริ่มปั่นไปเลยจาก waterway point
โดยเราจะเช่าจักรยานโดยใช้บริการผ่านแอพ ซึ่งเท่าที่เห็นเยอะๆ จะมียี่ห้อ ANYwheel คันสีเขียว และ Helloride สีฟ้า จากการอ่านรีวิว สีฟ้าถูกกว่าเลยใช้บริการสีฟ้า กการโหลดแอพสมัครใช้บริการแนะนำให้ทำจากไทย (ได้ไหมไม่รู้) แต่ใส่เบอร์แล้วมียืนยันด้วย otp เดชะบุญที่เราโรมมิ่งไป จึงไม่ติดขัดในส่วนนี้ ลองเช่าดูแล้วง่ายมากสะดวกมาก หาจากแอพได้เลยว่าจอดที่ไหน ขั้นตอนคือ แสกนโค้ดที่จักรยานที่จอดอยู่ จะเกิดการปลดล็อกและจับเวลาเริ่มปั่นพอจบ ต้องไปทำการจอดยังจุดที่กำหนดไว้และแสกน QR เพื่อยืนยัน เป็นอันจบ จ่ายผ่านการตัดบัตรได้เลย
เติมพลังสู้อากาศร้อนแรงกับน้ำมะพร้าวปั่นสุดสดชื่น Mr.coconut 4.7 เหรียญ
ด้านหลัง waterway point ออกมาเป็นสวนทางยาว เริ่มปั่นเพลินๆ ไปตามทาง ยามเที่ยงวัน สองข้างขนาบด้วยต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา บ้างก็เป็นตึก มีทางเดินออกจากตึกที่พักอาศัย connect ลงมาที่สวน และมีคนมาวิ่ง จูงสุนัขมาเดินตลอด รวมถึงคนนอนพักผ่อนบริเวณใต้สะพาน พอปั่นไปไกลแล้วดูแผนที่พบว่ามันไม่ได้ไปยังสวนพุงโกลที่ตั้งเป้าแต่แรก แต่ถ้าปั่นไปจะวิ่งครบวงไปบรรจบสุดทางที่สวนได้
มองจากจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น Lor halus red bridge
สะพานข้ามไปสวน ก่อนจะเชื่อมไปยัง
Coney Island หรือ Serangoon Island เกาะเล็กๆ ที่มีทางเดินเลียบหาด ชมวิวชายแดนมาเลเซีย-สิงคโปร์ และเส้นทางเดินป่า
หลังจากข้ามฝั่งมาก็พบกับประตูเกาะ และการก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้อะไรสักอย่าง เส้นทางที่น่าจะเป็น broadwalk ฝั่งeast ได้กลายเป็นกำแพงของการก่อสร้าง
เส้นทางที่มีปั่นเลียบฝั่งของเกาะ ซึ่งเริ่มยันจบเป็นถนนโรยกรวดที่ขี่แล้วกระเทือนตั้งแต่ศีรษะยันก้น หนำซ้ำ ร่มไม้ยังหามีไม่ จนรู้สึกคล้ายจะโดนเผาจนสุก ณ ตอนนี้ต้องการเพียงออกจากเกาะให้เร็วที่สุดไม่มีแก่ใจจะเลี้ยวเข้าชมในเกาะแต่อย่างไร ได้แต่ปั่นไปเรื่อยๆ ให้สุดทางที่ไม่มีใครเลยในเวลานี้ แดดแรงร้อนจนรู้สึกเหมือนผิวไหม้ร้อนฉ่าต้องควักกันแดดมาอาบเพิ่ม
ประตูเกาะฝั่ง west
ในที่สุดก็มาถึงปลายทาง จุดเห็นทางแยกเข้าไปใน coney broad walk แต่เราไม่เข้าไปแล้ว และเห็นคนปั่นจักรยานออกมาบ้าง ทางคงดีกว่านี้สินะ ถ้าไหวสามารถปั่นไป punggol watery park ที่แท้จริงได้อีกไม่ไกลมาก แต่เราปั่นต่อเพื่อจุดจอดและกลับเมือง ดูแล้วใกล้เคียงคือ LRT samudera ซึ่งมีห้าง northshore plaza อยู่ใกล้ๆ
หลังจอดจักรยานซึ่งจุดจอดงวดนี้เป็นที่จอดใต้ resident จากนั้นเดินอย่างอ่อนล้าไปแวะซุปเปอร์ giant ซื้อน้ำเปล่าดับกระหาย
แหม่คุ้นๆ นะเนี่ย
นั่ง MRT กลับเข้าย่านท่องเที่ยวอีกครั้ง ตอนนี้หิวมาก หาที่เติมพลัง ตัดสินใจไปลองข้าวมันไก่ที่
YY Kafei dian โดยนั่ง MRTลงสถานี esplanade ร้านอยู่ริมถนน แต่ชื่อร้านถูกกันสาดบังไว้ เดินไปเดินมาพักนึงเลยกว่าจะเจอ
ร้านใหญ่ เมนูมีภาษาอังกฤษ ขายแนวอาหารจีนและอาหารเช้า แต่ก็แน่นอนว่านึกภาพไม่ออก ข้าวมันไก่ไม่มีในรูปเลยสุ่มจิ้มอันที่มีเขียนว่า chicken อันนึง ผัดเต้าหู้ และขนมปังสังขยาและกาแฟอีกชุด
ข้าวที่ได้ ไก่ผัดซอสพริกแห้ง ถึงไม่ได้ใช่ข้าวมันไก่ แต่ไก่ก็มีความหนา หั่นเต๋า ฉ่ำเด้ง อาหารจีนปกติจะกินแล้วกระหายน้ำ แต่อันนี้ไม่ ขนมปังปิ้ง ทาสังขยาฉ่ำกว่าร้านแรก กาแฟ กลิ่นจะชัดกว่า
อิ่มแล้วไปเดินชม
น้ำพุ fountain of weath น้ำพุที่อยู่หน้าหมู่ตึก suntec ที่ไม่ไกลจากย่านนี้ น้ำพุตัวลานนั้นจะอยู่ใต้ดินจะมีประตูให้เข้าสู่ลานจากภายในห้างเป็นรอบๆ เพื่อที่จะเข้าไปสัมผัสน้ำที่วงแหวนเล็กตามความเชื่อ ใครสนใจหารายละเอียดได้ หรือจะชมแสงเลเซอร์ที่เล่นกับน้ำพุ มีรอบเวลาเช่นกัน สามารถเดินทางโดยลง MRT สถานี Promenade
(พื้นที่หมด)
[CR] Let ‘s burn in Singapore 4 วัน 4คืน คนเดียวครั้งแรก 2023 เมืองแห่งแสงสีและมนุษย์สรรสร้าง
ทริปนี้จองตั๋วก่อนไป เป็นเวลาราว 3 สัปดาห์ แต่มีเหตุขัดข้องจากสายการบินยกเลิกเที่ยวบินทำให้เราต้องเลือกวันใหม่ เพื่อไม่ให้แผน (ที่จริงๆ กลวงเปล่า) ต้องเสียไปจาก 3 วัน 2 คืนเลยเป็น 4 วัน 4 คืน ประการฉะนี้
ไฟล์ทบินยามเย็นแลนด์ประมาณ 3 ทุ่มกว่า การจะเข้าเมืองจากสนามบินนั้นหลักๆ มีอยู่สามทางคือรถ MRT รถบัส และรถแท็กซี่ ซึ่งหลังเที่ยงคืนไปแล้วจะเหลือแค่รถแท็กซี่เท่านั้น เราใช้เวลาผ่านตมจนถึงขึ้นรถไฟฟ้า MRT Changi airport ปรากฏว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมง มุ่งหน้าสู่ที่พักในคืนแรก ซึ่งอยู่ถนน Arab street
เดินทางสู่ที่พักคืนแรก เป็นHOSTEL อยู่ใกล้สถานี Bugis ลงแล้วเดินข้ามถนน 2 แยก ใกล้กับมัสยิดสุลต่าน เดินผ่านยามค่ำคืน
ไปถึง 4ทุ่มกว่า ยังมีคนหลายคนนั่งในโซนหน้าบ้านก็เข้าพักโดยสวัสดิภาพเพื่อเอาแรงไว้ลุยวันถัดไป
Hostel นี้มี reception ที่ nice อยู่เกือบตลอด เช็คอินได้จนถึงตี 2 หลังจากนั้นเป็น self checkเช่นกัน และมีห้องรับฝากกระเป๋า (ภายในวันเช็คอินและเช็คเอาท์ถึง 23.00) ฝากเสร็จเดินไปขึ้น MRTที่อยู่กับห้าง city square ที่พักนี้อยู่ใกล้มุสตาฟาด้วย
หลังจอดจักรยานซึ่งจุดจอดงวดนี้เป็นที่จอดใต้ resident จากนั้นเดินอย่างอ่อนล้าไปแวะซุปเปอร์ giant ซื้อน้ำเปล่าดับกระหาย
อิ่มแล้วไปเดินชมน้ำพุ fountain of weath น้ำพุที่อยู่หน้าหมู่ตึก suntec ที่ไม่ไกลจากย่านนี้ น้ำพุตัวลานนั้นจะอยู่ใต้ดินจะมีประตูให้เข้าสู่ลานจากภายในห้างเป็นรอบๆ เพื่อที่จะเข้าไปสัมผัสน้ำที่วงแหวนเล็กตามความเชื่อ ใครสนใจหารายละเอียดได้ หรือจะชมแสงเลเซอร์ที่เล่นกับน้ำพุ มีรอบเวลาเช่นกัน สามารถเดินทางโดยลง MRT สถานี Promenade
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้