ใครต้องรับผิดชอบ ! นำรถไปถ่ายน้ำมันเครื่องแล้วรั่ว รถพัง

สืบเนื่องจาก ดิฉันทำธุรกิจรถหัวลากเทรลเลอร์ ออกรถมือ 1 เพื่อมาใช้ทำธุรกิจขนส่งจำนวน 5 คัน จัดเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กมาก ๆ (ภาษาชาวบ้านคือ เถ้าแก่น้อย) และเมื่อครบระยะก็จะนำรถเข้าเปลี่ยนถ่ายน้ำเครื่องกับศูนย์โดยตรง ทุกครั้ง และทุกคัน จนวันที่ 7/7/2566 ได้นำรถ 1 คัน ไปเข้าเช็คระยะ 80,000 กม ที่ศูนย์แห่งหนึ่งในต่างจังหวัด เพราะเป็นจังหวะที่รถครบระยะและไปส่งสินค้าที่ต่างจังหวัดพอดี หลังจากการถ่ายน้ำเครื่องก็นำรถออกมาใช้งาน โดยรถหัวลากคันนี้จะรับขนส่งเฉพาะผลไม้บรรจุในตู้คอนเทรนเนอร์เย็นเท่านั้น โดยเส้นทางปกติ คือ นครพนม - หลังสวน ชุมพร รถจะไม่ได้ขับทุกวัน เพราะต้องจอดรอลูกค้าแจ้งแผงบรรจุสินค้า และรอบรรจุสินค้า เหตุเกิดเมื่อ วันที่ 8/8/66 รถน้ำมันเครื่องรั่วที่จังหวัดยโสธร ขณะที่กำลังจะไปส่งสินค้าที่นครพนม ซึ่งเป็นการส่งสินค้าเที่ยวที่ 2 หลังจากนำรถออกมาจากศูนย์ สภาพที่เกิดเหตุ คือ คนขับรถได้ยินเสียงดังเหมือนคอมแอร์ของตู้ดัง ซึ่งนำรถจอดเข้าข้างทางเพื่อลงไปตรวจสอบ ในขณะที่คนขับรถกำลังลงจากรถ รถก็ดับทันที สตาร์ทไม่ติดอีกเลย โดยไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนที่หน้าจอใด ๆ ก่อนรถดับ คนขับรถจึงรีบลงมาจากรถ ปรากฏเจอว่าน้ำมันเครื่องกำลังไหลออกจากใต้ท้องอ่าง จึงได้โทรตามช่างจากศูนย์ที่ใกล้ที่สุดมาตรวจสอบ
          จากการการตรวจสอบของช่างพบว่า น็อตใต้ท้องอ่างหลุดหาย ซึ่งทางเราก็ได้เดินหา และเดินย้อนกลับไปดูรอยของน้ำมันเครื่อง คาดว่าเป็นการที่น็อตหลุดกระทัน ก่อนรถจะหยุดจอด  ช่างจึงลากรถเข้าไปตรวจสอบความเสียที่ศูนย์ พบ ลูกสูบพังและต้องเปลี่ยนเทอร์โบใหม่ มูลค่าการซ่อมเป็นเงิน 3 แสนกว่าบาท ซึ่งตอนแรกทางเราก็ยังไม่มั่นใจว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แต่ช่างแจ้งคราว ๆ ว่า เกิดจากการขันน็อตไม่แน่นหรือไม่ได้ตามแรงขันที่มาตรฐาน ซึ่งก็ทำให้เราคิดหาสาเหตุอย่างอื่นไม่ได้เลย เพราะหลังจากถ่ายน้ำเครื่องที่ศูนย์มา ก็ไม่ได้ไปทำอะไรที่ใต้ท้องอ่างอีกเลย และรถก็ไม่ได้มีอะไรมากระแทกที่ใต้ท้องรถ จึงได้แจ้งไปที่ศูนย์ที่เรานำรถเข้าถ่ายน้ำมันเครื่อง ทางศูนย์แจ้งว่าไม่ได้เกิดจากที่เขา ทางศูนย์ใหญ่ก็มาอ้างเทคนิคต่าง ๆ ยังไงก็ไม่ได้เกิดจากการถ่ายน้ำมันเครื่อง แต่กลับโยนไปเรื่องของการถูกกลั่นแกล้ง แต่ทางเราเองก็ไม่ได้มีศัตรูที่ไหน ถามจากคนขับรถ เขาก็ไม่ได้มีเรื่องขัดใจอะไรกับใคร เพราะถ้าถูกกลั่นแกล้ง คนขับรถจะต้องรู้ เพราะคนขับรถอยู่เฝ้ารถตลอด และอีกอย่างคือ ถ้าเป็นการกลั่นแกล้งทางเราสามารถแจ้งความและขอใช้ประกันเพื่อซ่อมรถได้ จน ณ ตอนนี้ ทางศูนย์ที่ไปถ่ายน้ำเครื่องก็ยังไม่ขอรับผิดชอบในส่วนของค่าซ่อม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้วใครจะต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์นี้??? สำหรับรถคันนี้เพิ่งออกมาเมื่อ 25/8/65 ซึ่งอีกไม่กี่วันก็ครบปีพอ มาเจอแบบนี้ ก็หมดกำลังใจในการทำธุรกิจมาก ๆ แลโชคดีมาก ๆ ที่คนขับรถสงสัยและนำรถเข้าจอดข้างทางก่อน ไม่งั้นถ้ารถมาดับตอนขึ้นเขาลงเขา ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น 
          จึงอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับผู้ประกอบการขนส่งทุกท่านให้ระมัดระวัง และเลือกศูนย์บริการที่มีความพร้อมที่มากกว่านี้ และอู่ข้างนอกอาจจะดีกว่าศูนย์ก็เป็นได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่