พิธา ปัดเหลี่ยมจัด ไขก๊อกหน. หวังจับปลา 2 เก้าอี้ ยันไม่ใช่เกม แต่ตัดสินใจตามกติกา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4183844
“พิธา” ปัด ใช้เล่ห์เหลี่ยมการเมือง ไขก๊อกหน.พรรค หวังจับปลาสองเก้าอี้ โยน “ปดิพัทธ์” ตัดสินใจร่วม กก.บห.ชุดใหม่
เมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รักษาการหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีที่ นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า การลาออกจากหัวหน้าพรรคของนาย
พิธา เหมือนเซียนเหยียบเมฆ พรรค ก.ก.จะได้ทั้งตำแหน่งรองประธานสภา และผู้นำฝ่ายค้านว่า ไม่ได้เป็นเกมการเมือง ตนเป็น ส.ส.อยู่ แต่เข้าสภาไม่ได้ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญผู้นำฝ่ายค้าน ต้องเป็น ส.ส. และหัวหน้าพรรค
ส่วนตัวไม่ได้ยึดติดตำแหน่ง หากบริบทการเมืองเป็นเช่นนี้ เราต้องมีผู้นําและฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ตนเอาเรื่องส่วนรวมมาก่อนส่วนตัว และตัดสินใจประกาศลาออกเพื่อเปิดทางให้เลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่วันที่ 23 กันยายนนี้ เพราะหากดูข้อบังคับแล้วมีหลายเรื่อง เช่น การตั้งประธานวิปฝ่ายค้าน จะต้องมีผู้นำฝ่ายค้านเป็นคนลงลายเซ็น จึงจำเป็นต้องให้ระบบเดินหน้าได้ ไม่ได้เป็นเกมการเมือง
นาย
พิธา ยังกล่าวย้ำว่า ไม่ได้เป็นเล่ห์เหลี่ยม แต่เป็นกฎกติกาที่บิดเบี้ยวจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เราตัดสินใจตามกฎกติกาที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ระบุว่า พรรค ก.ก.ต้องการรักษาอำนาจเหมือนกับรัฐบาลชุดก่อน ขออย่าเพิ่งอนุมานไปไกล ขอให้ฟังเหตุผลความจำเป็น เราตรงไปตรงมากับพี่น้องประชาชน
ผู้สื่อข่าวถาม ถึงกระแสข่าวที่ นาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่ 1 จะย้ายซบพรรคเป็นธรรม หลายฝ่ายมองว่า เป็นเหมือนการฝากเลี้ยง นาย
พิธา กล่าวว่า นาย
ปดิพัทธ์ยังทำงานหลายเรื่องเกี่ยวกับรัฐสภา เช่น สิ่งแวดล้อม ความโปร่งใส และเทคโนโลยี ซึ่งมีเรื่องที่อยากปรึกษากับพรรค แต่ตอนนี้คณะกรรมการบริหารพรรคเป็นรักษาการทั้งหมด นาย
ปดิพัทธ์คงต้องรอตัดสินใจร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่
“
ไม่ได้ปรึกษากันเรื่องนี้ ปรึกษากันแค่ว่าร้านอาหารที่จังหวัดพิษณุโลกร้านไหนน่ากิน ส่งรูปมายั่ว” นาย
พิธา กล่าว พร้อมหัวเราะ
เมื่อถามว่า ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านสำคัญกับพรรค ก.ก.มากแค่ไหน นาย
พิธา กล่าวว่า ตำแหน่งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 ซึ่งจะต้องตรวจสอบถ่วงดุล ผ่านกฎหมายก้าวหน้า การเป็นผู้แทนราษฎรต้องพูดแทนราษฎร ต้องมีภาวะผู้นำ หากระบบการเมืองเป็นแบบนี้ ฝ่ายค้านยังอ่อนแอ เกรงว่า จะเป็นหน้าที่สื่อมวลชนที่คอยตรวจสอบ
‘วิโรจน์’ชี้ 5 ประเด็นน่าเศร้า หลัง ‘สารวัตรแบงค์’ ถูกยิงต่อหน้า ตร.กว่า 20 คน
https://www.dailynews.co.th/news/2723195/
"วิโรจน์" ซัดเรื่องน่าเศร้าของตำรวจ 5 ประเด็นหลัก หลัง "หน่อง ท่าผา" ยิง "สารวัตรแบงค์" เสียชีวิต!
จากกรณีสะเทือนขวัญ นายธนัญชัย หรือ หน่อง หมั่นมาก คนสนิท กำนันนก หรือ นายประวีณ จันทร์คล้าย ก่อเหตุยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. จนเสียชีวิต โดยทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินเครื่องเรียกสอบปากคำ 25 ตำรวจ รวมถึงแขกที่ไปร่วมงานเลี้ยง ตามที่ได้นำเสนออย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ก.ย. นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวผ่าน X (เอ็กซ์) โดยระบุว่า
“น่าเศร้ามาก ตร. ถูกยิงต่อหน้า ตร. กว่า 20 คน ที่มีอาวุธติดตัว มี ตร. ยศสูงอยู่ด้วย”
เหตุที่เกิดเกี่ยวกับส่วยรถบรรทุก แต่เกิดหลังจากแถลงว่าส่วยไม่มีแล้ว เพียงไม่กี่วัน
ปืนเป็นปืนของ ตร.
ตร. พาคนร้ายหนี
ตร. ช่วยทำลายหลักฐาน เคลียร์พื้นที่ ทำลายเซิร์ฟเวอร์
ตร. ให้การโกหก
นอกจากนี้ นาย
วิโรจน์ ยังระบุอีกด้วยว่า “
ตร. ระดับสูง จะแห่กันมาซูฮกผู้มีอิทธิพลทำไม หลังเกิดเหตุ ตำรวจระดับสูงเผ่นแน่บ ไม่สนใจไยดี เกี่ยวพันกับการฮั้วประมูล และส่วยในพื้นที่ อาจเกี่ยวพันกับระบบตั๋ว และการซื้อขายตำแหน่ง”
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @wirojlak
https://twitter.com/wirojlak/status/1702877024753430886
https://twitter.com/wirojlak/status/1702877677932487067
เศรษฐา ตอบชัด รบ.แก้รัฐธรรมนูญแน่ ตั้งคกก.ศึกษา ใช้เวทีสภาถกความเห็น
https://www.matichon.co.th/politics/news_4183534
‘เศรษฐา’ ตอบชัดแก้รธน.แน่ ตั้งคกก.ศึกษา แต่ใช้เวทีสภาถกความเห็นแตกต่าง
เมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 16 กันยายน ที่จังหวัดเชียงใหม่ นาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่า
ไม่เคยพูดว่าเมื่อแก้รัฐธรรมนูญแล้วจะยุบสภา จนมีการนำไปเปรียบเทียบตอนที่แยกกับพรรคก้าวไกล(ก.ก.) ที่ระบุว่าจะคืนอำนาจให้กับประชาชน ตอนนี้รัฐบาลมีความชัดเจนอย่างไร ว่า ชัดเจน แถลงไปแล้ว ว่าจะทำคณะทำงานเข้ามาเพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การทำประชามติ เพื่อนำเข้าสู่สภา ซึ่งเป็นเวที ที่จะใช้เป็นเวทีถกเถียงกันในประเด็นความเห็นที่แตกต่างซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ ประกาศไปแล้วในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกชัดเจน
“เอลนีโญ”เผาศก.ไทย 6 แสน - 2 ล้านล้าน “ครม.”ตั้ง“กรรมการด่วนพิเศษ”ลดผลกระทบ
https://www.bangkokbiznews.com/environment/1088515
เอลนีโญ คือ ปรากฎการณ์อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณเส้นศูนย์สูตรในมหาสมุทร แปซิฟิกกลางและตะวันออกสูงขึ้นผิดปกติ โดยเมื่อต้พ.ค. 2566ที่ผ่านมา องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO)
ได้ประกาศแจ้งเตือนปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิโลกร้อนขึ้น และการเกิดเอลนีโญจะส่งผลต่อสภาพภูมิอากาศและมรสุมแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคของโลกโดยเอลนีโญเกิดจากกระแสลมเปลี่ยนทิศ ทำให้กระแสน้ำอุ่นไหลไปยังภูมิภาคอเมริกาใต้ จึงทำให้ภูมิภาคอเมริกาใต้มีฝนตกหนักกว่าปกติ ขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย จะเกิดภัยแล้งและอาจเกิดไฟป่า
ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้รับทราบรายงานผลกระทบ เอลนีโญ่ ที่ได้รับการยืนยันจากทั่วโลก ว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จะไม่ใช่เกิดขึ้นเพียงปีเดียว แต่อาจจะมีผลกระทบต่อเนื่อง สูงสุดถึง 3 ปี ซึ่งหาก ประเทศไทยมีแผนรับมือที่ไม่ดี อาจจะสร้างความเสียหาย ให้กับประเทศ คิดเป็นมูลค่าขั้นต่ำที่ 6 แสนล้านบาท และมีมูลค่าเสียหายสูงสุดที่ 2 ล้านล้านบาท
โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ตั้ง"
คณะกรรมการพิเศษด่วนที่สุดเพื่อรับมือ ผลกระทบจากเอลนีโญ่" โดย ศึกษาความเป็นไปได้ในการออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในต่างจังหวัด เพื่อออกมาตรการรับมือผลกระทบได้อย่างรวดเร็วเนื่องจาก หากต้องรอขั้นตอน การขอตั้งงบประมาณ ตามระบบราชการ แบบเดิมอาจไม่ทันสถานการณ์
ทั้งนี้ การออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จากส่วนกลางจะทำให้ ส่วนท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ,องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ. ) และเทศกลาลที่มีเงินงบประมาณ เงินทุนสำรองอยู่แล้วมากพอ สามารถนำเงินออกมาใช้จ่ายได้ทันท่วงทีเช่นการ สร้างฝาย , ฝายซอยซีเมนต์ ธนาคารน้ำใต้ดิน ที่เป็นโครงการไม่ใหญ่มาก ใช้งบไม่เยอะสามารถใช้งบท้องถิ่นดูแลได้ทันท่วงที
ด้าน ร.อ.
ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งตั้งศูนย์ บริการประชาชน ภาคการเกษตรทั้งส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อให้เกษตรร้องเรียนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และจะแก้ไขได้ตรงจุด ซึ่งปัญหาภัยแล้งที่เป็นผลกระทบจากภาวะเอลนีโญ นั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องเร่งเตรียมรับมือและแก้ไข โดยจะหารือกับผู้บริหารเพื่อวางแนวทางรับมือทั้งกรมชลประทาน และกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บน้ำและการเติมน้ำในเขื่อน
“แผนรับมือเอลนีโญ ต้องครอบคลุมทั้ง3ปี แบ่งเป็นแผนระยะสั้น กลางและยาว เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด ที่เห็นชัดที่สุดในขณะนี้คือเกิดขึ้นกับผลผลิตข้าว ที่นาข้าวเสียหายเป็นจำนวนมาก”
ข้อมูลจากการสัมมนา“
มุมมองเศรษฐกิจไทย ประจำไตรมาส 3 ปี 2566” โดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC )ระบุว่า เศรษฐกิจไทยท่ามกลางวิกฤติภัยแล้งจะส่งผลในปี 2566-256 โดยแบ่งเป็น สถานการณ์น้ำฝนและน้ำในเขื่อนในปัจจุบันที่เผชิญฝนแล้งรุนแรงในหลายพื้นที่ ปริมาณน้ำใช้การได้ในเขื่อนทั่วประเทศค่อนข้างต่ำ ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้งจะรุนแรงโดยภาคเหนือ กลาง ตะวันออก ฝนแล้งรุนแรงสุดในรอบ 41 ปี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและใต้ฝนแล้งใกล้เคียงปี 2552
สำหรับผลกระทบจากภัยแล้งจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ แยกเป็นกรณีฐาน คือ ประมาณการปริมาณฝนที่น้อยกว่าค่าปกติ (ฝนแล้ง) โดยกำหนดให้เกิดเอลนีโญและไอโอดี (ไอโอดี (Indian Ocean Dipole) ขั้วบวก : ปรากฏการณ์ที่ความแตกต่างของอุณหภูมิ ผิวน้ำระหว่างบริเวณมหาสมุทรอินเดียฝั่ง ตะวันตกและฝั่งตะวันออกสูงขึ้นผิดปกติ)ขั้วบวกในเดือน ส.ค – ธ.ค. ในระดับเดียวกับการคาดการณ์ ณ เดือน ส.ค. ของสถาบันวิจัย IRI และกรมอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย
ในส่วนคาดการณ์กรณีฐาน SCB EIC ระบุว่า มูลค่าความเสียหายโดยตรง 69,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ปี 2566 มูลค่า 20,000 ล้านบาท ส่งผลต่อจีดีพี ลดลง 0.14% และทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.18% ขณะที่ปี 2567 มูลค่า 49,000 ล้านบาท ส่งผลต่อจีดีพีลดลง 0.36% เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.45%
จากแผนการเตรียมงานรับมือผลกระทบจากเอลนีโญ ที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะรัฐมนตรีนับเป็นสัญญาณที่ดีท่ามกลางสัญญาณแห่งความน่ากังวลใจจากผลกระทบจากความแห้งแล้งของสภาพอากาศที่ปั่นป่วน
JJNY : 5in1 พิธาปัดเหลี่ยมจัด│‘วิโรจน์’ชี้5ประเด็นน่าเศร้า│เศรษฐาตอบ รบ.แก้รธน.แน่│“เอลนีโญ”เผาศก.ไทย│น้ำท่วมใหญ่ลิเบีย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4183844
“พิธา” ปัด ใช้เล่ห์เหลี่ยมการเมือง ไขก๊อกหน.พรรค หวังจับปลาสองเก้าอี้ โยน “ปดิพัทธ์” ตัดสินใจร่วม กก.บห.ชุดใหม่
เมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รักษาการหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า การลาออกจากหัวหน้าพรรคของนายพิธา เหมือนเซียนเหยียบเมฆ พรรค ก.ก.จะได้ทั้งตำแหน่งรองประธานสภา และผู้นำฝ่ายค้านว่า ไม่ได้เป็นเกมการเมือง ตนเป็น ส.ส.อยู่ แต่เข้าสภาไม่ได้ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญผู้นำฝ่ายค้าน ต้องเป็น ส.ส. และหัวหน้าพรรค
ส่วนตัวไม่ได้ยึดติดตำแหน่ง หากบริบทการเมืองเป็นเช่นนี้ เราต้องมีผู้นําและฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ตนเอาเรื่องส่วนรวมมาก่อนส่วนตัว และตัดสินใจประกาศลาออกเพื่อเปิดทางให้เลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่วันที่ 23 กันยายนนี้ เพราะหากดูข้อบังคับแล้วมีหลายเรื่อง เช่น การตั้งประธานวิปฝ่ายค้าน จะต้องมีผู้นำฝ่ายค้านเป็นคนลงลายเซ็น จึงจำเป็นต้องให้ระบบเดินหน้าได้ ไม่ได้เป็นเกมการเมือง
นายพิธา ยังกล่าวย้ำว่า ไม่ได้เป็นเล่ห์เหลี่ยม แต่เป็นกฎกติกาที่บิดเบี้ยวจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เราตัดสินใจตามกฎกติกาที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ระบุว่า พรรค ก.ก.ต้องการรักษาอำนาจเหมือนกับรัฐบาลชุดก่อน ขออย่าเพิ่งอนุมานไปไกล ขอให้ฟังเหตุผลความจำเป็น เราตรงไปตรงมากับพี่น้องประชาชน
ผู้สื่อข่าวถาม ถึงกระแสข่าวที่ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่ 1 จะย้ายซบพรรคเป็นธรรม หลายฝ่ายมองว่า เป็นเหมือนการฝากเลี้ยง นายพิธา กล่าวว่า นายปดิพัทธ์ยังทำงานหลายเรื่องเกี่ยวกับรัฐสภา เช่น สิ่งแวดล้อม ความโปร่งใส และเทคโนโลยี ซึ่งมีเรื่องที่อยากปรึกษากับพรรค แต่ตอนนี้คณะกรรมการบริหารพรรคเป็นรักษาการทั้งหมด นายปดิพัทธ์คงต้องรอตัดสินใจร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่
“ไม่ได้ปรึกษากันเรื่องนี้ ปรึกษากันแค่ว่าร้านอาหารที่จังหวัดพิษณุโลกร้านไหนน่ากิน ส่งรูปมายั่ว” นายพิธา กล่าว พร้อมหัวเราะ
เมื่อถามว่า ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านสำคัญกับพรรค ก.ก.มากแค่ไหน นายพิธา กล่าวว่า ตำแหน่งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 ซึ่งจะต้องตรวจสอบถ่วงดุล ผ่านกฎหมายก้าวหน้า การเป็นผู้แทนราษฎรต้องพูดแทนราษฎร ต้องมีภาวะผู้นำ หากระบบการเมืองเป็นแบบนี้ ฝ่ายค้านยังอ่อนแอ เกรงว่า จะเป็นหน้าที่สื่อมวลชนที่คอยตรวจสอบ
‘วิโรจน์’ชี้ 5 ประเด็นน่าเศร้า หลัง ‘สารวัตรแบงค์’ ถูกยิงต่อหน้า ตร.กว่า 20 คน
https://www.dailynews.co.th/news/2723195/
"วิโรจน์" ซัดเรื่องน่าเศร้าของตำรวจ 5 ประเด็นหลัก หลัง "หน่อง ท่าผา" ยิง "สารวัตรแบงค์" เสียชีวิต!
จากกรณีสะเทือนขวัญ นายธนัญชัย หรือ หน่อง หมั่นมาก คนสนิท กำนันนก หรือ นายประวีณ จันทร์คล้าย ก่อเหตุยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. จนเสียชีวิต โดยทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินเครื่องเรียกสอบปากคำ 25 ตำรวจ รวมถึงแขกที่ไปร่วมงานเลี้ยง ตามที่ได้นำเสนออย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ก.ย. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวผ่าน X (เอ็กซ์) โดยระบุว่า
“น่าเศร้ามาก ตร. ถูกยิงต่อหน้า ตร. กว่า 20 คน ที่มีอาวุธติดตัว มี ตร. ยศสูงอยู่ด้วย”
เหตุที่เกิดเกี่ยวกับส่วยรถบรรทุก แต่เกิดหลังจากแถลงว่าส่วยไม่มีแล้ว เพียงไม่กี่วัน
ปืนเป็นปืนของ ตร.
ตร. พาคนร้ายหนี
ตร. ช่วยทำลายหลักฐาน เคลียร์พื้นที่ ทำลายเซิร์ฟเวอร์
ตร. ให้การโกหก
นอกจากนี้ นายวิโรจน์ ยังระบุอีกด้วยว่า “ตร. ระดับสูง จะแห่กันมาซูฮกผู้มีอิทธิพลทำไม หลังเกิดเหตุ ตำรวจระดับสูงเผ่นแน่บ ไม่สนใจไยดี เกี่ยวพันกับการฮั้วประมูล และส่วยในพื้นที่ อาจเกี่ยวพันกับระบบตั๋ว และการซื้อขายตำแหน่ง”
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @wirojlak
https://twitter.com/wirojlak/status/1702877024753430886
https://twitter.com/wirojlak/status/1702877677932487067
เศรษฐา ตอบชัด รบ.แก้รัฐธรรมนูญแน่ ตั้งคกก.ศึกษา ใช้เวทีสภาถกความเห็น
https://www.matichon.co.th/politics/news_4183534
‘เศรษฐา’ ตอบชัดแก้รธน.แน่ ตั้งคกก.ศึกษา แต่ใช้เวทีสภาถกความเห็นแตกต่าง
เมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 16 กันยายน ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่า
ไม่เคยพูดว่าเมื่อแก้รัฐธรรมนูญแล้วจะยุบสภา จนมีการนำไปเปรียบเทียบตอนที่แยกกับพรรคก้าวไกล(ก.ก.) ที่ระบุว่าจะคืนอำนาจให้กับประชาชน ตอนนี้รัฐบาลมีความชัดเจนอย่างไร ว่า ชัดเจน แถลงไปแล้ว ว่าจะทำคณะทำงานเข้ามาเพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การทำประชามติ เพื่อนำเข้าสู่สภา ซึ่งเป็นเวที ที่จะใช้เป็นเวทีถกเถียงกันในประเด็นความเห็นที่แตกต่างซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ ประกาศไปแล้วในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกชัดเจน
“เอลนีโญ”เผาศก.ไทย 6 แสน - 2 ล้านล้าน “ครม.”ตั้ง“กรรมการด่วนพิเศษ”ลดผลกระทบ
https://www.bangkokbiznews.com/environment/1088515
เอลนีโญ คือ ปรากฎการณ์อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณเส้นศูนย์สูตรในมหาสมุทร แปซิฟิกกลางและตะวันออกสูงขึ้นผิดปกติ โดยเมื่อต้พ.ค. 2566ที่ผ่านมา องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO)
ได้ประกาศแจ้งเตือนปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิโลกร้อนขึ้น และการเกิดเอลนีโญจะส่งผลต่อสภาพภูมิอากาศและมรสุมแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคของโลกโดยเอลนีโญเกิดจากกระแสลมเปลี่ยนทิศ ทำให้กระแสน้ำอุ่นไหลไปยังภูมิภาคอเมริกาใต้ จึงทำให้ภูมิภาคอเมริกาใต้มีฝนตกหนักกว่าปกติ ขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย จะเกิดภัยแล้งและอาจเกิดไฟป่า
ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้รับทราบรายงานผลกระทบ เอลนีโญ่ ที่ได้รับการยืนยันจากทั่วโลก ว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จะไม่ใช่เกิดขึ้นเพียงปีเดียว แต่อาจจะมีผลกระทบต่อเนื่อง สูงสุดถึง 3 ปี ซึ่งหาก ประเทศไทยมีแผนรับมือที่ไม่ดี อาจจะสร้างความเสียหาย ให้กับประเทศ คิดเป็นมูลค่าขั้นต่ำที่ 6 แสนล้านบาท และมีมูลค่าเสียหายสูงสุดที่ 2 ล้านล้านบาท
โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ตั้ง"คณะกรรมการพิเศษด่วนที่สุดเพื่อรับมือ ผลกระทบจากเอลนีโญ่" โดย ศึกษาความเป็นไปได้ในการออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในต่างจังหวัด เพื่อออกมาตรการรับมือผลกระทบได้อย่างรวดเร็วเนื่องจาก หากต้องรอขั้นตอน การขอตั้งงบประมาณ ตามระบบราชการ แบบเดิมอาจไม่ทันสถานการณ์
ทั้งนี้ การออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จากส่วนกลางจะทำให้ ส่วนท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ,องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ. ) และเทศกลาลที่มีเงินงบประมาณ เงินทุนสำรองอยู่แล้วมากพอ สามารถนำเงินออกมาใช้จ่ายได้ทันท่วงทีเช่นการ สร้างฝาย , ฝายซอยซีเมนต์ ธนาคารน้ำใต้ดิน ที่เป็นโครงการไม่ใหญ่มาก ใช้งบไม่เยอะสามารถใช้งบท้องถิ่นดูแลได้ทันท่วงที
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งตั้งศูนย์ บริการประชาชน ภาคการเกษตรทั้งส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อให้เกษตรร้องเรียนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และจะแก้ไขได้ตรงจุด ซึ่งปัญหาภัยแล้งที่เป็นผลกระทบจากภาวะเอลนีโญ นั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องเร่งเตรียมรับมือและแก้ไข โดยจะหารือกับผู้บริหารเพื่อวางแนวทางรับมือทั้งกรมชลประทาน และกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บน้ำและการเติมน้ำในเขื่อน
“แผนรับมือเอลนีโญ ต้องครอบคลุมทั้ง3ปี แบ่งเป็นแผนระยะสั้น กลางและยาว เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด ที่เห็นชัดที่สุดในขณะนี้คือเกิดขึ้นกับผลผลิตข้าว ที่นาข้าวเสียหายเป็นจำนวนมาก”
ข้อมูลจากการสัมมนา“มุมมองเศรษฐกิจไทย ประจำไตรมาส 3 ปี 2566” โดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC )ระบุว่า เศรษฐกิจไทยท่ามกลางวิกฤติภัยแล้งจะส่งผลในปี 2566-256 โดยแบ่งเป็น สถานการณ์น้ำฝนและน้ำในเขื่อนในปัจจุบันที่เผชิญฝนแล้งรุนแรงในหลายพื้นที่ ปริมาณน้ำใช้การได้ในเขื่อนทั่วประเทศค่อนข้างต่ำ ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้งจะรุนแรงโดยภาคเหนือ กลาง ตะวันออก ฝนแล้งรุนแรงสุดในรอบ 41 ปี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและใต้ฝนแล้งใกล้เคียงปี 2552
สำหรับผลกระทบจากภัยแล้งจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ แยกเป็นกรณีฐาน คือ ประมาณการปริมาณฝนที่น้อยกว่าค่าปกติ (ฝนแล้ง) โดยกำหนดให้เกิดเอลนีโญและไอโอดี (ไอโอดี (Indian Ocean Dipole) ขั้วบวก : ปรากฏการณ์ที่ความแตกต่างของอุณหภูมิ ผิวน้ำระหว่างบริเวณมหาสมุทรอินเดียฝั่ง ตะวันตกและฝั่งตะวันออกสูงขึ้นผิดปกติ)ขั้วบวกในเดือน ส.ค – ธ.ค. ในระดับเดียวกับการคาดการณ์ ณ เดือน ส.ค. ของสถาบันวิจัย IRI และกรมอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย
ในส่วนคาดการณ์กรณีฐาน SCB EIC ระบุว่า มูลค่าความเสียหายโดยตรง 69,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ปี 2566 มูลค่า 20,000 ล้านบาท ส่งผลต่อจีดีพี ลดลง 0.14% และทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.18% ขณะที่ปี 2567 มูลค่า 49,000 ล้านบาท ส่งผลต่อจีดีพีลดลง 0.36% เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.45%
จากแผนการเตรียมงานรับมือผลกระทบจากเอลนีโญ ที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะรัฐมนตรีนับเป็นสัญญาณที่ดีท่ามกลางสัญญาณแห่งความน่ากังวลใจจากผลกระทบจากความแห้งแล้งของสภาพอากาศที่ปั่นป่วน