[CR] No.55 Saint Omer : เกิดเป็นหญิงแสนลำบากเศร้ายิ่งนัก


- คือ ก่อนดูเรื่องนี้ผมได้อ่านเรื่องย่อมาบ้าง และรู้ข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์นานาชาติยอดยี่ยมเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ยอมรับว่า Plot ซื้อใจผมไปแล้วแต่ก็คิดอยู่อีกว่าตัวละครนำ 2 สาวที่ประชันหน้าตาม Poster นี้เกี่ยวข้องกันยังไง ในเมื่อเพื่อนไม่ใช่ ทนายก็ไม่ใช่ แล้วเป็นผู้เสียหายก็ไม่ใช่อีก แต่พอดูไปเรื่อย ๆ ก็เข้าใจว่าทำไมทั้ง 2 สาวในรูปกลับไม่มี Scene ปะทะคารมกัน นอกเหนือจากการปรากฎร่วมเฟรมเดียวกันในห้องศาล อย่างน้อยอีกฝ่ายหันมาสบตามองแล้วยิ้มให้แค่นั้นก็พอให้ชื่นใจได้อยู่

-  ทั้งเรื่องจะวนเวียนอยู่ระหว่าง Story ของตัว Rama ที่สมมติเป็นตัวแทนของคนดูจับจ้องอากัปกิริยาทุกอย่างใน Story ของตัว Laurence Coly ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมลูกสาวตนเองที่เป็นบุคคลจริง ๆ ในห้องศาลเป็นส่วนใหญ่ ระหว่างนั้นก็ใส่เรื่องราวของ Rama เข้าไปเพื่อปรุงแต่งความบันเทิงระหว่างทาง ในภาพรวมผมไม่ค่อยรู้สึกให้เสียอรรถรสกับ Timeline หลักเท่าไหร่แต่มีขัดใจไปบ้างโดยเฉพาะ ช่วงระหว่างที่ Coly กำลังพูดเรื่องในอดีตของตนเองต่อหน้าผู้พิพากษาอยู่นั้น จู่ ๆ ภาพก็ตัด Scene ไปที่ Rama นั่งร้องไห้นึกถึงปมวัยเด็กของตนเอง คือ ช่วงนี้ผมรู้สึกรำคาญเอามาก เพราะกำลังอยากรู้อยู่เลยว่าเหตุการณ์หลักคดีมันจะเป็นอย่างไรต่อมีอันต้องสะดุดลง อีกอย่างคือไม่มีการใส่ Scene ประกอบเสริมจากเหตุการณ์จริงใด ๆ ช่วยเล่า จึงทำให้เราต้องตั้งใจฟังเพื่อเชื่อมต่อกับเหตุการณ์ที้เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน ระยะเวลาที่ให้มา 2 ชั่วโมง 2 นาทีที่ดูเหมือนจะยาวนานแต่ผ่านไปค่อนข้างเร็ว เพราะ Timeline ที่สำคัญจริง ๆ มีไม่กี่ที่ ทำให้เราโฟกัสในส่วนของ Story หลักโดยเฉพาะเหตุการณ์จริงได้อย่างเต็มที่จนไม่ต้องแวะหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาดูเป็นระยะ

-  บทสนทนาที่ให้มามีเยอะจนตามไม่ค่อยทัน มีพลาดไปบางจุดจนขาดช่วงตอนแต่ยังตามได้ทันอยู่ เพราะบทสนทนาส่วนใหญ่จะมาจากมุมมองของบุคคลที่ 1 นั่นคือตัว Coly และมีส่วนของตัวละครอื่นอย่างผู้พิพากษา , ทนาย , แม่ของ Coly หรือแม้กระทั่งตัวของ Rama เอง ทำให้เราต้องใช้สมาธิตั้งใจฟังทุก Dialogue ทุกคำถามตั้งแต่จุดเริ่มต้น (ด้วยความอยากเผือก) ว่าผู้ต้องหาเป็นใคร มาจากไหน เรียนอะไร ทำอาชีพอะไร โน้นนั่นนี่ ทำไมถึงได้ไปอยู่ที่ฝรั่งเศส แล้วเจอกับสามีชาวต่างชาติที่อายุราวคราวพ่อยังไง กระทั่งตั้งท้องคลอดลูกจนนำไปสู่จุดหักเหสำคัญ นั่นคือ การเสียชีวิตของตัวลูกสาวจากน้ำมือของ Coly ที่เป็นแม่ของเด็กเอง ซึ่งทั้งหมดถูกบอกเล่าผ่านเป็นคำพูดจากปากทั้งหมด ไม่มีการฉาย Flashback เหตุการณ์จริง หรือ ใส่ฉากย้อนเหตุการณ์ประกอบเสริมเข้าไปเหมือนละครคุณธรรมบ้านเราแม้แต่นิดเดียว ยอมรับว่าดูไปก็รู้สึกสงสารในตัว Coly อยู่ที่เจอแต่เรื่องเลวร้ายอะไรมาเยอะขณะเดียวกันก็แอบสงสัยเช่นกันว่าสิ่งที่เธอพูดออกมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนความผิดที่จะถูกส่งไปอยู่ในคุกกันแน่

- นอกจากทำให้เรารู้จักอุปนิสัยใจคอของตัว Coly แล้วยังทำให้เรารู้ถึงปัญหาโครงสร้างเชิงลึกเกี่ยวกับระบบการเมืองการปกครองของประเทศฝรั่งเศสและประเทศ 3 อย่าง เซเนกัล ที่เป็นภูมิหลังของ Coly ถูกชำแหล่ะทุกภาคส่วนที่หมกเม็ดต่อทอดลงไปรากลึกจนเน่าเหม็นได้ถึงลูกถึงคน ที่มีความใกล้เคียงกันคือ ปมในครอบครัวที่ตัว Rama กับ Coly ที่คล้ายกัน ทั้ง เพศสภาพที่ถูกกดดันจากสังคมปิตาธิปไตย ความแตกต่างทางเชื้อชาติ และ การเผชิญภาวะก่อนและหลังการตั้งครรภ์จนเกิดภาวะซึมเศร้าตามมา โดยที่ทั้ง Rama กับ Coly ต่างเคยตกและกำลังตกอยู่ในสภาวะคล้าย ๆ กันจนมีความรู้สึกถึงความโดดเดี่ยวที่เชื่อมโยงสัมพันธ์ต่อกันจนทำให้ผมรู้สึกสะเทือนใจอยู่เป็นระยะ

-  Scene ที่ผมชอบมากก็คือ ช่วงที่ทนายสาวคนหนึ่งออกมาพูดสรุปเกี่ยวกับคดีนี้ทั้งหมด คือ เหมือนเป็นลูกระเบิดที่ปลดปล่อยมวลพลังความรู้สึกที่เก็บสะสมมาทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนแตกกระจุยไปคนละทิศคนละทาง แล้วปลอบใจด้วยการใส่ Sound ประกอบเสริมลงไปเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ลง พร้อมกับทิ้ง Message บางอย่างไว้ที่ตกเหลือจากแรงกระแทกของระเบิดให้คนดูเก็บไปคิดต่อด้วยอย่างน่าสนใจ และ เป็น Scene คลี่คลายปมที่ทรงพลัง ทำงานกับความรู้สึกของผมได้ดีมาก ๆ จนขนลุกไปข้างนึง อีกอย่างคือชอบใช้คำว่า ไม่รู้สิ ของ Cloy เอามาก คือ ไม่เชิงว่าจะกวนโอ๊ยออกมาพร่ำเพรื่อเปล่า ๆ แต่เราก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงว่าสิ่งที่กระทำไปนั้นกูทำไปเพื่ออะไร ทำไปทำไม กูยังบอกกับตนเองไม่ได้แล้วจะต้องการอะไรจากกูอีก บางอย่างมันก็อยู่เหนือกว่าการจะหาเหตุผลมาอธิบายได้ก็เลยตัดประโยคให้มันจบ ๆ ไป อารมณ์เหมือนพูดว่า ไม่สะดวก หรือ ไม่ยิ้มสิครับ อะไรอย่างนี้

- สรุป ภาพรวมทั้งหมดชอบมาก เศร้า หดหู่ สะเทือนใจ และ ปลอบโยนด้วยความหวังเล็ก ๆ ตบไปที่หลังเบา ๆ แถมให้แง่คิดเกี่ยวกับความโดดเดี่ยวที่เกิดจากการถูกกดขี่สารพัดวิธีจากสังคมและการทอดทิ้งจากครอบครัวที่ปัญหาทุกอย่างก็เริ่มต้นมาจากตรงนี้ แม้เราจะทราบอยู่แล้วว่าเรื่องนี้ได้หยิบจากข่าวที่เกิดขึ้นจริงของแม่เลี้ยงเดี่ยวพาลูกไปทิ้งที่แม่น้ำแห่งหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส แต่ผู้กำกับสาว Alice Diop ทำหน้าที่เป็นตัวแทนหมู่บ้านของคนดูเข้าไปนั่งฟังการพิจารณาคดีในห้องศาลพร้อมกับเจอตัวผู้ต้องหาเป็น ๆ จนกระทั่งศาลพิจารณาตัดสินใคดีสิ้นสุดลง ซึ่งผมดูไปก็รู้สึกว่าตนเองอยู่ในนั้นด้วยเหมือนกัน แต่ผู้กำกับเลือกที่จะไม่แสดงภาพหรือคำพูดตัดสินว่าบทสรุปเป็นอย่างไร ใครเป็นคนถูกหรือใครเป็นคนผิด แต่เลือกที่จะตั้งคำถามกลับคนดูแทนว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมที่เป็นอยู่ในขณะนี้กับประเทศที่เป็นตัวแทนแห่งเสรีภาพอย่างฝรั่งเศส ที่ภาพลักษณ์ดูเป็นความหวังของประชากรจากประเทศที่ 3 แต่ทำไมระบบการปกครองกลับส่งผลทำให้ชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งที่อุตส่าห์จากบ้านเกิดมาเพื่อหาโอกาสที่ดีกว่าในเมืองน้ำหอม จู่ ๆ ได้ตัดสินใจลงมือทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับดินแดนเมืองน้ำหอมแห่งนี้ เมื่อสภาพแวดล้อมมีส่วนสำคัญที่ส่งเสริมเข้าไปกระตุ้นให้เกิดขึ้น แล้วเหตุใดทำไมเหตุการณ์เหล่านี้ยังเกิดขึ้นซ้ำบ่อย ๆ ไม่รู้จบ ในเมื่อสังคมมีบทเรียนแบบนี้ขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม และ ติดตามช่องทาง Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
ชื่อสินค้า:   Review By EMCONCEPT
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่