บอกก่อนว่า จขกท. นี้เป็นพระบวชมาพรรษานี้พรรษาที่9แล้ว เรื่องมีอยู่ว่าปกติเวลาอาตมาบิณบาตรจำเป็นต้องใช้ลูกศิษย์เพื่ิอช่วยถือของแล้วพรรษานี้ลูกศิษเก่าของอาตมาเสียชีวิตไปเลยต้องหาลูกศิษย์มาช่วยเวลาบิณบาตร เรื่องเริ่มจากตรงนี้ มีหลวงพี่ภายในวัดท่านนึงมาบอกกับอาตมาว่ามีเด็กคนนึงมาขอเป็นลูกศิษบิณบาตรกับท่านมาสักพักใหญ่ๆแล้วซึ่งปกติท่านมีลูกศิษย์ประจำอยู่แล้วแต่ที่รับไว้เพราะความเอ็นดู ท่านเลยฝากเด็กคนนี้มาเป็นลูกศิษย์บิณบาตรกับอาตมาซึ่งเด็กคนนี้ก็ถือว่าดีถ้าเทียบกับเด็กวัดคนอื่นคือ มีมารยาท รู้จักกาลเทศะ ว่านอนสอนง่าย ถึงจะแอบดื่อเงียบในบางครั้ง ซึ่งปกติเด็กคนนี้ก็จะมาเที่ยวเล่นที่วัดกับลูกของเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานศพอยู่เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว เด็กก็มาเป็นลูกศิษย์อยูู่่ประมาณครึ่งปีกิจวัตรประจำวันของเด็กคนนี้ก็เช้าตื่นมาช่วยบิณบาตรตั้งแต่6.00น.ถึง7.10น.-7.30น. แล้วก็จะเอากับข้าวบิณบาตรไปให้แม่และเปลี่ยนเสื้อผ้าไปโรงเรียนหลังจากบิณบาตรเสร็จ ตกเย็นก็จะมาเล่นฟุตบอลกับลูกเจ้าหน้าที่วัดกับเด็กวัดคนอื่นๆซึ่งจะเป็นแบบนี้ทุกวันจนเมื่อ2เดือนก่อน เด็กคนนี้บอกกับอาตมาว่าไปเรียนทุกวันซึ่งอาตมาจะให้เงินไปโรงเรียนทุกวันวันละ80บาทแต่มีญาติโยมบอกกับอาตมาว่าเด็กคนนี้ไม่ได้ไปเรียน จนวันนึงความจริงก็เริ่มปรากฎมีคนมาบอกกับอาตมาว่าเด็กคนนี้โดนแม่ทิ้งไปแล้วและที่เด็กไม่ไปเรียนเพราะไม่มีชุดนักเรียนใส่ไปโรงเรียนช่วงกลางวันเด็กคนนี้ก็จะไปอยู่ที่บ้านของเจ้าหน้าที่วัดที่ลูกเขาสนิทกับเด็กนี้โดยบ้านของเจ้าหน้าที่วัดก็อยู่ห่างจากวัดไม่มากประมาณ3กิโล อาตมาเลยเริ่มหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมแม่เด็กถึงถูกทิ้งไปเพราะโดยรวมเด็กคนนี้ก็ไม่ได้มีนิสัยเกเรหรือมีพฤติกรรมที่เลวร้ายอาตมามองว่าเด็กคนนี้นิสัยใช้ได้เลยด้วยซ้ำ สรุปได้ว่าแม่เด็กมีแฟนใหม่และมีลูกกับแฟนใหม่1คนซึ่งแฟนใหม่ไม่เอาลูกติดซึ่งก็คือตัวเด็กคนนี้ และตลอดเวลาที่ผ่านมาความเข้าใจของอาตมาที่ว่าเด็กคนนี้มาช่วยบิณบาตรเช้าไปเรียนตกเย็นมาเล่นที่วัดและกลับไปนอนที่บ้าน(ห้องเช่า)คือความเข้าใจผิด เด็กคนนี้ไม่ได้นอนที่บ้านกับพ่อกับแม่แต่อย่างใด กลับกันเด็กคนนี้นอนที่บ้านของเจ้าหน้าที่วัดมาเกือบ2ปีแล้ว เพราะตลอดเวลาที่แฟนใหม่ของแม่เด็กคนนี้อยู่ที่บ้านเด็กคนนี้จะอยู่ที่บ้านไม่ได้ทำได้เพียงไปเอาชุดนักเรียนในช่วงเช้าและแอบเข้าไปหาแม่ในช่วงช่วงที่แฟนใหม่แม่ไม่อยู่ในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น จนระยะเวลาที่เด็กคนนี้เริ่มไม่ไปเรียนเพราะว่าแม่แอบขนของย้ายหนีจากบ้าน(ห้องเช่า)จนเด็กคนนี้ไม่มีชุดเรียนใส่ไปเรียน ทุกวันนี้เด็กคนนี้ก็ยังนอนที่บ้านเจ้าหน้าที่วัดทั้งๆที่อาตมาได้จัดที่ทางจัดห้องในกุฎิของอาตมาให้เด็กคนนี้พักอาศัยแล้วแต่ด้วยความเคยชินหรือติดเพือนก็ไม่ทราบเด็กคนเลือกจะนอนที่บ้านของเจ้าหน้าที่วัดแต่จะมาอยู่อาศัยในกุฎิอาตมาในช่วงกลางวันในเวลาที่เด็กคนอื่นยังไม่เลิกเรียน ปัจจุบันเด็กคนนี้ไม่ได้เรียนเพราะขาดเรียนจนหมดสิทธิสอบไปแล้วซึ่งระดับชั้นที่เรียนในปัจจุบันคือม.1 ตอนนี้อาตมาเป็นห่วงเกี่ยวกับเด็กเพราะบอกตรงๆก็ไม่ค่อยอยากให้เด็กคนนี้อยู่ที่บ้านเข้าหน้าที่เท่าไหร่เพราะจุดนั้นเป็นชุมชนแออัดและมีสารเสพติดกระจายในชุมชนนั้นเป็นจำนวนมากกลัวเด็กจะหลงผิดไปในทางนั้น แต่ตอนนี้เด็กก็ยังดูปกติดี อีกเรื่องที่กังวลคือเรื่องการศึกษาของเด็กเพราะด้วยตัวอาตมาเพียงคนเดียวที่ไม่มีศักยภาพไม่มีรายได้ที่มั่นคงอาตมาไม่มั่นใจว่าตัวเองจะส่งเสียด้านการศึกษาให้เด็กคนนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง อีกทั้งตัวเด็กก็มีแนวโน้มจะไม่ศึกษาเพราะอาตมาเคยถามว่าอยากเรียนต่อใหม่ตอบว่าไม่ อาตมาเคยพยายามเกลี้ยกล่อมเด็กคนนี้ให้เรียนอย่างน้อยก็เรียนกศน. หลังจากพูดเรื่องนี้เด็กคนนั้นก็หนีเตลิดไป5-6วันก่อนจะกลับมา ทำให้ปัจจุบันอาตมาจึงไม่ได้บังคับเขาในเรื่องนี้แต่ก็จะบอกเป็นบางครั้งคราวว่าถ้าอยากกลับมาเรียนต่อก็ให้มาบอกอาตมาจะพยายามทางช่วย
บางครั้งอาตมาก็คิดว่าอยากจะแจ้งเรื่องนี้กลับหน่วยงานรัฐแต่กลัวว่าจะเป็นยาที่แรงเกินไป เพราะเด็กก็ดูจะรักแม่เขามากเวลาถามอะไรเกี่ยวแม่เขาเด็กจะไม่ค่อยตอบแต่จะคอยบอกอาตมาว่าแม่ยังติดต่อกับตัวเองอยู่ยังไม่ได้ทิ้งไป แค่แยกกันอยู่อะไรประมาณนั้น มันก็เลยเป็นเรื่องที่คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรให้เด็กคนนี้มีชีวิตที่ดีมีมาตราฐานเหมือนเด็กทั่วๆไป
เด็ก13ถูกทอดทิ้งให้เป็นเด็กวัด
บางครั้งอาตมาก็คิดว่าอยากจะแจ้งเรื่องนี้กลับหน่วยงานรัฐแต่กลัวว่าจะเป็นยาที่แรงเกินไป เพราะเด็กก็ดูจะรักแม่เขามากเวลาถามอะไรเกี่ยวแม่เขาเด็กจะไม่ค่อยตอบแต่จะคอยบอกอาตมาว่าแม่ยังติดต่อกับตัวเองอยู่ยังไม่ได้ทิ้งไป แค่แยกกันอยู่อะไรประมาณนั้น มันก็เลยเป็นเรื่องที่คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรให้เด็กคนนี้มีชีวิตที่ดีมีมาตราฐานเหมือนเด็กทั่วๆไป