JJNY : จี้รบ.ใหม่แก้ค่าครองชีพ│“ธิดา”หวั่น“ทักษิณ”ถูกหลอก│‘ยูเอ็น’ผวาภัยพิบัติโลกเดือด│มอสโกผงะ“โดรนยูเครน”โผล่โจมตีซ้ำ

“กรุงเทพโพลล์” จี้รบ.ใหม่แก้ค่าครองชีพ-40.1% มีรายได้ไม่พอเก็บ
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_590783/
 
 
“กรุงเทพโพลล์” ประชาชนให้ ให้คะแนนความพึงพอใจชีวิตความเป็นอยู่ ครึ่งปีแรก ปานกลาง 3.07 เต็ม 5 โดย 40.1% มีรายได้แบบเดือนชนเดือน ไม่พอเก็บ 75.6% หมดกับค่าน้ำมัน จี้รัฐบาลใหม่แก้ค่าครองชีพ
 
กรุงเทพโพลล์” มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นของประชาชนเรื่อง “ความเป็นอยู่ของคนไทยในครึ่งปีแรกของปี 66” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ ด้วยการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ จำนวน 1,077 คน ระหว่างวันที่ 17-21 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนให้คะแนนความพึงพอใจชีวิตความเป็นอยู่ ภาพรวมเฉลี่ย 3.07 จากคะแนนเต็ม 5 ซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง
 
โดยด้านที่มีความพึงพอใจมากที่สุด คือ ด้านความสัมพันธ์ในครอบครัว เฉลี่ย 4.00 คะแนน ขณะด้านที่มีความพึงพอใจน้อยที่สุด คือ ด้านค่าครองชีพ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ เฉลี่ย 2.03 คะแนน

ส่วนสถานการณ์ทางการเงินในช่วงครึ่งปีแรก พบว่า ประชาชน ร้อยละ 40.1 ระบุ มีรายได้แบบเดือนชนเดือน ไม่พอเก็บออม/ยังไม่ได้ออมเลย, ร้อยละ 26.1 ระบุ มีรายได้ไม่เพียงพอต้องหยิบยืม/เงินขาดมือร้อยละ 23.8 ระบุ มีรายได้เพียงพอ มีเงินออมลดลง/ไม่ได้ตามเป้า และร้อยละ 10.0 ระบุ มีรายได้เพียงพอ มีเงินออมตามเป้า

ทั้งนี้ เมื่อถามว่า ใช้เงินไปกับเรื่องใดบ้างนอกจากค่าอาหารการกิน ร้อยละ 75.6 ระบุ หมดเงินไปกับค่าเดินทาง/เติมน้ำมัน/เติมก๊าซ, ร้อยละ 33.3 ระบุ เสี่ยงโชค/เล่นหวย/ซื้อลอตเตอรี่และร้อยละ 32.5 ระบุ ช้อปปิ้งออนไลน์/ซื้อของออนไลน์
 
สำหรับสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลใหม่แก้ปัญหามากที่สุด เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ร้อยละ 49.6 ระบุ เรื่องค่าครองชีพสูง สินค้าราคาแพง ,ร้อยละ 20.7 ระบุ เรื่องเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยวของไทย และร้อยละ 11.1 ระบุ เรื่องควบคุมราคาน้ำมัน


 
“ธิดา” หวั่น “ทักษิณ” ถูกหลอก ชี้ เป็นช่วงเวลาพิสูจน์จะทรยศประชาชนหรือไม่
https://www.thairath.co.th/news/politic/2713188

“ธิดา” หวั่น “ทักษิณ” ถูกหลอกเป็นตัวประกันทางการเมือง เชื่อ หากเพื่อไทยไปจับมือกับกลุ่มขั้วอำนาจเดิม เสื้อแดงโบกมือลา ชี้ เวลานี้คือการพิสูจน์ว่าจะมีการทรยศประชาชนหรือไม่ 
 
วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐทีวี โดยอยากให้ทำความเข้าใจก่อนว่า กลุ่มคนเสื้อแดงมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคนที่ต่อต้านรัฐประหารและผลพวงการสืบทอดอำนาจ และกลุ่มแฟนคลับที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้นจะเหมารวมว่าคนเสื้อแดงคือแฟนคลับพรรคเพื่อไทยทั้งหมดไม่ได้ เพราะทุกวันนี้กลุ่มเสื้อแดง หรือ นปช.เดิม ที่มีอุดมการณ์ในการต่อต้านรัฐประหาร ก็ผันเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มเสื้อส้มแล้วก็มี
 
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับไทย กลุ่มคนเสื้อแดงคิดอย่างไร นางธิดา ระบุ ส่วนตัวมองว่ากลุ่มเสื้อแดงทั้ง 2 กลุ่ม อยากให้ นายทักษิณ ได้รับความยุติธรรม เพราะคดีความที่ นายทักษิณ เจอเป็นผลพวงมาจากการรัฐประหารปี 2549 ซึ่งไม่เป็นธรรม แต่นอกจาก นายทักษิณ จะได้รับความเป็นธรรมแล้ว ก็อยากให้คนอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบนี้ได้รับความเป็นธรรมด้วย
 
เมื่อถามต่อไป การที่นายทักษิณกลับมา ถูกโยงไปถึงเรื่องดีลลับจัดตั้งรัฐบาล มองว่าจะเป็นแบบนั้นได้หรือไม่ นางธิดา ตอบว่า นายทักษิณ เป็นคนที่มีลักษณะมุ่งมั่น ไม่อยากไปตายนอกแผ่นดิน และไม่ยอมแพ้ต่อการดำรงอยู่ของพรรคการเมือง ส่วนคำถามว่าเชื่อหรือไม่ว่ามีการติดต่อพูดคุยดีลลับกัน นางธิดา เชื่อว่าเป็นไปได้ที่มีการติดต่อพูดคุยกัน แต่เป็นการดีลเรื่องของตัวเอง คือพูดคุยถึงเรื่องการจะเข้ามาอย่างไรให้มีสิทธิพิเศษที่ดีขึ้น หรือมีโอกาสที่จะได้รับการอภัยโทษหรือเปล่า ซึ่งตนไม่รู้ตื้นลึกหนาบางตรงนั้น 

แต่การที่จะให้ นายทักษิณ ไปดีลเรื่องให้พรรคเพื่อไทยไปร่วมกับพรรคที่สืบทอดอำนาจ ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะใช่แบบนั้น เพราะนายทักษิณ มีบทเรียนเดิมมาจากตอนทำนิรโทษกรรมสุดซอย ดังนั้นเชื่อว่า นายทักษิณ คงจะไม่เอาพรรคการเมืองมาเกี่ยวเรื่องนี้ด้วย ส่วนเหตุผลที่ต้องกลับเข้ามาก่อน ส่วนตัวคาดการณ์ว่าเพราะหากเข้ามาหลังจากที่พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลแล้ว คนจะมองว่าเข้ามาโดยใช้สิทธิ์พรรคจัดตั้งรัฐบาลเข้ามา และอาจมีปัญหาต่อพรรคการเมืองต่อไป
 
ขณะที่คำถามว่า นายทักษิณ กลับมารอบนี้จะถูกหลอกหรือไม่ นางธิดา ตอบว่า “เป็นไปได้ และก็อาจจะถูกจับไปเป็นตัวประกันเลยก็ได้ การที่คุณทักษิณกลับมีอยู่ 2 ด้าน ระหว่างด้านบวกและด้านลบ ด้านบวกคือคุยกันมาเรียบร้อยถึงสิทธิพิเศษและการอภัยโทษ แต่ด้านลบคุณทักษิณอาจจะกลายเป็นตัวประกัน เพื่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นแบบนั้นแบบนี้ หรือนำไปร่วมมือกับใคร ซึ่งมันเป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง” 
 
พร้อมกล่าวต่อไปว่า ตนไม่ไว้ใจพวกจารีตอำนาจนิยม เพราะกลุ่มพวกนี้ต้องทำเพื่อให้รักษาอำนาจต่อ และการหลอกครั้งนี้จะเป็นการหลอก นายทักษิณ พรรคเพื่อไทย และคนสนับสนุนพรรคเพื่อไทยทั้งหมด เข้าใจว่า นายทักษิณ อยากกลับบ้าน และเข้าใจความไม่เป็นธรรมที่ นายทักษิณ เจอ แต่อยากให้ระวังเรื่องนี้
 
ทั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยไปจับมือกับกลุ่มอำนาจนิยมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ตนคิดว่าพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ จะสูญเสียสถานะของการอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยและต่อต้านเผด็จการมาเป็นระยะเวลายาวนานเกือบ 20 ปีทันทีที่ข้ามขั้วไปทำแบบนั้น เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้หาเสียงมาตลอดว่าไม่เอา 2 ลุง หากทำแบบนั้นเองพรรคเพื่อไทยในอนาคตจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เพราะไม่อยู่กับฐานและผู้สนับสนุนของตน
 
นางธิดา ยังได้ตอบคำถามกรณีที่ นายทักษิณ กลับมาจะปลุกกระแสคนเสื้อแดงให้กลับมาอีกครั้งได้หรือไม่ ว่าไม่เกี่ยวกัน เพราะคนเสื้อแดงมี 2 กลุ่ม หาก นายทักษิณ ทรยศต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยไปจับมือกับกลุ่มฆาตกรก็อาจจะไม่มีการสนับสนุนตรงนั้นกลับมา ส่วนประเด็นว่าการต่อสู้ของ นายทักษิณ เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยตรงหรือเป็นการสู้ไปกราบไป นางธิดา เผยว่า นายทักษิณ ไม่ได้เข้ามาทำพรรคการเมืองเพื่อเป็นนักต่อสู้หรือปฏิวัติตั้งแต่แรก เพราะตอนที่เข้ามาในตอนนั้นบ้านเมืองสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว เข้ามาเพื่อแก้ไขเศรษฐกิจและความยากจน และ นายทักษิณ คิดว่าเมืองไทยเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว ต่างกับพรรคก้าวไกลที่เข้ามาตอนที่ประเทศมีปัญหา และเข้ามาเพื่อที่อยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศ มันต่างกัน
 
นอกจากนี้ คำถามว่าการต่อสู้ของด้อมส้มและเสื้อแดงแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร นางธิดา ตอบว่า เสื้อแดงคือการต่อต้านรัฐประหารไม่ใส่สีของพรรค ดังนั้น ด้อมส้มหรือแฟนคลับของพรรคก้าวไกลตอนนี้ก็เป็นคนเสื้อแดงมาก่อนจำนวนมาก และวิญญาณหลักของกลุ่มส้มและแดงคือวิญญาณเดียวกัน  วิญญาณการต่อต้านรัฐประหารและผลพวงการสืบทอดอำนาจ ทางด้านเรื่องกลุ่มเสื้อแดงที่เป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และกลุ่มแฟนคลับพรรคก้าวไกลทะเลาะกัน ตนมองว่าไม่ได้เป็นนักต่อสู้จริง เพราะนักต่อสู้จริงๆ จะไม่ไปทะเลาะกันแบบนั้น เพราะแดงส้มจริงๆ คืออุดมการณ์เดียวกัน คือไม่เอารัฐประหาร ดังนั้นจะมาทะเลาะกันทำไม
 
อย่างไรก็ตาม เมื่อให้วิเคราะห์สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคร่วมตอนนี้ นางธิดา แสดงความคิดเห็นว่า แม้จะมีข่าวลือหนาหูว่าทั้ง 2 พรรคอาจจะแยกจากกัน แต่ตนอยากให้จับมือให้แน่นเพื่อไปต่อสู้กับฝ่ายปฏิปักษ์ ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยอยากเป็นรัฐบาลมากก็ต้องยอมไปจับมือกับฝ่ายตรงข้าม แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยเข้าใจเจตนาของประชาชนจริงๆ จะต้องไม่แยกจากพรรคก้าวไกล และต่อสู้ไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนแล้วจะสามารถชนะได้ในอนาคต 
 
เวลานี้คือการพิสูจน์ว่าจะมีการทรยศกับประชาชนหรือไม่ หากเป็นแบบนั้นอนาคตเพื่อไทยก็คงจะต้องไปลุ้นกันต่อ ว่าจะอยู่ในจุดไหนอย่างไร แต่พรรคก้าวไกลคงจะผ่านฉลุย



‘ยูเอ็น’ผวาภัยพิบัติโลกเดือด หลังอุณหภูมิ-สภาพอากาศพุ่ง จี้นานาประเทศลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4104290

‘ยูเอ็น’ผวาภัยพิบัติโลกเดือด หลังอุณหภูมิ-สภาพอากาศพุ่ง จี้นานาประเทศลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
 
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า นายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมว่า ตอนนี้ภาวะโลกร้อนได้สิ้นสุดลงแล้ว และกำลังย่างเข้าสู่ภาวะโลกเดือด การเปิดเผยดังกล่าวมีขึ้นหลังจากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (ดับเบิลยูเอ็มโอ) ของยูเอ็น และ Copernicus Climate Change Service (ซี 3 เอส) แห่งสหภาพยุโรป ออกแถลงการณ์ร่วมกันระบุว่า เดือนกรกฎาคม 2023 กลายเป็นเดือนที่ทำลายสถิติอุณหภูมิสูงสุดในโลกไปเรียบร้อย นอกจากอุณหภูมิโลกจะสูงขึ้นจนทำสถิติใหม่แล้ว

นายคาร์โล บวนเทมโป ผู้อำนวยการของซี 3 เอส ระบุว่า อุณหภูมิในช่วงเวลานี้น่าทึ่งมาก มีความผิดปกติจนนักวิทยาศาสตร์แน่ใจว่าจะทำลายสถิติได้ก่อนสิ้นเดือน และยิ่งหากดูข้อมูลย้อนกลับของสภาพอากาศในอดีต เช่น จากวงของต้นไม้ หรือแกนกลางของน้ำแข็ง ก็ยิ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าอุณหภูมิที่เกิดขึ้นนั้นไม่เคยพบมาก่อนในประวัติศาสตร์ของเราในช่วงไม่กี่พันปีที่ผ่านมา และมีความเป็นไปได้ที่มันอาจจะนานกว่า 100,000 ปีเลยทีเดียว
 
สำหรับโลกเราทั้งโลกนี่คือภัยพิบัติ เดือนกรกฎาคม 2023 กำลังจะทำลายสถิติที่มีอยู่ทั้งหมด และ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวและมันเพิ่งเริ่มขึ้น ตอนนี้ยุคของภาวะโลกร้อนได้สิ้นสุดลงแล้ว และยุคของโลกเดือดกำลังจะมาถึงผลที่รุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเป็นไปตามคำทำนายและการเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าของนักวิทยาศาสตร์” นายกุแตเรซ ระบุ

กุแตเรซ พุ่งเป้าไปที่การใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล ระบุว่า อากาศจะไม่สามารถใช้สำหรับหายใจได้ ความร้อนก็จะเพิ่มขึ้นจนเราทนไม่ได้ ระดับกำไรจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและการเพิกเฉยต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็เป็นสิ่งที่รับไม่ได้เช่นกัน ผู้นำต้องเป็นผู้เดินนำอย่างแท้จริง ไม่ต้องลังเลอีกต่อไป และไม่มีข้อแก้ตัวอีกต่อไป
 
ขณะที่ นายเพตเตรี ตาลาส เลขาธิการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หน่วยงานในสังกัดสหประชาชาติ กล่าวว่า สภาพอากาศที่เลวร้ายส่งผลกระทบกับผู้คนในเดือนกรกฎาคมนี้ คือความเป็นจริงอันโหดร้ายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการคาดเดาอนาคต ความจำเป็นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นเรื่องเร่งด่วนยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา และการดำเนินการเรื่องสภาพอากาศไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือย แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่