สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิป เราจะมาแชร์ประสบการณ์โดนไฟแนนซ์ฟ้องในฐานะผู้ค้ำประกัน
ยาวหน่อยนะคะ เตือนแล้วนะ!!! 5555
เริ่มจากสามีเก่าที่คบกันมา 6 ปี ไปซื้อรถแล้วให้เราเป็นคนค้ำประกัน ตอนที่ทำสัญญาซื้อตอนนั้นยังไม่ได้จดทะเบียนกัน มูลค่ารถตอนนั้น 1.3ลบ. ช่วงแรกๆเค้าก็ผ่อน ผ่อนไปได้ประมาณ 1 ปี มาช่วง 6 เดือนหลังผ่อนไม่ตรง ค้างค่างวดค้างจนเข้างวดที่ 4 ตอนนั้นไฟแนนซ์ก็จะขอรถคืนล่ะ เค้าก็ไม่ยอมให้ผลัดไปเรื่อย บ่ายเบี่ยง ตอนนั้นความสัมพันธ์เราก็ไม่ดีแล้ว ทะเลาะกันบ่อย มีปัญหากันหนัก แล้วเราก็ก็เกลี่ยกล่อมให้เค้าเอารถมาคืนก็ไม่ยอมคืนสักที
จนมารู้ว่ารถไม่อยู่แล้ว คือเอาไปจำนำแล้วรถหลุดไปแล้ว เราเครียดมากตอนนั้นเพราะบอกไฟแนนซ์ก็ไม่ได้ แจ้งความก็ไม่ได้ แล้วเรากับเค้าก็มีปัญหาหนักมาก มาจับได้ว่าเค้ามีเรื่องผู้หญิง และสันนิษฐานว่าติดการพนัน เราเลยไม่เอาแล้วขอหย่า สุดท้ายแล้วเค้าก็ยอมหย่า
ส่วนเรื่ิองรถก็ยังคงมีปัญหาอยู่ หลังจากครั้งสุดท้ายที่ไฟแนนซ์ติดต่อมาทางเราว่าตอนนี้ยกเลิกสัญญาแล้ว ถ้าไม่คืนรถเค้าก็จะส่งฟ้อง
หลังจากนั้นประมาณ 6 เดือน เราได้หมายศาล สั่งฟ้องเราในฐานะจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกัน ยอดฟ้อง 1.4 ลบ. ให้ร่วมกันชดใช้หนี้กับจำเลยที่ 1
หลังจากได้รับหมายศาลถัดไปอีกประมาณ 45 วัน ศาลนัดนัดแรกเพื่อไกล่เกลี่ย เราเครียดมากกตอนนั้นจะทำไงดี ในใจลึกๆนี่เตรียมรับสภาพไปล่ะ ก็เริ่มๆปรึกษากับทนาย แต่ก็ยังบวกลบอยู่ว่าจะชนะไหมเพราะทนายบอก 50/50 จะช่วยตามหารถมาคืน นัดแรกให้ไปเองก่อนขอเลื่อนเพื่อแต่งทนาย
นัดแรกเราก็เลยไปขึ้นศาลเอง และขอเลื่อนตามที่ทนายแนะนำ ศาลก็เลื่อนให้ไปอีก 30 วันสำหรับนัดที่ 2 ก็กลับมาคุยกับทนายเค้าก็บอกว่าต้องสู้ เดี๋ยวระหว่างนี้เค้าจะติดตามรถด้วย ค่าทนาย 50,000 บาท เราก็เอาว่ะดีกว่าเสียเป็นล้าน
ผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ เราก็ถามทนายเป็นระยะเรื่องถึงไหน รถได้ยัง? คือมีแต่เราติดต่อไป แล้วก่อนขึ้นศาล 1 อาทิตย์ทนายก็ไม่อยู่ไป ตปท อีกบอกจะกลับมาทัน เราเครียดมากกก ยังไม่รู้แนวทางเลยจะสู้ไปทางไหน คุยกับทนายก็ไม่ชัดเจน
ก่อนถึงวันขึ้นศาล 2 วัน เราก็ไปเจอทนายอีกคนในติ๊กต๊อก เค้าทำคดีเกี่ยวกับเรื่องรถแบบนี้เลย แล้วชนะคดีมาเยอะ เราเลยติดต่อไปปรากฏเค้าอยู่นครพนม แล้วเราอยู่ กทม ล่ะต้องไปขึ้นศาลที่ชัยนาท โอ้ยตายยยย เค้าจะมายังไง!!
เค้าก็แนะนำว่าต้องสู้ สู้ได้ชนะแน่ เค้ามีแนวทาง เราตัดสินใจจ้างเค้าเลย เททนายคนเก่า
พอถึงวันขึ้นศาลทนายก็มา เราก็ไปเพื่อไปเซนต์ใบแต่งทนายแต่ไม่ได้เข้าไปในห้องพิจารณาคดีด้วยวันนั้นก็ผ่านไปรอผลอีก 10 วันเพื่อฟังคำพิพากษา พอครบกำหนดทนายก็แจ้งมาว่าหลุดแล้วนะ ศาลพิพากษาให้ผู้ซื้อชำระหนี้และให้ผู้ค้ำจ่ายแค่ 11,000 บาท เราดีใจมากกกกกแบบมากก
แบบโล่งสุดๆ
เลยอยากจะบอกเพื่อนๆใครที่เจอสถานการณ์แบบเดียวกันคือต้องแต่งทนายเพื่อสู้เท่านั้น และไม่ใช่ทนายทุกคนจะทำได้ เราโชคดีมากที่ได้มาเจอทนายคนนี้ ……ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ
**ขอเพิ่มเติมค่ะ คดีเราชนะคดีโดยใช้กฎหมาย 2 ข้อค่ะ
1.สู้ด้วย กฎหมายแพ่งและพานิชย์ 686 วรรค2 ….จำเลยที่ 2 ได้รับหนังสือดังกล่าวเกินกำหนด 60 วัน นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ผิดนัด จำเลยที่ 2 ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นบรรดาที่เกิดขึ้นภายหลังเมื่อพ้นกำหนดเวลาแล้ว
2.สู้ด้วย กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 681/1 บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ค้ำประกันรับผิดในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วม จำเลยที่2 จึงรับผิดในฐานะผู้คำประกันเท่านั้น
แชร์ประสบการณ์โดนฟ้องเป็นผู้ค้ำประกันรถ และชนะคดี!!
ยาวหน่อยนะคะ เตือนแล้วนะ!!! 5555
เริ่มจากสามีเก่าที่คบกันมา 6 ปี ไปซื้อรถแล้วให้เราเป็นคนค้ำประกัน ตอนที่ทำสัญญาซื้อตอนนั้นยังไม่ได้จดทะเบียนกัน มูลค่ารถตอนนั้น 1.3ลบ. ช่วงแรกๆเค้าก็ผ่อน ผ่อนไปได้ประมาณ 1 ปี มาช่วง 6 เดือนหลังผ่อนไม่ตรง ค้างค่างวดค้างจนเข้างวดที่ 4 ตอนนั้นไฟแนนซ์ก็จะขอรถคืนล่ะ เค้าก็ไม่ยอมให้ผลัดไปเรื่อย บ่ายเบี่ยง ตอนนั้นความสัมพันธ์เราก็ไม่ดีแล้ว ทะเลาะกันบ่อย มีปัญหากันหนัก แล้วเราก็ก็เกลี่ยกล่อมให้เค้าเอารถมาคืนก็ไม่ยอมคืนสักที
จนมารู้ว่ารถไม่อยู่แล้ว คือเอาไปจำนำแล้วรถหลุดไปแล้ว เราเครียดมากตอนนั้นเพราะบอกไฟแนนซ์ก็ไม่ได้ แจ้งความก็ไม่ได้ แล้วเรากับเค้าก็มีปัญหาหนักมาก มาจับได้ว่าเค้ามีเรื่องผู้หญิง และสันนิษฐานว่าติดการพนัน เราเลยไม่เอาแล้วขอหย่า สุดท้ายแล้วเค้าก็ยอมหย่า
ส่วนเรื่ิองรถก็ยังคงมีปัญหาอยู่ หลังจากครั้งสุดท้ายที่ไฟแนนซ์ติดต่อมาทางเราว่าตอนนี้ยกเลิกสัญญาแล้ว ถ้าไม่คืนรถเค้าก็จะส่งฟ้อง
หลังจากนั้นประมาณ 6 เดือน เราได้หมายศาล สั่งฟ้องเราในฐานะจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกัน ยอดฟ้อง 1.4 ลบ. ให้ร่วมกันชดใช้หนี้กับจำเลยที่ 1
หลังจากได้รับหมายศาลถัดไปอีกประมาณ 45 วัน ศาลนัดนัดแรกเพื่อไกล่เกลี่ย เราเครียดมากกตอนนั้นจะทำไงดี ในใจลึกๆนี่เตรียมรับสภาพไปล่ะ ก็เริ่มๆปรึกษากับทนาย แต่ก็ยังบวกลบอยู่ว่าจะชนะไหมเพราะทนายบอก 50/50 จะช่วยตามหารถมาคืน นัดแรกให้ไปเองก่อนขอเลื่อนเพื่อแต่งทนาย
นัดแรกเราก็เลยไปขึ้นศาลเอง และขอเลื่อนตามที่ทนายแนะนำ ศาลก็เลื่อนให้ไปอีก 30 วันสำหรับนัดที่ 2 ก็กลับมาคุยกับทนายเค้าก็บอกว่าต้องสู้ เดี๋ยวระหว่างนี้เค้าจะติดตามรถด้วย ค่าทนาย 50,000 บาท เราก็เอาว่ะดีกว่าเสียเป็นล้าน
ผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ เราก็ถามทนายเป็นระยะเรื่องถึงไหน รถได้ยัง? คือมีแต่เราติดต่อไป แล้วก่อนขึ้นศาล 1 อาทิตย์ทนายก็ไม่อยู่ไป ตปท อีกบอกจะกลับมาทัน เราเครียดมากกก ยังไม่รู้แนวทางเลยจะสู้ไปทางไหน คุยกับทนายก็ไม่ชัดเจน
ก่อนถึงวันขึ้นศาล 2 วัน เราก็ไปเจอทนายอีกคนในติ๊กต๊อก เค้าทำคดีเกี่ยวกับเรื่องรถแบบนี้เลย แล้วชนะคดีมาเยอะ เราเลยติดต่อไปปรากฏเค้าอยู่นครพนม แล้วเราอยู่ กทม ล่ะต้องไปขึ้นศาลที่ชัยนาท โอ้ยตายยยย เค้าจะมายังไง!!
เค้าก็แนะนำว่าต้องสู้ สู้ได้ชนะแน่ เค้ามีแนวทาง เราตัดสินใจจ้างเค้าเลย เททนายคนเก่า
พอถึงวันขึ้นศาลทนายก็มา เราก็ไปเพื่อไปเซนต์ใบแต่งทนายแต่ไม่ได้เข้าไปในห้องพิจารณาคดีด้วยวันนั้นก็ผ่านไปรอผลอีก 10 วันเพื่อฟังคำพิพากษา พอครบกำหนดทนายก็แจ้งมาว่าหลุดแล้วนะ ศาลพิพากษาให้ผู้ซื้อชำระหนี้และให้ผู้ค้ำจ่ายแค่ 11,000 บาท เราดีใจมากกกกกแบบมากก
แบบโล่งสุดๆ
เลยอยากจะบอกเพื่อนๆใครที่เจอสถานการณ์แบบเดียวกันคือต้องแต่งทนายเพื่อสู้เท่านั้น และไม่ใช่ทนายทุกคนจะทำได้ เราโชคดีมากที่ได้มาเจอทนายคนนี้ ……ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ
**ขอเพิ่มเติมค่ะ คดีเราชนะคดีโดยใช้กฎหมาย 2 ข้อค่ะ
1.สู้ด้วย กฎหมายแพ่งและพานิชย์ 686 วรรค2 ….จำเลยที่ 2 ได้รับหนังสือดังกล่าวเกินกำหนด 60 วัน นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ผิดนัด จำเลยที่ 2 ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นบรรดาที่เกิดขึ้นภายหลังเมื่อพ้นกำหนดเวลาแล้ว
2.สู้ด้วย กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 681/1 บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ค้ำประกันรับผิดในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วม จำเลยที่2 จึงรับผิดในฐานะผู้คำประกันเท่านั้น