OPPENHEIMER
"ผมคือความตาย ผู้ทำลายโลกทั้งใบ"
เรื่องย่อ Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์
ออพเพนไฮเมอร์ ชายผู้มีปัญหาในตัวเองมากมาย แต่ก็ถูกมองข้ามไปด้วยความปราดเปรื่องของตัวเขา เมื่อเขาถูกขอความช่วยเหลือให้หาหนทางยุติสงครามโลกครั้งที่สอง เขาก็ชี้ไปที่ความหวังเดียวเท่านั้น คือ อาวุธปรมาณูที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงจนสามารถยับยั้งไม่ให้ทุกฝ่ายต่อสู้กันต่อไปได้อีก
คือเห็นตัวอย่าง ก็หวั่นๆนะ ว่าหนังจะออกมางงๆ แบบเรื่องก่อนๆมั้ย ต้องคิดเยอะมั้ย และชีวประวัติ จะน่าดูจริงหรอ แต่ด้วยความที่หนังโนแลน คือยังไงต้องดู
ภายใต้บ้านหลังใหม่ จากWB มาUniversal ที่มีเรื่องกัน เพราะเอาTenet ลงStreaming โดยไม่ถามโนแลน
ความรู้สึกหลังดูจบ
ชีวประวัติบิดาแห่งระเบิดปรมาณู ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีชั้นเชิง
แน่นอนว่าหนังของ คริสโตเฟอร์ โนแลน แต่ละเรื่อง ไม่ได้นำเสนอ ให้เข้าใจง่ายๆอยู่แล้ว หนังไม่ได้เล่าแบบ 1, 2, 3 คือหนังจะเล่าแบบสลับไทม์ไลน์กันไปมา และใช้ภาพสี และขาวดำ ในการเล่าเรื่อง นี่คือเสน่ห์ในการเล่าเรื่อง ที่มีชั้นเชิง ถ้าผู้กำกับคนอื่นอาจจะเล่าแบบสูตรสำเร็จ ตามลำดับ ทำให้ดูแล้วไม่ต้องคิดเยอะ ถ้าทำดี ก็คือสนุก ถ้าทำไม่ดี ก็น่าเบื่อไปเลย สำหรับแนวชีวประวัติ ที่หลายๆคนอาจจะไม่โปรดปรานสักเท่าไหร่ เพราะถ้าทำไม่ดี ก็เหมือนนั่งดูสารคดีน่าเบื่อๆ เรื่องนึง
แต่นั่นไม่ใช่หนังสไตล์โนแลนด์แน่นอน คือเสด็จพ่อโนแลน ก็อย่างที่รู้ๆกัน ว่าหนังมักจะเล่นท่ายากเสมอ นี่แหละคือเสน่ห์ ที่เหมือนดาบ2คม คนชอบก็คือชอบไปเลย ไม่ชอบก็จะเกลียดเลย เพราะดูแล้วต้องคิดตามเยอะ ปวดหัว หรือต้องกลับไปดูอีกรอบ และมาหาข้อมูลอ่านหลังดูจบ นี่แหละหนังโนแลน
Oppenheimer ก็เช่นกัน เป็นการฉลาดในการเล่าเรื่อง และนำเสนอ ทำให้3ชั่วโมง ดูไม่น่าเบื่อเลย
เล่าเรื่องมีชั้นเชิง ชวนติดตาม เราจะต้องคิดตาม และโฟกัสไปกับคำพูด บทสนทนาของตัวละคร เพราะเต็มไปด้วยรายละเอียดต่างๆ อย่างพลาดไม่ได้ และต้องใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ที่เรียนมา คิดตามไปกับหนังด้วย เพราะฉะนั้น 180นาที ถ้าคุณเป็นคนตั้งใจดูหนัง จะไม่ง่วงหรือน่าเบื่อแน่นอน
(แต่เราก็มีหลับตา เคลิ้มๆไปบ้าง บางช่วง เพราะบทเยอะเกิน แอร์ก็เย็น ตัวละครก็เยอะ อาจจะมีงงๆ และหลุดไปบ้าง แต่ก็ดูเสร็จ แล้วมาหาประวัติอ่าน ฟัง แบบจริงจัง ก็ทำให้เข้าใจขึ้นเยอะ รู้แบบนี้ น่าจะฟังประวัติไปเลย คงจะดูเข้าใจ และอินมากกว่านี้ เพราะทำการบ้านไปแค่ รู้ไว้ก่อนดู ไม่ถึงกับอ่านประวัติไป พอมาย้อนฟังประวัติ คือเป๊ะๆเลย เข้าใจแบบ300% ทำไมตัวละครเอก ถึงเป็นแบบนี้ คือรู้เลย)
นักแสดงทุกคนเล่นดีมาก การกระจายบทดี ตัวละครทุกตัวมีบทบาท และระดับตัวท็อปๆทั้งนั้น ที่เล่นเรื่องนี้
Cillian Murphy ที่รับบท J. Robert Oppenheimer
คือตีบทแตก ต้องได้สักรางวัล การแสดง การตา สีหน้า คือเราเชื่อเลย ว่าเขาคือ ดร.ออพเพนไฮเมอร์ จริงๆ
ตัวละคร ที่เหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา แต่ก็มักจะเก็บไว้ ซึ่งเขาถ่ายทอดออกมา คือใช่เลย
การแต่งหน้า คือแบบเทพมาก แสดงให้เห็นแต่ละช่วงวัยของแต่ละตัวละคร ตั้งแต่หนุ่มจนแก่ คือแต่งเก่งจริง
งานฮอลลีวู้ด ไม่ใช่หนังไทย ที่ตื่นมาหน้าฉ่ำตลอดเวลา
งานสร้างดี เก็บรายละเอียดทุกเม็ด ทำการบ้านมาดีมาก ได้ข่าวว่า ไม่ใช้CGทั้งเรื่อง คือสุดจริง
และที่ชื่นชอบ คือซาวน์ของหนังทุกเรื่องของโนแลนด์ จะมีความโดดเด่น และตื่นเต้น เข้ากับหนัง และทำออกมาดีทุกเรื่อง
ภาพดูยิ่งใหญ่เต็มตา สมกับถ่ายด้วยกล้องIMAX
ข้อด้อยและส่วนที่ไม่ชอบ
ส่วนตัวคิดว่า หนังมันนานมาก และบทพูดเยอะสุดๆ และฉากระเบิดดูไม่อิมแพคเท่าไหร่ คาดหวังว่าจะได้ยินเสียงระเบิด แต่เงียบซะงั้น นั่นคือฉากสำคัญเลยนะ
ปล. สิ่งที่ต้องทำการบ้านไปก่อนดู คือ ประวัติOppenheimer, ประวัติศาสตร์, การเมือง และสงคราม ในช่วงเวลานั้น แล้วจะดูเข้าใจ และอินมาก
หนังยาว 180 นาที เตรียมตัวให้เรียบร้อย ก่อนเข้าโรง เพราะถ้าคุณออกมาเข้าห้องน้ำ นั่นคือคุณจะพลาดบทสนทนาไปเยอะมาก อาจจะทำให้ดูไม่รู้เรื่อง
แนะนำให้ดูพากย์ไทย เพราะหนังดำเนินเรื่อง ด้วยการพูด เกือบ90% เพราะถ้าดูSub อาจจะอ่านไม่ทัน
ใครที่มีลูก อย่าพาไปดู เรื่องนี้เรทR นะ มีฉาก18+ และเห็นเรือนร่าง เห็นมีพ่อแม่พาลูกไปดูด้วย ควรศึกษาไปให้ดีๆ ก่อนพาลูกไปดู ไม่ใช่ชีวประวัติ พาลูกไปดูเลย โดยไม่สนว่าเรทอะไร
สำหรับคะแนนความชอบ ส่วนตัวให้ 7.5/10 คะแนน
บางคนอาจจะชอบ หรือบางคนอาจจะไม่ชอบเลย หนังเรื่องนี้มันแล้วแต่เทสในการดูของแต่ละคนจริงๆ ต้องไปพิสูจน์เอง ส่วนเรา ก็ชอบนะ ดูเพลินๆ ถึงหนังจะยาว และหาวบ้าง แต่ก็คุ้มค่าที่ได้ดู แต่ก็อาจจะไม่ได้ชอบมากอะไรขนาดนั้น
สำหรับใครที่ไปดูมาแล้ว คิดเห็นอย่างไรกันบ้าง มาแชร์กัน
#Oppenheimer
OPPENHEIMER (7.5/10) l ชีวประวัติบิดาแห่งระเบิดปรมาณู ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีชั้นเชิง (สปอยล์)
"ผมคือความตาย ผู้ทำลายโลกทั้งใบ"
เรื่องย่อ Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์
ออพเพนไฮเมอร์ ชายผู้มีปัญหาในตัวเองมากมาย แต่ก็ถูกมองข้ามไปด้วยความปราดเปรื่องของตัวเขา เมื่อเขาถูกขอความช่วยเหลือให้หาหนทางยุติสงครามโลกครั้งที่สอง เขาก็ชี้ไปที่ความหวังเดียวเท่านั้น คือ อาวุธปรมาณูที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงจนสามารถยับยั้งไม่ให้ทุกฝ่ายต่อสู้กันต่อไปได้อีก
คือเห็นตัวอย่าง ก็หวั่นๆนะ ว่าหนังจะออกมางงๆ แบบเรื่องก่อนๆมั้ย ต้องคิดเยอะมั้ย และชีวประวัติ จะน่าดูจริงหรอ แต่ด้วยความที่หนังโนแลน คือยังไงต้องดู
ภายใต้บ้านหลังใหม่ จากWB มาUniversal ที่มีเรื่องกัน เพราะเอาTenet ลงStreaming โดยไม่ถามโนแลน
ความรู้สึกหลังดูจบ
ชีวประวัติบิดาแห่งระเบิดปรมาณู ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีชั้นเชิง
แน่นอนว่าหนังของ คริสโตเฟอร์ โนแลน แต่ละเรื่อง ไม่ได้นำเสนอ ให้เข้าใจง่ายๆอยู่แล้ว หนังไม่ได้เล่าแบบ 1, 2, 3 คือหนังจะเล่าแบบสลับไทม์ไลน์กันไปมา และใช้ภาพสี และขาวดำ ในการเล่าเรื่อง นี่คือเสน่ห์ในการเล่าเรื่อง ที่มีชั้นเชิง ถ้าผู้กำกับคนอื่นอาจจะเล่าแบบสูตรสำเร็จ ตามลำดับ ทำให้ดูแล้วไม่ต้องคิดเยอะ ถ้าทำดี ก็คือสนุก ถ้าทำไม่ดี ก็น่าเบื่อไปเลย สำหรับแนวชีวประวัติ ที่หลายๆคนอาจจะไม่โปรดปรานสักเท่าไหร่ เพราะถ้าทำไม่ดี ก็เหมือนนั่งดูสารคดีน่าเบื่อๆ เรื่องนึง
แต่นั่นไม่ใช่หนังสไตล์โนแลนด์แน่นอน คือเสด็จพ่อโนแลน ก็อย่างที่รู้ๆกัน ว่าหนังมักจะเล่นท่ายากเสมอ นี่แหละคือเสน่ห์ ที่เหมือนดาบ2คม คนชอบก็คือชอบไปเลย ไม่ชอบก็จะเกลียดเลย เพราะดูแล้วต้องคิดตามเยอะ ปวดหัว หรือต้องกลับไปดูอีกรอบ และมาหาข้อมูลอ่านหลังดูจบ นี่แหละหนังโนแลน
Oppenheimer ก็เช่นกัน เป็นการฉลาดในการเล่าเรื่อง และนำเสนอ ทำให้3ชั่วโมง ดูไม่น่าเบื่อเลย
เล่าเรื่องมีชั้นเชิง ชวนติดตาม เราจะต้องคิดตาม และโฟกัสไปกับคำพูด บทสนทนาของตัวละคร เพราะเต็มไปด้วยรายละเอียดต่างๆ อย่างพลาดไม่ได้ และต้องใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ที่เรียนมา คิดตามไปกับหนังด้วย เพราะฉะนั้น 180นาที ถ้าคุณเป็นคนตั้งใจดูหนัง จะไม่ง่วงหรือน่าเบื่อแน่นอน
(แต่เราก็มีหลับตา เคลิ้มๆไปบ้าง บางช่วง เพราะบทเยอะเกิน แอร์ก็เย็น ตัวละครก็เยอะ อาจจะมีงงๆ และหลุดไปบ้าง แต่ก็ดูเสร็จ แล้วมาหาประวัติอ่าน ฟัง แบบจริงจัง ก็ทำให้เข้าใจขึ้นเยอะ รู้แบบนี้ น่าจะฟังประวัติไปเลย คงจะดูเข้าใจ และอินมากกว่านี้ เพราะทำการบ้านไปแค่ รู้ไว้ก่อนดู ไม่ถึงกับอ่านประวัติไป พอมาย้อนฟังประวัติ คือเป๊ะๆเลย เข้าใจแบบ300% ทำไมตัวละครเอก ถึงเป็นแบบนี้ คือรู้เลย)
นักแสดงทุกคนเล่นดีมาก การกระจายบทดี ตัวละครทุกตัวมีบทบาท และระดับตัวท็อปๆทั้งนั้น ที่เล่นเรื่องนี้
Cillian Murphy ที่รับบท J. Robert Oppenheimer
คือตีบทแตก ต้องได้สักรางวัล การแสดง การตา สีหน้า คือเราเชื่อเลย ว่าเขาคือ ดร.ออพเพนไฮเมอร์ จริงๆ
ตัวละคร ที่เหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา แต่ก็มักจะเก็บไว้ ซึ่งเขาถ่ายทอดออกมา คือใช่เลย
การแต่งหน้า คือแบบเทพมาก แสดงให้เห็นแต่ละช่วงวัยของแต่ละตัวละคร ตั้งแต่หนุ่มจนแก่ คือแต่งเก่งจริง
งานฮอลลีวู้ด ไม่ใช่หนังไทย ที่ตื่นมาหน้าฉ่ำตลอดเวลา
งานสร้างดี เก็บรายละเอียดทุกเม็ด ทำการบ้านมาดีมาก ได้ข่าวว่า ไม่ใช้CGทั้งเรื่อง คือสุดจริง
และที่ชื่นชอบ คือซาวน์ของหนังทุกเรื่องของโนแลนด์ จะมีความโดดเด่น และตื่นเต้น เข้ากับหนัง และทำออกมาดีทุกเรื่อง
ภาพดูยิ่งใหญ่เต็มตา สมกับถ่ายด้วยกล้องIMAX
ข้อด้อยและส่วนที่ไม่ชอบ
ส่วนตัวคิดว่า หนังมันนานมาก และบทพูดเยอะสุดๆ และฉากระเบิดดูไม่อิมแพคเท่าไหร่ คาดหวังว่าจะได้ยินเสียงระเบิด แต่เงียบซะงั้น นั่นคือฉากสำคัญเลยนะ
ปล. สิ่งที่ต้องทำการบ้านไปก่อนดู คือ ประวัติOppenheimer, ประวัติศาสตร์, การเมือง และสงคราม ในช่วงเวลานั้น แล้วจะดูเข้าใจ และอินมาก
หนังยาว 180 นาที เตรียมตัวให้เรียบร้อย ก่อนเข้าโรง เพราะถ้าคุณออกมาเข้าห้องน้ำ นั่นคือคุณจะพลาดบทสนทนาไปเยอะมาก อาจจะทำให้ดูไม่รู้เรื่อง
แนะนำให้ดูพากย์ไทย เพราะหนังดำเนินเรื่อง ด้วยการพูด เกือบ90% เพราะถ้าดูSub อาจจะอ่านไม่ทัน
ใครที่มีลูก อย่าพาไปดู เรื่องนี้เรทR นะ มีฉาก18+ และเห็นเรือนร่าง เห็นมีพ่อแม่พาลูกไปดูด้วย ควรศึกษาไปให้ดีๆ ก่อนพาลูกไปดู ไม่ใช่ชีวประวัติ พาลูกไปดูเลย โดยไม่สนว่าเรทอะไร
สำหรับคะแนนความชอบ ส่วนตัวให้ 7.5/10 คะแนน
บางคนอาจจะชอบ หรือบางคนอาจจะไม่ชอบเลย หนังเรื่องนี้มันแล้วแต่เทสในการดูของแต่ละคนจริงๆ ต้องไปพิสูจน์เอง ส่วนเรา ก็ชอบนะ ดูเพลินๆ ถึงหนังจะยาว และหาวบ้าง แต่ก็คุ้มค่าที่ได้ดู แต่ก็อาจจะไม่ได้ชอบมากอะไรขนาดนั้น
สำหรับใครที่ไปดูมาแล้ว คิดเห็นอย่างไรกันบ้าง มาแชร์กัน
#Oppenheimer