สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ ชาว Pantip ทุกคน วันนี้ผมขออนุญาตมาใช้พื้นที่รีวิวหนังเรื่องนึงที่ได้ดูจบไปเมื่อไม่นานมานี้ครับ นั่นก็คือ "Oppenheimer" ของผู้กำกับอัจฉริยะอย่าง Christopher Nolan ครับ
บอกตรงๆ ว่าก่อนจะเข้าไปดูนี่ก็ลังเลอยู่พักใหญ่ครับ เพราะรู้มาว่าหนังยาวถึงสามชั่วโมงเต็ม แถมเนื้อหาก็เป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ของ J. Robert Oppenheimer หรือ "บิดาแห่งระเบิดปรมาณู" ซึ่งฟังดูแล้วอาจจะหนักและเครียด ไม่น่าจะเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยชอบหนังแนวประวัติศาสตร์เท่าไหร่ แต่ด้วยความที่มันเป็นหนังของโนแลน ก็เลยตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องดูให้ได้สักครั้งครับ
พอได้ดูเท่านั้นแหละครับ... ต้องบอกเลยว่ามันเกินความคาดหมายไปไกลมาก! นี่ไม่ใช่แค่หนังชีวประวัติทั่วไป ไม่ใช่แค่หนังสงครามระเบิดตูมตาม แต่มันคือการดำดิ่งลงไปในจิตใจของมนุษย์คนหนึ่ง ที่ต้องแบกรับทั้งความอัจฉริยะ ความทะเยอทะยาน ความกดดันทางการเมือง และความรู้สึกผิดบาปจากการสร้างสิ่งที่เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติไปตลอดกาลครับ
การเล่าเรื่องของโนแลนยังคงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวครับ หนังไม่ได้ดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรง แต่สลับไปมาระหว่างไทม์ไลน์หลักที่เป็นภาพสี ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องราวของ Oppenheimer ตั้งแต่เป็นนักฟิสิกส์หนุ่มไฟแรง จนกระทั่งมาเป็นหัวหน้าโครงการ Manhattan Project และผลลัพธ์ที่ตามมา กับอีกไทม์ไลน์ที่เป็นภาพขาวดำ ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องราวการไต่สวน Lewis Strauss (รับบทโดย Robert Downey Jr.) อดีตประธานคณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณู ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแกนหลักที่ทำให้เราเห็นมุมมองการเมืองและเบื้องหลังอันซับซ้อนครับ การสลับไปมาแบบนี้อาจจะทำให้บางคนรู้สึกงงในช่วงแรกๆ แต่พอจับทางได้แล้ว มันกลับช่วยเสริมให้เนื้อเรื่องมีความเข้มข้นและน่าติดตามมากขึ้นไปอีกครับ
สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งมากที่สุดคือการที่หนังสามารถพาเราเข้าไปสัมผัสกับความรู้สึกนึกคิดของ Oppenheimer ได้อย่างลึกซึ้ง Cillian Murphy ในบทบาทนี้คือที่สุดจริงๆ ครับ
Oppenheimer: 3 ชั่วโมงที่เปลี่ยนมุมมองโลก – หนังประวัติศาสตร์ที่โคตรเข้มข้นจนลืมหายใจ! (ไม่ใช่แค่หนังระเบิดครับ)
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ ชาว Pantip ทุกคน วันนี้ผมขออนุญาตมาใช้พื้นที่รีวิวหนังเรื่องนึงที่ได้ดูจบไปเมื่อไม่นานมานี้ครับ นั่นก็คือ "Oppenheimer" ของผู้กำกับอัจฉริยะอย่าง Christopher Nolan ครับ
บอกตรงๆ ว่าก่อนจะเข้าไปดูนี่ก็ลังเลอยู่พักใหญ่ครับ เพราะรู้มาว่าหนังยาวถึงสามชั่วโมงเต็ม แถมเนื้อหาก็เป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ของ J. Robert Oppenheimer หรือ "บิดาแห่งระเบิดปรมาณู" ซึ่งฟังดูแล้วอาจจะหนักและเครียด ไม่น่าจะเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยชอบหนังแนวประวัติศาสตร์เท่าไหร่ แต่ด้วยความที่มันเป็นหนังของโนแลน ก็เลยตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องดูให้ได้สักครั้งครับ
พอได้ดูเท่านั้นแหละครับ... ต้องบอกเลยว่ามันเกินความคาดหมายไปไกลมาก! นี่ไม่ใช่แค่หนังชีวประวัติทั่วไป ไม่ใช่แค่หนังสงครามระเบิดตูมตาม แต่มันคือการดำดิ่งลงไปในจิตใจของมนุษย์คนหนึ่ง ที่ต้องแบกรับทั้งความอัจฉริยะ ความทะเยอทะยาน ความกดดันทางการเมือง และความรู้สึกผิดบาปจากการสร้างสิ่งที่เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติไปตลอดกาลครับ
การเล่าเรื่องของโนแลนยังคงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวครับ หนังไม่ได้ดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรง แต่สลับไปมาระหว่างไทม์ไลน์หลักที่เป็นภาพสี ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องราวของ Oppenheimer ตั้งแต่เป็นนักฟิสิกส์หนุ่มไฟแรง จนกระทั่งมาเป็นหัวหน้าโครงการ Manhattan Project และผลลัพธ์ที่ตามมา กับอีกไทม์ไลน์ที่เป็นภาพขาวดำ ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องราวการไต่สวน Lewis Strauss (รับบทโดย Robert Downey Jr.) อดีตประธานคณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณู ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแกนหลักที่ทำให้เราเห็นมุมมองการเมืองและเบื้องหลังอันซับซ้อนครับ การสลับไปมาแบบนี้อาจจะทำให้บางคนรู้สึกงงในช่วงแรกๆ แต่พอจับทางได้แล้ว มันกลับช่วยเสริมให้เนื้อเรื่องมีความเข้มข้นและน่าติดตามมากขึ้นไปอีกครับ
สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งมากที่สุดคือการที่หนังสามารถพาเราเข้าไปสัมผัสกับความรู้สึกนึกคิดของ Oppenheimer ได้อย่างลึกซึ้ง Cillian Murphy ในบทบาทนี้คือที่สุดจริงๆ ครับ