เรื่องย่อ:
Oppenheimer (2023) คือผลงานกำกับของ
Christopher Nolan ที่พาผู้ชมดำดิ่งสู่เรื่องราวชีวิตของ
J. Robert Oppenheimer (รับบทโดย
Cillian Murphy) นักฟิสิกส์ทฤษฎีผู้ได้รับฉายาว่า “บิดาแห่งระเบิดปรมาณู” ผ่านการสร้าง “โครงการแมนฮัตตัน” อันลับสุดยอด ที่นำไปสู่การทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มฮิโรชิมาและนางาซากิในปี 1945
หนังไม่ได้เล่าเพียงกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังขุดลึกถึงชีวิตส่วนตัว ความรัก ความขัดแย้งภายใน และศึกการเมืองในยุคสงครามเย็น เมื่อ Oppenheimer กลายเป็นทั้ง “ผู้สร้างชัยชนะ” และ “ผู้ถูกสอบสวน” ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
รีวิวหลังดู:
นี่คือ
หนังชีวประวัติที่ไม่เหมือนใคร เพราะ Nolan ไม่เพียงแค่นำเสนอเรื่องราวของชายคนหนึ่ง แต่ใช้ “ภาพยนตร์” เป็นเหมือนห้องทดลองที่ผสมฟิสิกส์ ประวัติศาสตร์ จิตวิทยา และปรัชญา เข้าด้วยกันในแบบที่ทั้ง “กดดัน สะเทือนอารมณ์ และยิ่งใหญ่”
Cillian Murphy แสดงได้สุดยอดในบท Oppenheimer — เขาคือชายที่ฉลาดเกินคนธรรมดา แต่ต้องแบกรับภาระของสิ่งที่เขาสร้างขึ้น ทั้งความรู้สึกผิด ความหม่นหมอง และการถูกทอดทิ้งจากผู้มีอำนาจในเวลาต่อมา
Nolan ยังคงใช้โครงสร้างเล่าเรื่องแบบ “ไม่เรียงเวลา” ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยตัดสลับระหว่างช่วงเวลาที่แตกต่างทั้งก่อน-หลังสงครามและช่วงไต่สวน ทำให้เรื่องราวเข้มข้นและต้องตั้งใจดูทุกวินาที
เสียงประกอบโดย Ludwig Göransson และ
การถ่ายภาพของ Hoyte van Hoytema ยิ่งเติมเต็มบรรยากาศความอึดอัดและความยิ่งใหญ่แบบ “ไม่ต้องมีฉากสงครามเลยก็ยังระเบิดอารมณ์ได้”
จุดเด่น:
การแสดงของ Cillian Murphy และนักแสดงสมทบอย่าง Robert Downey Jr., Emily Blunt, Matt Damon
บทภาพยนตร์แน่นลึก ซับซ้อนทางอารมณ์
งานสร้างยอดเยี่ยมทั้งภาพ เสียง และมู้ดของหนัง
การเล่าประเด็นศีลธรรมของ “ผู้สร้างอาวุธล้างโลก” ได้อย่างลึกซึ้ง
จุดอ่อน:
บทสนทนาเยอะและซับซ้อน อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบหนังพูดมาก
ต้องใช้สมาธิสูง บางช่วงอาจรู้สึกช้า
คะแนน IMDb (อัปเดตเมษายน 2025): ⭐️ 8.4/10
รางวัลออสการ์: ชนะ 7 รางวัล รวม
Best Picture, Best Director, Best Actor (Cillian Murphy)
สรุป:
Oppenheimer ไม่ใช่แค่หนังประวัติของนักฟิสิกส์ แต่คือ
ภาพยนตร์ที่ตั้งคำถามต่อศีลธรรมของมนุษย์ และสะท้อนให้เราเห็นว่าความฉลาดอาจเป็นได้ทั้งพรและคำสาป หนังเรื่องนี้คือการระเบิดที่ไม่ใช่เพียงทางฟิสิกส์... แต่ระเบิดในใจคนดูอย่างแท้จริง
Oppenheimer (2023): เมื่ออัจฉริยะสร้างระเบิด… ที่เปลี่ยนโลกและเผาใจตัวเอง
เรื่องย่อ:
Oppenheimer (2023) คือผลงานกำกับของ Christopher Nolan ที่พาผู้ชมดำดิ่งสู่เรื่องราวชีวิตของ J. Robert Oppenheimer (รับบทโดย Cillian Murphy) นักฟิสิกส์ทฤษฎีผู้ได้รับฉายาว่า “บิดาแห่งระเบิดปรมาณู” ผ่านการสร้าง “โครงการแมนฮัตตัน” อันลับสุดยอด ที่นำไปสู่การทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มฮิโรชิมาและนางาซากิในปี 1945
หนังไม่ได้เล่าเพียงกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังขุดลึกถึงชีวิตส่วนตัว ความรัก ความขัดแย้งภายใน และศึกการเมืองในยุคสงครามเย็น เมื่อ Oppenheimer กลายเป็นทั้ง “ผู้สร้างชัยชนะ” และ “ผู้ถูกสอบสวน” ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
รีวิวหลังดู:
นี่คือ หนังชีวประวัติที่ไม่เหมือนใคร เพราะ Nolan ไม่เพียงแค่นำเสนอเรื่องราวของชายคนหนึ่ง แต่ใช้ “ภาพยนตร์” เป็นเหมือนห้องทดลองที่ผสมฟิสิกส์ ประวัติศาสตร์ จิตวิทยา และปรัชญา เข้าด้วยกันในแบบที่ทั้ง “กดดัน สะเทือนอารมณ์ และยิ่งใหญ่”
Cillian Murphy แสดงได้สุดยอดในบท Oppenheimer — เขาคือชายที่ฉลาดเกินคนธรรมดา แต่ต้องแบกรับภาระของสิ่งที่เขาสร้างขึ้น ทั้งความรู้สึกผิด ความหม่นหมอง และการถูกทอดทิ้งจากผู้มีอำนาจในเวลาต่อมา
Nolan ยังคงใช้โครงสร้างเล่าเรื่องแบบ “ไม่เรียงเวลา” ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยตัดสลับระหว่างช่วงเวลาที่แตกต่างทั้งก่อน-หลังสงครามและช่วงไต่สวน ทำให้เรื่องราวเข้มข้นและต้องตั้งใจดูทุกวินาที
เสียงประกอบโดย Ludwig Göransson และ การถ่ายภาพของ Hoyte van Hoytema ยิ่งเติมเต็มบรรยากาศความอึดอัดและความยิ่งใหญ่แบบ “ไม่ต้องมีฉากสงครามเลยก็ยังระเบิดอารมณ์ได้”
จุดเด่น:
การแสดงของ Cillian Murphy และนักแสดงสมทบอย่าง Robert Downey Jr., Emily Blunt, Matt Damon
บทภาพยนตร์แน่นลึก ซับซ้อนทางอารมณ์
งานสร้างยอดเยี่ยมทั้งภาพ เสียง และมู้ดของหนัง
การเล่าประเด็นศีลธรรมของ “ผู้สร้างอาวุธล้างโลก” ได้อย่างลึกซึ้ง
จุดอ่อน:
บทสนทนาเยอะและซับซ้อน อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบหนังพูดมาก
ต้องใช้สมาธิสูง บางช่วงอาจรู้สึกช้า
คะแนน IMDb (อัปเดตเมษายน 2025): ⭐️ 8.4/10
รางวัลออสการ์: ชนะ 7 รางวัล รวม Best Picture, Best Director, Best Actor (Cillian Murphy)
สรุป:
Oppenheimer ไม่ใช่แค่หนังประวัติของนักฟิสิกส์ แต่คือ ภาพยนตร์ที่ตั้งคำถามต่อศีลธรรมของมนุษย์ และสะท้อนให้เราเห็นว่าความฉลาดอาจเป็นได้ทั้งพรและคำสาป หนังเรื่องนี้คือการระเบิดที่ไม่ใช่เพียงทางฟิสิกส์... แต่ระเบิดในใจคนดูอย่างแท้จริง