มะเร็งรังไข่เป็นมะเร็งที่พบได้เป็นอันดับ 7 ของมะเร็งที่พบในเพศหญิง แต่เป็นอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตในมะเร็งระบบสืบพันธุ์สตรี จากสถิติของ Globocan ในปี 2563 ได้คาดทำนายว่าภายในปี 2583 ทั่วโลกจะมีผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งรังไข่เพิ่มขึ้นเกือบ 42% และจะมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งรังไข่เพิ่มขึ้นถึงกว่า 50% ทุกปีตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา จะเห็นได้ว่าถึงแม้มะเร็งรังไข่จะพบได้ไม่มากเท่ากับโรคมะเร็งเต้านมหรือโรคมะเร็งทางระบบสืบพันธุ์สตรีหลายชนิด แต่เป็นโรคที่ร้ายแรง มีอัตราการรอดชีวิตน้อยกว่าโรคมะเร็งเต้านมและพบได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
มะเร็งรังไข่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ความผิดปกติของยีนที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมถือเป็นสาเหตุหนึ่ง การมียีนที่ผิดปกติถือเป็นปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมที่ทำให้บุคคลนั้นมีโอกาสในการเกิดมะเร็งรังไข่เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับคนทั่วไป ดังนั้นการตรวจยีนในกลุ่มบุคคลที่แพทย์ประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดมะเร็งรังไข่จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
ยีนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็งรังไข่
ยีนหลัก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งรังไข่คือยีน BRCA1 และ BRCA2 โดยปกติคนทั่วไปจะมีโอกาสเกิดมะเร็งรังไข่ประมาณ 1.3% แต่หากมียีนกลายพันธุ์ BRCA1 ความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งรังไข่จะสูงขึ้นอย่างชัดเจนถึง 40-50% และหากมียีนกลายพันธุ์ BRCA2 ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น 20-40% นอกจากนี้ยังมียีนกลายพันธุ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอาการลินช์ (Lynch syndrome, ยีน BRIP1, ยีน RAD51C และ ยีน RAD51D ที่ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งรังไข่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ใครบ้างที่มีปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมสูง ควรได้รับการตรวจยีนมะเร็งรังไข่
🔶 ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมและมีประวัติครอบครัวสายเลือดเดียวกันเป็นมะเร็งเต้านมอายุน้อยกว่า 50 ปี และมีญาติที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งตับอ่อนและมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (Melanoma)
🔶 มีประวัติครอบครัวฝั่งใดฝั่งหนึ่งเป็นมะเร็งเต้านมและ/หรือมะเร็งรังไข่หลายชั่วรุ่น เช่น มีย่าและป้าทางฝั่งบิดาที่เป็นโรคมะเร็งเหล่านี้
🔶 ผู้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมซ้ำที่เต้านมข้างเดียวหรือเป็นทั้งสองข้าง หรือเป็นทั้งมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่
🔶 ผู้ป่วยเป็นมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิวหรือเป็นมะเร็งตับอ่อน
🔶 ผู้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมที่ได้รับการวินิจฉัยเมื่ออายุต่ำกว่า 50 ปี
🔶 มีญาติผู้ชายที่เป็นมะเร็งเต้านม
🔶 มีประวัติครอบครัวที่ตรวจพบความผิดปกติของยีนมะเร็งทางพันธุกรรม
🔶 มีประวัติครอบครัวฝั่งใดฝั่งหนึ่งเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งต่อมลูกหมาก และ/หรือมะเร็งตับอ่อน
ตรวจยีนมะเร็งรังไข่ มีประโยชน์อย่างไร
ถึงแม้ไม่ใช่ทุกคนที่มียีนกลายพันธุ์เหล่านี้จะเป็นมะเร็ง แต่การตรวจยีนช่วยในการป้องกันและพยากรณ์โรค รวมถึงช่วยให้แพทย์สามารถรักษาโรคมะเร็งได้อย่างแม่นยำมากขึ้น และหากตรวจพบยีนมะเร็งรังไข่ ยังช่วยให้ญาติที่สายเลือดเดียวกัน และตระหนักถึงความเสี่ยงและตรวจยีนตามเพื่อป้องกันโรคได้อีกด้วย
- การตรวจหายีนผิดปกติที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ช่วยให้แพทย์สามารถแยกแยะประเภทของยีน BRCA1 หรือ BRCA2 และสามารถวางแผนป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ผู้ที่มียีน BRCA1 มักจะเกิดโรคมะเร็งรังไข่เมื่ออายุน้อยกว่าผู้ที่มียีน BRCA2 หรือเมื่อมีอายุประมาณ 35-50 ปี ในขณะที่ผู้ที่มียีน BRCA2 มักเกิดโรคมะเร็งรังไข่เมื่ออายุมากกว่า 60 ปี
- ตรวจหายีนผิดปกติในเซลล์มะเร็ง ทำให้แพทย์สามารถใช้วิธีการรักษาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (targeted therapy) โดยเลือกใช้ยาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการยับยั้งการเจริญเติบโตและทำลายเซลล์มะเร็งไม่ให้แพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย และช่วยหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการรักษา
ดูแลตัวเองอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งรังไข่
🔶 ปรึกษาแพทย์ หากคุณหรือครอบครัวอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวหรือแพทย์ผู้ชำนาญด้านเวชพันธุศาสตร์เพื่อช่วยประเมินความเสี่ยงว่ามีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งรังไข่มากน้อยแค่ไหนและควรได้รับการตรวจยีนหรือไม่
🔶 ยาคุมกำเนิด การกินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งรังไข่ การกินยาคุมกำเนิดมากกว่า 5 ปีขึ้นไปช่วยลดความเสี่ยงลงถึง 50% อย่างไรก็ตามยาเหล่านี้มีความเสี่ยงเช่นกัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ยาคุมกำเนิดใดๆ
🔶 การผ่าตัดเพื่อป้องกันมะเร็งรังไข่ การผ่าตัดท่อนำไข่และรังไข่ทั้งสองข้างในอายุที่เหมาะสม สามารถลดโอกาสการเกิดมะเร็งรังไข่ได้มาก
🔶 การตรวจภายในและพบสูตินรีแพทย์เป็นประจำทุกปี สำหรับผู้ที่ไม่มีประวัติ แต่หากตรวจพบยีนผิดปกติที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม แพทย์อาจนัดหมายเพื่อตรวจร่างกายบ่อยครั้งขึ้น ร่วมถึงการทำอัลตร้าซาวด์ผ่านช่องท้องและการตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งรังไข่ชนิด CA-125 ในเลือด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่มาข้อมูล https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/june-2023/ovarian-cancer-genes
ทำความรู้จักมะเร็งรังไข่ หนึ่งในโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
ยีนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็งรังไข่
ยีนหลัก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งรังไข่คือยีน BRCA1 และ BRCA2 โดยปกติคนทั่วไปจะมีโอกาสเกิดมะเร็งรังไข่ประมาณ 1.3% แต่หากมียีนกลายพันธุ์ BRCA1 ความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งรังไข่จะสูงขึ้นอย่างชัดเจนถึง 40-50% และหากมียีนกลายพันธุ์ BRCA2 ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น 20-40% นอกจากนี้ยังมียีนกลายพันธุ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอาการลินช์ (Lynch syndrome, ยีน BRIP1, ยีน RAD51C และ ยีน RAD51D ที่ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งรังไข่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ใครบ้างที่มีปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมสูง ควรได้รับการตรวจยีนมะเร็งรังไข่
🔶 ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมและมีประวัติครอบครัวสายเลือดเดียวกันเป็นมะเร็งเต้านมอายุน้อยกว่า 50 ปี และมีญาติที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งตับอ่อนและมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (Melanoma)
🔶 มีประวัติครอบครัวฝั่งใดฝั่งหนึ่งเป็นมะเร็งเต้านมและ/หรือมะเร็งรังไข่หลายชั่วรุ่น เช่น มีย่าและป้าทางฝั่งบิดาที่เป็นโรคมะเร็งเหล่านี้
🔶 ผู้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมซ้ำที่เต้านมข้างเดียวหรือเป็นทั้งสองข้าง หรือเป็นทั้งมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่
🔶 ผู้ป่วยเป็นมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิวหรือเป็นมะเร็งตับอ่อน
🔶 ผู้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมที่ได้รับการวินิจฉัยเมื่ออายุต่ำกว่า 50 ปี
🔶 มีญาติผู้ชายที่เป็นมะเร็งเต้านม
🔶 มีประวัติครอบครัวที่ตรวจพบความผิดปกติของยีนมะเร็งทางพันธุกรรม
🔶 มีประวัติครอบครัวฝั่งใดฝั่งหนึ่งเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งต่อมลูกหมาก และ/หรือมะเร็งตับอ่อน
ตรวจยีนมะเร็งรังไข่ มีประโยชน์อย่างไร
ถึงแม้ไม่ใช่ทุกคนที่มียีนกลายพันธุ์เหล่านี้จะเป็นมะเร็ง แต่การตรวจยีนช่วยในการป้องกันและพยากรณ์โรค รวมถึงช่วยให้แพทย์สามารถรักษาโรคมะเร็งได้อย่างแม่นยำมากขึ้น และหากตรวจพบยีนมะเร็งรังไข่ ยังช่วยให้ญาติที่สายเลือดเดียวกัน และตระหนักถึงความเสี่ยงและตรวจยีนตามเพื่อป้องกันโรคได้อีกด้วย
- การตรวจหายีนผิดปกติที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ช่วยให้แพทย์สามารถแยกแยะประเภทของยีน BRCA1 หรือ BRCA2 และสามารถวางแผนป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ผู้ที่มียีน BRCA1 มักจะเกิดโรคมะเร็งรังไข่เมื่ออายุน้อยกว่าผู้ที่มียีน BRCA2 หรือเมื่อมีอายุประมาณ 35-50 ปี ในขณะที่ผู้ที่มียีน BRCA2 มักเกิดโรคมะเร็งรังไข่เมื่ออายุมากกว่า 60 ปี
- ตรวจหายีนผิดปกติในเซลล์มะเร็ง ทำให้แพทย์สามารถใช้วิธีการรักษาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (targeted therapy) โดยเลือกใช้ยาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการยับยั้งการเจริญเติบโตและทำลายเซลล์มะเร็งไม่ให้แพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย และช่วยหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการรักษา
ดูแลตัวเองอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งรังไข่
🔶 ปรึกษาแพทย์ หากคุณหรือครอบครัวอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวหรือแพทย์ผู้ชำนาญด้านเวชพันธุศาสตร์เพื่อช่วยประเมินความเสี่ยงว่ามีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งรังไข่มากน้อยแค่ไหนและควรได้รับการตรวจยีนหรือไม่
🔶 ยาคุมกำเนิด การกินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งรังไข่ การกินยาคุมกำเนิดมากกว่า 5 ปีขึ้นไปช่วยลดความเสี่ยงลงถึง 50% อย่างไรก็ตามยาเหล่านี้มีความเสี่ยงเช่นกัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ยาคุมกำเนิดใดๆ
🔶 การผ่าตัดเพื่อป้องกันมะเร็งรังไข่ การผ่าตัดท่อนำไข่และรังไข่ทั้งสองข้างในอายุที่เหมาะสม สามารถลดโอกาสการเกิดมะเร็งรังไข่ได้มาก
🔶 การตรวจภายในและพบสูตินรีแพทย์เป็นประจำทุกปี สำหรับผู้ที่ไม่มีประวัติ แต่หากตรวจพบยีนผิดปกติที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม แพทย์อาจนัดหมายเพื่อตรวจร่างกายบ่อยครั้งขึ้น ร่วมถึงการทำอัลตร้าซาวด์ผ่านช่องท้องและการตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งรังไข่ชนิด CA-125 ในเลือด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้