JJNY : นักวิชาการยก'ทีมชัชชาติ'ก้าวหน้า│วิภาณีชี้ขอนแก่นหวังเร่งนโยบายพท.│ส.อ.ท.ห่วง25กลุ่มอุตฯ│ชาวไร่อ้อยเตรียมยกระดับ

นักวิชาการ ยก 'ทีมชัชชาติ' ก้าวหน้ากว่าศธ. 100 เท่า เปิดใจให้นร.แต่งไปรเวท
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7740620
 
 
 
กรุงเทพฯ นักวิชาการ ยก “ทีมชัชขาติ” ก้าวหน้ากว่า กระทรวงศึกษาธิการ 100 เท่า เปิดใจให้นักเรียนแต่งชุดไปรเวท คลายกำแพงระบบกฎเกณฑ์อำนาจนิยม ให้ความสำคัญเด็ก-เยาวชนรุ่นใหม่
 
30 มิ.ย. 66 – นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยกรณี กทม.ออกแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับทรงผมของนักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม. โดยเป็นบันทึกข้อความถึงผู้อำนวยการเขต และโรงเรียนในสังกัด กทม. จำนวน 400 กว่าแห่งให้นักเรียนใส่ไปรเวทสัปดาห์ละ 1 วัน ว่า
 
การที่ กทม.ออกแนวทางนี้มา แสดงให้ให้ว่า กทม. เปลี่ยนแปลงและปรับตัวได้ดีกว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) 100 เท่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า กทม.เข้าใจเรื่องการศึกษาที่จะต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว และให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่
 
กทม.น่ายกย่อง ที่เป็นผู้เปิด เป็นหัวหอกสำคัญของการคลายกำแพงระบบกฎเกณฑ์อำนาจนิยมในโรงเรียน กล้าคิดนอกกรอบทำสิ่งใหม่ๆ ซึ่งตนคิดว่าสิ่งนี้เป็นพลังสำคัญที่จะทำให้เกิดการแผ่ขยายไปยังภาคส่วนอื่นๆด้วย
 
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และรองผู้ว่า กทม. ที่กล้าเปลี่ยนแปลง กล้าตัดสินใจ และไม่กลัวกระแสการต่อต้าน นักการเมืองที่ทำงานต้องกล้าเดินหน้าแบบนี้
 
อีกทั้ง ส่วนใหญ่แล้ว นักเรียนในสังกัด กทม.เป็นเด็กที่ยากจน เมื่อมีนโยบายให้อิสระ เสรีภาพ ส่งเสริมให้เด็กเคารพตนเอง คิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการให้โอกาสเด็กยากจน และเปราะบาง ที่ทำให้เด็กเหล่านี้มีความสุข ตั้งใจที่จะมาเรียนหนังสือมากขึ้น
 
ดังนั้น การคลายระเบียบกฎเกณฑ์เหล่านี้ ทำให้โรงเรียนก้าวสู่ความเป็นสากลมากขึ้น แม้จะเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีเด็กยากจนจำนวนมาก แต่กลับมีจิตวิญญาณของสิทธิเด็ก สิทธิมนุษยชน สนใจชีวิตและคุณภาพเด็ก
 
โรงเรียนในปัจจุบัน จะต้องฝึกฝน ให้พื้นที่กับนักเรียนในการตั้งคำถามและลองผิดลองถูก ขณะที่ ศธ. แม้จะมีการเปิดกว้างในเรื่องของระเบียบ แต่ยังเปิดไม่จริง คือตัวระเบียบเริ่มเปิดกว้าง แต่ทางปฏิบัติกลับไม่มีการติดตาม ไม่มีแนวทาง และไม่มีการผลักดันที่ชัดเจน มีแค่ให้นโยบายและกำชับแค่นั้น
 
ดังนั้น เราเห็นความแตกต่างระหว่าง กทม.และ ศธ. คือ กทม.มีแนวทางในการทำงาน และความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อน แต่ของ ศธ. คือ เริ่มมีนโยบาย แต่ความมุ่งมั่นต่ำ และการขับเคลื่อนแทบไม่มี ผมมองว่าปัจจุบัน กทม.เป็นผู้นำด้านการศึกษา มากกว่า ศธ.เสียอีก” นายสมพงษ์ กล่าว
 
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ถ้าสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สถาบันอุดมศึกษา และสถานบันการศึกษาอื่นๆ เห็นตัวอย่างของ กทม. ที่ส่งเสริมสิทธิเด็ก และสิทธิมนุษยชนแล้ว จะเริ่มดำเนินการสำรวจระเบียบกฎเกณฑ์เครื่องแต่งกาย ทรงผมของตน และปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย หากสถานศึกษาทุกแห่งเปลี่ยนและเปิดพื้นที่ให้เด็ก เด็กจะเติบโต งอกงาม มีความเป็นพลเมืองประชาธิปไตย ที่รู้จักสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบ
 


วิภาณีชี้ชาวขอนแก่นหวังเร่งนโยบายธนาคารน้ำใต้ดินของเพื่อไทย
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_575907/

“วิภาณี ภูคำวงศ์” ส.ส.ขอนแก่น ชี้ พี่น้องเกษตรกรหวังธนาคารน้ำใต้ดินของพรรคเพื่อไทย ช่วยรอดพ้นความยากไร้ เผย 9 ปีรัฐบาลประยุทธ์ ปล่อยยาบ้าระบาดหนัก รัฐบาลใหม่ต้องเร่งเข้ามาแก้ไข
 
นางสาววิภาณี ภูคำวงศ์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภายหลังการเลือกตั้ง พี่น้องประชาชนดีใจที่มี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยกลับมาดูแลพื้นที่ ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนฝากปัญหาให้ ส.ส.นำไปหารือในสภา ทั้งปัญหายาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้าที่ระบาดมากในพื้นที่ หาซื้อง่ายราคาถูกหนักที่สุดคือเยาวชนเข้าถึงง่าย พี่น้องประชาชนในพื้นต้องการให้พรรคเพื่อไทย จัดการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง เชื่อมั่นนโยบายของพรรคสามารถจัดการปัญหายาเสพติดได้อย่างแน่นอน สามารถสร้างสังคมปลอดยาเสพติดได้แน่นอน
 
โดยในส่วนของการพัฒนาพื้นที่ พร้อมที่จะร่วมผลักดันการปรับปรุงถนนหนทางในพื้นที่ไร้การปรับปรุงมาตลอด 9 ปี พี่น้องประชาชนสัญจรลำบากมาก เพราะถนนในพื้นที่พังชำรุดหลายจุด เวลาขนสินค้าเกษตรไปขายลำบากมาก ดังนั้นทันทีที่สภาเปิดจะนำปัญหาดังกล่าวไปหารือในที่ประชุมสภาเพื่อสะท้อนปัญหาของประชาชนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการแก้ไข
 
นางสาววิภาณี กล่าวด้วยว่า พี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรอยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาต้นทุนการเกษตร ทั้งราคาน้ำมัน ราคาปุ๋ย ให้ลดลงเพราะทุกวันนี้ต้นทุนการเกษตรเพิ่มขึ้น ไม่ต่ำกว่าร้อยล่ะ 40 ในขณะที่ราคาพืชผลทางการเกษตรไม่ปรับราคาขึ้นสวนทางกับต้นทุนที่เพิ่มทุกวัน เกษตรกรยิ่งทำยิ่งขาดทุน ดังนั้นอยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาการเกษตรให้มากกว่า 8 ปีที่ผ่านมา
 
ทั้งนี้ ปัญหาภัยแล้งยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบกับเกษตรกรอย่างร้ายแรง ดังนั้นเกษตรกรพร้อมสนับสนุนนโยบายธนาคารน้ำใต้ดินของพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มที่ เพราะมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกรมีน้ำทำนาและดูแลพืชผลทางการเกษตรได้อย่างแน่นอน หวังว่ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยจะเร่งผลักดันโครงการธนาคารน้ำใต้ดินให้เกิดขึ้นจะเป็นของขวัญสำหรับเกษตรทั่วประเทศอย่างแน่นอน



ส.อ.ท. ห่วง 25 กลุ่มอุตฯ ผลิตลดตามส่งออกร่วงเริ่มลดโอที
https://www.matichon.co.th/economy/news_4055538

ส.อ.ท. ห่วง 25 กลุ่มอุตฯ ผลิตลดตามส่งออกร่วงเริ่มลดโอที เร่งหามาตรการดูแล หวังปลายปีคำสั่งซื้อฟื้นตัว
 
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.กำลังติดตามสถานการณ์ของภาคการส่งออกไทยที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบในแง่ของกำลังการผลิตต้องปรับลดลงตามคำสั่งซื้อ เบื้องต้นพบว่ามี 25 กลุ่มอุตสาหกรรมเห็นสัญญาณของผลกระทบดังกล่าว อาทิ เหล็ก หลังคาและอุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องจักรกลและโลหะการ สิ่งทอ รองเท้า อัญมณีและเครื่องประดับ แก้วและกระจก  ฯลฯ โดยส.อ.ท.อยู่ระหว่างประเมินแนวทางและมาตรการในการช่วยเหลือโดยคาดว่าจะสรุปได้เร็วๆ นี้ เนื่องจากจำนวนอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้กระทบ 19 อุตสาหกรรม
 
การปรับลดของ 25 กลุ่มอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เน้นผลิตเพื่อส่งออก ทำให้ต้องปรับแผนผลิตเพื่อส่งออกเป็นการผลิตเพื่อคงกำลังการผลิตของโรงงานไม่ให้โรงงานปิดตัว ไม่ให้กระทบต่อแรงงาน และเป็นการผลิตเพื่อรักษาสต็อกสินค้า ล่าสุดทั้ง 25 กลุ่มได้เริ่มทยอยปรับลดกะการทำงาน ปรับลดค่าล่วงเวลาบ้างแล้ว อย่างไรก็ตามคาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ภาคอุตสาหกรรมน่าจะได้รับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ อาจดันกำลังการผลิตขึ้นมาได้  อย่างไรก็ตามประเทศไทยต้องหาตลาดใหม่ทดแทนตลาดที่กำลังซื้อถดถอย โดยเฉพาะกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับหรือ จีซีซี กลุ่มเอเชียใต้ และกลุ่มเอเชียกลาง นอกจากนี้อยากให้รัฐบาลไทยเร่งเดินหน้าทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรือ เอฟทีเอ เพื่อผลักดันสินค้าไทยกระจายต่างประเทศมากขึ้น
 
ขณะนี้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ประเมินทิศทางการส่งออกของไทยปีนี้จะเติบโต ติดลบ 1% ถึง 0% เนื่องจากตลาดส่งออกของไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าของไทยทั้งตลาดสหภาพยุโรป ตลาดเอมริกา และตลาดในกลุ่มเอเชีย สะท้อนการส่งออกของไทยเดือนพฤษภาคมที่ลดต่อเนื่อง 8 เดือน จนภาคอุตสาหกรรมต้องลดกำลังผลิต” นายเกรียงไกรกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่