❤️‍🔥มลร.❤️‍🔥ยุคลุงตู่ไม่...ยุคเพื่อไทยทำ...สารเร่งเนื้อแดงที่คนไทยต้องเตรียมรับมือ





[img]https://scdn.line-apps.com/n/line_add_friends/btn/en.png[/img]
[img]https://mgronline.com/images/appstore.png[/img]
[img]https://mgronline.com/images/playstore.png[/img]




สารเร่งเนื้อแดงที่คนไทยต้องเตรียมรับมือ
เผยแพร่: 7 ส.ค. 2568 21:16   ปรับปรุง: 8 ส.ค. 2568 09:53   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

[img]https://mpics.mgronline.com/pics/Images/568000007614601.JPEG[/img]

ภายหลังที่ทีมไทยแลนด์เจรจาต่อรองลดภาษี Trump’s Tariffs ได้ที่ 19% เทียบเท่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ก็มีการเปิดเผยข้อแลกเปลี่ยนที่นำไปเจรจา หนึ่งในนั้นคือการเปิดนำเข้าเนื้อหมูสหรัฐฯ แบบมีเงื่อนไข ที่คาดการณ์กันว่าน่าจะอยู่ราวๆ 1% ของอัตราการบริโภคหมูของไทย หรือประมาณ 10,000 ตัน แต่จากมุมมองด้านความมั่นคงทางอาหาร สุขภาพผู้บริโภคและชีวิตเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูไทยแล้ว บอกได้เลยว่ารัฐบาลไทยต้องมีรายละเอียดที่รอบคอบรัดกุมอย่างมาก ส่วนผู้บริโภคและเกษตรกรไทยต้องเตรียมรับมืออย่างหนัก

เกษตรกรไทยเลี้ยงหมูโดยไม่ใช้สารเร่งเนื้อแดง ผลิตเนื้อหมูคุณภาพที่มีความปลอดภัยสูง เพราะประเทศไทยห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงมานานกว่า 30 ปี นับเป็นมาตรฐานด้านอาหารปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับทั้งในระดับประเทศและสากล ถึงแม้ FDA (Food and Drug Administration) หรือ อย.ของสหรัฐฯ จะอนุญาตใช้สารดังกล่าวในปริมาณจำกัด แต่ความเสี่ยงต่อสุขภาพระยะยาวยังถกเถียงในวงการแพทย์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการควบคุมให้เกษตรกรสหรัฐฯ ใช้สารไม่เกินกำหนดก็ยังเป็นที่กังขา ดังนั้น การยอมเปิดตลาดหมูจากสหรัฐฯ จึงเท่ากับ “ลดมาตรฐาน” ความปลอดภัยด้านอาหารของไทยและส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

สารเร่งเนื้อแดงที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อแรกโตปามีน (Ractopamine) เป็นสารในกลุ่มเบตาอะโกนิสต์ (β-agonist) มีฤทธิ์กระตุ้นการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อและลดการสะสมของไขมัน โดยเฉพาะในหมูและโคเนื้อ สารนี้จะช่วยให้สัตว์โตเร็ว มีเนื้อแดงมากขึ้นและลดต้นทุนการเลี้ยง ทำให้ในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดาและบราซิล อนุญาตให้ใช้ได้ภายใต้เงื่อนไขควบคุม

ในทางกลับกัน สารเร่งเนื้อแดงถูกห้ามใช้โดยเด็ดขาดในกว่า 160 ประเทศ เช่น สหภาพยุโรป (EU) จีน รัสเซีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน รวมถึงไทย ด้วยเหตุผลหลัก 3 ประการ ได้แก่...
1.) ความเสี่ยงต่อสุขภาพมนุษย์ เนื่องจากผลวิจัยระบุว่าอาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันสูง มือสั่น หรืออาการแพ้
2.) สารเร่งเนื้อแดงมีโอกาสตกค้างในเนื้อหมูหรือเครื่องในที่จำหน่ายในท้องตลาด หากไม่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดย่อมส่งผลให้ผู้บริโภคได้รับสารนี้โดยไม่รู้ตัว
3.) จริยธรรมและมาตรฐานอาหาร หลายประเทศพิจารณาว่าการใช้สารเคมีเร่งการเจริญเติบโตของสัตว์เป็นเรื่องขัดต่อจริยธรรม และไม่สอดคล้องกับแนวทาง “อาหารปลอดภัย” (Food Safety) ที่ประชาคมโลกให้ความสำคัญ

นอกจากนี้ หากมีการเปิดตลาดให้หมูที่ปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดงสามารถเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยได้จริง ย่อมต้องมีการแก้กฎหมายเปิดทางให้ ทั้งประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 269) พ.ศ. 2546 เรื่อง มาตรฐานอาหารที่มีการปนเปื้อนสารเคมีในกลุ่มเบตาอะโกนีสต์ ที่ออกตามพระราชบัญญัติ ฝอาหาร พ.ศ. 2522 และกฎหมายห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงเป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์สำหรับการเลี้ยงสุกร ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องกำหนดวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ พ.ศ. 2559 ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558

ซึ่งนั่นอาจเป็นการเปิดทางให้เกษตรกรไทยจำใจต้องใช้สารเร่งเนื้อแดงเช่นกันเพื่อลดต้นทุน สุขภาพชาวไทยผู้รับประทานหมูทั่วประเทศย่อมได้รับผลกระทบแน่นอน และการเปิดช่องกฎหมายดังกล่าวจะมีส่วนทำให้ขบวนการ “หมูเถื่อน” ฟื้นคืนชีพอีกระลอก ไม่ว่าจะออกมาในรูปของการสวมสิทธิ หรือการสำแดงเท็จ ซึ่งล้วนเป็นหายนะต่อเกษตรกร ต่อผู้บริโภค และต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศทั้งสิ้น ภาครัฐจะควบคุมดูแลอย่างไร?

นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติยืนยันว่าการนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐฯ “เป็นการทำลายอุตสาหกรรมหมูของไทย” เพราะเกษตรกรไทยไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนกับสินค้านำเข้าราคาถูกได้เลย และมันจะส่งผลกระทบตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูกพืชวัตถุดิบอาหารสัตว์ พ่อค้าอาหารสัตว์ โรงฆ่าสัตว์ ไปจนถึงการแปรรูปและค้าปลีกทั้งในตลาดสดและอุตสาหกรรม เรียกได้ว่าการนำเข้าหมูสหรัฐฯ ครั้งนี้จะนำไปสู่การทำลายห่วงโซ่การผลิตสุกรทั้งระบบ สะท้อนได้จากประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งหลังจากเปิดนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐฯ ทำให้เกษตรกรท้องถิ่นลดลง ส่งผลให้ราคาหมูพุ่งขึ้นถึง 15-30% เป็นการสร้างภาระให้ผู้บริโภคในที่สุด

การแลกหมูสหรัฐฯ เพื่อแก้ปัญหาภาษี อาจดูเป็นทางออกระยะสั้น แต่เสี่ยงทำลายโครงสร้างการผลิตอาหารในประเทศในระยะยาว ระหว่างนี้ทุกคนในประเทศไทย ทั้งรัฐ เกษตรกร และประชาชนผู้บริโภค คงต้องเตรียมใจและเตรียมรับมือให้ดีกับพายุลูกใหญ่ที่กำลังจะมาถึง

โดย สามารถ สิริรัมย์

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000075143?tbref=hp

สมัยรัฐบาลที่ลุงตู่เป็นผู้นำไปเยือนอเมริกาตามคำเชิญ  พวกแดงและส้ม โจมตีเรื่องสารเร่งเนื้อแดง  กล่าวหาว่าลุงตู่ตกลงน้ำเข้ามาเพราะเจรจากับทรัมป์ เห็นลุงตู่เป็นผู้อ่อนน้อมเกรงอำนาจอเมริกา  แต่ลุงก็ไม่ได้นำเข้ามา ท่านเจรจาไม่เอา  ท่านมีแต่ปราบปรามพวกใช้สารเร่งเนื้อแดง

มาตอนนี้รัฐบาลยุคพ่อ สทร.กับลูกสาว งทร.ให้นำเข้าเนื้อหมูอเมริกาได้ เจรจาเก่งขนาดที่ต้องยอมรับข้อเสนอที่เป็นอันตรายต่อประชาชน เป็นปัญหาของเกษตรกรไทย  ช่างเก่งจริงๆอวยกันให้ฉ่ำ

น่าสมเพชพวกนางแบก นายแบกทั้งหลาย ว่าแต่ลุงตู่ สุดท้ายทำเสียเอง  

ไม่มีอะไรจะอายหรอกคนพวกนี้ หนาปานถนนที่ลุงตู่สร้างไว้...😁😁😁😁😁😁

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่