ผมเข้าไปหาข้อมูล จากประเทศที่เค้าทำเกษตรแล้วมีกินมีใช้
ชอบตรงที่เค้าหาตลาดไหม่ไห้เกษตรกร
ไม่ยิดติดกับตลาดเก่า
คอยช่วยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และ คอยช่วยไห้
เกษตรกรเก็บผลผลิตไว้ขายในช่วงเวลาที่ราคา สูงได้
แต่บ้านเราส่วนมากจะเป็นพืชผลที่เก็บไว้ได้ไม่นาน
มีแต่พวกยางพาราปามล์ ข้าวโพส ข้าว ที่เก็บไว้ได้นาน สามรถรอถึงช่วงที่ราคาสูงแล้วขายได้และควรมีการพัฒนา สายพันธุ์ไห้ทันสมัยทนต่อสภาพอากาศในปัจจุบันที่เปรี่ยนแปรงไปและสภาพภูมิมิประเทศในการเจริญเติบโตของผลผลิตนั้นที่สามรถโตดีรสชาติดี
แต่บ้านเราผลผลิตที่เก็บเกียวแล้วไว้ได้ไม่นานถ้าราคาช่วงนั้นไม่ดีอยากไห้ช่วยหาวิธีแปรรูปและหาตลาดให้เกษตรกร
รัฐบาลสหรัฐอเมริกา (USDA - กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ) มีบทบาทสำคัญในการดูแลเกษตรกรในด้านราคาผลผลิตและการช่วยเหลือต่างๆ ผ่านโครงการและนโยบายที่หลากหลาย ซึ่งโดยหลักๆ แล้วจะเน้นที่การสร้างความมั่นคงทางรายได้ ลดความเสี่ยง และสนับสนุนแนวปฏิบัติด้านการเกษตรที่ดี นี่คือแนวทางหลักๆ:
1. การสนับสนุนด้านราคาผลผลิต (Price Support Initiatives):
* เงินกู้ทางการตลาด (Marketing Assistance Loans): เป็นการให้เงินกู้แก่เกษตรกรเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว เพื่อให้เกษตรกรสามารถกักตุนผลผลิตไว้ได้โดยไม่ต้องรีบขายออกไปในช่วงที่ราคาตลาดมักจะต่ำสุดในช่วงเก็บเกี่ยว เมื่อราคาสูงขึ้น เกษตรกรก็สามารถขายผลผลิตและชำระคืนเงินกู้ได้ หากราคาตลาดต่ำกว่าอัตราเงินกู้ เกษตรกรอาจเลือกที่จะคืนผลผลิตให้กับรัฐบาลแทนการชำระคืนเงินกู้ หรือได้รับเงินส่วนต่าง (Loan Deficiency Payment - LDP)
* การชำระเงินส่วนต่างเงินกู้ (Loan Deficiency Payments - LDPs): เป็นการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรโดยตรงเมื่อราคาตลาดสำหรับสินค้าเกษตรบางชนิดต่ำกว่าอัตราเงินกู้ที่กำหนด ทำให้เกษตรกรได้รับเงินชดเชยส่วนต่างของราคา
* โครงการประกันราคา (Price Loss Coverage - PLC): จ่ายเงินให้กับเกษตรกรเมื่อราคาตลาดเฉลี่ยของสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิดลดลงต่ำกว่าราคาอ้างอิงที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย เพื่อช่วยชดเชยการสูญเสียรายได้จากราคาที่ตกต่ำ
* โครงการคุ้มครองความเสี่ยงทางการเกษตร (Agricultural Risk Coverage - ARC): คุ้มครองเกษตรกรจากการสูญเสียรายได้ในระดับเขตหรือระดับฟาร์ม โดยพิจารณาทั้งความผันผวนของผลผลิตและราคา หากรายได้จริงของเกษตรกรต่ำกว่าระดับที่รับประกันซึ่งอิงจากข้อมูลในอดีต เกษตรกรอาจได้รับเงินช่วยเหลือ
2. การช่วยเหลือและโครงการต่างๆ:
* การประกันภัยพืชผล (Federal Crop Insurance): เป็นโปรแกรมขนาดใหญ่ที่ช่วยปกป้องเกษตรกรจากการสูญเสียผลผลิตเนื่องจากภัยธรรมชาติ (เช่น สภาพอากาศเลวร้าย โรคระบาด) หรือราคาพืชผลที่ลดลงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ รัฐบาลจะอุดหนุนเบี้ยประกันบางส่วน
* เงินช่วยเหลือภัยพิบัติ (Disaster Assistance Programs): รัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง พายุ โดยมักจะมีเงินช่วยเหลือโดยตรงหรือการสนับสนุนอื่นๆ เพื่อช่วยให้ฟาร์มฟื้นตัว
* โครงการสินเชื่อเพื่อการเกษตร (Farm Loans): USDA ผ่าน Farm Service Agency (FSA) ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่เกษตรกรสำหรับวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การซื้อที่ดิน อุปกรณ์ การดำเนินการฟาร์ม และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน
* การสนับสนุนการอนุรักษ์ (Conservation Programs): มีโครงการที่ให้เงินช่วยเหลือและคำแนะนำทางเทคนิคแก่เกษตรกรเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การปรับปรุงคุณภาพดิน น้ำ และอากาศ
* โครงการพัฒนาตลาด (Market Development Programs): สนับสนุนการพัฒนาตลาดใหม่ๆ สำหรับสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการส่งเสริมการส่งออก
* การช่วยเหลือในภาวะวิกฤต (Emergency Commodity Assistance Program - ECAP): เป็นโครงการเฉพาะกิจที่อาจออกมาในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ เช่น การระบาดของโรค หรือต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างกะทันหัน เพื่อให้เงินช่วยเหลือโดยตรงแก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ
* โครงการอาหารและโภชนาการ (Food and Nutrition Programs): แม้ว่าจะไม่ใช่การช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง แต่โปรแกรมเหล่านี้ก็ช่วยสร้างอุปสงค์สำหรับสินค้าเกษตรภายในประเทศ เช่น โครงการอาหารกลางวันสำหรับโรงเรียน หรือโครงการช่วยเหลือด้านอาหารอื่นๆ
ข้อสังเกตสำคัญ:
* Farm Bill: นโยบายและโครงการช่วยเหลือเกษตรกรส่วนใหญ่ถูกกำหนดและปรับปรุงผ่านกฎหมายที่เรียกว่า "Farm Bill" ซึ่งโดยทั่วไปจะได้รับการพิจารณาและอนุมัติใหม่ทุกๆ 5 ปี
รองเอามาปรับใช้ดูจากประเทศที่ดูแลเกษตรกรของเค้าดี และให้ความใส่ใจ
ฝากถึงไม่ว่า รัฐบาลไหน อยากไห้รัฐทบาล เข้ามาดูแลเกษตรกรอย่างจริงจังซักที เกษตรกรในไทยยังจนอยู่ส่วนมาก
ชอบตรงที่เค้าหาตลาดไหม่ไห้เกษตรกร
ไม่ยิดติดกับตลาดเก่า
คอยช่วยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และ คอยช่วยไห้
เกษตรกรเก็บผลผลิตไว้ขายในช่วงเวลาที่ราคา สูงได้
แต่บ้านเราส่วนมากจะเป็นพืชผลที่เก็บไว้ได้ไม่นาน
มีแต่พวกยางพาราปามล์ ข้าวโพส ข้าว ที่เก็บไว้ได้นาน สามรถรอถึงช่วงที่ราคาสูงแล้วขายได้และควรมีการพัฒนา สายพันธุ์ไห้ทันสมัยทนต่อสภาพอากาศในปัจจุบันที่เปรี่ยนแปรงไปและสภาพภูมิมิประเทศในการเจริญเติบโตของผลผลิตนั้นที่สามรถโตดีรสชาติดี
แต่บ้านเราผลผลิตที่เก็บเกียวแล้วไว้ได้ไม่นานถ้าราคาช่วงนั้นไม่ดีอยากไห้ช่วยหาวิธีแปรรูปและหาตลาดให้เกษตรกร
รัฐบาลสหรัฐอเมริกา (USDA - กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ) มีบทบาทสำคัญในการดูแลเกษตรกรในด้านราคาผลผลิตและการช่วยเหลือต่างๆ ผ่านโครงการและนโยบายที่หลากหลาย ซึ่งโดยหลักๆ แล้วจะเน้นที่การสร้างความมั่นคงทางรายได้ ลดความเสี่ยง และสนับสนุนแนวปฏิบัติด้านการเกษตรที่ดี นี่คือแนวทางหลักๆ:
1. การสนับสนุนด้านราคาผลผลิต (Price Support Initiatives):
* เงินกู้ทางการตลาด (Marketing Assistance Loans): เป็นการให้เงินกู้แก่เกษตรกรเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว เพื่อให้เกษตรกรสามารถกักตุนผลผลิตไว้ได้โดยไม่ต้องรีบขายออกไปในช่วงที่ราคาตลาดมักจะต่ำสุดในช่วงเก็บเกี่ยว เมื่อราคาสูงขึ้น เกษตรกรก็สามารถขายผลผลิตและชำระคืนเงินกู้ได้ หากราคาตลาดต่ำกว่าอัตราเงินกู้ เกษตรกรอาจเลือกที่จะคืนผลผลิตให้กับรัฐบาลแทนการชำระคืนเงินกู้ หรือได้รับเงินส่วนต่าง (Loan Deficiency Payment - LDP)
* การชำระเงินส่วนต่างเงินกู้ (Loan Deficiency Payments - LDPs): เป็นการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรโดยตรงเมื่อราคาตลาดสำหรับสินค้าเกษตรบางชนิดต่ำกว่าอัตราเงินกู้ที่กำหนด ทำให้เกษตรกรได้รับเงินชดเชยส่วนต่างของราคา
* โครงการประกันราคา (Price Loss Coverage - PLC): จ่ายเงินให้กับเกษตรกรเมื่อราคาตลาดเฉลี่ยของสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิดลดลงต่ำกว่าราคาอ้างอิงที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย เพื่อช่วยชดเชยการสูญเสียรายได้จากราคาที่ตกต่ำ
* โครงการคุ้มครองความเสี่ยงทางการเกษตร (Agricultural Risk Coverage - ARC): คุ้มครองเกษตรกรจากการสูญเสียรายได้ในระดับเขตหรือระดับฟาร์ม โดยพิจารณาทั้งความผันผวนของผลผลิตและราคา หากรายได้จริงของเกษตรกรต่ำกว่าระดับที่รับประกันซึ่งอิงจากข้อมูลในอดีต เกษตรกรอาจได้รับเงินช่วยเหลือ
2. การช่วยเหลือและโครงการต่างๆ:
* การประกันภัยพืชผล (Federal Crop Insurance): เป็นโปรแกรมขนาดใหญ่ที่ช่วยปกป้องเกษตรกรจากการสูญเสียผลผลิตเนื่องจากภัยธรรมชาติ (เช่น สภาพอากาศเลวร้าย โรคระบาด) หรือราคาพืชผลที่ลดลงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ รัฐบาลจะอุดหนุนเบี้ยประกันบางส่วน
* เงินช่วยเหลือภัยพิบัติ (Disaster Assistance Programs): รัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง พายุ โดยมักจะมีเงินช่วยเหลือโดยตรงหรือการสนับสนุนอื่นๆ เพื่อช่วยให้ฟาร์มฟื้นตัว
* โครงการสินเชื่อเพื่อการเกษตร (Farm Loans): USDA ผ่าน Farm Service Agency (FSA) ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่เกษตรกรสำหรับวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การซื้อที่ดิน อุปกรณ์ การดำเนินการฟาร์ม และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน
* การสนับสนุนการอนุรักษ์ (Conservation Programs): มีโครงการที่ให้เงินช่วยเหลือและคำแนะนำทางเทคนิคแก่เกษตรกรเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การปรับปรุงคุณภาพดิน น้ำ และอากาศ
* โครงการพัฒนาตลาด (Market Development Programs): สนับสนุนการพัฒนาตลาดใหม่ๆ สำหรับสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการส่งเสริมการส่งออก
* การช่วยเหลือในภาวะวิกฤต (Emergency Commodity Assistance Program - ECAP): เป็นโครงการเฉพาะกิจที่อาจออกมาในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ เช่น การระบาดของโรค หรือต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างกะทันหัน เพื่อให้เงินช่วยเหลือโดยตรงแก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ
* โครงการอาหารและโภชนาการ (Food and Nutrition Programs): แม้ว่าจะไม่ใช่การช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง แต่โปรแกรมเหล่านี้ก็ช่วยสร้างอุปสงค์สำหรับสินค้าเกษตรภายในประเทศ เช่น โครงการอาหารกลางวันสำหรับโรงเรียน หรือโครงการช่วยเหลือด้านอาหารอื่นๆ
ข้อสังเกตสำคัญ:
* Farm Bill: นโยบายและโครงการช่วยเหลือเกษตรกรส่วนใหญ่ถูกกำหนดและปรับปรุงผ่านกฎหมายที่เรียกว่า "Farm Bill" ซึ่งโดยทั่วไปจะได้รับการพิจารณาและอนุมัติใหม่ทุกๆ 5 ปี
รองเอามาปรับใช้ดูจากประเทศที่ดูแลเกษตรกรของเค้าดี และให้ความใส่ใจ