สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เราอ่านแล้วเราโกรธนะคะ
น้องเป็นเด็กพิเศษ ภาวนาให้เขาอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ก็บุญแล้ว
นี่บ้านคุณยังจะคิดให้น้องเขาเรียนสูงๆ เพื่อทำงานหาเลี้ยงพวกคุณทั้งบ้านยามแก่อีก
จิตใจทำด้วยอะไรกันค่ะ ใจคอโหดร้ายกันน่าดูนะ
ที่บ้านคุณ ญาติๆ คุณ มือเท้าเป็นง่อยกันเหรอคะ ถึงได้คิดจะเอาภาระไปโยนให้เด็ก
เราเขียนแรงและเราไม่ขอโทษค่ะ
พวกคุณดูจิตใจไม่ปกติ แล้วนี่ถึงขั้นลงมือทำร้ายเด็กแล้ว
เราอ่านแล้วรู้สึกโมโหค่ะ
ตัว จขกท เรียนจบน้อย เลยเหมือนมีปม ต้องให้ลูกเรียนจบสูงให้ได้
แม่เราก็เป็นค่ะเรื่องอยากพ้นความจน อยากให้ลูกสบาย
แต่แม่เราไม่เคยดุด่าว่าอะไร ไม่เคยตบตีเราแบบที่คุณทำ
พูดกับเขาดีๆ เขาก็รู้เรื่องค่ะ
ถ้ามีปัญหาก็แก้ปัญหา ทางตรงไม่ได้ก็ไปทางอ้อม
ไม่ใช่ไปลงมือทำร้ายเขาแบบนี้
การเรียนจะว่าง่ายมันก็ง่าย
แต่มันไม่มีที่ไหนรับประกันว่าเข้าเรียนแล้วจะต้องเรียนจบค่ะ
ดูท่า จขกท จะเข้าใจผิดไปเยอะ
คุณคิดว่าแค่ส่งเรียนไป พอถึงเวลาเขาก็จะเรียนจบ
มันไม่ใช่นะคะ
มหาวิทยาลัยไม่ใช่ประถม มัธยม ที่คะแนนแย่แต่ครูก็เข็นให้ผ่านให้จบ
มหาวิทยาลัย คะแนนไม่ถึง เกรดต่ำกว่าที่กำหนด เขาก็รีไทร์(ไล่ออก)ค่ะ
แล้วคิดดูว่าลูกคุณเป็นเด็กพิเศษและตัวเขาเองเจอประสบการณ์ไม่ดี จิตใจเขาเลยไม่พร้อมจะเรียน
เมื่อจิตใจไม่พร้อมจะเรียน คุณคิดว่าเขาจะเรียนจบได้เหรอคะ
ยากนะคะ
คุณทำให้คนอื่นอึดอัดจนน่ากลัว
ถึงขั้นไปถามสถาบันการศึกษาว่าถ้าเรียนไม่จบจะมีการช่วยเหลือยังไง
คือจะให้เขาช่วยอะไรล่ะ ปริญญาตรีไม่ใช่การศึกษาภาคบังคับ
คนเรียนสมัครใจไปเรียนเอง พอเรียนไม่จบ มันไม่ใช่หน้าที่ที่เขาต้องมาช่วยเหลือนะคะ
น้องไม่ยอมเรียนต่อ แค่นี้คุณยังเครียดจนเริ่มทำร้ายเขาแล้ว
แล้วถ้าเสียเงินส่งเรียน เสียค่าเทอม แล้วน้องเขาเรียนไม่ไหว โดนให้ออก
คุณจะไม่เครียดกว่านี้เหรอ
คุณควรจะมองโลกตามความเป็นจริง
ไม่ใช่เพ้อฝันแล้วไปบังคับกดดันเด็กแบบนั้น
สมัยนี้มีอาชีพมากมาย ถ้าน้องเขาเรียนไม่ไหวก็ไม่จำเป็นต้องจบ ป.ตรี ก็ได้
เขาเป็นเด็กออทิสติก สมองเขาไม่ปกติ คุณจะไปเอาอะไรกับเขาขนาดนั้นคะ
ยังมีแรงทำงาน เริ่มทำงานเก็บเงินไว้ใช้ยามแก่ซะตอนนี้เลยค่ะ
นี่คือสิ่งที่ครอบครัวคุณและตัวคุณควรทำ
ไม่ใช่ไปหวังให้คนเป็นออทิสติกทำงานเลี้ยงดูคนทั้งบ้าน
น้องเป็นเด็กพิเศษ ภาวนาให้เขาอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ก็บุญแล้ว
นี่บ้านคุณยังจะคิดให้น้องเขาเรียนสูงๆ เพื่อทำงานหาเลี้ยงพวกคุณทั้งบ้านยามแก่อีก
จิตใจทำด้วยอะไรกันค่ะ ใจคอโหดร้ายกันน่าดูนะ
ที่บ้านคุณ ญาติๆ คุณ มือเท้าเป็นง่อยกันเหรอคะ ถึงได้คิดจะเอาภาระไปโยนให้เด็ก
เราเขียนแรงและเราไม่ขอโทษค่ะ
พวกคุณดูจิตใจไม่ปกติ แล้วนี่ถึงขั้นลงมือทำร้ายเด็กแล้ว
เราอ่านแล้วรู้สึกโมโหค่ะ
ตัว จขกท เรียนจบน้อย เลยเหมือนมีปม ต้องให้ลูกเรียนจบสูงให้ได้
แม่เราก็เป็นค่ะเรื่องอยากพ้นความจน อยากให้ลูกสบาย
แต่แม่เราไม่เคยดุด่าว่าอะไร ไม่เคยตบตีเราแบบที่คุณทำ
พูดกับเขาดีๆ เขาก็รู้เรื่องค่ะ
ถ้ามีปัญหาก็แก้ปัญหา ทางตรงไม่ได้ก็ไปทางอ้อม
ไม่ใช่ไปลงมือทำร้ายเขาแบบนี้
การเรียนจะว่าง่ายมันก็ง่าย
แต่มันไม่มีที่ไหนรับประกันว่าเข้าเรียนแล้วจะต้องเรียนจบค่ะ
ดูท่า จขกท จะเข้าใจผิดไปเยอะ
คุณคิดว่าแค่ส่งเรียนไป พอถึงเวลาเขาก็จะเรียนจบ
มันไม่ใช่นะคะ
มหาวิทยาลัยไม่ใช่ประถม มัธยม ที่คะแนนแย่แต่ครูก็เข็นให้ผ่านให้จบ
มหาวิทยาลัย คะแนนไม่ถึง เกรดต่ำกว่าที่กำหนด เขาก็รีไทร์(ไล่ออก)ค่ะ
แล้วคิดดูว่าลูกคุณเป็นเด็กพิเศษและตัวเขาเองเจอประสบการณ์ไม่ดี จิตใจเขาเลยไม่พร้อมจะเรียน
เมื่อจิตใจไม่พร้อมจะเรียน คุณคิดว่าเขาจะเรียนจบได้เหรอคะ
ยากนะคะ
คุณทำให้คนอื่นอึดอัดจนน่ากลัว
ถึงขั้นไปถามสถาบันการศึกษาว่าถ้าเรียนไม่จบจะมีการช่วยเหลือยังไง
คือจะให้เขาช่วยอะไรล่ะ ปริญญาตรีไม่ใช่การศึกษาภาคบังคับ
คนเรียนสมัครใจไปเรียนเอง พอเรียนไม่จบ มันไม่ใช่หน้าที่ที่เขาต้องมาช่วยเหลือนะคะ
น้องไม่ยอมเรียนต่อ แค่นี้คุณยังเครียดจนเริ่มทำร้ายเขาแล้ว
แล้วถ้าเสียเงินส่งเรียน เสียค่าเทอม แล้วน้องเขาเรียนไม่ไหว โดนให้ออก
คุณจะไม่เครียดกว่านี้เหรอ
คุณควรจะมองโลกตามความเป็นจริง
ไม่ใช่เพ้อฝันแล้วไปบังคับกดดันเด็กแบบนั้น
สมัยนี้มีอาชีพมากมาย ถ้าน้องเขาเรียนไม่ไหวก็ไม่จำเป็นต้องจบ ป.ตรี ก็ได้
เขาเป็นเด็กออทิสติก สมองเขาไม่ปกติ คุณจะไปเอาอะไรกับเขาขนาดนั้นคะ
ยังมีแรงทำงาน เริ่มทำงานเก็บเงินไว้ใช้ยามแก่ซะตอนนี้เลยค่ะ
นี่คือสิ่งที่ครอบครัวคุณและตัวคุณควรทำ
ไม่ใช่ไปหวังให้คนเป็นออทิสติกทำงานเลี้ยงดูคนทั้งบ้าน
ความคิดเห็นที่ 3
อ่านกระทู้เก่าๆเจ้าของกระทู้บอกว่าไม่อยากขอรับการช่วยเหลือจากมูลนิธิเพราะกลัวเรื่องความเป็นส่วนตัว แต่จากที้ราอ่านคือมันไม่ได้แล้วค่ะ ทั้งแม่ทั้งลูกคือประสาทเสียกันทั้ง2คน ถ้าถึงขั้นทำร้ายร่างกายลูก ลูกทำร้ายร่างกายตัวเองมันไม่ปกติแล้ว แนะนำให้ลองโทร1323 โทรได้ตลอด24ชั่วโมงเลยค่ะ
คุณแม่ต้องเข้าใจน้องมากๆนะคะ เค้าเกิดมาเป็นเด็กพิเศษก็หนักอยู่แล้ว ตอนนี้ให้เค้ามีความสุขกับชีวิตตัวเองก่อนและหางานเลี้ยงตัวเองให้ได้เพื่อแบ่งเบาภาระของแม่ อย่าพึ่งหวังให้น้องเลี้ยงครอบครัวได้เลยค่ะ เราก่อนมีลูกอยากให้ลูกฉลาด ลูกสวย ลูกทำงานได้เงินเยอะๆ พอตอนคลอดออกมาเราขอแค่เค้ามีความสุข สุขภาพดี แค่นี้เราพอใจแล้ว ตอนนี้มีหลายอาชีพมากที่ไม่ต้องจบป.ตรีก็หาเงินได้ เช่นไปเป็นเชฟ บาริสต้า และอื่นๆ ลองดูเป็นทางเลือกค่ะ
อีกอย่างคุณแม่ต้องเปิดใจรับคำแนะนำด้วยค่ะ อันนี้ก็ไม่ดี อันนู่นก็ไม่ได้ ถ้าถึงทางจนมันก็ต้องทำค่ะ ขอให้ผ่านไปได้นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
คุณแม่ต้องเข้าใจน้องมากๆนะคะ เค้าเกิดมาเป็นเด็กพิเศษก็หนักอยู่แล้ว ตอนนี้ให้เค้ามีความสุขกับชีวิตตัวเองก่อนและหางานเลี้ยงตัวเองให้ได้เพื่อแบ่งเบาภาระของแม่ อย่าพึ่งหวังให้น้องเลี้ยงครอบครัวได้เลยค่ะ เราก่อนมีลูกอยากให้ลูกฉลาด ลูกสวย ลูกทำงานได้เงินเยอะๆ พอตอนคลอดออกมาเราขอแค่เค้ามีความสุข สุขภาพดี แค่นี้เราพอใจแล้ว ตอนนี้มีหลายอาชีพมากที่ไม่ต้องจบป.ตรีก็หาเงินได้ เช่นไปเป็นเชฟ บาริสต้า และอื่นๆ ลองดูเป็นทางเลือกค่ะ
อีกอย่างคุณแม่ต้องเปิดใจรับคำแนะนำด้วยค่ะ อันนี้ก็ไม่ดี อันนู่นก็ไม่ได้ ถ้าถึงทางจนมันก็ต้องทำค่ะ ขอให้ผ่านไปได้นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 30
เราไม่ได้เข้ามาเพื่อทำร้ายจิตใจจขกท.นะคะ เรามาดี
จากการไล่อ่านดูนะคะ จขกท.มีปัญหาในการคัดเเยก และตีความประโยค ไม่สามารถแยกได้ว่า ประโยคไหนเป็นคำชม คำกล่าวลอยๆ คำว่าร้าย
ตอนนี้จขกท.เหมือนสับสนหนัก ระแวงหนักจนตีความทุกอย่างในแง่ลบ แถมเครียดจัดจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ถามว่ามีผลอย่างไร ก็มีผลทำให้คนรอบข้างป่วยค่ะ
จขกท.มีลูกเป็นออทิส อยากให้ลูกเรียนให้สูงและดูแลครอบครัวได้ จึงกระทำสิ่งต่างๆมากมายที่คิดว่าเีที่สุดสำหรับลูก
แต่จขกท.ลืมเลือนไปว่า ลูกเป็นเด็กพิเศษลำพังแค่ตัวโรคที่ลูกเป็นเค้าก็ใช้ชีวิตลำบากแล้ว ลองเปรียบเทียบกับเด็กปกติทั่วไป กว่าเค้าจะเรียนจะโตอุปสรรครายล้อมก็ผ่านไปได้ยากแล้ว แล้วลูกคุณจะต้องพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่า
พ่อแม่ต้องพลักดันลูกขึ้นหลายเท่า แต่ไม่ได้พลักดันด้วยวิธีการเลี้ยงแบบคนปกตินะคะ พ่อแม่ต้องซัพพอร์ตเค้าแบบเด็กพิเศษ เพื่อให้เค้าโตและใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ ในส่วนนี้จขกท.ต้องยอมรับว่าเกณฑ์การเลี้ยงลูกของจขกท.ต่อให้เอาวิธีที่คุณใช้ไปใช้กับเด็กปกติ ผลก็ออกมาไม่ดีอยู่ดีค่ะ (มีหลายครอบครัวที่ใช้วิธีเหมือนคุณแล้วลูกอาจจะไม่ได้มีชีวิตไปยันแก่ หรือ ชีวิตเค้าพังก่อนได้โต)
การที่จขกท.ป่วยด้านการสื่อสาร(การตีความ)คุณคิดว่าคุณจะสามารถสอนลูกให้เติบโตไปในทิศทางที่ดีได้เหรอคะ
การที่ส่งลูกที่ไม่พร้อมเรียนไปเจอสังคมที่โหดจ้ายโดยที่พ่อแม่ไม่ซัพพอร์ตปัญหาของลูก คุณคิดว่าน้องจะรอดเหรอคะ คุณอยากให้ลูกเรียนจบสูงๆ ความอยากของคุณตอนนี้กำลังทำลายลูกคุณค่ะ
คนเราต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมควาทต้องการค่ะ เป้าหมายมีไว้ให้พุ่งชน แต่คนจะทำให้เป้าหมายสำเร็จนั้นต้องทำเองค่ะ ไม่ใช่เอาเป้าหมายเราไปให้คนอื่นทำ แถมคนอื่นนั้นยังไม่มีศักยภาพมากพอจะไปถึงจุดนั้นได้ คุณกำลังยัดเหยียดภาระอันใหญ่หลวงให้กับลูกของคุณอยู่นะคะ
พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกได้ดี มันใช่ค่ะ ใครๆก็หวังดีทั้งนั้น แต่มันมีคำกล่าวนึงอยู่นะคะ
เราต้องใช้คนให้เหมาะกับงาน จะให้อะไรใครทำต้องดูศักยภาพเค้าด้วย ถ้าศักยภาพเค้าไม่ถึง มันไม่มีทางที่งานที่ได้รับมอบหมายจะสำเร็จได้หรอกค่ะ
ถามว่าที่จขกท.ทำอยู่ตอนนี้เป็นการพลักดันให้ลูกไปถึงเป้าหมายที่สูงได้ หรือกำลังทำลายลูกคุณอยู่กันแน่
การตบตีทำร้ายมันทำให้ลูกดีขึ้นได้ หายจากโรคที่เป็นและเข้าใจทุกอย่างได้เหมือนคนปกติไหม ถ้าไม่ได้ คุณต้องฝึกควบคุมอารมณ์ตัวเองค่ะ
การพยายามของคุณที่ผ่านมามันก็ทำให้เห็นแล้วว่าผลตอบลัพท์มันไม่ได้ดีเท่าที่คุณต้องการ คุณจะไม่ลองเปลี่ยนวิธีการหน่อยเหรอคะ
คุณเองสุขภาพดีมีครบทั้งสติปัญญายังทำได้เท่านี้ แล้วลูกคุณล่ะคะ เค้าขาดไปเยอะมาก ต้นทุนเค้ามีเท่านี้ คุณจะเอาอะไรจากเค้าเยอะนัก
จากการไล่อ่านดูนะคะ จขกท.มีปัญหาในการคัดเเยก และตีความประโยค ไม่สามารถแยกได้ว่า ประโยคไหนเป็นคำชม คำกล่าวลอยๆ คำว่าร้าย
ตอนนี้จขกท.เหมือนสับสนหนัก ระแวงหนักจนตีความทุกอย่างในแง่ลบ แถมเครียดจัดจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ถามว่ามีผลอย่างไร ก็มีผลทำให้คนรอบข้างป่วยค่ะ
จขกท.มีลูกเป็นออทิส อยากให้ลูกเรียนให้สูงและดูแลครอบครัวได้ จึงกระทำสิ่งต่างๆมากมายที่คิดว่าเีที่สุดสำหรับลูก
แต่จขกท.ลืมเลือนไปว่า ลูกเป็นเด็กพิเศษลำพังแค่ตัวโรคที่ลูกเป็นเค้าก็ใช้ชีวิตลำบากแล้ว ลองเปรียบเทียบกับเด็กปกติทั่วไป กว่าเค้าจะเรียนจะโตอุปสรรครายล้อมก็ผ่านไปได้ยากแล้ว แล้วลูกคุณจะต้องพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่า
พ่อแม่ต้องพลักดันลูกขึ้นหลายเท่า แต่ไม่ได้พลักดันด้วยวิธีการเลี้ยงแบบคนปกตินะคะ พ่อแม่ต้องซัพพอร์ตเค้าแบบเด็กพิเศษ เพื่อให้เค้าโตและใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ ในส่วนนี้จขกท.ต้องยอมรับว่าเกณฑ์การเลี้ยงลูกของจขกท.ต่อให้เอาวิธีที่คุณใช้ไปใช้กับเด็กปกติ ผลก็ออกมาไม่ดีอยู่ดีค่ะ (มีหลายครอบครัวที่ใช้วิธีเหมือนคุณแล้วลูกอาจจะไม่ได้มีชีวิตไปยันแก่ หรือ ชีวิตเค้าพังก่อนได้โต)
การที่จขกท.ป่วยด้านการสื่อสาร(การตีความ)คุณคิดว่าคุณจะสามารถสอนลูกให้เติบโตไปในทิศทางที่ดีได้เหรอคะ
การที่ส่งลูกที่ไม่พร้อมเรียนไปเจอสังคมที่โหดจ้ายโดยที่พ่อแม่ไม่ซัพพอร์ตปัญหาของลูก คุณคิดว่าน้องจะรอดเหรอคะ คุณอยากให้ลูกเรียนจบสูงๆ ความอยากของคุณตอนนี้กำลังทำลายลูกคุณค่ะ
คนเราต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมควาทต้องการค่ะ เป้าหมายมีไว้ให้พุ่งชน แต่คนจะทำให้เป้าหมายสำเร็จนั้นต้องทำเองค่ะ ไม่ใช่เอาเป้าหมายเราไปให้คนอื่นทำ แถมคนอื่นนั้นยังไม่มีศักยภาพมากพอจะไปถึงจุดนั้นได้ คุณกำลังยัดเหยียดภาระอันใหญ่หลวงให้กับลูกของคุณอยู่นะคะ
พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกได้ดี มันใช่ค่ะ ใครๆก็หวังดีทั้งนั้น แต่มันมีคำกล่าวนึงอยู่นะคะ
เราต้องใช้คนให้เหมาะกับงาน จะให้อะไรใครทำต้องดูศักยภาพเค้าด้วย ถ้าศักยภาพเค้าไม่ถึง มันไม่มีทางที่งานที่ได้รับมอบหมายจะสำเร็จได้หรอกค่ะ
ถามว่าที่จขกท.ทำอยู่ตอนนี้เป็นการพลักดันให้ลูกไปถึงเป้าหมายที่สูงได้ หรือกำลังทำลายลูกคุณอยู่กันแน่
การตบตีทำร้ายมันทำให้ลูกดีขึ้นได้ หายจากโรคที่เป็นและเข้าใจทุกอย่างได้เหมือนคนปกติไหม ถ้าไม่ได้ คุณต้องฝึกควบคุมอารมณ์ตัวเองค่ะ
การพยายามของคุณที่ผ่านมามันก็ทำให้เห็นแล้วว่าผลตอบลัพท์มันไม่ได้ดีเท่าที่คุณต้องการ คุณจะไม่ลองเปลี่ยนวิธีการหน่อยเหรอคะ
คุณเองสุขภาพดีมีครบทั้งสติปัญญายังทำได้เท่านี้ แล้วลูกคุณล่ะคะ เค้าขาดไปเยอะมาก ต้นทุนเค้ามีเท่านี้ คุณจะเอาอะไรจากเค้าเยอะนัก
แสดงความคิดเห็น
เพราะความเห็นจากโซเชียลมีเดีย ทำให้เราตัดสินใจ........กับลูก (กระทู้ระบาย)
คือเราก็เข้าใจคะ แต่เราก็เป็นห่วงว่าอนาคตน้องจะทำอย่างไรละ เศรษฐกิจก็แบบนี้ เราก็สู้จนท้อแล้ว เลยพูดแนวประชดไปว่า "นั้นก็เจริญ ๆ ละกันนะลูก" ซึ่งเราก็ยอมรับค่ะว่าเราก็เครียด แต่เรามองเห็นว่า การศึกษาคือสิ่งที่ดีที่สุด จบสูงได้ก็ยิ่งดี ลูกก็เงียบไป เงียบแบบว่าไม่ยอมกินข้าวกินปลาเลย แม้กระทั่งนมกล่องก็ไม่กิน กินแต่น้ำเปล่าธรรมดา อย่างเดียว จนเรียกว่าสภาพผอมมาก เราก็ถามไปว่า ไม่หิวข้าวหรอ เอาแต่นอนซึมเลย นอนแบบว่าไม่อยากตื่นมาดูหน้าแม่เลย
เราก็เริ่มสติแตกเลยถีบน้องไป จนเรียกว่า ฟกช้ำดำเขียว ตบตีลูก แล้วถามเรื่องอนาคตว่าจะเอาอย่างไร จะไม่เรียนใช่ไหม ถามแบบโกรธเพราะเราก็อยากให้น้องได้ดี วุฒิปวส. มันไม่พอสำหรับแม่และญาติแม่นี่แหละ เลยต้องพยายามส่งลูกเรียนให้จบให้ได้ แต่ลูกก็กลัวจนไม่พูดอะไรเลย ซึ่งเราก็ยอมรับว่ามันผิดคะ แต่คนเป็นพ่อแม่ อยากให้ลูกมีอนาคต มีการศึกษาที่ดี จนลูกก็กลัวเรา กลัวหนักกว่าเดิมจนไม่ยอมกินข้าวกว่าเดิม แถมมีอาการอาเจียนอีก สภาพแบบว่าผอมเหลือแต่กระดูก แถมมีอาการชอบทำร้ายตัวเอง สภาพตาเขียวค่ะ เลือดออก อย่างกับไปโดนใครต่อยมา เราก็ถามว่าไปโดนใครต่อย แต่น้องก็เงียบ ไม่พูดเลย แถมล่าสุดคือน้องเอามีดคัตเตอร์มากรีดแขนตัวเอง จนเลือดออกเยอะมาก เราก็เห็นเลยช็อค แล้วก็สติแตกว่าทำไมต้องทำแบบนี้ เพื่อนบ้านที่เห็นก็พาน้องไปโรงพยาบาล สภาพเรียกว่าช็อคเพราะเสียเลือดมาก แล้วก็บอกว่า ถ้ามาช้าอีกนิดหนึ่ง น้องแย่ลงกว่านี้แน่นอน
หมอเราก็ถามว่าใครเป็นผู้ปกครองเด็กพิเศษ ซึ่งเราก็เข้าใจแล้วก็โดนหมอเตือนว่า ลูกมีอาการซึมเศร้าอย่างรุนแรงนะ ดูแลลูกให้ดีกว่านี้หน่อย สภาพน้องแบบว่า นอนเป็นผักเลยคะ นอนไม่รู้สึกตัวเลยค่ะ
เราก็เข้าใจค่ะว่าอนาคตการเรียนก็สำคัญ เลยเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี่แหละคะ