JJNY : 5in1 หนี้ครัวเรือนแรงงานสูงสุด13ปี│ฟาร์มหมูจี้รัฐ│เศรษฐามั่นใจ ‘พท.’│‘พิธา’รับห่วงกกต. 4เรื่อง│คลิปว่อนซื้อเสียง

หนี้ครัวเรือนแรงงานไทย แตะ 2.7 แสนบาทต่อครัวเรือน สูงสุดในรอบ 13 ปี
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/195177
 
 
หอการค้าไทย เผย ผลสำรวจแรงงานไทยผู้มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท/เดือน พบหนี้ครัวเรือนสูงถึง 270,000 บาท/ครัวเรือน ซ้ำเจอค่าครองชีพสูง ค่าไฟ ค่าอาหาร แพงขึ้น วอนพรรคการเมืองมีนโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ และแก้ปัญหาค่าครองชีพมากที่สุด
 
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจโพล “สถานภาพแรงงานไทย : กรณีศึกษาผู้มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท” จำนวน 1,300 ตัวอย่างทั่วประเทศ โดยเป็นการสำรวจระหว่างวันที่ 18-24 เม.ย.66 

กลุ่มตัวอย่างมีทั้งลูกจ้าง พนักงานภาครัฐและเอกชน พบว่า กลุ่มตัวอย่าง 51 % อยู่นอกระบบ และอยู่ในระบบประกันสังคม 49 % สำหรับสถานะการออมเงินของแรงงานกลุ่มตัวอย่าง พบว่า
 
ไม่มีเงินเงินออม 73.5 % ส่วนคนที่มีเงินออม 26.5 % โดยมีเงินออมเฉลี่ยที่ 950 บาทต่อเดือน
 
เมื่อไปดู สถานะภาพหนี้แรงงานของไทย พบว่า กลุ่มตัวอย่าง 99.1 % ที่มีหนี้ครัวเรือน มีเพียง 0.9%  เท่านั้นที่ไม่มีหนี้ ซึ่งเหตุผลที่ทำให้กลุ่มมีหนี้ต้องกู้เงิน 3 อันดับแรก คือ 
 
• ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน 14.5 %
• หนี้บัตรเครดิต 12.5 %
• ใช้คืนหนี้เก่า 10.7 %  
 
และในจำนวนนี้ หนี้ส่วนบุคคลหรือหนี้บัตรเครดิตส่วนใหญ่นำไปใช้จ่าย อุปโภคบริโภค (41.4 %) ใช้หนี้เดิม (21.6 %) และที่อยู่อาศัย (10.8 %)
แต่ที่น่ากังวล คือ การชำระหนี้บัตรเครดิตในแต่ละเดือน พบตัวเลขที่น่ากังวล คือ ชำระขั้นต่ำ ถึง 68.8 % รองลงมา แบ่งชำระบางส่วน 26.7 % ชำระเต็มจำนวน 4.3 % และ ขาดการชำระและผ่อนผันการชำระ 0.2 %  
 
หนี้ครัวเรือนกลุ่มแรงงานเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 13 ปี (นับตั้งแต่ปี 2553)
 
ในปี 2566 ยังพบภาระหนี้ของครัวเรือนแรงงานไทยอยู่ที่ 272,528 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่ 25.04 % ถือว่าสูงสุดในรอบ 14 ปี โดยมีอัตราการผ่อนชำระ 8,577 บาทต่อเดือน ในจำนวนนี้แยกเป็นหนี้ในระบบ 79.84 % ผ่อนชำระต่อเดือน 7,936 บาท อัตราดอกเบี้ย 8.76 % ต่อปี และนอกระบบ 20.16 % ผ่อนชำระต่อเดือน 2,381 บาท อัตราดอกเบี้ย 15.47% ต่อเดือน
 
แต่อย่างไรก็ตาม ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  มองว่า ปัจจุบันที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ตัวเลขหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในสถานะที่ควบคุมได้ ไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงมากเกินไป และแรงงานเป็นหนี้เพื่อให้ได้สินค้าคงทนถาวร เช่น บ้าน ซึ่งการ กลับมาของอัตราหนี้มาจากหลายปัจจัย เช่น การลงทุนเพื่อประกอบอาชีพ รวมถึงหนี้นอกระบบที่เข้ามาอยู่ในระบบ ซึ่งในขณะเดียวกันยังส่งผลให้หนี้นอกระบบลดลงถือเป็นสัญญาณดีที่

 เชื่อว่า หนี้ครัวเรือน อยู่ในสถานะที่ควบคุมได้ แม้หนี้ครัวเรือนที่ประคองตัวสูงแต่น่าจะค่อยๆผ่อนคลายเมื่อเศรษฐกิจฟื้น เราไม่มีสัญญาณห่วงใย เรื่องหนี้ครัวเรือน  : ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
 
แรงงานไทย ยังเผชิญรายได้ไม่พอใช้ จี้รัฐลดค่าใช้จ่าย กระตุ้นเศรษฐกิจ
 
ขณะที่สถานภาพทางการเงินของแรงงาน พบกลุ่มตัวอย่าง 77.2 % มีปัญหารายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย ส่วน 12.8 % ไม่มีปัญหา เพราะซื้อสินค้าเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
 
ส่วนกิจกรรมในช่วงวันหยุดแรงงานในปี 2566 พบ 3 อันดับแรก กลุ่มตัวอย่าง จะออกไปซื้อของ 49.2 % ท่องเที่ยว 34.2 % และทานอาหารนอกบ้าน 29 %
 
ส่วนการใช้จ่ายในช่วงวันหยุดแรงงาน มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 2,528 บาท และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 51.5 % คาดว่าบรรยากาศแรงงานปีนี้จะคึกคักมากกว่าปี 2565 คาดส่งผลให้เกิดมูลค่าการใช้จ่ายในวันแรงงานในปี 2566 มูลค่า 2,067 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 29.8 %
 
นอกจากนี้ แรงงาน ยังเสนอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเรื่องค่าแรง หรือ ค่าครองชีพ เช่น การมีมาตรการในการดูแลช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เพิ่มสวัสดิการให้กับผู้มีรายได้น้อยเพื่อลดค่าใช้จ่าย และ กระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัว
 


ฟาร์มหมู จี้รัฐทำลายหมูเถื่อนค้างตู้ 4.5 ล้านกิโล เหตุฉุดราคาต่ำกว่าทุน
https://www.matichon.co.th/economy/news_3946990

ฟาร์มหมู จี้รัฐทำลายหมูเถื่อนค้างตู้ 4.5 ล้านกิโล เหตุฉุดราคาต่ำกว่าทุน วันพระนี้เหลือ 72 บาท
 
นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า สมาคมได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมศุลกากร ขอให้จัดการสุกรเถื่อน 4.5 ล้านกิโลกรัมที่จับได้ล่าสุดในขั้นเด็ดขาดทันที เนื่องจากตั้งแต่ต้นปี 2565 ชิ้นส่วนเนื้อสุกรลักลอบนำเข้าซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าการผลิตภายในประเทศเข้ามาสร้างความเสียหายให้กับตลาดการค้าสุกรมีชีวิตภายในประเทศอย่างมาก เป็นการทำลายอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของประเทศไทย สร้างแรงกดดันให้เกษตรผู้เลี้ยงสุกรต้องขายผลผลิตต่ำกว่าต้นทุน ขาดทุนตัวละ 2,000-3,000 บาท หรือเสียหายรวม 100-150 ล้านบาทต่อวัน จากจำนวนเข้าโรงฆ่าเฉลี่ย 50,000 ตัวต่อวันในปัจจุบัน
 
โดยขอให้จัดการตู้สินค้าเนื้อสุกรแช่แข็งตกค้างที่ตรวจพบแล้ว ณ ท่าเรือแหลมฉบังทั้ง 161 ตู้ ดังนี้ 
1. ขอให้ส่งทำลายสินค้าเนื้อสุกรแช่แข็งตกค้างทั้งหมด 
2. ขอให้เปิดเผยรายชื่อผู้นำเข้าทั้งหมดทุกตู้ พร้อมรายชื่อผู้ประกอบการนำเข้าที่ขึ้นทะเบียนไว้ 27 ราย 
3. ขอจำนวนตู้สินค้าสุกรเถื่อนทั้งหมดที่ส่งให้กรมปศุสัตว์ทำลายไปแล้ว ในครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2565 – 2566 (ตุลาคม 2565-มีนาคม 2566)
 
เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศกำลังเดือดร้อนหนักกับภาวะสุกรหน้าฟาร์มราคาตกต่ำ ราคาประกาศวันพระวันนี้ราคาลงไปอยู่ที่ 72-82 บาท/กก. จากต้นทุนที่ 100 บาท/กก. และยังมีแนวโน้มลดลงอีก เมื่อทราบว่ามีสุกรเถื่อนค้างตู้คอนเทนเนอร์ที่แหลมฉบังถึง 161 ตู้ ทำให้ทุกคนเรียกร้องให้รัฐเร่งทำลายทั้งหมดทันที โดยไม่ควรอนุญาตให้ทำการ Re-Export ไปขึ้นที่ท่าเรืออื่น เพราะจะกลายเป็นกองทัพมดเข้ามาประเทศไทยทางตะเข็บชายแดน ทำให้ตรวจจับยากขึ้น และกระจายเชื้อโรคสู่ภูมิภาคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น” นายสุรชัย กล่าว
 
นายสุรชัย กล่าวต่อว่า ต้องขอบคุณกรมศุลกากรที่ล็อกตู้หมูเถื่อนให้อยู่ในอารักขาของกรมไว้ได้มากถึงขนาดนี้ และทราบว่าเตรียมส่งมอบให้กรมปศุสัตว์นำไปทำลายทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก ดีกว่าการอนุญาตให้ผู้นำเข้าทำการ Re-Export เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นสินค้าผิดกฎหมาย ขณะที่บรรดาผู้นำเข้าที่อยู่ในบัญชีรายชื่อของกรมศุลกากรจะถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการทำลายทั้งหมดจึงไม่มีเหตุผลใดที่จะดึงเวลาการทำลายออกไป
 
ทั้งนี้ การตัดสินใจทำลายสุกรเถื่อนอย่างรวดเร็วจะทำให้สังคมได้รับทราบว่า ใครคือผู้นำเข้าหรือชิปปิ้งของตู้หมูเถื่อนดังกล่าวและยังช่วยทำให้เกษตรกรมั่นใจว่าจะไม่มีหมูเถื่อนจากตู้เหล่านี้กลับเข้ามาตีตลาดประเทศไทยได้อีก ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะสามารถนำรายชื่อผู้นำเข้า-ชิปปิ้งมาขยายผลในการดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด โดยควรต้องรีบจัดตั้ง “คณะทำงานร่วม ระหว่างสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ และกรมการค้าภายใน” เพื่อถอนรากถอนโคนขบวนการหมูเถื่อนให้หมดไปจากประเทศไทย เป็นผลดีต่อเกษตรกรและคนไทยทั้งประเทศ
 
นายสุรชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติจะนำความเดือดร้อนของเกษตรกรไทย เข้าหารือกับเอกอัครราชทูตประเทศบราซิลประจำประเทศไทยตามที่ได้รับเชิญมา เนื่องจากสุกรเถื่อนส่วนใหญ่ที่เข้ามาสู่ประเทศไทยมีต้นกำเนิดมาจากประเทศบราซิล โดยขอยืนยันว่าการนำเข้าเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งผิดกฎหมายไทย และอาชีพการเลี้ยงสุกรเป็นอาชีพเฉพาะที่สงวนไว้สำหรับเกษตรกรไทย หากบราซิลยังส่งสุกรผิดกฎหมายเข้ามาจำนวนมหาศาลและต่อเนื่องเช่นนี้ เท่ากับสนับสนุนการทำลายตลาดสุกรในประเทศ ทำลายอาชีพของคนไทย เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่จำเป็นต้องขอร้องท่านทูตบราซิลให้ระงับการกระทำผิดกฎหมายทั้งหมดทันที



เศรษฐา มั่นใจ ‘เพื่อไทย’ กระแสแรง ปัดปรับกลยุทธ์ เน้นโซเชียลรุกฐานเสียง ‘ก้าวไกล’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3947284

‘เศรษฐา’ เผย อนาคตการเมือง ให้ ปชช.กำหนด มั่นใจสไตล์หาเสียงนำไปสู่ชัยชนะ ปัด ปรับกลยุทธ์เน้นโซเชียลลุกฐานเสียง ‘ก้าวไกล’
 
เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 27 เมษายน ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีการปราศรัยบนเวทีว่าขอวิงวอนให้ชาวบ้านแบ่งใจให้ เชื่อว่าจะสามารถปังธงในภาคใต้ได้หรือไม่ว่า ต้องให้เกียรติพี่น้องประชาชน ไม่อยากไปคาดหวัง หรือคาดเดา วันนี้ทำให้ดีที่สุด ส่วนกรณีที่เมื่อวานนี้ (25 เมษายน) ปราศรัยบนเวทีว่าหากครั้งนี้ไม่ได้ ครั้งต่อไปจะกลับมาอ้อนอีก ตนพูดแทนตัวเองและคณะว่าเราไม่ทอดทิ้งพี่น้องภาคใต้ สำหรับเส้นทางการเมืองในอนาคตนั้น วันนี้เอาแค่นี้ก่อนและเราจะทำให้ดีที่สุด เท่าที่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม ต้องฟังเสียงตอบรับของประชาชนว่าอนาคตจะอยู่ตรงไหน พี่น้องประชาชนเป็นคนชี้ขาดให้
 
เมื่อถามถึง กรณีที่เมื่อวานนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดสงขลา ออกหนังสือถึงอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ขอให้มีความเป็นกลาง ไม่ทำตัวเป็นหัวคะแนน กังวลหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า มั่นใจทาง กกต. และมั่นใจ อสม.ด้วย คิดว่าหน้าที่ของ อสม.คือดูแลพี่น้องประชาชนทางด้านสาธารณสุข และอยากให้พี่น้องประชาชนอยู่ดี ส่วนเรื่องทางการเมืองตนเชื่อว่าเขาเข้าใจว่าพี่น้องประชาชนทำอะไรอยู่ ทุกคนมีหน้าที่
ถามต่อว่า กังวลเรื่องการใช้อำนาจรัฐหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า มั่นใจว่าพี่น้องประชาชนจะช่วยดูแลการเลือกตั้งให้เป็นธรรมมากขึ้น หน้าที่ของตนคือเดินหน้าพบปะรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน และหาทางแก้ไข ทำความตั้งใจจริงที่เรามีให้พี่น้องประชาชน และหวังว่าวันที่ 14 พฤษภาคม จะได้คะแนนเยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
 
เมื่อถามว่า กระแสของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ถือว่าน่ากลัวหรือไม่ เพราะเมื่อวานนี้พรรค พท.มีการเปิดห้องติว ส.ส.ในการใช้ยุทธศาสตร์เน้นเรื่องออนไลน์มากขึ้น ซึ่งถือเป็นการรุกในกลุ่มฐานเสียงของพรรค ก.ก. นายเศรษฐากล่าวว่า เชื่อว่าไม่ใช่ เพราะบางช่วงตนก็ได้เข้าไปฟังด้วย ไม่ใช่เป็นการแก้เกมพรรค ก.ก. มีหลายวิธีที่เราสามารถนำมาแก้ไขได้ในช่วงโค้งสุดท้าย
 
ถามว่า ตอนนี้กระแสของพรรค ก.ก.ถือว่าน่ากลัวหรือไม่ เพราะเป็นพรรคประชาธิปไตยอาจจะแย่งคะแนนกัน แต่สุดท้ายอาจจะไม่ได้คะแนนทั้งสองพรรค  นายเศรษฐากล่าวว่า คงเป็นไปไม่ได้มั่นใจในสิ่งที่เราทำอยู่เราตั้งใจที่จะนำสิ่งดีๆ ไปเสนอให้พี่น้องประชาชน ฉะนั้น จึงมั่นใจว่าพรรค พท.จะได้การตอบรับที่ดีจากประชาชน ทั้งนี้ เชื่อว่ากระแสของเราก็แรง เราก็มีโพลของเรา ตรงนี้เรามั่นใจ เราเดินมาถูกทางแล้ว
 
เมื่อถามว่า การที่นายเศรษฐาและคณะพรรค พท.เดินสายเพื่อพูดคุยกับประชาชน กับการที่พรรค ก.ก.เน้นยุทธศาสตร์การพูดในโซเชียลมากขึ้น จะทำให้เกิดความแตกต่างในการเข้าถึงประชาชนหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า คงคอมเมนต์วิธีการของพรรคอื่นไม่ได้ เพราะแต่ละพรรคก็มีวิธีการสื่อสารที่ต่างกัน ในโซเชียลของเราก็มีออนไลน์ หรือออฟไลน์ของเราก็มี การพบปะพี่น้องประชาชนเราก็มี เรามีบุคลากรที่ทรงคุณค่าจำนวนมาก เรามั่นใจในสไตล์ของเราว่าสามารถนำไปสู่จุดนั้นได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่