JJNY : ดัชนีการเมืองเม.ย.│‘ชัยธวัช-สส.ก.ก.’บอกเสียดายรบ.ไม่ชัดเจน│แรงงาน67 แบกหนี้หลังแอ่น│กวางตุ้งระทึกซ้ำ“ถนนทรุดถล่ม”

“สวนดุสิตโพล”เปิดดัชนีการเมืองเม.ย. 4.63 คะแนนลดต่อเนื่อง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_711181/

 
“สวนดุสิตโพล” เปิดดัชนีการเมืองเม.ย.เฉลี่ย 4.63 ลดลงจากเดือนก่อน คะแนนสูงสุด ผลงานของฝ่ายค้าน 5.06 ฝ่ายรัฐบาลเด่นสุด “เศรษฐา” 46.19% ส่วนฝ่ายค้าน “พิธา” 53.51%
 
สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนเมษายน 2567” จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,431 คน  (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 22-29 เมษายน 2567 พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนเมษายน 2567 เฉลี่ย 4.63 คะแนน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2567 ที่ได้ 5.10 คะแนน
 
โดยตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 5.06 คะแนน (ลดลงจากเดือนมีนาคม) ส่วนตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ การแก้ปัญหาความยากจน เฉลี่ย 4.28 คะแนน (ลดลงจากเดือนมีนาคม)  นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร้อยละ 46.19, รองลงมา อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร้อยละ 31.46, และนายปานปรีย์ พหิทธานุกร ร้อยละ 22.35 ขณะที่ นักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์   ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร้อยละ 53.51, รองลงมา นส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร้อยละ 29.65 และ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ร้อยละ16.84
 
ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน “งานมหาสงกรานต์” ร้อยละ 41.87, ไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบ ร้อยละ 33.80, และ เงินดิจิทัลวอลเล็ต ร้อยละ 24.33, ส่วนผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบ  ตรวจสอบเงินดิจิทัลวอลเล็ต ร้อยละ 45.61,ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล ร้อยละ 38.54 ส่วนข่าวเหตุการณ์สำคัญที่ประชาชนสนใจในเดือนเมษายน มาตรการช่วยค่าน้ำค่าไฟ ร้อยละ  36.87,รองลงมา เรื่อง”บิ๊กโจ๊ก”กับ สตช. ร้อยละ 34.49
 


‘ชัยธวัช-สส.ก.ก.’ ร่วมขบวนวันแรงงาน บอกเสียดาย รบ.ไม่ชัดเจน เรื่อง ’สิทธิ-สวัสดิภาพ-ค่าแรง‘
https://www.matichon.co.th/politics/news_4553887

‘ชัยธวัช-สส.ก.ก.’ ร่วมขบวนวันแรงงาน บอกเสียดาย รบ.ไม่ชัดเจน เรื่อง ’สิทธิ-สวัสดิภาพ-ค่าแรง‘ หลังพิพัฒน์ ปฏิเสธข่าวขึ้นค่าแรง400บ.
 
‘ชัยธวัช’ นำทีม ’สส.ก้าวไกล‘ ร่วมเดินขบวน ‘วันแรงงานแห่งชาติ‘ ชี้ น่าเสียดาย ’รัฐบาล‘ ควรให้ความชัดเจน เรื่อง ’สิทธิ-สวัสดิภาพ-ค่าแรง‘ หลัง ’รมว.แรงงาน’ ปฏิเสธ กระแสข่าว ‘ขึ้นค่าแรง 400 บาททั่วประเทศ’ หวังทุกฝ่ายร่วมสนับสนุน ‘ร่างกฏหมายแรงงาน’ ผ่านสภาฯ
 
เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ถ.ราชดำเนินนอก กทม. นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสข่าวการประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ รัฐบาลสามารถจะทำได้หรือไม่ ว่า วันนี้เป็นวันแรงงานแห่งชาติ ซึ่งเป็นวันสำคัญที่พี่น้องแรงงานหรือผู้ใช้แรงงานทั่วโลกใช้เป็นสัญลักษณ์ เพื่อรวมตัวกัน เพื่อเรียกร้องสิทธิ สวัสดิการ และชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน น่าเสียดายที่วันนี้ควรจะเป็นวันที่รัฐบาลน่าจะมีคำตอบที่ชัดเจนให้กับพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ที่รอคอยรัฐบาลใหม่มา 7-8 เดือนแล้ว ว่าจะมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องสิทธิแรงงาน สวัสดิการแรงงาน รวมถึงเรื่องค่าแรงอย่างไร
 
แต่น่าเสียดายที่วันนี้ดูจะมีแต่ความไม่ชัดเจนเหมือนที่ผ่านๆ มา โยนก้อนหินถามทางเรื่อยๆ เข้าใจว่า ล่าสุดมีกระแสว่า วันนี้จะมีของขวัญให้กับผู้ใช้แรงงานว่า จะประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ แต่ไม่ทันไร ทางรัฐมนตรีก็ออกมาปฏิเสธข่าว และยังดูเหมือนว่าไม่มีความชัดเจนแน่นอน ตอนนี้สิ่งที่พี่น้องแรงงานกังวล คือต้องการความชัดเจนว่าจะอย่างไรกันแน่
 
ถ้าจะมีการขึ้นค่าแรงจริง จะขึ้นเท่าไหร่ ถ้าเป็น 400 บาท จะเป็น 400 บาทแบบมีดอกจันทร์หรือไม่ จะมีเงื่อนไขเฉพาะบางสถานประกอบการ บางอำเภอ บางตำบล เท่านั้นหรือไม่ นี่ก็เป็นข้อกังวล เพราะมาตรการขึ้นค่าแรง 400 บาทบางส่วนทึ่ออกมาแล้ว ก็ทำให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานผิดหวัง เพราะเป็นการขึ้นในภาคส่วนที่ทราบดีอยู่แล้วว่ามีค่าแรงเกิน 400 บาทอยู่แล้ว“ นายชัยธวัชกล่าว
 
ดังนั้น ดูเหมือนเป็นการขึ้นค่าแรงที่ไม่มีประโยชน์อะไร จึงต้องการความชัดเจนจริงๆ และถือเป็นความกล้าหาญด้วย เพราะต้องยอมรับว่า หลาย 10 ปีแล้วที่ค่าครองชีพขึ้นเร็วมาก แต่ค่าแรงไม่ขึ้นตาม ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ เพราะปัญหาคือเมื่อคนทำงานมีค่าแรงไม่เพียงพอ กำลังซื้อที่จะไปจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศก็ไม่เกิด
 
แน่นอนว่า การขึ้นค่าแรงอาจจะไปกระทบกับผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดเล็ก ซึ่งต้องทำควบคู่กัน แต่ในภาพรวมต้องยอมรับว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องขึ้นค่าแรงแล้ว จะมาคิดว่าประเทศไทยไม่มีความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการกดค่าแรงให้ถูก กลัวจะสู้ประเทศอื่นไม่ได้ เพราะค่าแรงเราสูงกว่า แต่ทิศทางของประเทศไทยต้องแข่งด้วยกันเพิ่มประสิทธิภาพของการผลิต ทักษะแรงงาน และการดูแลผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ตนคิดว่าเป็นทิศทางที่ควรจะเกิดขึ้น หวังว่ารัฐบาลจะมีความชัดเจนมากกว่านี้
 
นอกจากนี้ ยังมีร่างกฎหมายที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาในสภา ซึ่งผ่านวาระที่หนึ่งไปแล้วคือ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน ในส่วนของพรรคก้าวไกลมีอยู่ 2 ร่าง แต่ผ่านไปแค่ร่างเดียว คือการเพิ่มวันลาคลอดเป็น 180 วัน หวังว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านและรัฐบาล น่าจะสนับสนุนให้กฎหมายคุ้มครองแรงงานนี้ผ่านออกมาได้
 
นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องการลาคลอดเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ ตามยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลเอง วางไว้ว่า ต้องการให้คนมีบุตรมากขึ้น ดังนั้น การให้ความสำคัญกับแม่และเด็ก รวมถึงสวัสดิการจะเป็นส่วนสำคัญที่จะกระตุ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานกล้าที่จะมีลูก ถ้าค่าแรงไม่ขึ้น สวัสดิการในการลาคลอดไม่มีเพียงพอ สวัสดิการแม่และเด็กไม่มีชัดเจน คนก็ไม่กล้ามีลูก
 
นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายอีกฉบับหนึ่ง ที่พรรคก้าวไกลได้ยื่นเข้าไปแล้ว และอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น คือร่างกฎหมายสหภาพแรงงาน ซึ่งเราเสนอเพื่อที่จะเข้ามาทดแทนกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ ที่ประกาศใช้กันมากว่า 10 ปีแล้ว และมีความไม่ทันต่อสถานการณ์และหลักเกณฑ์สิทธิในยุคสมัยใหม จึงอยากให้ปรับปรุง เพื่อรับรองสิทธิในการเจรจาต่อรองของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ให้มากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และเพิ่มกลไกในทำงาน แสวงหาความร่วมมือข้อตกลง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ให้มีความเป็นธรรมและได้รับการยอมรับร่วมกันมากขึ้น หวังว่าร่างกฎหมาย 2 ร่าง จะได้รับการสนับสนุนจาก สส.ทุกฝ่าย


  
ม.หอการค้าไทย เผยสถานการณ์แรงงานไทยปี 67 แบกหนี้หลังแอ่น มีหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนที่ 344,522 บาท
https://ch3plus.com/news/economy/morning/397998

ม.หอการค้าไทย เผยสถานการณ์แรงงานไทยปี 67 แบกหนี้หลังแอ่น มีหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนที่ 344,522 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 26.4% จี้รัฐปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ ลดค่าครองชีพ
 
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยสำรวจสถานภาพแรงงานไทย กลุ่มผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท จำนวน 1,259 ตัวอย่างทั่วประเทศ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ส่วนใหญ่ 80.5 % อยู่ที่ 10,001-15,000 บาท รองลงมา 19.4% อยู่ที่ 5,000-10,000 บาท และ 0.1% รายได้ ต่ำกว่า 5,000 บาท
 
และหากดูรายได้ครัวเรือน จะพบว่า ส่วนใหญ่อยู่ที่ 30,001-60,000 บาทต่อเดือน รองลงมา สูงกว่า 6 หมื่นบาทขึ้นไป และอันดับ 3 อยู่ที่ 15,001-30,000 บาท และแรงงานส่วนใหญ่ยอมรับว่าไม่มีเงินออม มีเพียง 33.8 % ที่มีเงินออม
 
ขณะที่ในฝั่งหนี้สิน แรงงานไทยมีหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือน 344,522 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 26.4% แยกเป็นหนี้สินในระบบ 64.8% และนอกระบบ 35.2% ซึ่งหนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้ส่วนบุคคล หนี้บัตรเครดิต ใช้คืนเงินกู้ ที่อยู่อาศัย เป็นต้น
 
โดยหนี้ส่วนบุคคล หรือ หนี้บัตรเครดิต ส่วนใหญ่นำไปใช้จ่ายซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค และเป็นที่น่าสังเกตว่า ที่อยู่อาศัย ยานพาหนะ และการหมุนเวียนธุรกิจ เป็นประเภทหนี้ส่วนบุคคล 3 อันดับแรก ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมากที่สุดเมื่อเทียบกับปี 66
 
และในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แรงงานมากถึง 45.7% ประสบปัญหาผิดนัดการผ่อนชำระหนี้ เหตุเพราะรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย และเมื่อเทียบระหว่างรายได้ต่อหัว กับการผ่อนชำระต่อเดือน จะพบกลุ่มที่น่าห่วง คือ มีหนี้สินสูงกว่ารายได้
 
โดยรูปแบบของการใช้หนี้ ส่วนใหญ่ 60.3% เลือกแบ่งชำระบางส่วน รองลงมา 36.2 % ชำระเต็มจำนวน มีเพียง 3.5 % ที่ขาดหรือผ่อนผันการชำระ
ซึ่งภาระหนี้ ทำให้มีการใช้จ่ายลดลงประมาณ 48% แล้ว 3 เดือนข้างหน้าก็ยังมีผลอยู่ประมาณ 41.6% เนื่องจากราคาสินค้าแพงขึ้น ภาระหนี้มากขึ้น ดอกเบี้ยสูงขึ้น โดยการแก้ปัญหารายได้ไม่พอจ่าย จะเลือกกู้ยืมเงินในระบบ 30.9% หาอาชีพเสริม 17% ขอความช่วยเหลือจากญาติพี่น้อง 16.6% กู้ยืมเงินนอกระบบ 15.7% ซึ่งเป็นระดับที่สูงขึ้นกว่าปี 2566 ที่อยู่ประมาณ 9.7% ด้วย
 
โดยแรงงานต้องการให้รัฐบาลเข้ามาดูแล ในเรื่องของการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำและค่าครองชีพ การเงินช่วยเหลือในกรณีที่ตกงาน และหนี้ของแรงงาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่