'เศรษฐา' ฟิตขึ้น 4 เวทีลุย 'ร้อยเอ็ด-กาฬสินธุ์-ขอนแก่น' ปราศรัยวันนี้ พท.เหน็บ 'ประยุทธ์’
https://www.matichon.co.th/election66/movement/news_3931167
‘เศรษฐา’ ฟิตขึ้น 4 เวทีลุย ‘ร้อยเอ็ด-กาฬสินธุ์-ขอนแก่น’ ปราศรัยวันนี้ พท.เหน็บ ‘ประยุทธ์’ ปชช.เข็ดแล้วคำขวัญ ‘เลือกความสงบจบที่ลุงตู่’
เมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย แถลงตารางการลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ ว่า วันที่ 18 เมษายน นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. และคณะ จะเดินทางไปที่ จ.ร้อยเอ็ด โดยเวลา 09.30 น. จะมีเวทีปราศรัยที่โรงเรียนจันทรุเบกษา อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด นำโดยนาย
เศรษฐา ตน นาย
นพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรค พท. และนาย
อดิศร เพียงเกษ
จากนั้นเดินทางไปพบปะนักธุรกิจในพื้นที่สาเกตฮอลล์ ก่อนจะมีเวทีปราศรัยที่สาเกตฮอลล์ด้วย จากนั้นออกเดินทางไปยัง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เพื่อเปิดเวทีปราศรัยที่สวนสุขภาพข้างที่ว่าการ อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ และเดินทางไปยังเวทีปราศรัยที่สนามกีฬากลาง โรงเรียนวังมนวิทยาคาร อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ จากนั้นเดินทางไป อ.เมือง จ.ขอนแก่น เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนที่ตลาดต้นตาล อ.เมือง จ.ขอนแก่น
นาย
ณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ส่วนในวันที่ 19 เมษายน จะมีเวทีปราศรัยที่ลานตลาดนัดน้ำพอง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ก่อนเดินทางไป อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น เพื่อพบปะผู้ประกอบการปศุสัตว์ และอุตสาหกรรมไก่ย่างเขาสวนกวาง และเดินทางไปนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อพบปะนักธุรกิจ พูดคุยประเด็นการยกระดับภาคอุตสาหกรรมและการขนส่งสินค้า และดูเส้นทางการสร้างรถไฟความเร็วสูง จากนั้นเวลา 17.00 น. นายเศรษาจะนำคณะขึ้นรถแห่พบปะพี่น้องประชาชน อ.เมือง จ.อุดรธานี
นาย
ณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตกัน ขอเรียนว่าเรื่องนโยบายพรรค พท.มั่นใจในประสบการณ์และเชื่อมั่นเกียรติประวัติที่เคยทำไว้ให้กับประชาชน ว่าสิ่งที่พรรค พท.ประกาศในสนามเลือกตั้งจะถูกนำมาเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลและปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ที่ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วิพากษ์วิจารณ์อยู่ก็เข้าใจว่าท่านไปเทียบเคียงกับการประกาศนโยบายพรรคการเมืองที่เคยเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะพรรคนั้นประกาศแล้วทำไม่ได้ จึงเข้าใจว่าทุกพรรคเมื่อประกาศนโยบายแล้วจะทำไม่ได้ ยืนยันว่าไม่ใช่แนวทางของพรรค พท. ไม่ต้องมากังวลตรงนี้ ให้ประชาชนตัดสินใจดีกว่า ท่านมีหน้าที่กลับไปดูนโยบายพรรคการเมืองที่ท่านเคยเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่ามีนโยบายอะไรบ้างที่ท่านทำสำเร็จแล้วบ้าง
นาย
ณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ที่นาย
ธนกร วังบุญคงชนะ เคยบอกว่าเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ แต่ตนคิดว่าไม่มีอีกแล้ว ตนคิดว่าประชาชนเข็ดแล้ว หากจะมีคำขวัญเช่นนั้นอีกคนคงคิดตรงกันว่าเลือกความเป็นอยู่ลุงตู่พอแล้ว เพราะความสงบก็ไม่มี ความเป็นอยู่ก็วิกฤต ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เอาพรรคการเมืองอื่นเข้าไปทำหน้าที่
“เศรษฐา”เศร้าใจฟังผู้นำค้านยกเลิกเกณฑ์ทหาร บอกรักชาติต้องเป็นทหารเท่านั้น
https://www.dailynews.co.th/news/2227425/
“เศรษฐา”ยอมรับเศร้าใจฟังผู้นำคัดค้านยกเลิกเกณฑ์ทหาร บอกรักชาติต้องเป็นทหารเท่านั้น ชี้ทัศนคติเหล่านี้เป็นการด้อยคุณค่าความเห็น ความรักชาติ ของคนไทยอื่นๆไไม่ได้เข้าไปเกณฑ์ทหาร.
เมื่อวันที่ 18 เม.ย.นาย
เศรษฐา ทวิสิน ผู้เสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ได้ทวิตข้อความถึงวิวาทะ เรื่องนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหาร ว่า
“เศร้าใจ คือความรู้สึกผม หลังจากที่ได้เห็นนักการเมืองท่านหนึ่ง ออกมาแสดงเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกเกณฑ์ทหารในการสัมภาษณ์ข่าวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งท่านได้ให้เหตุผลต่างๆ ซึ่งผมขอใช้พื้นที่นี้ใช้การอธิบายเพิ่มเติม แต่ผมไม่มั่นใจว่าทัศนคติของท่านจะถูกเปลี่ยนด้วยเหตุผลเหล่านี้ได้หรือเปล่า
ข้อแรก ท่านบอกว่าการเกณฑ์ทหารจำเป็นต่อความมั่นคงของชาติ และเป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจดี ทำให้ประเทศอื่นค้าขายกับเรา ผมเห็นด้วยแต่ส่วนเดียวคือความมั่นคงเป็นรากฐานของเศรษฐกิจที่ดี แต่ผมไม่เห็นด้วยว่าการบังคับเกณฑ์ทหารเป็นความจำเป็นต่อความมั่นคง ซ้ำยังส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ ในการดึงคนบางกลุ่มออกจากระบบเศรษฐกิจ ไปทำหน้าที่เป็นทหารเกณฑ์ ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิชาชีพที่เขาได้ร่ำเรียนมา กลายเป็นว่าเสียโอกาสทั้งของคนนั้น และของประเทศที่เศรษฐกิจพัฒนาได้ไม่เต็มศักยภาพ เปรียบได้ว่าเป็นปรากฏการณ์สมองไหลแต่เกิดขึ้นภายในประเทศเอง (Domestic brain drain)
ข้อที่สอง ท่านกล่าวว่าปัจจุบันทหารก็สมัครใจอยู่แล้วแต่ไม่พอต่อความจำเป็นจึงต้องมีระบบเกณท์ ซึ่งผมไม่เห็นด้วยและจะผลักดันให้ทหารกองทัพมาจากการสมัครใจเต็มรูปแบบเท่านั้น ด้วยหลักคิดว่า ขนาดของกำลังพลในปัจจุบัน-นั้นใหญ่เกินไปและไม่ได้สอดคล้องกับการรักษาความมั่นคงอย่างแท้จริง และ กองทัพจะสามารถชักจูงให้มีการสมัครอย่างเพียงพอได้ เมื่อมีการยกระดับการฝึกฝน ปฏิบัติงาน ให้เป็นมืออาชีพมากขึ่น แข่งขันกับภาคประชาชนที่ก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้
ข้อสุดท้าย ท่านอ้างว่าพลเรือนไม่ควรยุ่งเกี่ยวในการวางแผนหรือคิดแทนกองทัพ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความมั่นคง ผมเสนอว่าหน้าที่ของกองทัพควรทำงานร่วมกับพลเรือนในเรื่องของการวางแผนกำลังพล เพื่อสร้างความเชื่อใจระหว่างประชาชนและกองทัพ ซึ่งกลไกที่สำคัญคือการชี้แจงและวางแผนร่วมกับรัฐบาล ซึ่งเป็นตัวแทนที่ประชาชนเลือกให้มาทำหน้าที่นี้ครับ
จากประเด็นที่ท่านได้กล่าวไปทั้งหมด ผมจึงรู้สึกเศร้าใจที่ประชาชนไทยมีผู้นำที่มองว่าการรักชาติแสดงออกได้โดยการเกณฑ์ทหารเพียงอย่างเดียว ทัศนคติเหล่านี้เป็นการด้อยคุณค่าความเห็น ความรักชาติ ของประชาชนคนไทยอื่นๆเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง (ที่ไม่ได้เกณฑ์ทหาร) ครู หมอ ข้าราชการ ผู้พิการ หรืออื่น ๆ อีกมากมาย ที่ไม่ได้เข้าไปเกณฑ์ทหาร
ในการตรงกันข้าม ผมมองว่าการยกเลิกเกณฑ์ทหารเป็นเพียงส่วนหนึ่งของนโยบาย เรายังมีเรื่องอื่น ๆ ที่จะมาเสริมทำให้ประชาชนคนไทยมีความภาคภูมิใจกับสถาบันนี้มากขึ้น ใช้กลไกอื่น (นอกจากการบังคับ) ที่จะผลักดันให้สถาบันทหารมีความเป็นมืออาชีพ มีเกียรติมากยิ่งขึ้น ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนทุกส่วน เป็นทหารเพื่อชาติอย่างแท้จริง”
https://twitter.com/Thavisin/status/1647926029347098624
พิธา ปลื้มกระแสตอบรับก้าวไกล พุ่งทะยาน เปิดวิสัยทัศน์อีสาน 2574 หายจนใน10ปี
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7616612
พิธา ปราศรัยหนองคาย ปลื้มกระแสตอบรับ พรรคก้าวไกล พุ่งทะยาน เปิด ‘วิสัยทัศน์อีสาน 2574’ สร้างเศรษฐกิจให้อีสานหายจนใน 10 ปี
เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2566 ที่จ.หนองคาย นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนาย
อภิชาติ ศิริสุนทร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นาย
อรรถพล บัวพัฒน์ หรือ
ครูใหญ่ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล และน.ส.
นายิกา ศรีเนียน หรือ
แคนแคน ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมเวทีปราศรัยแนะนำผู้สมัครและนโยบายพรรคก้าวไกล
โดยช่วงเช้า ได้เปิดเวทีที่หน้าวัดหายโศก ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย หาเสียงให้ น.ส.
อภิญญา บุญจันทร์ ผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย เขต 1 เบอร์ 10 ส่วนช่วงบ่ายเปิดเวทีที่วัดหนองคอน ต.โพนแพง อ.รัตนวาปี หาเสียงให้ นายแสวง ราชพลแสน ผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย เขต 2 เบอร์ 8 โดยทั้งสองเวทีต่างได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าร่วมรับฟังอย่างคับคั่ง
นาย
พิธา ระบุว่า พรรคก้าวไกลในช่วงที่ผ่านมาได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนมากขึ้น เป็นเพราะเราเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจคนรุ่นใหญ่ นโยบายไม่ได้มีแต่สำหรับคนรุ่นใหม่ แต่มีนโยบายเพื่อคนรุ่นใหญ่ด้วย ทั้งรัฐสวัสดิการ เบี้ยผู้สูงอายุ ฯลฯ
นอกจากนี้ แม้พรรคก้าวไกลจะเป็นคนติดดิน ป้ายหาเสียงอาจจะน้อยไปหน่อย และเป็นพรรคที่ไม่มีหัวคะแนน แต่เวลามีปัญหาประชาชนเข้าถึงได้ทันที ไม่ต้องผ่านใคร ผู้สมัครของพรรคก้าวไกลคือนักการเมืองสายเลือดใหม่ ที่ไม่ใช่นักการเมืองหน้าเก่าในขวดใหม่หรือลูกหลานของใคร ประชาชนคนธรรมดาก็มาเป็น ส.ส. ได้ และเราพร้อมต่อสู้ร่วมกับประชาชนเสมอ พรรคก้าวไกลเป็นอย่างเสื้อที่ตนใส่มาในวันนี้ ที่เขียนข้อความว่า ‘
ตรงไปตรงมา’ นี่เป็นคุณค่าที่ประชาชนต้องการ เราคือความตรงไปตรงมาทางการเมือง เศรษฐกิจ และอนาคต
นาย
พิธากล่าวว่า ส่วนภาคอีสานนั้น สิ่งที่เรามองเห็นตลอดเวลาที่ผ่านมา คือทั้งสภา เรามี ส.ส.อีสานถึง 132 คน จาก 500 คน หรือ 1 ใน 3 ของรัฐสภา แต่คำถามคือทำไมอีสานยังเจ็บยังจน มีแหล่งน้ำมากมายแต่ทำไมยังแล้งซ้ำซาก นั่นแปลว่าระบบการเมืองและความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยมีปัญหาแน่นอน พรรคก้าวไกลจึงเสนอว่าประชาชนทุกคน รวมทั้งที่ภาคอีสาน ต้องได้เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดของตัวเอง แก้ปัญหาด้วยมือของประชาชนเอง และหากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล จะทำประชามติทันที ถามประชาชนว่าเห็นชอบหรือไม่ ให้มีการยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค และโอนถ่ายอำนาจการบริหารจังหวัดไปสู่ท้องถิ่นในทุกจังหวัดภายใน 5 ปี
นาย
พิธา กล่าวว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว พรรคก้าวไกลเคยนั่งคิดว่าจะแก้คำสาปห้ามพัฒนา หยุดการแช่แข็งภาคอีสานได้อย่างไร จนนำมาสู่วิสัยทัศน์อีสาน 2574 ของพรรคก้าวไกล ที่มีเป้าหมายในการทำให้ภาคอีสานหายเจ็บหายจนภายใน 10 ปี แก้ปัญหาที่ที่ผ่านมาเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้สิน การสาธารณสุข และตัวชี้วัดคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกอย่างของภาคอีสาน ตามหลังประเทศไทยในภาพรวมกว่า 2 เท่าเสมอ
เช่นที่หนองคาย เป็นจังหวัดที่เน้นเศรษฐกิจชายแดน ที่ผ่านมาเป็นได้เพียงการค้าผ่านแดน ไม่ใช่การค้าชายแดน เป็นเพียงทางผ่านของสินค้าจากต่างประเทศที่จะไปที่ลาว มาลงแหลมฉบัง ส่งมาผ่านที่หนองคาย แล้วค่อยส่งต่อไปให้ลาว แต่สิ่งที่ขาดไปคือศูนย์กลางการค้าในระดับภาคอีสาน
นาย
พิธากล่าวว่า หากจะทำให้เศรษฐกิจชายแดนเป็นการค้าชายแดนได้อย่างแท้จริง เอสเอ็มอีในจังหวัดชายแดนจะต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ ซึ่งพรรคก้าวไกลมีนโยบายส่งเสริมเอสเอ็มอีหลายนโยบาย เช่น หวยเอสเอ็มอี ทุนสร้างตัว ทุนตั้งตัว ที่ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ให้เศรษฐกิจติดดินของประชาชนได้เติบโต ควบคู่ไปกับการสร้างรัฐสวัสดิการ รีดงบประมาณไขมันกองทัพมาทำสวัสดิการให้ประชาชน พร้อมกับการสร้างเทคโนโลยีที่เป็นของประเทศไทยเอง เช่น น้ำประปาดื่มได้ รถเมล์ไฟฟ้า ที่จะนำไปสู่อุตสาหกรรมใหม่และการจ้างงานใหม่ๆ ด้วย
“
ภาพอนาคตของภาคอีสานในปี 2574 สำหรับพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องที่เรียบง่าย เพียงแค่การทำให้ทุกคนตื่นมาตอนเช้ามีน้ำสะอาดใช้ ส่งลูกไปโรงเรียนก็เรียนฟรีจริง เดินทางไปไหนมีคมนาคมสาธารณะใช้ มีงานที่ดีใกล้บ้านตัวเอง ไม่ต้องเดินทางไปหางานไกลๆ ทำ ตอนเย็นกลับบ้านมาได้กินข้าวพร้อมหน้าทั้งครอบครัว ไม่ต้องรอมาเจอกันทุกวันหยุดเทศกาล นี่คือเป้าหมายที่เรียบง่าย ไม่ต้องคิดถึงตัวเลขสวยหรูที่จับต้องไม่ได้” นาย
พิธากล่าว
JJNY : 'เศรษฐา'ฟิตขึ้น 4 เวที│“เศรษฐา”เศร้าใจฟังผู้นำค้านเลิกเกณฑ์ทหาร│พิธาปลื้มกระแสตอบรับก้าวไกล│จีนย้ำจุดยืนไม่จุดไฟ
https://www.matichon.co.th/election66/movement/news_3931167
เมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย แถลงตารางการลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ ว่า วันที่ 18 เมษายน นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. และคณะ จะเดินทางไปที่ จ.ร้อยเอ็ด โดยเวลา 09.30 น. จะมีเวทีปราศรัยที่โรงเรียนจันทรุเบกษา อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด นำโดยนายเศรษฐา ตน นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรค พท. และนายอดิศร เพียงเกษ
จากนั้นเดินทางไปพบปะนักธุรกิจในพื้นที่สาเกตฮอลล์ ก่อนจะมีเวทีปราศรัยที่สาเกตฮอลล์ด้วย จากนั้นออกเดินทางไปยัง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เพื่อเปิดเวทีปราศรัยที่สวนสุขภาพข้างที่ว่าการ อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ และเดินทางไปยังเวทีปราศรัยที่สนามกีฬากลาง โรงเรียนวังมนวิทยาคาร อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ จากนั้นเดินทางไป อ.เมือง จ.ขอนแก่น เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนที่ตลาดต้นตาล อ.เมือง จ.ขอนแก่น
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ส่วนในวันที่ 19 เมษายน จะมีเวทีปราศรัยที่ลานตลาดนัดน้ำพอง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ก่อนเดินทางไป อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น เพื่อพบปะผู้ประกอบการปศุสัตว์ และอุตสาหกรรมไก่ย่างเขาสวนกวาง และเดินทางไปนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อพบปะนักธุรกิจ พูดคุยประเด็นการยกระดับภาคอุตสาหกรรมและการขนส่งสินค้า และดูเส้นทางการสร้างรถไฟความเร็วสูง จากนั้นเวลา 17.00 น. นายเศรษาจะนำคณะขึ้นรถแห่พบปะพี่น้องประชาชน อ.เมือง จ.อุดรธานี
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตกัน ขอเรียนว่าเรื่องนโยบายพรรค พท.มั่นใจในประสบการณ์และเชื่อมั่นเกียรติประวัติที่เคยทำไว้ให้กับประชาชน ว่าสิ่งที่พรรค พท.ประกาศในสนามเลือกตั้งจะถูกนำมาเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลและปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วิพากษ์วิจารณ์อยู่ก็เข้าใจว่าท่านไปเทียบเคียงกับการประกาศนโยบายพรรคการเมืองที่เคยเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะพรรคนั้นประกาศแล้วทำไม่ได้ จึงเข้าใจว่าทุกพรรคเมื่อประกาศนโยบายแล้วจะทำไม่ได้ ยืนยันว่าไม่ใช่แนวทางของพรรค พท. ไม่ต้องมากังวลตรงนี้ ให้ประชาชนตัดสินใจดีกว่า ท่านมีหน้าที่กลับไปดูนโยบายพรรคการเมืองที่ท่านเคยเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่ามีนโยบายอะไรบ้างที่ท่านทำสำเร็จแล้วบ้าง
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ที่นายธนกร วังบุญคงชนะ เคยบอกว่าเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ แต่ตนคิดว่าไม่มีอีกแล้ว ตนคิดว่าประชาชนเข็ดแล้ว หากจะมีคำขวัญเช่นนั้นอีกคนคงคิดตรงกันว่าเลือกความเป็นอยู่ลุงตู่พอแล้ว เพราะความสงบก็ไม่มี ความเป็นอยู่ก็วิกฤต ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เอาพรรคการเมืองอื่นเข้าไปทำหน้าที่
“เศรษฐา”เศร้าใจฟังผู้นำค้านยกเลิกเกณฑ์ทหาร บอกรักชาติต้องเป็นทหารเท่านั้น
https://www.dailynews.co.th/news/2227425/
“เศรษฐา”ยอมรับเศร้าใจฟังผู้นำคัดค้านยกเลิกเกณฑ์ทหาร บอกรักชาติต้องเป็นทหารเท่านั้น ชี้ทัศนคติเหล่านี้เป็นการด้อยคุณค่าความเห็น ความรักชาติ ของคนไทยอื่นๆไไม่ได้เข้าไปเกณฑ์ทหาร.
เมื่อวันที่ 18 เม.ย.นายเศรษฐา ทวิสิน ผู้เสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ได้ทวิตข้อความถึงวิวาทะ เรื่องนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหาร ว่า
“เศร้าใจ คือความรู้สึกผม หลังจากที่ได้เห็นนักการเมืองท่านหนึ่ง ออกมาแสดงเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกเกณฑ์ทหารในการสัมภาษณ์ข่าวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งท่านได้ให้เหตุผลต่างๆ ซึ่งผมขอใช้พื้นที่นี้ใช้การอธิบายเพิ่มเติม แต่ผมไม่มั่นใจว่าทัศนคติของท่านจะถูกเปลี่ยนด้วยเหตุผลเหล่านี้ได้หรือเปล่า
ข้อแรก ท่านบอกว่าการเกณฑ์ทหารจำเป็นต่อความมั่นคงของชาติ และเป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจดี ทำให้ประเทศอื่นค้าขายกับเรา ผมเห็นด้วยแต่ส่วนเดียวคือความมั่นคงเป็นรากฐานของเศรษฐกิจที่ดี แต่ผมไม่เห็นด้วยว่าการบังคับเกณฑ์ทหารเป็นความจำเป็นต่อความมั่นคง ซ้ำยังส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ ในการดึงคนบางกลุ่มออกจากระบบเศรษฐกิจ ไปทำหน้าที่เป็นทหารเกณฑ์ ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิชาชีพที่เขาได้ร่ำเรียนมา กลายเป็นว่าเสียโอกาสทั้งของคนนั้น และของประเทศที่เศรษฐกิจพัฒนาได้ไม่เต็มศักยภาพ เปรียบได้ว่าเป็นปรากฏการณ์สมองไหลแต่เกิดขึ้นภายในประเทศเอง (Domestic brain drain)
ข้อที่สอง ท่านกล่าวว่าปัจจุบันทหารก็สมัครใจอยู่แล้วแต่ไม่พอต่อความจำเป็นจึงต้องมีระบบเกณท์ ซึ่งผมไม่เห็นด้วยและจะผลักดันให้ทหารกองทัพมาจากการสมัครใจเต็มรูปแบบเท่านั้น ด้วยหลักคิดว่า ขนาดของกำลังพลในปัจจุบัน-นั้นใหญ่เกินไปและไม่ได้สอดคล้องกับการรักษาความมั่นคงอย่างแท้จริง และ กองทัพจะสามารถชักจูงให้มีการสมัครอย่างเพียงพอได้ เมื่อมีการยกระดับการฝึกฝน ปฏิบัติงาน ให้เป็นมืออาชีพมากขึ่น แข่งขันกับภาคประชาชนที่ก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้
ข้อสุดท้าย ท่านอ้างว่าพลเรือนไม่ควรยุ่งเกี่ยวในการวางแผนหรือคิดแทนกองทัพ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความมั่นคง ผมเสนอว่าหน้าที่ของกองทัพควรทำงานร่วมกับพลเรือนในเรื่องของการวางแผนกำลังพล เพื่อสร้างความเชื่อใจระหว่างประชาชนและกองทัพ ซึ่งกลไกที่สำคัญคือการชี้แจงและวางแผนร่วมกับรัฐบาล ซึ่งเป็นตัวแทนที่ประชาชนเลือกให้มาทำหน้าที่นี้ครับ
จากประเด็นที่ท่านได้กล่าวไปทั้งหมด ผมจึงรู้สึกเศร้าใจที่ประชาชนไทยมีผู้นำที่มองว่าการรักชาติแสดงออกได้โดยการเกณฑ์ทหารเพียงอย่างเดียว ทัศนคติเหล่านี้เป็นการด้อยคุณค่าความเห็น ความรักชาติ ของประชาชนคนไทยอื่นๆเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง (ที่ไม่ได้เกณฑ์ทหาร) ครู หมอ ข้าราชการ ผู้พิการ หรืออื่น ๆ อีกมากมาย ที่ไม่ได้เข้าไปเกณฑ์ทหาร
ในการตรงกันข้าม ผมมองว่าการยกเลิกเกณฑ์ทหารเป็นเพียงส่วนหนึ่งของนโยบาย เรายังมีเรื่องอื่น ๆ ที่จะมาเสริมทำให้ประชาชนคนไทยมีความภาคภูมิใจกับสถาบันนี้มากขึ้น ใช้กลไกอื่น (นอกจากการบังคับ) ที่จะผลักดันให้สถาบันทหารมีความเป็นมืออาชีพ มีเกียรติมากยิ่งขึ้น ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนทุกส่วน เป็นทหารเพื่อชาติอย่างแท้จริง”
https://twitter.com/Thavisin/status/1647926029347098624
พิธา ปลื้มกระแสตอบรับก้าวไกล พุ่งทะยาน เปิดวิสัยทัศน์อีสาน 2574 หายจนใน10ปี
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7616612
พิธา ปราศรัยหนองคาย ปลื้มกระแสตอบรับ พรรคก้าวไกล พุ่งทะยาน เปิด ‘วิสัยทัศน์อีสาน 2574’ สร้างเศรษฐกิจให้อีสานหายจนใน 10 ปี
เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2566 ที่จ.หนองคาย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายอภิชาติ ศิริสุนทร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล และน.ส.นายิกา ศรีเนียน หรือ แคนแคน ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมเวทีปราศรัยแนะนำผู้สมัครและนโยบายพรรคก้าวไกล
โดยช่วงเช้า ได้เปิดเวทีที่หน้าวัดหายโศก ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย หาเสียงให้ น.ส.อภิญญา บุญจันทร์ ผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย เขต 1 เบอร์ 10 ส่วนช่วงบ่ายเปิดเวทีที่วัดหนองคอน ต.โพนแพง อ.รัตนวาปี หาเสียงให้ นายแสวง ราชพลแสน ผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย เขต 2 เบอร์ 8 โดยทั้งสองเวทีต่างได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าร่วมรับฟังอย่างคับคั่ง
นายพิธา ระบุว่า พรรคก้าวไกลในช่วงที่ผ่านมาได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนมากขึ้น เป็นเพราะเราเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจคนรุ่นใหญ่ นโยบายไม่ได้มีแต่สำหรับคนรุ่นใหม่ แต่มีนโยบายเพื่อคนรุ่นใหญ่ด้วย ทั้งรัฐสวัสดิการ เบี้ยผู้สูงอายุ ฯลฯ
นอกจากนี้ แม้พรรคก้าวไกลจะเป็นคนติดดิน ป้ายหาเสียงอาจจะน้อยไปหน่อย และเป็นพรรคที่ไม่มีหัวคะแนน แต่เวลามีปัญหาประชาชนเข้าถึงได้ทันที ไม่ต้องผ่านใคร ผู้สมัครของพรรคก้าวไกลคือนักการเมืองสายเลือดใหม่ ที่ไม่ใช่นักการเมืองหน้าเก่าในขวดใหม่หรือลูกหลานของใคร ประชาชนคนธรรมดาก็มาเป็น ส.ส. ได้ และเราพร้อมต่อสู้ร่วมกับประชาชนเสมอ พรรคก้าวไกลเป็นอย่างเสื้อที่ตนใส่มาในวันนี้ ที่เขียนข้อความว่า ‘ตรงไปตรงมา’ นี่เป็นคุณค่าที่ประชาชนต้องการ เราคือความตรงไปตรงมาทางการเมือง เศรษฐกิจ และอนาคต
นายพิธากล่าวว่า ส่วนภาคอีสานนั้น สิ่งที่เรามองเห็นตลอดเวลาที่ผ่านมา คือทั้งสภา เรามี ส.ส.อีสานถึง 132 คน จาก 500 คน หรือ 1 ใน 3 ของรัฐสภา แต่คำถามคือทำไมอีสานยังเจ็บยังจน มีแหล่งน้ำมากมายแต่ทำไมยังแล้งซ้ำซาก นั่นแปลว่าระบบการเมืองและความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยมีปัญหาแน่นอน พรรคก้าวไกลจึงเสนอว่าประชาชนทุกคน รวมทั้งที่ภาคอีสาน ต้องได้เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดของตัวเอง แก้ปัญหาด้วยมือของประชาชนเอง และหากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล จะทำประชามติทันที ถามประชาชนว่าเห็นชอบหรือไม่ ให้มีการยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค และโอนถ่ายอำนาจการบริหารจังหวัดไปสู่ท้องถิ่นในทุกจังหวัดภายใน 5 ปี
นายพิธา กล่าวว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว พรรคก้าวไกลเคยนั่งคิดว่าจะแก้คำสาปห้ามพัฒนา หยุดการแช่แข็งภาคอีสานได้อย่างไร จนนำมาสู่วิสัยทัศน์อีสาน 2574 ของพรรคก้าวไกล ที่มีเป้าหมายในการทำให้ภาคอีสานหายเจ็บหายจนภายใน 10 ปี แก้ปัญหาที่ที่ผ่านมาเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้สิน การสาธารณสุข และตัวชี้วัดคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกอย่างของภาคอีสาน ตามหลังประเทศไทยในภาพรวมกว่า 2 เท่าเสมอ
เช่นที่หนองคาย เป็นจังหวัดที่เน้นเศรษฐกิจชายแดน ที่ผ่านมาเป็นได้เพียงการค้าผ่านแดน ไม่ใช่การค้าชายแดน เป็นเพียงทางผ่านของสินค้าจากต่างประเทศที่จะไปที่ลาว มาลงแหลมฉบัง ส่งมาผ่านที่หนองคาย แล้วค่อยส่งต่อไปให้ลาว แต่สิ่งที่ขาดไปคือศูนย์กลางการค้าในระดับภาคอีสาน
นายพิธากล่าวว่า หากจะทำให้เศรษฐกิจชายแดนเป็นการค้าชายแดนได้อย่างแท้จริง เอสเอ็มอีในจังหวัดชายแดนจะต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ ซึ่งพรรคก้าวไกลมีนโยบายส่งเสริมเอสเอ็มอีหลายนโยบาย เช่น หวยเอสเอ็มอี ทุนสร้างตัว ทุนตั้งตัว ที่ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ให้เศรษฐกิจติดดินของประชาชนได้เติบโต ควบคู่ไปกับการสร้างรัฐสวัสดิการ รีดงบประมาณไขมันกองทัพมาทำสวัสดิการให้ประชาชน พร้อมกับการสร้างเทคโนโลยีที่เป็นของประเทศไทยเอง เช่น น้ำประปาดื่มได้ รถเมล์ไฟฟ้า ที่จะนำไปสู่อุตสาหกรรมใหม่และการจ้างงานใหม่ๆ ด้วย
“ภาพอนาคตของภาคอีสานในปี 2574 สำหรับพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องที่เรียบง่าย เพียงแค่การทำให้ทุกคนตื่นมาตอนเช้ามีน้ำสะอาดใช้ ส่งลูกไปโรงเรียนก็เรียนฟรีจริง เดินทางไปไหนมีคมนาคมสาธารณะใช้ มีงานที่ดีใกล้บ้านตัวเอง ไม่ต้องเดินทางไปหางานไกลๆ ทำ ตอนเย็นกลับบ้านมาได้กินข้าวพร้อมหน้าทั้งครอบครัว ไม่ต้องรอมาเจอกันทุกวันหยุดเทศกาล นี่คือเป้าหมายที่เรียบง่าย ไม่ต้องคิดถึงตัวเลขสวยหรูที่จับต้องไม่ได้” นายพิธากล่าว