ยอมติดคุก! เศรษฐา ประกาศ เป็นศัตรูกับกัญชาปกป้องอนาคตลูกหลานคนไทย
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7645590
เศรษฐา ประกาศ ขอเป็นศัตรูกับกัญชา บนเวทีปราศรัยที่ จันทบุรี ลั่น ยอมติดคุก เพื่อปกป้องอนาคตลูกหลานคนไทย
วันที่ 4 พ.ค.2566 นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิแดต นายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ จ.จันทบุรี กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันนี้ ค่าไฟแพงมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศจะแก้ปัญหาหากได้กลับมาใหม่
เชื่อว่ากลับมาก็ทำไม่ได้ เหตุการบ้านเมือง สภาพเศรษฐกิจ เกิดปัญหาอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะ นายกฯที่ชื่อ
ประยุทธ์ และ พรรครวมรัฐบาล ไม่มีวิสัยทัศน์นำพาประเทศไทย ไปสู่ความเจริญ รุ่งเรือง หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะทำให้ประชาชนมีรายได้สุทธิเพิ่ม 3 เท่าตัว
นาย
เศรษฐา กล่าวอีกว่า ปัญหายาเสพติดเกิดขึ้นทุกจังหวัด เพราะรัฐบาลปัจจุบันจัดการไม่ได้ แต่พรรคเพื่อไทย จะเปลี่ยนผู้เสพ เปลี่ยนเป็นผู้ป่วย จัดหางานที่เหมาะสม ผู้ค้ายาต้องถูกจัดการอย่างรวดเร็ว เมื่อพูดถึงยาเสพติด อดพูดถึงกัญชาเสรีไม่ได้ มีพรรคการเมืองหนึ่งหาเสียงให้พี่น้องสูบ ให้พี้กัญชา อย่างเมามันส์ ประชาชนรับกันได้หรือไม่
”
ผมไม่ได้เป็นศัตรูพรรคนั้น แต่เป็นศัตรูกับกัญชา ไม่ยอมให้มามอมเมาลูกหลานคนไทย ผมพูดมากก็สะเทือนพรรคนั้น ถึงขั้นไปฟ้องผม เพราะไม่เห็นด้วยกับเรื่องกัญชา แต่ผมยอมติดคุก เพื่อไม่ให้ลูกหลานติดกัญชา อยากให้ประชาชนตัดสินใจ หากเลือกพรรคนั้น ลูกหลานถูกมอมเมาด้วยกัญชา ”
นาย
เศรษฐา กล่าวอีกว่า นโยบายหลักเพื่อไทย ค่าแรงขั้นต่ำ ภายใน 4 ปี จะเป็น 600 บาท ปีแรก 400 ปริญญาตรี 25,000 บาท ครอบครัวสำรวจแล้วมีรายได้ไม่ถึง 20,000 เราจะเติมให้เต็มในทุกเดือน ความอยู่ดีกินดีคือหัวใจเพื่อไทย นอกจานี้ยังมี เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทต่อทุกคนมีอายุ 16 ปี
นโยบายนี้ออกมาทุกพรรคสะเทือน บอกว่าทำไม่ได้ ผิดกฎหมาย ที่ผ่านมา เราทำสำเร็จมาหมด ทำไมนโยบายนี้จะทำไม่ได้ ต้องมั่นใจ เชื่อใจ นายกฯจากเพื่อไทย เราจะทำให้พี่น้องประชาชน ส่วน เจ้าของกิจการ ห้างร้าน เอสเอ็มอี เตรียมผลิตของ มีการจ้างงาน เตรียมร้องรับได้เลย ไม่ต้องคอยหยอดน้ำข้าวต้มจากรัฐบาลปัจจุบันที่ให้ประชาชนมาแบขอทุกเดือน อยากให้เลือกพรคเพือไทยทั้งคนทั้งพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปราศรัยของนายเศรษฐา ไม่สบายมีอาการเจ็บคอทำให้เสียงแหบแห้ง แต่ก็ยังขึ้นปราศรัยพบกับประชาชนในพื้นที่ โดยปราศรัยประมาณ 10 นาที ก่อนที่จะสลับคนอื่นขึ้นปราศรัย
นนทบุรีแตก! ด้อมส้มล้นแห่ฟังก้าวไกล "พิธา"ชูนโยบาย 4 ค.เปลี่ยนประเทศ
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7645736
นนทบุรีแตก “ก้าวไกล” ปราศรัยใหญ่ด้อมส้มมาเกิน 4 พัน “พิธา” อ้อนพ่อรักส้มและฟ้ากลางเวที ชูนโยบาย 4 ค. เปลี่ยนประเทศ
วันที่ 4 พ.ค.2566 ที่ตลาดนกฮูก จ.นนทบุรี พรรคก้าวไกล จัดปราศรัยใหญ่ นำโดย นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักแม้อากาศจะร้อน แต่ประชาชนหลากหลายวัยกว่า 4 พันแห่มาปูเสื่อนั่งรอฟังตั้งแต่ช่วงบ่ายจนล้น
นาย
พิธา กล่าวปราศรัยเป็นคนสุดท้ายว่า ตอนนี้พรรคก้าวไกลยึดนนทบุรีได้เรียบร้อยแล้ว ตนมั่นใจกว่าทุกโพลก็คือการที่ทุกคนมาร่วมฟังปราศรัย มากันเยอะแบบนี้ นนทบุรีแตกแล้ว เมื่อมากันเยอะแบบนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทางไปทำเนียบรัฐบาล ตอนนี้พรรคพร้อมนำ 150 คน สู่การเป็นแกนนำรัฐบาล มากกว่าความชัดและพร้อม
ตอนนี้มีลุงไม่มีเรา ความชัดเจนที่ 2 คือการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต ความพร้อมไม่ใช่แค่ 300 นโยบาย 45 กฎหมายที่เตรียมไว้ แต่คือความพร้อมของคนนนทบุรีที่จะพร้อมเลือก คราวที่แล้วแพ้อันดับ 1 เพียง 4 % ซึ่งผมจะบอกว่าจังหวัดนี้วัยรุ่น 5 แสนกว่าคน
จากนั้นนาย
พิธา รับดอกไม้จากประชาชน ที่นำไม่ให้ บอกว่า “
พ่อรักส้ม และรักฟ้าด้วย” ในอดีตรักธนาธรอย่างไร ก็ต้องเลือก
พิธา แล้วจะมาบอกว่าเลือกพรรคเราคะแนนตกน้ำ เรามีโรดแมพที่หลายคนไม่รู้ อย่ามาบอกว่าพรรคก้าวไกลไม่มี ส.ส.เขต ไม่ทำอะไร ทำเยอะกว่าพวกคุณอีก พรรคก้าวไกลมีความพร้อมทั้งกฎหมายและบุคลากร เปลี่ยน 8 ปีที่แปดเปื้อน ที่มืดแปดด้านเป็น 8 คนของ นนทบุรี เมื่อเราปิดสวิตซ์ 3 ป. สำเร็จ จะเปลี่ยนเป็นการเมืองแห่งความหวัง
”
ผมขอขอบคุณทุกคนจากใจ ส่วนคนที่ยังลังเลใจเรื่องความชัดและพร้อม ว่าจะได้อะไร ผมขอตอบสั้นๆ ว่ามี นโยบาย 4 ค. ที่ไม่ใช่ ค. ในเพจนายกรัฐมนตรี ได้แก่คราฟเบียร์ นนทบุรีจะเป็นเมืองหลวงคราฟท์เบียร์ คมนาคม การเดินทางเข้าออกจากกรุงเทพฯมานนทบุรี ไม่ได้ต้องการแค่เส้นเลือดใหญ่ แต่เป็นเส้นเลือดฝอย
ค่าแรง ถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ ค่าแรงขึ้นทันที 450 บาท คอรัปชั่น นนทบุรีคือศูนย์กลางข้าราชการ พรรคก้าวไกลมีความพร้อมใน 100 วันแรก ในการทำรัฐบาล กฎหมายบ้าๆบอๆ จะตัดๆๆทันที ไม่ให้หาส่วย อย่างนี้พี่น้องชอบไหมครับ เหลือเวลาอีก 10 วันสุดท้าย เรามาไกลเกินกว่าจะแพ้ ผมขอสื่อสารถึงด้อมส้มทุกคนว่าอย่าแผ่ว อย่ากระพริบตา อย่าประมาท เราต้องเร่งๆ เท่านั้น ใครสาดโคลนต้องเช็ดออก เราจะทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม “
สนค.ชี้ลต.ดันดัชนีความเชื่อมั่นเมย.สูงสุดรอบ52ด.
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_543824/
สนค.เผยการเลือกตั้งดันดัชนีความเชื่อมั่น เม.ย. สูงสุดในรอบ 52 เดือน แตะระดับ53.5 สะท้อนความสนใจการเมืองมากขึ้น
นาย
พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนเมษายนปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 53.5 โดยเป็นดัชนีที่สูงสุดในรอบ 52 เดือน ทั้งนี้มีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับลดลง และบรรยากาศคึกคักในช่วงการเลือกตั้ง
โดยปัจจัยด้านการเมืองส่งผลต่อความเชื่อมั่นให้ปรับสูงขึ้น สะท้อนถึงความสำคัญของการเลือกตั้งต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งประชาชนภาคเหนือมองว่าการเมืองและการเลือกตั้งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด รองลงมา เป็น ภาคกลาง ภาคใต้ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามลำดับ
โดย ผู้อำนวยการ สนค. ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การให้ความสำคัญด้านการเมืองและการเลือกตั้งของประชาชนกลุ่มต่าง ๆ
จากเดิมมีลักษณะกระจุกตัวเฉพาะกลุ่มในช่วงก่อนการเลือกตั้งไปสู่ทุกกลุ่มให้ความสำคัญการเมืองและการเลือกตั้งมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงใกล้การเลือกตั้ง และยังส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับเพิ่มขึ้นด้วย สะท้อนถึงการคาดหวังในนโยบายที่พรรคการเมืองต่าง ๆ ได้มีการหาเสียงไว้ ซึ่งคาดว่าจะตอบโจทย์ของคนในแต่ละกลุ่มอย่างครบถ้วน
ดังนั้น หากจะรักษาโมเมนตัมให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ในระดับช่วงเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องหลังการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว นโยบายต่างๆ ควรมีการดำเนินให้เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว ซึ่งทาง สนค. จะได้ติดตามและสะท้อนความคาดหวังของประชาชนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อไป เพื่อเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการส่งเสริมการดำเนินนโยบายภาครัฐที่ตอบโจทย์ต่อความต้องการประชาชนอย่างตรงจุดให้มากที่สุด
JJNY : เศรษฐาประกาศเป็นศัตรูกับกัญชา│ด้อมส้มล้นแห่ฟังก้าวไกล│สนค.ชี้ลต.ดันดัชนีเชื่อมั่นเมย.สูงสุน│สหรัฐปัดรัสเซียครหา
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7645590
เศรษฐา ประกาศ ขอเป็นศัตรูกับกัญชา บนเวทีปราศรัยที่ จันทบุรี ลั่น ยอมติดคุก เพื่อปกป้องอนาคตลูกหลานคนไทย
วันที่ 4 พ.ค.2566 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิแดต นายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ จ.จันทบุรี กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันนี้ ค่าไฟแพงมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศจะแก้ปัญหาหากได้กลับมาใหม่
เชื่อว่ากลับมาก็ทำไม่ได้ เหตุการบ้านเมือง สภาพเศรษฐกิจ เกิดปัญหาอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะ นายกฯที่ชื่อ ประยุทธ์ และ พรรครวมรัฐบาล ไม่มีวิสัยทัศน์นำพาประเทศไทย ไปสู่ความเจริญ รุ่งเรือง หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะทำให้ประชาชนมีรายได้สุทธิเพิ่ม 3 เท่าตัว
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ปัญหายาเสพติดเกิดขึ้นทุกจังหวัด เพราะรัฐบาลปัจจุบันจัดการไม่ได้ แต่พรรคเพื่อไทย จะเปลี่ยนผู้เสพ เปลี่ยนเป็นผู้ป่วย จัดหางานที่เหมาะสม ผู้ค้ายาต้องถูกจัดการอย่างรวดเร็ว เมื่อพูดถึงยาเสพติด อดพูดถึงกัญชาเสรีไม่ได้ มีพรรคการเมืองหนึ่งหาเสียงให้พี่น้องสูบ ให้พี้กัญชา อย่างเมามันส์ ประชาชนรับกันได้หรือไม่
” ผมไม่ได้เป็นศัตรูพรรคนั้น แต่เป็นศัตรูกับกัญชา ไม่ยอมให้มามอมเมาลูกหลานคนไทย ผมพูดมากก็สะเทือนพรรคนั้น ถึงขั้นไปฟ้องผม เพราะไม่เห็นด้วยกับเรื่องกัญชา แต่ผมยอมติดคุก เพื่อไม่ให้ลูกหลานติดกัญชา อยากให้ประชาชนตัดสินใจ หากเลือกพรรคนั้น ลูกหลานถูกมอมเมาด้วยกัญชา ”
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า นโยบายหลักเพื่อไทย ค่าแรงขั้นต่ำ ภายใน 4 ปี จะเป็น 600 บาท ปีแรก 400 ปริญญาตรี 25,000 บาท ครอบครัวสำรวจแล้วมีรายได้ไม่ถึง 20,000 เราจะเติมให้เต็มในทุกเดือน ความอยู่ดีกินดีคือหัวใจเพื่อไทย นอกจานี้ยังมี เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทต่อทุกคนมีอายุ 16 ปี
นโยบายนี้ออกมาทุกพรรคสะเทือน บอกว่าทำไม่ได้ ผิดกฎหมาย ที่ผ่านมา เราทำสำเร็จมาหมด ทำไมนโยบายนี้จะทำไม่ได้ ต้องมั่นใจ เชื่อใจ นายกฯจากเพื่อไทย เราจะทำให้พี่น้องประชาชน ส่วน เจ้าของกิจการ ห้างร้าน เอสเอ็มอี เตรียมผลิตของ มีการจ้างงาน เตรียมร้องรับได้เลย ไม่ต้องคอยหยอดน้ำข้าวต้มจากรัฐบาลปัจจุบันที่ให้ประชาชนมาแบขอทุกเดือน อยากให้เลือกพรคเพือไทยทั้งคนทั้งพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปราศรัยของนายเศรษฐา ไม่สบายมีอาการเจ็บคอทำให้เสียงแหบแห้ง แต่ก็ยังขึ้นปราศรัยพบกับประชาชนในพื้นที่ โดยปราศรัยประมาณ 10 นาที ก่อนที่จะสลับคนอื่นขึ้นปราศรัย
นนทบุรีแตก! ด้อมส้มล้นแห่ฟังก้าวไกล "พิธา"ชูนโยบาย 4 ค.เปลี่ยนประเทศ
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7645736
นนทบุรีแตก “ก้าวไกล” ปราศรัยใหญ่ด้อมส้มมาเกิน 4 พัน “พิธา” อ้อนพ่อรักส้มและฟ้ากลางเวที ชูนโยบาย 4 ค. เปลี่ยนประเทศ
วันที่ 4 พ.ค.2566 ที่ตลาดนกฮูก จ.นนทบุรี พรรคก้าวไกล จัดปราศรัยใหญ่ นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักแม้อากาศจะร้อน แต่ประชาชนหลากหลายวัยกว่า 4 พันแห่มาปูเสื่อนั่งรอฟังตั้งแต่ช่วงบ่ายจนล้น
นายพิธา กล่าวปราศรัยเป็นคนสุดท้ายว่า ตอนนี้พรรคก้าวไกลยึดนนทบุรีได้เรียบร้อยแล้ว ตนมั่นใจกว่าทุกโพลก็คือการที่ทุกคนมาร่วมฟังปราศรัย มากันเยอะแบบนี้ นนทบุรีแตกแล้ว เมื่อมากันเยอะแบบนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทางไปทำเนียบรัฐบาล ตอนนี้พรรคพร้อมนำ 150 คน สู่การเป็นแกนนำรัฐบาล มากกว่าความชัดและพร้อม
ตอนนี้มีลุงไม่มีเรา ความชัดเจนที่ 2 คือการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต ความพร้อมไม่ใช่แค่ 300 นโยบาย 45 กฎหมายที่เตรียมไว้ แต่คือความพร้อมของคนนนทบุรีที่จะพร้อมเลือก คราวที่แล้วแพ้อันดับ 1 เพียง 4 % ซึ่งผมจะบอกว่าจังหวัดนี้วัยรุ่น 5 แสนกว่าคน
จากนั้นนายพิธา รับดอกไม้จากประชาชน ที่นำไม่ให้ บอกว่า “พ่อรักส้ม และรักฟ้าด้วย” ในอดีตรักธนาธรอย่างไร ก็ต้องเลือกพิธา แล้วจะมาบอกว่าเลือกพรรคเราคะแนนตกน้ำ เรามีโรดแมพที่หลายคนไม่รู้ อย่ามาบอกว่าพรรคก้าวไกลไม่มี ส.ส.เขต ไม่ทำอะไร ทำเยอะกว่าพวกคุณอีก พรรคก้าวไกลมีความพร้อมทั้งกฎหมายและบุคลากร เปลี่ยน 8 ปีที่แปดเปื้อน ที่มืดแปดด้านเป็น 8 คนของ นนทบุรี เมื่อเราปิดสวิตซ์ 3 ป. สำเร็จ จะเปลี่ยนเป็นการเมืองแห่งความหวัง
” ผมขอขอบคุณทุกคนจากใจ ส่วนคนที่ยังลังเลใจเรื่องความชัดและพร้อม ว่าจะได้อะไร ผมขอตอบสั้นๆ ว่ามี นโยบาย 4 ค. ที่ไม่ใช่ ค. ในเพจนายกรัฐมนตรี ได้แก่คราฟเบียร์ นนทบุรีจะเป็นเมืองหลวงคราฟท์เบียร์ คมนาคม การเดินทางเข้าออกจากกรุงเทพฯมานนทบุรี ไม่ได้ต้องการแค่เส้นเลือดใหญ่ แต่เป็นเส้นเลือดฝอย
ค่าแรง ถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ ค่าแรงขึ้นทันที 450 บาท คอรัปชั่น นนทบุรีคือศูนย์กลางข้าราชการ พรรคก้าวไกลมีความพร้อมใน 100 วันแรก ในการทำรัฐบาล กฎหมายบ้าๆบอๆ จะตัดๆๆทันที ไม่ให้หาส่วย อย่างนี้พี่น้องชอบไหมครับ เหลือเวลาอีก 10 วันสุดท้าย เรามาไกลเกินกว่าจะแพ้ ผมขอสื่อสารถึงด้อมส้มทุกคนว่าอย่าแผ่ว อย่ากระพริบตา อย่าประมาท เราต้องเร่งๆ เท่านั้น ใครสาดโคลนต้องเช็ดออก เราจะทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม “
สนค.ชี้ลต.ดันดัชนีความเชื่อมั่นเมย.สูงสุดรอบ52ด.
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_543824/
สนค.เผยการเลือกตั้งดันดัชนีความเชื่อมั่น เม.ย. สูงสุดในรอบ 52 เดือน แตะระดับ53.5 สะท้อนความสนใจการเมืองมากขึ้น
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนเมษายนปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 53.5 โดยเป็นดัชนีที่สูงสุดในรอบ 52 เดือน ทั้งนี้มีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับลดลง และบรรยากาศคึกคักในช่วงการเลือกตั้ง
โดยปัจจัยด้านการเมืองส่งผลต่อความเชื่อมั่นให้ปรับสูงขึ้น สะท้อนถึงความสำคัญของการเลือกตั้งต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งประชาชนภาคเหนือมองว่าการเมืองและการเลือกตั้งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด รองลงมา เป็น ภาคกลาง ภาคใต้ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามลำดับ
โดย ผู้อำนวยการ สนค. ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การให้ความสำคัญด้านการเมืองและการเลือกตั้งของประชาชนกลุ่มต่าง ๆ
จากเดิมมีลักษณะกระจุกตัวเฉพาะกลุ่มในช่วงก่อนการเลือกตั้งไปสู่ทุกกลุ่มให้ความสำคัญการเมืองและการเลือกตั้งมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงใกล้การเลือกตั้ง และยังส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับเพิ่มขึ้นด้วย สะท้อนถึงการคาดหวังในนโยบายที่พรรคการเมืองต่าง ๆ ได้มีการหาเสียงไว้ ซึ่งคาดว่าจะตอบโจทย์ของคนในแต่ละกลุ่มอย่างครบถ้วน
ดังนั้น หากจะรักษาโมเมนตัมให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ในระดับช่วงเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องหลังการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว นโยบายต่างๆ ควรมีการดำเนินให้เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว ซึ่งทาง สนค. จะได้ติดตามและสะท้อนความคาดหวังของประชาชนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อไป เพื่อเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการส่งเสริมการดำเนินนโยบายภาครัฐที่ตอบโจทย์ต่อความต้องการประชาชนอย่างตรงจุดให้มากที่สุด