คนแห่ฟังพท.แน่น ‘อิ๊งค์’แจง ‘ทักษิณ’ พร้อมใช้มันสมองช่วยคนไทย แม้อยู่ในคุก
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7660961
พท.จัดปราศรัยอิมแพ็ค คนแห่ฟังแน่น ‘อิ๊งค์’ แจง ‘ทักษิณ’ พร้อมใช้มันสมองช่วยคนไทยผ่านวิกฤตแม้ตัวอยู่ในคุก เศรษฐา ประกาศชัดขอเป็นนายกฯ คนที่ 30
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 12 พ.ค.2566 ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ก่อนการเลือกตั้งใหญ่วันที่ 14 พ.ค. ภายใต้ชื่อ “
เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที” โดยแกนนำพรรคทั้ง น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคพท. นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นาย
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย นาย
พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทยร่วมกิจกรรม โดยมีผู้สนับสนุนพรรค เดินทางมาร่วมฟังการปราศรัยจำนวนมากจนเต็มพื้นที่
น.ส.
แพทองธาร ปราศรัยว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้ว วันที่ 14 พ.ค.จะเป็นวันประวัติศาสตร์ ที่จะเปลี่ยนผู้บริหารประเทศที่มาจากเผด็จการ สู่ผู้บริหารที่มาด้วยกระบวนการประชาธิปไตย การที่พรรคเพื่อไทยต้องมีแคนดิเดตนายกฯ 3 คน เพราะตลอดเส้นทางตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน จนถึงพรรคเพื่อไทย เราเจออะไรมาเยอะ เราจึงไม่ประมาท แคนดิเดตทั้ง 3 คนทำงานเป็นทีม บวกกับพรรคพท.ที่แข็งแรง เข้มแข็ง คิดใหญ่ทำเป็น
วันนี้ไม่ว่าใครได้เป็นนายกฯ อีก 2 คนจะช่วยสนับสนุนให้นโยบายที่สัญญาไว้สำเร็จทั้งหมด ตนเคยได้ยินคนพูดว่าพรรคที่ถูกรัฐประหารมา ไม่สู้เคียงข้างประชาชน ถ้าไม่สู้เคียงข้างประชาชน ตนจะยืนอยู่ตรงนี้หรือ ถ้าเพื่อไทยไม่ยืนข้างประชาชนถูกยุบไปสองครั้ง จะกลับมาเช่นนี้หรือ
น.ส.
แพทองธาร กล่าวอีกว่า การเข้ามาการเมืองของตนต้องการแสวงหาโอกาสให้คนรุ่นใหม่ มีช่องทางหารายได้ให้ครอบครัว เพื่อให้เศรษฐกิจดีอย่างตอนไทยรักไทยกลับมาอีกครั้ง วันนี้ตนได้คุยกับคุณพ่อ ท่านพูดกับตนว่า “
ถ้าพ่อกลับมาติดคุก ระหว่างที่พ่ออยู่ในคุก ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล อยากจะใช้มันสมองของท่านช่วยคนไทยผ่านวิกฤตไปให้ได้ และท่านซึ้งใจเพราะตั้งแต่ทำพรรคการเมืองมา ตั้งแต่ไทยรักไทย ได้รับการสนับสนุนของประชาชนตลอด ไม่เคยลืมบุญคุณของประชาชนเลย”
พี่น้องยังจำช่วงชีวิตที่ดีสมัยไทยรักไทยและเพื่อไทยเป็นรัฐบาลได้หรือไม่ จะเอาแบบนั้นอีกหรือไม่ วันที่ 14 พ.ค.ขอให้เข้าคูหากาเพื่อไทย ผ่านวิกฤติไปด้วยกัน พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลประเทศไทยเปลี่ยนทันที ปิดสวิตช์ ส.ว. ปิดสวิตช์ 3 ป. คนไทยมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีกินมีใช้ไปด้วยกัน แลนด์สไลด์พาเพื่อไทยเข้าทำเนียบรัฐบาล
ด้านนาย
เศรษฐา ปราศรัยว่า อีกสองวันจะมีการเลือกตั้ง จะเป็นวันที่ประชาชนจะร่วมกันแสดงพลัง พร้อมใจกันก้าวออกจากหลุมดำที่ขังเรามานานกว่า 8 ปี ก่อนหน้านี้ประเทศไทยยืนอย่างสง่างามในเวทีโลก แต่ผู้นำคณะรัฐประหารได้สร้างวิกฤต ทำลายศักดิ์ศรีของประเทศไทยในเวทีโลก เราคนไทยทุกคนล้วนเป็นผู้เสียหาย สูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำได้ขยายตัวขึ้นทุกวัน โดยฝีมือของรัฐบาลที่ประกาศคืนความสุข
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการยึดอำนาจล้วนเป็นความทุกข์ ความตั้งใจของตน ไม่มีอะไรซับซ้อน ตนเข้ามาตัวเปล่าโดยปราศจากคำสัญญาใดๆ กับนายทุน ผู้มีอำนาจหรือผู้มีอิทธิพล คำสัญญาหนึ่งเดียวที่ตนมีคือคำสัญญาต่อพี่น้องประชาชน พรรคพท.มีประวัติศาสตร์ยาวนาน วันนี้ขอโอกาสที่จะทำให้ 4 ปีข้างหน้า เจริญเติบโตรุ่งเรือง เหมือนที่ไทยรักไทย พลังประชาชน ที่ได้ทำไว้ให้กับคนไทยทุกคน
นาย
เศรษฐา กล่าวต่อว่า นโยบายของพรรค ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง แก้ปัญหาตั้งแต่ระดับโครงสร้างในภาพใหญ่ การแก้ปัญหาระยะสั้นจนถึงระยะยาว ประกอบกันจนเป็นโรดแม็ปของการพัฒนาประเทศ
ถ้าเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประการแรก พี่น้องจะเห็นรัฐบาลที่เข้ามาบริหารอย่างจริงจัง ไม่ใช่บริหารแบบธุรการเหมือนที่ผ่านมาเราจะมียุทธศาสตร์ มีเป้าหมายที่ชัดเจน วางระบบไว้สำหรับคนรุ่นหลังให้เดินต่อไปได้ ตนจะไม่มาบอกว่า “
ถ้าไม่มีผมแล้ว ประเทศจะอยู่อย่างไร” หรือ “
ถ้าผมไม่ทำ แล้วใครจะทำ” ถ้าคนไทยทุกคนเอามือล้วงกระเป๋าตังค์ จะพบว่าตั๋วจำนำหมดไป แต่เราจะแทนที่ด้วยแบงค์ในกระเป๋ามากขึ้น หนี้สินน้อยลง รายจ่ายจะลดลง ยาเสพติดลดลงอย่างรวดเร็ว นักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยจำนวนมาก และกระจายไปทั่วประเทศ เราจะคืนอากาศที่สะอาด เราจะลดการเกณฑ์ทหาร จะไม่มีใครโอดครวญเรื่องค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน และค่าแก๊สอีกต่อไป
เราจะจัดการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นภาระประชาชน เช่น ทำตัวเป็นนายประชาชน รีดไถประชาชน เราจะขอเชิญทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ที่อยู่ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจที่ตนไม่ถนัด ให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง และประการสุดท้าย เราจะไม่เห็นความอยุติธรรมจากตำรวจ หรือหน่วยงานรัฐภายใต้อำนาจบริหารอีกต่อไป เราจะไม่เห็นการบังคับใช้กฏหมายอาญา มาตรา 112 เพื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง เราจะไม่ให้คนตัวเล็กโดนกลั่นแกล้ง
“
ผมมีความฝันที่จะเห็นประชาชนไทยอยู่ดี กินดี ฝันว่าเศรษฐกิจจะเติบโต พร้อมกับความเจริญทางจิตใจ ฝันที่ประชาธิปไตยจะกลับคืนสู่พวกเราทุกคน และฝันว่าพรรคเพื่อไทย จะได้รับใช้ประชาชนอีกครั้งนึง ผมและพรรคจะต่อสู้เพื่อไม่ให้พวกเราตื่นขึ้นมาพบประเทศที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา” นาย
เศรษฐา ระบุ
เราเป็นสถาบันที่หนักแน่น แต่ถูกกลั่นแกล้งมากที่สุด โดยความอยุติธรรมเรายังยืนหยัดแข็งแกร่ง ทำประโยชน์เพื่อประชาชน ยังได้รับความศรัทธาจากประชาชน พิสูจน์จากผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ตนมั่นใจว่าพวกเราจะชนะการเลือกตั้งครังนี้อีก ทำให้เราเป็นพรรคเดียวที่มีโอกาส ทำให้ ส.ว.ต้องฟังเสียงประชาชน และเราจะไม่ทรยศต่อคนที่ร่วมอุดมการณ์ เราจะรับฟังทุกเสียงของประชาชน ภาพฝัน ความหวัง และนโยบายที่ผมได้กล่าวไปในตลอด 75 วันที่ลงพื้นที่เป็นไปได้จริง
นาย
เศรษฐา กล่าวว่า เรามีบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ในวันนั้นพรรคเพื่อไทยเราพลาดไปเพียง 17 ที่นั่ง ไม่เช่นนั้นฝ่ายประชาธิปไตยจะเป็นผู้ชนะ เราจะต้องไม่ปล่อยให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกแบบไร้ยุทธศาสตร์ ขอวิงวอนจากใจ อย่าเลือกเพราะความกลัว แต่ให้เลือกเพราะความชัวร์ ว่าพรรคเพื่อไทยทำได้จริง และตน ขอเป็นนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย ทำให้ประชาชนหลุดพ้นจากความมืดมน ขอให้ทุกคนลงคะแนนให้พรรคพท.ทั้งสองใบ ให้จัดตั้งรัฐบาลได้อย่างมีเสถียรภาพ ให้พวกเราไปรับใช้ประชาชน
“พิธา”ปิดท้ายปราศรัยก้าวไกล ย้ำพร้อมเป็นนายกฯ นำพาประเทศไปสู่อนาคต
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7661087
“พิธา” ปิดท้ายปราศรัยครั้งสุดท้าย ย้ำพร้อมเป็นนายกฯ แก้ปัญหาเก่า เผชิญปัญหาใหม่ พร้อมรับฟังความเห็นต่าง ตั้งเป้ายุติรัฐประหารชั่วนิรันดร
วันที่ 12 พ.ค.2566 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น (ดินแดง) ผู้สื่อข่าวรายงานความบรรยากาศล่าสุด พรรคก้าวไกล จัดปราศรัยครั้งสุดท้าย ภายใต้ชื่อ “
คำตอบสุดท้ายก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” นำโดยนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล
โดยเมื่อเวลา 20.45 น. เวทีได้ดำเนินมาจนถึงช่วงสุดท้าย นาย
พิธา แคนดิเดตหนึ่งเดียวของพรรคก้าวไกล ปราศรัยว่า เวลาของพวกเราได้มาถึงแล้ว เหลือเวลาอีกเพียง 2 วันเท่านั้น คำตอบสุดท้ายก้าวไกลทั้งแผ่นดิน กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม วันนี้พร้อมแล้วที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของทุกคนทุกรุ่น สามารถฝากความฝันความหวังไว้กับตนได้
นาย
พิธา กล่าวต่อว่า เราต้องการเห็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพื่อประชาชน ต้องการกระจายอำนาจ ให้คนจังหวัดนั้นเป็นผู้แก้ไขปัญหาในจังหวัดนั้นด้วยตัวเอง คืนครูให้ห้องเรียน เพราะฉะนั้นผู้นำไทยคนต่อไปต้องเป็นคนที่พร้อมแก้ปัญหาเก่าและเผชิญหน้ากับปัญหาใหม่และพร้อมนำพาประเทศไปสู่อนาคต จะหยุดแช่แข็งประเทศได้ นายกฯต้องแก้ปัญหาเก่าที่ติดหล่มมา 17 ปี เอาประเทศออกจากความขัดแย้ง
”
ในวิสัยทัศน์ของผมคือยุติวงจรรัฐประหารชั่วนิรันดร ปฏิรูปกองทัพให้อยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ทำให้จิ๋วแต่แจ๋ว มีสวัสดิภาพและสิทธิมนุษยชน หยุดแทรกแซงการเมืองไทย คืนศรัทธาให้ระบบรัฐสภาและระบอบประชาธิปไตย หลายคนเห็นด้วยกับรัฐประหารเพราะไม่ไว้วางใจนักการเมือง ไม่เชื่อระบบรัฐสภาในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เพราะคิดว่าเต็มไปด้วยทุจริตต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แต่ที่ผ่านมาเราได้บทเรียนราคาแพงร่วมกันประชาธิปไตยไม่มีทางลัด
ไม่ว่าวันที่ 14 พ.ค.นี้จะเลือกผมหรือไม่ ผมพร้อมรับใช้ท่านและจะรับฟังคนเห็นต่างและผมจะเป็นนายกฯที่ดีขึ้นก็เพราะท่าน ฉะนั้นวันที่ 14 พ.ค.กาก้าวไกลให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม คำตอบสุดท้าย ตรงไปตรงมามีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายพิธาปราศรัยเรียบร้อยได้อุ้ม ด.ญ.
พิพิม ลิ้มเจริญรัตน์ บุตรสาวขึ้นเวทีด้วย จากนั้นได้จับมือกับแกนนำพรรคคนต่างๆ ชูขึ้นเพื่อคำนับผู้ร่วมฟังการปราศรัย
JJNY : คนแห่ฟังพท.แน่น│“พิธา”ปิดท้ายปราศรัยก้าวไกล│จี้สลายขั้วตั้งรบ.ไฮบริด│ทัพแวกเนอร์กรุ๊ปในบัคมุตระส่ำหนัก
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7660961
พท.จัดปราศรัยอิมแพ็ค คนแห่ฟังแน่น ‘อิ๊งค์’ แจง ‘ทักษิณ’ พร้อมใช้มันสมองช่วยคนไทยผ่านวิกฤตแม้ตัวอยู่ในคุก เศรษฐา ประกาศชัดขอเป็นนายกฯ คนที่ 30
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 12 พ.ค.2566 ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ก่อนการเลือกตั้งใหญ่วันที่ 14 พ.ค. ภายใต้ชื่อ “เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที” โดยแกนนำพรรคทั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคพท. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทยร่วมกิจกรรม โดยมีผู้สนับสนุนพรรค เดินทางมาร่วมฟังการปราศรัยจำนวนมากจนเต็มพื้นที่
น.ส.แพทองธาร ปราศรัยว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้ว วันที่ 14 พ.ค.จะเป็นวันประวัติศาสตร์ ที่จะเปลี่ยนผู้บริหารประเทศที่มาจากเผด็จการ สู่ผู้บริหารที่มาด้วยกระบวนการประชาธิปไตย การที่พรรคเพื่อไทยต้องมีแคนดิเดตนายกฯ 3 คน เพราะตลอดเส้นทางตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน จนถึงพรรคเพื่อไทย เราเจออะไรมาเยอะ เราจึงไม่ประมาท แคนดิเดตทั้ง 3 คนทำงานเป็นทีม บวกกับพรรคพท.ที่แข็งแรง เข้มแข็ง คิดใหญ่ทำเป็น
วันนี้ไม่ว่าใครได้เป็นนายกฯ อีก 2 คนจะช่วยสนับสนุนให้นโยบายที่สัญญาไว้สำเร็จทั้งหมด ตนเคยได้ยินคนพูดว่าพรรคที่ถูกรัฐประหารมา ไม่สู้เคียงข้างประชาชน ถ้าไม่สู้เคียงข้างประชาชน ตนจะยืนอยู่ตรงนี้หรือ ถ้าเพื่อไทยไม่ยืนข้างประชาชนถูกยุบไปสองครั้ง จะกลับมาเช่นนี้หรือ
น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า การเข้ามาการเมืองของตนต้องการแสวงหาโอกาสให้คนรุ่นใหม่ มีช่องทางหารายได้ให้ครอบครัว เพื่อให้เศรษฐกิจดีอย่างตอนไทยรักไทยกลับมาอีกครั้ง วันนี้ตนได้คุยกับคุณพ่อ ท่านพูดกับตนว่า “ถ้าพ่อกลับมาติดคุก ระหว่างที่พ่ออยู่ในคุก ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล อยากจะใช้มันสมองของท่านช่วยคนไทยผ่านวิกฤตไปให้ได้ และท่านซึ้งใจเพราะตั้งแต่ทำพรรคการเมืองมา ตั้งแต่ไทยรักไทย ได้รับการสนับสนุนของประชาชนตลอด ไม่เคยลืมบุญคุณของประชาชนเลย”
พี่น้องยังจำช่วงชีวิตที่ดีสมัยไทยรักไทยและเพื่อไทยเป็นรัฐบาลได้หรือไม่ จะเอาแบบนั้นอีกหรือไม่ วันที่ 14 พ.ค.ขอให้เข้าคูหากาเพื่อไทย ผ่านวิกฤติไปด้วยกัน พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลประเทศไทยเปลี่ยนทันที ปิดสวิตช์ ส.ว. ปิดสวิตช์ 3 ป. คนไทยมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีกินมีใช้ไปด้วยกัน แลนด์สไลด์พาเพื่อไทยเข้าทำเนียบรัฐบาล
ด้านนายเศรษฐา ปราศรัยว่า อีกสองวันจะมีการเลือกตั้ง จะเป็นวันที่ประชาชนจะร่วมกันแสดงพลัง พร้อมใจกันก้าวออกจากหลุมดำที่ขังเรามานานกว่า 8 ปี ก่อนหน้านี้ประเทศไทยยืนอย่างสง่างามในเวทีโลก แต่ผู้นำคณะรัฐประหารได้สร้างวิกฤต ทำลายศักดิ์ศรีของประเทศไทยในเวทีโลก เราคนไทยทุกคนล้วนเป็นผู้เสียหาย สูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำได้ขยายตัวขึ้นทุกวัน โดยฝีมือของรัฐบาลที่ประกาศคืนความสุข
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการยึดอำนาจล้วนเป็นความทุกข์ ความตั้งใจของตน ไม่มีอะไรซับซ้อน ตนเข้ามาตัวเปล่าโดยปราศจากคำสัญญาใดๆ กับนายทุน ผู้มีอำนาจหรือผู้มีอิทธิพล คำสัญญาหนึ่งเดียวที่ตนมีคือคำสัญญาต่อพี่น้องประชาชน พรรคพท.มีประวัติศาสตร์ยาวนาน วันนี้ขอโอกาสที่จะทำให้ 4 ปีข้างหน้า เจริญเติบโตรุ่งเรือง เหมือนที่ไทยรักไทย พลังประชาชน ที่ได้ทำไว้ให้กับคนไทยทุกคน
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า นโยบายของพรรค ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง แก้ปัญหาตั้งแต่ระดับโครงสร้างในภาพใหญ่ การแก้ปัญหาระยะสั้นจนถึงระยะยาว ประกอบกันจนเป็นโรดแม็ปของการพัฒนาประเทศ
ถ้าเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประการแรก พี่น้องจะเห็นรัฐบาลที่เข้ามาบริหารอย่างจริงจัง ไม่ใช่บริหารแบบธุรการเหมือนที่ผ่านมาเราจะมียุทธศาสตร์ มีเป้าหมายที่ชัดเจน วางระบบไว้สำหรับคนรุ่นหลังให้เดินต่อไปได้ ตนจะไม่มาบอกว่า “ถ้าไม่มีผมแล้ว ประเทศจะอยู่อย่างไร” หรือ “ถ้าผมไม่ทำ แล้วใครจะทำ” ถ้าคนไทยทุกคนเอามือล้วงกระเป๋าตังค์ จะพบว่าตั๋วจำนำหมดไป แต่เราจะแทนที่ด้วยแบงค์ในกระเป๋ามากขึ้น หนี้สินน้อยลง รายจ่ายจะลดลง ยาเสพติดลดลงอย่างรวดเร็ว นักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยจำนวนมาก และกระจายไปทั่วประเทศ เราจะคืนอากาศที่สะอาด เราจะลดการเกณฑ์ทหาร จะไม่มีใครโอดครวญเรื่องค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน และค่าแก๊สอีกต่อไป
เราจะจัดการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นภาระประชาชน เช่น ทำตัวเป็นนายประชาชน รีดไถประชาชน เราจะขอเชิญทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ที่อยู่ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจที่ตนไม่ถนัด ให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง และประการสุดท้าย เราจะไม่เห็นความอยุติธรรมจากตำรวจ หรือหน่วยงานรัฐภายใต้อำนาจบริหารอีกต่อไป เราจะไม่เห็นการบังคับใช้กฏหมายอาญา มาตรา 112 เพื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง เราจะไม่ให้คนตัวเล็กโดนกลั่นแกล้ง
“ผมมีความฝันที่จะเห็นประชาชนไทยอยู่ดี กินดี ฝันว่าเศรษฐกิจจะเติบโต พร้อมกับความเจริญทางจิตใจ ฝันที่ประชาธิปไตยจะกลับคืนสู่พวกเราทุกคน และฝันว่าพรรคเพื่อไทย จะได้รับใช้ประชาชนอีกครั้งนึง ผมและพรรคจะต่อสู้เพื่อไม่ให้พวกเราตื่นขึ้นมาพบประเทศที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา” นายเศรษฐา ระบุ
เราเป็นสถาบันที่หนักแน่น แต่ถูกกลั่นแกล้งมากที่สุด โดยความอยุติธรรมเรายังยืนหยัดแข็งแกร่ง ทำประโยชน์เพื่อประชาชน ยังได้รับความศรัทธาจากประชาชน พิสูจน์จากผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ตนมั่นใจว่าพวกเราจะชนะการเลือกตั้งครังนี้อีก ทำให้เราเป็นพรรคเดียวที่มีโอกาส ทำให้ ส.ว.ต้องฟังเสียงประชาชน และเราจะไม่ทรยศต่อคนที่ร่วมอุดมการณ์ เราจะรับฟังทุกเสียงของประชาชน ภาพฝัน ความหวัง และนโยบายที่ผมได้กล่าวไปในตลอด 75 วันที่ลงพื้นที่เป็นไปได้จริง
นายเศรษฐา กล่าวว่า เรามีบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ในวันนั้นพรรคเพื่อไทยเราพลาดไปเพียง 17 ที่นั่ง ไม่เช่นนั้นฝ่ายประชาธิปไตยจะเป็นผู้ชนะ เราจะต้องไม่ปล่อยให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกแบบไร้ยุทธศาสตร์ ขอวิงวอนจากใจ อย่าเลือกเพราะความกลัว แต่ให้เลือกเพราะความชัวร์ ว่าพรรคเพื่อไทยทำได้จริง และตน ขอเป็นนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย ทำให้ประชาชนหลุดพ้นจากความมืดมน ขอให้ทุกคนลงคะแนนให้พรรคพท.ทั้งสองใบ ให้จัดตั้งรัฐบาลได้อย่างมีเสถียรภาพ ให้พวกเราไปรับใช้ประชาชน
“พิธา”ปิดท้ายปราศรัยก้าวไกล ย้ำพร้อมเป็นนายกฯ นำพาประเทศไปสู่อนาคต
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7661087
“พิธา” ปิดท้ายปราศรัยครั้งสุดท้าย ย้ำพร้อมเป็นนายกฯ แก้ปัญหาเก่า เผชิญปัญหาใหม่ พร้อมรับฟังความเห็นต่าง ตั้งเป้ายุติรัฐประหารชั่วนิรันดร
วันที่ 12 พ.ค.2566 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น (ดินแดง) ผู้สื่อข่าวรายงานความบรรยากาศล่าสุด พรรคก้าวไกล จัดปราศรัยครั้งสุดท้าย ภายใต้ชื่อ “คำตอบสุดท้ายก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล
โดยเมื่อเวลา 20.45 น. เวทีได้ดำเนินมาจนถึงช่วงสุดท้าย นายพิธา แคนดิเดตหนึ่งเดียวของพรรคก้าวไกล ปราศรัยว่า เวลาของพวกเราได้มาถึงแล้ว เหลือเวลาอีกเพียง 2 วันเท่านั้น คำตอบสุดท้ายก้าวไกลทั้งแผ่นดิน กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม วันนี้พร้อมแล้วที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของทุกคนทุกรุ่น สามารถฝากความฝันความหวังไว้กับตนได้
นายพิธา กล่าวต่อว่า เราต้องการเห็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพื่อประชาชน ต้องการกระจายอำนาจ ให้คนจังหวัดนั้นเป็นผู้แก้ไขปัญหาในจังหวัดนั้นด้วยตัวเอง คืนครูให้ห้องเรียน เพราะฉะนั้นผู้นำไทยคนต่อไปต้องเป็นคนที่พร้อมแก้ปัญหาเก่าและเผชิญหน้ากับปัญหาใหม่และพร้อมนำพาประเทศไปสู่อนาคต จะหยุดแช่แข็งประเทศได้ นายกฯต้องแก้ปัญหาเก่าที่ติดหล่มมา 17 ปี เอาประเทศออกจากความขัดแย้ง
” ในวิสัยทัศน์ของผมคือยุติวงจรรัฐประหารชั่วนิรันดร ปฏิรูปกองทัพให้อยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ทำให้จิ๋วแต่แจ๋ว มีสวัสดิภาพและสิทธิมนุษยชน หยุดแทรกแซงการเมืองไทย คืนศรัทธาให้ระบบรัฐสภาและระบอบประชาธิปไตย หลายคนเห็นด้วยกับรัฐประหารเพราะไม่ไว้วางใจนักการเมือง ไม่เชื่อระบบรัฐสภาในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เพราะคิดว่าเต็มไปด้วยทุจริตต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แต่ที่ผ่านมาเราได้บทเรียนราคาแพงร่วมกันประชาธิปไตยไม่มีทางลัด
ไม่ว่าวันที่ 14 พ.ค.นี้จะเลือกผมหรือไม่ ผมพร้อมรับใช้ท่านและจะรับฟังคนเห็นต่างและผมจะเป็นนายกฯที่ดีขึ้นก็เพราะท่าน ฉะนั้นวันที่ 14 พ.ค.กาก้าวไกลให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม คำตอบสุดท้าย ตรงไปตรงมามีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายพิธาปราศรัยเรียบร้อยได้อุ้ม ด.ญ.พิพิม ลิ้มเจริญรัตน์ บุตรสาวขึ้นเวทีด้วย จากนั้นได้จับมือกับแกนนำพรรคคนต่างๆ ชูขึ้นเพื่อคำนับผู้ร่วมฟังการปราศรัย