จรดไว้ในทรวงว่า... (๓)

ตอน ๑
https://pantip.com/topic/41966906
ตอน ๒
https://pantip.com/topic/41968303

(๓)                                                                                      
ตำนานสองวัง
 
แววตาชายหนุ่มปรากฏรอยเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินเสียงคนของพระองค์หญิงกนิษฐ์นภเกตน์ตามตัวให้อยู่รับแขกจากวังวิมุขมาศ  ร่างสูงกำยำสมส่วนในชุดสีเมฆร่อนหากุญแจรถคู่ใจ  คนในตำหนักระดมกันหาตัวเขาจากชั้นบนลงโถงล่าง  แต่เชิงชั้นนายทหารของกองทัพชำนาญชัยภูมิ  พลิกจากถูกล่าเป็นเอาเถิดเจ้าล่อปั่นหัวคนไล่ตามเล่น  

        และแล้วนายเรืออากาศโทก็ได้ติดปีกเมื่อแม่เผื่อนคนของท่านหญิงประกายมาสทรงกลดดอดย่องมายื่นกุญแจแอสตัน มาร์ตินคันเก่งให้  ไม่มีเวลาสงสัยว่าแม่เผื่อนหาเจอจากที่ไหนหรืออย่างไร  ขอแค่มันช่วยพาหนีรอด  เขาคว้ากุญแจรถหมับยิ้มกริ่มอย่างกำชัยได้อิสรภาพ  ร่างสง่าปราดเปรียวดิ่งไปประตูหน้า  ทว่าฝ่ามือใหญ่แข็งแรงพลันตะปบบ่ายึดไว้  

        “จะไปไหนเจ้าหมอก  วันนี้แกหลบไม่พ้นหรอก”

        คุณชายธภูมิเจ้าของฝ่ามือหน้าขรึมแต่อมยิ้มนิด ๆ อย่างไม่รู้จะเห็นใจหรือสมน้ำหน้าน้องชายดี  

        “ตาแกแล้ว  ไปรับแขกซะดี ๆ”  

        “ปีกขยับพึ่บพั่บจะบิน  อยู่ไม่ไหวละครับ”

        “องค์ย่าน้อยเด็ดปีกแกแล้วนี่”

        เจ้าตัวชูกุญแจรถอย่างจะอวดกึ่งอุทธรณ์  “ท่านย่าต่อปีกให้แล้ว”

        ‘องค์ย่าน้อย’ กับ ‘ท่านย่า’ ของคุณชายอักขระกานต์ หมายถึง พระองค์หญิงกนิษฐ์นภเกตน์กับท่านหญิงประกายมาสทรงกลด

        “อย่าให้องค์ย่าน้อยของเราต้องเสียหน้า”

        “พี่ชายภูมิรอดแล้วก็พูดได้สิครับ  ตอนพี่ชายพุฒิหนีสุดกู่ไปโน่น”

        “เออน่า  เขามาหาถึงบ้าน”  

        ว่าแล้วพี่ชายใหญ่ลากน้องชายผู้ทำหน้าเมื่อยกลับไป  รัมภาเพียงพิศหลบวูบตัวลีบแนบผนังหลบมุมสายตา  เธอเห็นและได้ยินตั้งแต่ตอนแม่ผันกำชับคนรับใช้รุ่นเล็กว่าให้เกณฑ์คน  ‘ช่วยกันจับ’  คุณชายหมอกมาให้ได้  โดยไม่รู้ตัวหญิงสาวหันยังกำแพงผนังปีกขวาซึ่งติดรูปพระองค์และบุคคลในสกุล

        เรื่องมีมาตั้งแต่ต้นสกุลของสองวัง  กรมพระอักขระกานต์ปโยธรกับกรมหลวงวิมุขมาศรังสฤษฎิ  พระทัยตรงกันว่าพระโอรส-พระธิดาทรงคู่ควรงามสมยิ่งนัก  เมื่อฝ่ายสตรีถึงชันษาเหมาะสม  การเสกสมรสระหว่างพระองค์ชายวังอักขระกานต์กับพระองค์หญิงวังวิมุขมาศถูกกำหนดและจัดเตรียมอย่างเอิกเกริก  

        พระองค์ชายฐิติสมาน-มโนมัยกับพระองค์หญิงฉันท์ฉินจำรัสหล้า    

        ว่ากันว่าพระองค์ชายฐิติผู้ทรงมีหม่อมอยู่ก่อนแล้ว  หม่อมละม้าย-บุตรสาวพระนมคล้อย  หม่อมเอื้อน-นางละครจากคณะละครวังสวนกุหลาบ  ทรงต้องพระทัยใน  ‘น้องหญิง’  พระชันษาห่างกัน 7 ปี  และพอพระทัยจะเสกสมรสพระองค์หญิงฉันท์ฉินจำรัสหล้าเป็นพระชายาในพระองค์  ได้รับตราโปรดเกล้าฯ ให้เป็นสะใภ้หลวงตามพระประสงค์ของเสด็จในกรมฯ ผู้ทรงเป็นพระบิดา  

        ทว่าดังสายฟ้าฟาด  พิธีถูกยกเลิกก่อนฤกษ์อันงามนั้นเพียงสามวัน  แต่ด้วยเหตุผลกลใดนั้นไม่เป็นที่ประจักษ์ชัด  รู้เพียงว่าพระองค์ชายฐิติซึ่งเคยเต็มพระทัยกลับทรงปฏิเสธการเสกสมรสโดยเด็ดขาด  

        วิวาห์อันลือลั่นว่าเทพอุ้มสมกลายเป็นข่าวซุบซิบอื้ออึงโดยเฉพาะเหล่าพระญาติวงศ์  หลังงานมงคลล่มไม่เต็มสองเดือนพระองค์ชายฐิติก็เสกสมรสกับหม่อมเจ้าประกายมาสทรงกลด  ท่านหญิงม่ายผู้ทรงมีพระชันษาแก่กว่า 2 ปี  เสียงนินทายิ่งกระฉ่อนเมื่อเดือนต่อมาพระองค์หญิงฉันท์ฉินจำรัสหล้าสิ้นพระชนม์  พระชันษาเพิ่งเข้า 18 ปีเต็มไม่กี่วัน  ข่าวเป็นทางการจากวังวิมุขมาศว่าสิ้นพระชนม์จากการประชวร  ทว่าเสียงลือแพร่สะพัดไปทางทรงตรอมพระทัยจนสิ้น  เลยเถิดถึงขั้นว่าเสวยยาพิษปลงพระชนม์  น่าสลดใจและน่าเสียดายยิ่งนัก...เจ้านายกำเนิดสูงส่งต้องวายชนม์แต่วัยสาวเพราะช้ำรัก

        จริงหรือไม่...คนภายนอกไม่มีผู้ใดกระจ่างแจ้ง  แต่เป็นว่าสมัยนั้นเมื่อเอ่ยชื่อวิมุขมาศจะนึกถึง  ‘สตรีสูงศักดิ์ผู้อาภัพรัก’  และจดจำกันเชิงว่า  ‘อักขระกานต์ผิดต่อวิมุขมาศ’  

        เกิดเป็นตำนานของสองวัง...

        และความที่พระชายาของสองพระองค์ต้นสกุลคือ  พระองค์หญิงเสมอเสาวภาคย์-พระองค์หญิงสิรมารคมงคล  ทรงเป็นพระโสทรภคินี  สองวังเป็นพระญาติชิดเชื้อ  จึงเกิดเป็นรอยร้าวชนิดกลืนไม่เข้าคายไม่ออกลูบหน้าปะจมูก  เชื่อกันว่าทางอักขระกานต์พยายามประสานรอยร้าว  

        กาลต่อมาลือกันอึงเมือง  เสด็จในกรมฯ ทรงทาบทามพระธิดาจากหม่อมรอง ๆ ของเสด็จวังวิมุขมาศเพื่อเสกสมรสกับพระโอรสจากหม่อมรอง ๆ ของพระองค์  บางเสียงว่าทุกข์โศกจากการสูญเสียของฝ่ายหญิงยังคอยเตือนจึงไม่ปรากฏข่าวมงคลใด ๆ ระหว่างสองวังอีก  

        หากแต่คำเล่าลือต่าง ๆ นานาเมื่อไม่มีข้อพิสูจน์ก็ต้องว่าเลื่อนลอยเต็มที  

        เล่าสืบเนื่องกันมาอีกว่ากรมพระอักขระกานต์ปโยธรไม่ทรงละเลิกพระดำริให้สองวังสมานเป็นทองแผ่นเดียว  ก่อนสิ้นพระชนม์ทรงหวังการเสกสมรสในชั้นพระนัดดา  หากทว่ามีทายาทโทนเป็นชายทั้งสองสกุล  หม่อมเจ้าธไทธำรงในพระองค์ชายฐิติกับท่านหญิงประกายมาสทรงกลด  และหม่อมเจ้าสลักพันธ์ในพระองค์ชายสลักอักษรากับท่านหญิงนวลนฤดี 

        ตำนานสองวังจึงเลือนรางดุจชีวิตซึ่งแทบสิ้นลมหายใจ  

        หลังเสด็จในกรมฯ สิ้นพระชนม์  พระองค์ชายฐิติทรงครองวังอักขระกานต์ในฐานะโอรสองค์โตจากพระมารดาซึ่งโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้เป็นสะใภ้หลวง  ต้องตามธรรมเนียมประเพณีแต่ดั้งเดิม  

        กระทั่งเวลาผ่านไปมีเสียงโจษจันขึ้นอีก  เหตุคือพระองค์ชายฐิติผู้ใกล้สิ้นพระชนม์ประทานวังอักขระกานต์แด่พระองค์หญิงกนิษฐ์นภเกตน์  พระขนิษฐาร่วมอุทรพระมารดาเดียวกัน  เป็นที่ฮือฮาในหมู่พระญาติ  สืบสายตามลำดับแล้ววังควรสืบทอดสู่หม่อมเจ้าธไทธำรงโอรสเพียงพระองค์เดียว  แต่เจ้าของวังกลับทรงมอบให้พระขนิษฐาผู้เป็นสตรีไม่สืบสกุล  อีกทั้งไม่ทรงเลือกชายใดเป็นคู่ครองครองพระองค์เป็นโสด  เมื่อพระองค์หญิงกนิษฐ์นภเกตน์ไม่ทรงมีทายาท  อย่างไรเสียวังต้องตกเป็นมรดกของพระภาติยะสายพระองค์หญิงเสมอเสาวภาคย์อยู่ดี  จึงเกิดร่ำลือว่าพระองค์ชายฐิติมีพระประสงค์ให้พระขนิษฐาทรงทำหน้าที่ประทานวังต่อยังทายาทของอักขระกานต์ผู้สมรสกับทายาทของวิมุขมาศเท่านั้น  

        แต่อีกเช่นกัน  ข่าวเซ็งแซ่เมื่อยังไม่ปรากฏเป็นจริงก็ต้องว่าโคมลอยเต็มทน  

        ในชั้นพระนัดดาของเสด็จในกรมฯ ต้นสกุล  หม่อมเจ้าธไทธำรงเสกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริสรรพ (พิสุทธิ์โกศล) ให้กำเนิดบุตรคนหัวปี  ‘หม่อมราชวงศ์ธภูมิ’  ถัดไปสองปี  ‘หม่อมราชวงศ์ธพุฒิ’  ในปีเดียวกันนั้นหม่อมเจ้าสลักพันธ์กับคุณทานเทพิน (นราดล) ได้ชื่นชมธิดาคนแรก  ‘หม่อมราชวงศ์ตาณโพยม’  ตามด้วย  ‘หม่อมราชวงศ์สลิลทิช’  ไล่ ๆ กันมาคือ  ‘หม่อมราชวงศ์ธเจต’  คุณชายคนเล็กของอักขระกานต์  ฝ่ายวิมุขมาศสุดท้องที่  ‘หม่อมราชวงศ์รัมภาเพียงพิศ’  

        คุณชาย-คุณหญิงน้อย ๆ ของสองวังปลุกตำนานให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง  ยิ่งสามคุณชาย-สามคุณหญิงใบเถา  ราวสวรรค์จัดวางเป็นสัญญาณว่าต้องมีคู่หมายของสองวังสัมฤทธิ์ในชั้นเหลนนี้  ไม่คู่ใดก็คู่หนึ่ง    

        พี่สาวของเธอ – พี่ชายของเขา  สองคู่แล้ว  มีทั้งล้มและล่มไม่เป็นท่า  

        หม่อมราชวงศ์ธภูมิสมรสกับหม่อมหลวงตุลยากร  หม่อมราชวงศ์ธพุฒิสมรสกับนางสาวช่อเกด

        คู่สุดท้าย... 
        ธเจตกับรัมภาเพียงพิศ  

        จากมุมเสาบนระเบียงปีกซ้ายชั้นสองเธอเห็นคุณชายธเจตหมุนพวงกุญแจรวบในกำมือหันกลับตำหนัก  เสียงผู้ปรารถนาจะติดปีกบินหนีเธอ...ลอยมา

        “เฮ้อ...เจ้าหมอกเอ๋ย  ชีวิตนี้จะรอดพ้นคุณหญิงรัมภาเพียงพิศไหม”

        เจ้าของชื่อ ‘รัมภาเพียงพิศ’ พลันตัวเย็นเฉียบขณะเบ้าตาผ่าวร้อน  ทางเดียวจะกลั้นน้ำตามิให้ทะลักคือกัดริมฝีปากแรงไว้จนกว่าจะไม่เหลือความรู้สึกอื่นนอกจากเจ็บ...บอกตัวเองว่าร้องไห้ไม่ได้เด็ดขาด  

        ทันทีนั้นใบหน้าเคลือบแต่งจัดจ้านกลับราวเป็นเพียงโฉมของหน้ากาก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่