ตอน ๑
https://pantip.com/topic/41966906
ตอน ๒
https://pantip.com/topic/41968303
(๓)
ตำนานสองวัง
แววตาชายหนุ่มปรากฏรอยเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินเสียงคนของพระองค์หญิงกนิษฐ์นภเกตน์ตามตัวให้อยู่รับแขกจากวังวิมุขมาศ ร่างสูงกำยำสมส่วนในชุดสีเมฆร่อนหากุญแจรถคู่ใจ คนในตำหนักระดมกันหาตัวเขาจากชั้นบนลงโถงล่าง แต่เชิงชั้นนายทหารของกองทัพชำนาญชัยภูมิ พลิกจากถูกล่าเป็นเอาเถิดเจ้าล่อปั่นหัวคนไล่ตามเล่น
และแล้วนายเรืออากาศโทก็ได้ติดปีกเมื่อแม่เผื่อนคนของท่านหญิงประกายมาสทรงกลดดอดย่องมายื่นกุญแจแอสตัน มาร์ตินคันเก่งให้ ไม่มีเวลาสงสัยว่าแม่เผื่อนหาเจอจากที่ไหนหรืออย่างไร ขอแค่มันช่วยพาหนีรอด เขาคว้ากุญแจรถหมับยิ้มกริ่มอย่างกำชัยได้อิสรภาพ ร่างสง่าปราดเปรียวดิ่งไปประตูหน้า ทว่าฝ่ามือใหญ่แข็งแรงพลันตะปบบ่ายึดไว้
“จะไปไหนเจ้าหมอก วันนี้แกหลบไม่พ้นหรอก”
คุณชายธภูมิเจ้าของฝ่ามือหน้าขรึมแต่อมยิ้มนิด ๆ อย่างไม่รู้จะเห็นใจหรือสมน้ำหน้าน้องชายดี
“ตาแกแล้ว ไปรับแขกซะดี ๆ”
“ปีกขยับพึ่บพั่บจะบิน อยู่ไม่ไหวละครับ”
“องค์ย่าน้อยเด็ดปีกแกแล้วนี่”
เจ้าตัวชูกุญแจรถอย่างจะอวดกึ่งอุทธรณ์ “ท่านย่าต่อปีกให้แล้ว”
‘องค์ย่าน้อย’ กับ ‘ท่านย่า’ ของคุณชายอักขระกานต์ หมายถึง พระองค์หญิงกนิษฐ์นภเกตน์กับท่านหญิงประกายมาสทรงกลด
“อย่าให้องค์ย่าน้อยของเราต้องเสียหน้า”
“พี่ชายภูมิรอดแล้วก็พูดได้สิครับ ตอนพี่ชายพุฒิหนีสุดกู่ไปโน่น”
“เออน่า เขามาหาถึงบ้าน”
ว่าแล้วพี่ชายใหญ่ลากน้องชายผู้ทำหน้าเมื่อยกลับไป รัมภาเพียงพิศหลบวูบตัวลีบแนบผนังหลบมุมสายตา เธอเห็นและได้ยินตั้งแต่ตอนแม่ผันกำชับคนรับใช้รุ่นเล็กว่าให้เกณฑ์คน ‘ช่วยกันจับ’ คุณชายหมอกมาให้ได้ โดยไม่รู้ตัวหญิงสาวหันยังกำแพงผนังปีกขวาซึ่งติดรูปพระองค์และบุคคลในสกุล
เรื่องมีมาตั้งแต่ต้นสกุลของสองวัง กรมพระอักขระกานต์ปโยธรกับกรมหลวงวิมุขมาศรังสฤษฎิ พระทัยตรงกันว่าพระโอรส-พระธิดาทรงคู่ควรงามสมยิ่งนัก เมื่อฝ่ายสตรีถึงชันษาเหมาะสม การเสกสมรสระหว่างพระองค์ชายวังอักขระกานต์กับพระองค์หญิงวังวิมุขมาศถูกกำหนดและจัดเตรียมอย่างเอิกเกริก
พระองค์ชายฐิติสมาน-มโนมัยกับพระองค์หญิงฉันท์ฉินจำรัสหล้า
ว่ากันว่าพระองค์ชายฐิติผู้ทรงมีหม่อมอยู่ก่อนแล้ว หม่อมละม้าย-บุตรสาวพระนมคล้อย หม่อมเอื้อน-นางละครจากคณะละครวังสวนกุหลาบ ทรงต้องพระทัยใน ‘น้องหญิง’ พระชันษาห่างกัน 7 ปี และพอพระทัยจะเสกสมรสพระองค์หญิงฉันท์ฉินจำรัสหล้าเป็นพระชายาในพระองค์ ได้รับตราโปรดเกล้าฯ ให้เป็นสะใภ้หลวงตามพระประสงค์ของเสด็จในกรมฯ ผู้ทรงเป็นพระบิดา
ทว่าดังสายฟ้าฟาด พิธีถูกยกเลิกก่อนฤกษ์อันงามนั้นเพียงสามวัน แต่ด้วยเหตุผลกลใดนั้นไม่เป็นที่ประจักษ์ชัด รู้เพียงว่าพระองค์ชายฐิติซึ่งเคยเต็มพระทัยกลับทรงปฏิเสธการเสกสมรสโดยเด็ดขาด
วิวาห์อันลือลั่นว่าเทพอุ้มสมกลายเป็นข่าวซุบซิบอื้ออึงโดยเฉพาะเหล่าพระญาติวงศ์ หลังงานมงคลล่มไม่เต็มสองเดือนพระองค์ชายฐิติก็เสกสมรสกับหม่อมเจ้าประกายมาสทรงกลด ท่านหญิงม่ายผู้ทรงมีพระชันษาแก่กว่า 2 ปี เสียงนินทายิ่งกระฉ่อนเมื่อเดือนต่อมาพระองค์หญิงฉันท์ฉินจำรัสหล้าสิ้นพระชนม์ พระชันษาเพิ่งเข้า 18 ปีเต็มไม่กี่วัน ข่าวเป็นทางการจากวังวิมุขมาศว่าสิ้นพระชนม์จากการประชวร ทว่าเสียงลือแพร่สะพัดไปทางทรงตรอมพระทัยจนสิ้น เลยเถิดถึงขั้นว่าเสวยยาพิษปลงพระชนม์ น่าสลดใจและน่าเสียดายยิ่งนัก...เจ้านายกำเนิดสูงส่งต้องวายชนม์แต่วัยสาวเพราะช้ำรัก
จริงหรือไม่...คนภายนอกไม่มีผู้ใดกระจ่างแจ้ง แต่เป็นว่าสมัยนั้นเมื่อเอ่ยชื่อวิมุขมาศจะนึกถึง ‘สตรีสูงศักดิ์ผู้อาภัพรัก’ และจดจำกันเชิงว่า ‘อักขระกานต์ผิดต่อวิมุขมาศ’
เกิดเป็นตำนานของสองวัง...
และความที่พระชายาของสองพระองค์ต้นสกุลคือ พระองค์หญิงเสมอเสาวภาคย์-พระองค์หญิงสิรมารคมงคล ทรงเป็นพระโสทรภคินี สองวังเป็นพระญาติชิดเชื้อ จึงเกิดเป็นรอยร้าวชนิดกลืนไม่เข้าคายไม่ออกลูบหน้าปะจมูก เชื่อกันว่าทางอักขระกานต์พยายามประสานรอยร้าว
กาลต่อมาลือกันอึงเมือง เสด็จในกรมฯ ทรงทาบทามพระธิดาจากหม่อมรอง ๆ ของเสด็จวังวิมุขมาศเพื่อเสกสมรสกับพระโอรสจากหม่อมรอง ๆ ของพระองค์ บางเสียงว่าทุกข์โศกจากการสูญเสียของฝ่ายหญิงยังคอยเตือนจึงไม่ปรากฏข่าวมงคลใด ๆ ระหว่างสองวังอีก
หากแต่คำเล่าลือต่าง ๆ นานาเมื่อไม่มีข้อพิสูจน์ก็ต้องว่าเลื่อนลอยเต็มที
เล่าสืบเนื่องกันมาอีกว่ากรมพระอักขระกานต์ปโยธรไม่ทรงละเลิกพระดำริให้สองวังสมานเป็นทองแผ่นเดียว ก่อนสิ้นพระชนม์ทรงหวังการเสกสมรสในชั้นพระนัดดา หากทว่ามีทายาทโทนเป็นชายทั้งสองสกุล หม่อมเจ้าธไทธำรงในพระองค์ชายฐิติกับท่านหญิงประกายมาสทรงกลด และหม่อมเจ้าสลักพันธ์ในพระองค์ชายสลักอักษรากับท่านหญิงนวลนฤดี
ตำนานสองวังจึงเลือนรางดุจชีวิตซึ่งแทบสิ้นลมหายใจ
หลังเสด็จในกรมฯ สิ้นพระชนม์ พระองค์ชายฐิติทรงครองวังอักขระกานต์ในฐานะโอรสองค์โตจากพระมารดาซึ่งโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้เป็นสะใภ้หลวง ต้องตามธรรมเนียมประเพณีแต่ดั้งเดิม
กระทั่งเวลาผ่านไปมีเสียงโจษจันขึ้นอีก เหตุคือพระองค์ชายฐิติผู้ใกล้สิ้นพระชนม์ประทานวังอักขระกานต์แด่พระองค์หญิงกนิษฐ์นภเกตน์ พระขนิษฐาร่วมอุทรพระมารดาเดียวกัน เป็นที่ฮือฮาในหมู่พระญาติ สืบสายตามลำดับแล้ววังควรสืบทอดสู่หม่อมเจ้าธไทธำรงโอรสเพียงพระองค์เดียว แต่เจ้าของวังกลับทรงมอบให้พระขนิษฐาผู้เป็นสตรีไม่สืบสกุล อีกทั้งไม่ทรงเลือกชายใดเป็นคู่ครองครองพระองค์เป็นโสด เมื่อพระองค์หญิงกนิษฐ์นภเกตน์ไม่ทรงมีทายาท อย่างไรเสียวังต้องตกเป็นมรดกของพระภาติยะสายพระองค์หญิงเสมอเสาวภาคย์อยู่ดี จึงเกิดร่ำลือว่าพระองค์ชายฐิติมีพระประสงค์ให้พระขนิษฐาทรงทำหน้าที่ประทานวังต่อยังทายาทของอักขระกานต์ผู้สมรสกับทายาทของวิมุขมาศเท่านั้น
แต่อีกเช่นกัน ข่าวเซ็งแซ่เมื่อยังไม่ปรากฏเป็นจริงก็ต้องว่าโคมลอยเต็มทน
ในชั้นพระนัดดาของเสด็จในกรมฯ ต้นสกุล หม่อมเจ้าธไทธำรงเสกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริสรรพ (พิสุทธิ์โกศล) ให้กำเนิดบุตรคนหัวปี ‘หม่อมราชวงศ์ธภูมิ’ ถัดไปสองปี ‘หม่อมราชวงศ์ธพุฒิ’ ในปีเดียวกันนั้นหม่อมเจ้าสลักพันธ์กับคุณทานเทพิน (นราดล) ได้ชื่นชมธิดาคนแรก ‘หม่อมราชวงศ์ตาณโพยม’ ตามด้วย ‘หม่อมราชวงศ์สลิลทิช’ ไล่ ๆ กันมาคือ ‘หม่อมราชวงศ์ธเจต’ คุณชายคนเล็กของอักขระกานต์ ฝ่ายวิมุขมาศสุดท้องที่ ‘หม่อมราชวงศ์รัมภาเพียงพิศ’
คุณชาย-คุณหญิงน้อย ๆ ของสองวังปลุกตำนานให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ยิ่งสามคุณชาย-สามคุณหญิงใบเถา ราวสวรรค์จัดวางเป็นสัญญาณว่าต้องมีคู่หมายของสองวังสัมฤทธิ์ในชั้นเหลนนี้ ไม่คู่ใดก็คู่หนึ่ง
พี่สาวของเธอ – พี่ชายของเขา สองคู่แล้ว มีทั้งล้มและล่มไม่เป็นท่า
หม่อมราชวงศ์ธภูมิสมรสกับหม่อมหลวงตุลยากร หม่อมราชวงศ์ธพุฒิสมรสกับนางสาวช่อเกด
คู่สุดท้าย...
ธเจตกับรัมภาเพียงพิศ
จากมุมเสาบนระเบียงปีกซ้ายชั้นสองเธอเห็นคุณชายธเจตหมุนพวงกุญแจรวบในกำมือหันกลับตำหนัก เสียงผู้ปรารถนาจะติดปีกบินหนีเธอ...ลอยมา
“เฮ้อ...เจ้าหมอกเอ๋ย ชีวิตนี้จะรอดพ้นคุณหญิงรัมภาเพียงพิศไหม”
เจ้าของชื่อ ‘รัมภาเพียงพิศ’ พลันตัวเย็นเฉียบขณะเบ้าตาผ่าวร้อน ทางเดียวจะกลั้นน้ำตามิให้ทะลักคือกัดริมฝีปากแรงไว้จนกว่าจะไม่เหลือความรู้สึกอื่นนอกจากเจ็บ...บอกตัวเองว่าร้องไห้ไม่ได้เด็ดขาด
ทันทีนั้นใบหน้าเคลือบแต่งจัดจ้านกลับราวเป็นเพียงโฉมของหน้ากาก
จรดไว้ในทรวงว่า... (๓)
https://pantip.com/topic/41966906
ตอน ๒
https://pantip.com/topic/41968303
(๓)
ตำนานสองวัง
แววตาชายหนุ่มปรากฏรอยเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินเสียงคนของพระองค์หญิงกนิษฐ์นภเกตน์ตามตัวให้อยู่รับแขกจากวังวิมุขมาศ ร่างสูงกำยำสมส่วนในชุดสีเมฆร่อนหากุญแจรถคู่ใจ คนในตำหนักระดมกันหาตัวเขาจากชั้นบนลงโถงล่าง แต่เชิงชั้นนายทหารของกองทัพชำนาญชัยภูมิ พลิกจากถูกล่าเป็นเอาเถิดเจ้าล่อปั่นหัวคนไล่ตามเล่น
และแล้วนายเรืออากาศโทก็ได้ติดปีกเมื่อแม่เผื่อนคนของท่านหญิงประกายมาสทรงกลดดอดย่องมายื่นกุญแจแอสตัน มาร์ตินคันเก่งให้ ไม่มีเวลาสงสัยว่าแม่เผื่อนหาเจอจากที่ไหนหรืออย่างไร ขอแค่มันช่วยพาหนีรอด เขาคว้ากุญแจรถหมับยิ้มกริ่มอย่างกำชัยได้อิสรภาพ ร่างสง่าปราดเปรียวดิ่งไปประตูหน้า ทว่าฝ่ามือใหญ่แข็งแรงพลันตะปบบ่ายึดไว้
“จะไปไหนเจ้าหมอก วันนี้แกหลบไม่พ้นหรอก”
คุณชายธภูมิเจ้าของฝ่ามือหน้าขรึมแต่อมยิ้มนิด ๆ อย่างไม่รู้จะเห็นใจหรือสมน้ำหน้าน้องชายดี
“ตาแกแล้ว ไปรับแขกซะดี ๆ”
“ปีกขยับพึ่บพั่บจะบิน อยู่ไม่ไหวละครับ”
“องค์ย่าน้อยเด็ดปีกแกแล้วนี่”
เจ้าตัวชูกุญแจรถอย่างจะอวดกึ่งอุทธรณ์ “ท่านย่าต่อปีกให้แล้ว”
‘องค์ย่าน้อย’ กับ ‘ท่านย่า’ ของคุณชายอักขระกานต์ หมายถึง พระองค์หญิงกนิษฐ์นภเกตน์กับท่านหญิงประกายมาสทรงกลด
“อย่าให้องค์ย่าน้อยของเราต้องเสียหน้า”
“พี่ชายภูมิรอดแล้วก็พูดได้สิครับ ตอนพี่ชายพุฒิหนีสุดกู่ไปโน่น”
“เออน่า เขามาหาถึงบ้าน”
ว่าแล้วพี่ชายใหญ่ลากน้องชายผู้ทำหน้าเมื่อยกลับไป รัมภาเพียงพิศหลบวูบตัวลีบแนบผนังหลบมุมสายตา เธอเห็นและได้ยินตั้งแต่ตอนแม่ผันกำชับคนรับใช้รุ่นเล็กว่าให้เกณฑ์คน ‘ช่วยกันจับ’ คุณชายหมอกมาให้ได้ โดยไม่รู้ตัวหญิงสาวหันยังกำแพงผนังปีกขวาซึ่งติดรูปพระองค์และบุคคลในสกุล
เรื่องมีมาตั้งแต่ต้นสกุลของสองวัง กรมพระอักขระกานต์ปโยธรกับกรมหลวงวิมุขมาศรังสฤษฎิ พระทัยตรงกันว่าพระโอรส-พระธิดาทรงคู่ควรงามสมยิ่งนัก เมื่อฝ่ายสตรีถึงชันษาเหมาะสม การเสกสมรสระหว่างพระองค์ชายวังอักขระกานต์กับพระองค์หญิงวังวิมุขมาศถูกกำหนดและจัดเตรียมอย่างเอิกเกริก
พระองค์ชายฐิติสมาน-มโนมัยกับพระองค์หญิงฉันท์ฉินจำรัสหล้า
ว่ากันว่าพระองค์ชายฐิติผู้ทรงมีหม่อมอยู่ก่อนแล้ว หม่อมละม้าย-บุตรสาวพระนมคล้อย หม่อมเอื้อน-นางละครจากคณะละครวังสวนกุหลาบ ทรงต้องพระทัยใน ‘น้องหญิง’ พระชันษาห่างกัน 7 ปี และพอพระทัยจะเสกสมรสพระองค์หญิงฉันท์ฉินจำรัสหล้าเป็นพระชายาในพระองค์ ได้รับตราโปรดเกล้าฯ ให้เป็นสะใภ้หลวงตามพระประสงค์ของเสด็จในกรมฯ ผู้ทรงเป็นพระบิดา
ทว่าดังสายฟ้าฟาด พิธีถูกยกเลิกก่อนฤกษ์อันงามนั้นเพียงสามวัน แต่ด้วยเหตุผลกลใดนั้นไม่เป็นที่ประจักษ์ชัด รู้เพียงว่าพระองค์ชายฐิติซึ่งเคยเต็มพระทัยกลับทรงปฏิเสธการเสกสมรสโดยเด็ดขาด
วิวาห์อันลือลั่นว่าเทพอุ้มสมกลายเป็นข่าวซุบซิบอื้ออึงโดยเฉพาะเหล่าพระญาติวงศ์ หลังงานมงคลล่มไม่เต็มสองเดือนพระองค์ชายฐิติก็เสกสมรสกับหม่อมเจ้าประกายมาสทรงกลด ท่านหญิงม่ายผู้ทรงมีพระชันษาแก่กว่า 2 ปี เสียงนินทายิ่งกระฉ่อนเมื่อเดือนต่อมาพระองค์หญิงฉันท์ฉินจำรัสหล้าสิ้นพระชนม์ พระชันษาเพิ่งเข้า 18 ปีเต็มไม่กี่วัน ข่าวเป็นทางการจากวังวิมุขมาศว่าสิ้นพระชนม์จากการประชวร ทว่าเสียงลือแพร่สะพัดไปทางทรงตรอมพระทัยจนสิ้น เลยเถิดถึงขั้นว่าเสวยยาพิษปลงพระชนม์ น่าสลดใจและน่าเสียดายยิ่งนัก...เจ้านายกำเนิดสูงส่งต้องวายชนม์แต่วัยสาวเพราะช้ำรัก
จริงหรือไม่...คนภายนอกไม่มีผู้ใดกระจ่างแจ้ง แต่เป็นว่าสมัยนั้นเมื่อเอ่ยชื่อวิมุขมาศจะนึกถึง ‘สตรีสูงศักดิ์ผู้อาภัพรัก’ และจดจำกันเชิงว่า ‘อักขระกานต์ผิดต่อวิมุขมาศ’
เกิดเป็นตำนานของสองวัง...
และความที่พระชายาของสองพระองค์ต้นสกุลคือ พระองค์หญิงเสมอเสาวภาคย์-พระองค์หญิงสิรมารคมงคล ทรงเป็นพระโสทรภคินี สองวังเป็นพระญาติชิดเชื้อ จึงเกิดเป็นรอยร้าวชนิดกลืนไม่เข้าคายไม่ออกลูบหน้าปะจมูก เชื่อกันว่าทางอักขระกานต์พยายามประสานรอยร้าว
กาลต่อมาลือกันอึงเมือง เสด็จในกรมฯ ทรงทาบทามพระธิดาจากหม่อมรอง ๆ ของเสด็จวังวิมุขมาศเพื่อเสกสมรสกับพระโอรสจากหม่อมรอง ๆ ของพระองค์ บางเสียงว่าทุกข์โศกจากการสูญเสียของฝ่ายหญิงยังคอยเตือนจึงไม่ปรากฏข่าวมงคลใด ๆ ระหว่างสองวังอีก
หากแต่คำเล่าลือต่าง ๆ นานาเมื่อไม่มีข้อพิสูจน์ก็ต้องว่าเลื่อนลอยเต็มที
เล่าสืบเนื่องกันมาอีกว่ากรมพระอักขระกานต์ปโยธรไม่ทรงละเลิกพระดำริให้สองวังสมานเป็นทองแผ่นเดียว ก่อนสิ้นพระชนม์ทรงหวังการเสกสมรสในชั้นพระนัดดา หากทว่ามีทายาทโทนเป็นชายทั้งสองสกุล หม่อมเจ้าธไทธำรงในพระองค์ชายฐิติกับท่านหญิงประกายมาสทรงกลด และหม่อมเจ้าสลักพันธ์ในพระองค์ชายสลักอักษรากับท่านหญิงนวลนฤดี
ตำนานสองวังจึงเลือนรางดุจชีวิตซึ่งแทบสิ้นลมหายใจ
หลังเสด็จในกรมฯ สิ้นพระชนม์ พระองค์ชายฐิติทรงครองวังอักขระกานต์ในฐานะโอรสองค์โตจากพระมารดาซึ่งโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้เป็นสะใภ้หลวง ต้องตามธรรมเนียมประเพณีแต่ดั้งเดิม
กระทั่งเวลาผ่านไปมีเสียงโจษจันขึ้นอีก เหตุคือพระองค์ชายฐิติผู้ใกล้สิ้นพระชนม์ประทานวังอักขระกานต์แด่พระองค์หญิงกนิษฐ์นภเกตน์ พระขนิษฐาร่วมอุทรพระมารดาเดียวกัน เป็นที่ฮือฮาในหมู่พระญาติ สืบสายตามลำดับแล้ววังควรสืบทอดสู่หม่อมเจ้าธไทธำรงโอรสเพียงพระองค์เดียว แต่เจ้าของวังกลับทรงมอบให้พระขนิษฐาผู้เป็นสตรีไม่สืบสกุล อีกทั้งไม่ทรงเลือกชายใดเป็นคู่ครองครองพระองค์เป็นโสด เมื่อพระองค์หญิงกนิษฐ์นภเกตน์ไม่ทรงมีทายาท อย่างไรเสียวังต้องตกเป็นมรดกของพระภาติยะสายพระองค์หญิงเสมอเสาวภาคย์อยู่ดี จึงเกิดร่ำลือว่าพระองค์ชายฐิติมีพระประสงค์ให้พระขนิษฐาทรงทำหน้าที่ประทานวังต่อยังทายาทของอักขระกานต์ผู้สมรสกับทายาทของวิมุขมาศเท่านั้น
แต่อีกเช่นกัน ข่าวเซ็งแซ่เมื่อยังไม่ปรากฏเป็นจริงก็ต้องว่าโคมลอยเต็มทน
ในชั้นพระนัดดาของเสด็จในกรมฯ ต้นสกุล หม่อมเจ้าธไทธำรงเสกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริสรรพ (พิสุทธิ์โกศล) ให้กำเนิดบุตรคนหัวปี ‘หม่อมราชวงศ์ธภูมิ’ ถัดไปสองปี ‘หม่อมราชวงศ์ธพุฒิ’ ในปีเดียวกันนั้นหม่อมเจ้าสลักพันธ์กับคุณทานเทพิน (นราดล) ได้ชื่นชมธิดาคนแรก ‘หม่อมราชวงศ์ตาณโพยม’ ตามด้วย ‘หม่อมราชวงศ์สลิลทิช’ ไล่ ๆ กันมาคือ ‘หม่อมราชวงศ์ธเจต’ คุณชายคนเล็กของอักขระกานต์ ฝ่ายวิมุขมาศสุดท้องที่ ‘หม่อมราชวงศ์รัมภาเพียงพิศ’
คุณชาย-คุณหญิงน้อย ๆ ของสองวังปลุกตำนานให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ยิ่งสามคุณชาย-สามคุณหญิงใบเถา ราวสวรรค์จัดวางเป็นสัญญาณว่าต้องมีคู่หมายของสองวังสัมฤทธิ์ในชั้นเหลนนี้ ไม่คู่ใดก็คู่หนึ่ง
พี่สาวของเธอ – พี่ชายของเขา สองคู่แล้ว มีทั้งล้มและล่มไม่เป็นท่า
หม่อมราชวงศ์ธภูมิสมรสกับหม่อมหลวงตุลยากร หม่อมราชวงศ์ธพุฒิสมรสกับนางสาวช่อเกด
คู่สุดท้าย...
ธเจตกับรัมภาเพียงพิศ
จากมุมเสาบนระเบียงปีกซ้ายชั้นสองเธอเห็นคุณชายธเจตหมุนพวงกุญแจรวบในกำมือหันกลับตำหนัก เสียงผู้ปรารถนาจะติดปีกบินหนีเธอ...ลอยมา
“เฮ้อ...เจ้าหมอกเอ๋ย ชีวิตนี้จะรอดพ้นคุณหญิงรัมภาเพียงพิศไหม”
เจ้าของชื่อ ‘รัมภาเพียงพิศ’ พลันตัวเย็นเฉียบขณะเบ้าตาผ่าวร้อน ทางเดียวจะกลั้นน้ำตามิให้ทะลักคือกัดริมฝีปากแรงไว้จนกว่าจะไม่เหลือความรู้สึกอื่นนอกจากเจ็บ...บอกตัวเองว่าร้องไห้ไม่ได้เด็ดขาด
ทันทีนั้นใบหน้าเคลือบแต่งจัดจ้านกลับราวเป็นเพียงโฉมของหน้ากาก