แบบนี้เรียกว่าคุ้มแล้วหรือยังไม่คุ้มดี สำหรับการใช้ชีวิต

เคยรู้สึกสงสัยว่ามีชีวิตคุ้มค่าหรือยังไหมครับ

ช่วงนี้โพสต์เยอะนิดนึงนะ ช่วงปั้นปลายสุดท้ายในชีวิตแล้ว อยู่ได้อีกไม่กี่วัน

พออยู่เป็นผักเฉยๆแล้วมันเครียดน่ะครับ หรืออาจจะเหงาก็ได้มั้ง

เริ่มดีกว่า

ช่วงนี้เวลาหลับจะฝันถึงอดีตครับ และมันอึดอัดมาก เลยลองระบายออกมา

ตอนเด็กๆไม่มีเพื่อนครับ เพราะถูกย้ายมากลางคัน ต้องแอบเกาะคนนู้นคนนี้เพื่อให้ดูมีเพื่อน

ต้องทำตัวร่าเริงรับได้ทุกอย่าง เรียนก็เอา กีฬาก็เอา กิจกรรมอะไรจะเป็นตัวร้ายให้หมด

ในที่สุด เมื่อมีความพยายาม สังคมก็ยอมรับครับ ได้เกียรติเป็นตัวตลกปัญญาอ่อน

เวลาใครอยากขำ ก็จะเรียกไป อยากได้อะไร ก็จะมาหยิบของไปเป็นของตัวเองเลย

ถ้าไปเอาคืนก็แค่บอกว่าจะโดนโขมย จะโดนแย่ง ก็เอาคืนไม่ได้แล้ว 

ถ้าคบกับเพื่อนแย่ๆไม่ได้ ก็คบคนตั้งใจเรียนดีกว่า

เลยตั้งใจอ่านหนังสือ ปกติปีนึงมันจะมีแค่เล่มเดียว ว่างอยู่แล้วไม่มีเพื่อนเล่น
 
เลยอ่านไล่ตั้งแต่ของประถมไปถึง ม.ปลายเลย ก็อย่างที่คิด

สอบได้ที่ 1 ครับ เลยได้รางวัลตามที่สัญญา แต่ก็ดูจะไม่อยากให้ แบบ ไอ้นี่เนี่ยนะ ได้ที่หนึ่ง

แถมโดนคนอื่นเกลียดกว่าเดิมอีก ตอนนี้ใช้คำว่าไม่อยากมายุ่งเลยดีกว่า

แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องมีเพื่อน มีแต่คนคอยขัดขา ก็จบมาได้ครับ 

ก็อ่านไปหมดแล้ว เลยไม่ต้องตั้งใจเรียน แค่เหม่อไปวันๆในห้องเรียนก็สอบผ่าน

แต่ก็โดนตีบ่อยๆ เพราะเรื่องการบ้าน อย่างเช่น ชอบย่อข้อความ ลายมือไม่สวย 

 โดนแกล้งในห้องบ่อยจนไม่อยากเข้าเรียน สมุดงานหรือของหายโดนขโมย อะไรพวกนี้

แต่เกรดก็เกิน 3 อยู่ดี

พอขึ้นมัธยม ก็เลยเปลี่ยน ถ้าเป็นเด็กเรียนแล้วไม่ดี เลยเลือกตามคนอื่นแล้วกัน

แต่ก็สอบได้ห้องเด็กเรียนห้องแรกอยู่ดี ผลไม่ค่อยต่างจากเดิมเท่าไหร่ แค่เริ่มพูดคำหยาบบ้างแล้ว

เริ่มทำอะไรที่เด็กเกเรทำ แต่ก็แค่ตามน้ำไป จะได้เข้าพวก

ขึ้น ม.ปลายเลยเอาความผิดพลาดมาเรียนรู้ กาข้อสอบมั่วมันเลย ได้อยู่ห้องกลางๆสมใจ

ไม่เอาใครทั้งนั้น อยากไปก็ไป อยากมาก็มา เรื่องของเอ็ง กวนมากวนกลับ

ถึงช่วงนี้อาการขี้แยก็หายไปแล้ว

ตอนนี้ภาพลักษณ์เป็นเป้าสายตานักเลงมาก ทุกคนกลัว แต่ก็เข้ามาหาเรื่องเพราะดูเท่ห์ดี

แต่ทำอะไรไม่ได้จริง เพราะความต่างของร่างกาย 

เพราะช่วงนั้นเบื่อเลยยกล้อรถบรรทุกเล่นทุกวัน ก็หนังสืออ่านหมดไปนานแล้วนี่นะ

อยู่ ร.ร.ว่างเมื่อไหร่ก็เข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุด พออ่านหมด ก็ไปอาสาสมัครแอดมินห้องคอม 

จะได้หาอะไรดูง่ายๆได้เยอะๆ ถูกเลือกไห้ไปแข่งก็ไม่เอา ไม่งั้นเป็นแบบประถมแน่ๆ

อยู่แกล้งโง่ไปวันๆดีกว่าสบายดี อย่างมากก็ทำงานให้คนอื่นส่งไปประกวดรับหน้าแทน ไม่ลงชื่อตัวเอง

เรียนรด.ไม่ได้ เป็นหอบหืดกับภูมิแพ้ ถึงร่างกายจะฟิตกว่าคนอื่นก็เถอะ แค่กล้ามเนื้อล่ะนะ

คืออยากเป็นมาก ฝึกอย่างนาน ผ่านทุกการทดสอบ แต่ไม่ไห้ฝึก เพราะอวัยวะภายในรับนานๆไม่ไหว

พอรู้สภาพร่างกายตัวเอง เลยตั้งเป้าชีวิตไหม่ไว้แล้วว่าจะทำงานสื่อบรรเทิง เลยเริ่มฝึก

เริ่มตั้งแต่เขียนสตอรี่บอร์ด ทดลองถ่ายทำ ลองอัดเสียง ควบคุมการสังเคราะห์เสียง ซื้ออุปกรณ์มาใช้เอง

เลยเริ่มทำงานพิเศษ ปกติทำตั้งแต่ประถมแล้วแต่เป็นการช่วยงานคนอื่นรับเศษเงิน

รอบนี้เปิดร้านขายบัตรเติมเงินเองเลย โฆษณาเอง ใช้หน้าตัวเองโปรโมท แต่งหน้าทำผมไม่อายฟ้าดิน

ทำได้เดือนนึง เก่งพอๆกับเด็กมหาลัยจบไหม่ อาจารย์เลยให้ขึ้นไปสอนแทน 

เลยเป็นเจ้าของหลักสูตร(แต่ใช้ชื่ออาจารย์) การสร้างสื่อ ทั้งตัดต่อวิดิโอ เสียง จัดลำดับเรื่องราว 

ออกไปถ่ายทำ งานออกแบบบนคอม บลาๆ

และต้องวิ่งตามช่วยอาจารย์ด้านเทคนิคตามงานต่างๆอีก สื่อการสอน จัดการระบบให้พร้อมเรียน

งานวัฒนธรรม งานแต่ง แบบฟรีๆ

ก็ไม่ได้อยากทำหรอก

แต่ได้เกรด 4 โดยไม่ต้องส่งการบ้าน และโดดเรียนได้ เลยยอม

ตอนจะจบ กำลังจะกรอกหลักสูตรที่เรียน เพื่อยื่นมหาลัย พบว่าห้องที่เรียนไม่มีหลักสูตร 

เป็นห้องที่ตั้งขึ้นมากระทันหัน เพราะจำได้ว่าตอนสอบ ได้อยู่ห้อง 3 เป็นห้องกลางๆจาก 5 ห้อง

ห้อง 3 เป็นศิลป์ภาษา แต่มีผู้ปกครองมาร้องเรียนให้ลูกตัวเองได้อยู่ห้อง 1 พอคนเยอะเกินไป

เกือบครึ่งเลยโดนย้ายไปห้อง 4 ที่ไม่มีตั้งแต่แรก เพราะตอนแรกมันคือห้องพละ 

เป็นห้องของคนที่สอบอะไรไม่ได้สักอย่าง เรียกว่าเด็กเกเรนี่แหล่ะ เรียนได้แค่นักกีฬากับกรรมการ

ก็เลยลงไปมั่วๆว่าหลักสูตรเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเรียนอะไรเป็นพิเศษ

จนได้เข้ามหาลัย ทำได้ทุกอย่าง แต่ป่วยบ่อย เกรดเลยอยู่แถวๆ 3 เน้นที่การเป็นหัวหน้าทีม

คอยแก้ไฟนอลไห้สมบูรณ์ บางวิชาก็ทำเองคนเดียวตั้งแต่ต้น เพราะดูแล้วคนอื่นทำไม่ได้เลย

แถมอาจารย์ยังคาดหวังอีก เพราะมันเด่นมากๆ ถ้าส่งไปทั้งๆไม่ดี จะรู้เลยว่าใครทำบ้าง

บอกเลยช่วงนี้สนุกที่สุดล่ะมั้ง เพราะถึงอยู่กับพวกไม่เอาไหน แต่มันก็ยอมให้สั่ง เพื่อจะรอด และไม่ได้เคืองอะไรกัน

เพราะต่างคนต่างช่วยตามที่ถนัด ทำไรไม่ได้ก็นั่งรอตาปริบๆ ถึงส่วนไหญ่จะต้องแก้ไหม่ให้หมดก็เถอะ แต่สนิทกันดี

หายนะเริ่มปีหลังๆ เพราะลงทะเบียนไม่ทันกัน แยกกันไปหมด ต้องอยู่กับใครไม่รู้ ที่ทำงานแบบไม่มีระบบ แบบถูไถตายเอาดาบหน้าน่ะ

นึกจะทำก็ทำ จะหายก็หาย ไม่แจ้งไม่อะไร ไม่บอกแบบไหน ต้องวิ่งไล่ถาม เหนื่อยกว่าทำงานคนเดียวอีก

เรียนถึงเทอมสุดท้าย ป่วยหนัก เพราะสั่งงานกันทั้งวันทั้งคืน ต้องเอาใบรับรองแพทย์มาเพื่อขอส่งงานไหม่

รับแค่วิชาเดียว แต่ที่เหลือปัดทิ้งหมด และสุดท้ายก็จบไม่ได้ 

แอบสร้างบริษัทขึ้นมารับงานเอง ประมาณเดือนนึง แต่รายได้ไม่แน่นอน เลยถูกบังคับกลับบ้านนอก

ตอนนี้พูดได้ 3 ภาษา และกำลังเพิ่มอีก 2 ภาษา ใช้ซอฟแวร์ระดับสูงได้ รู้เรื่องฮาร์ดแวร์เป็นอย่างดี

การทำวิดีโอคนเดียวอยู่ในระดับหนังฟอร์มยักษ์ทั่วไป ถ้าเป็นรายการโทรทัศน์คือมั่นใจว่าทำได้หมด

รูปร่างหน้าตาตอนไม่ป่วยจัดอยู่ในระดับดี ถ้าแต่งหน้าก็เอาเรื่องอยู่นะ

ไอเดียดีแค่ไหนไม่รู้ แต่ถือว่าแปลกไหม่ที่สุดตอนเรียน ได้คะแนนแถมตลอด  

สร้างงาน 3d 2d ได้เท่ากับมืออาชีพด้วยอุปกรณ์ที่ด้อยกว่า ก็ไปช่วยบ่อยนี่นะ

แต่งหน้าทำผมเป็นแบบเข้าใจพอๆกับช่าง บางที่ก็เตือนช่างและทำให้ดู จนสนิทกัน

เข้าใจวิทยาศาตร์ ตั้งแต่อนุภาคจนถึงมิติคู่ขนาน และความเป็นไปได้ของจักรวาล

เขียนหนังสือได้ทุกแนว ตั้งแต่สื่อการสอน นิยาย เรื่องจริงจัง ไปถึงการ์ตูนตลก

เอาเป็นว่าพูดเท่าไหร่ก็ไม่หมด เพราะใครอยากไห้ทำอะไรก็ไปอ่านเอาเองแล้วฝึกเอาแปปๆก็รู้เรื่อง

ตอนนี้ไม่มีงานทำครับ เคยฝึกงานอยู่ที่นึงค่อนข้างได้รับความสนใจ(ไม่ใช่ของประเทศนี้) แต่ดันป่วยหนักเลยต้องออกมารักษาตัว

ถ้าไม่ถูกย้ายออกมาไกลๆคงอยากไปฝึกไหม่ สนิทกันจนเหมือนมีเส้นสายเลยล่ะ ฮา ตอนนี้มือสั่นละคงไม่ไหว

และหลังจากนั้นไม่รู้ทำไม พอไปที่อื่นที่พอเดินทางได้ ปฏิเสธกันตั้งแต่ไม่สัมภาษณ์หรือลองงานด้วยซ้ำ

เคยส่งแล้วไม่ตอบกลับมาสักที เลยไปเสนอหน้าที่ สนง. เขาถามเคยส่งมาสมัครด้วยหรอ สงสัยลบไปแล้ว ฮา

หลายที่เห็นไม่มีปริญญาก็ไม่เอาแล้ว 

ตอนนี้รับงานใช้แรงงานทั่วไปครับ ส่วนมากโดนไล่ออกในครึ่งวัน ตอนได้งานตั้งใจมากครับ ทำทุกอย่าง แต่หอบตั้งแต่เดินเข้าทำงาน ฮา

แรกๆเลยบอก แค่ยังไม่ชินนะครับ เลยได้อยู่ต่อ ทำงานหลักเสร็จเวลาว่างก็ทำความสะอาดทั่วไป แทบไม่ต้องจ้างเพิ่ม สลบครับ ฮา

ได้เสียค่ารักษาอีก ไปกี่ที่ก็เป็นแบบนี้หมด 

ยังไม่เคยมีเดือนไหน ที่ค่าแรงเยอะกว่าค่ารักษา

เอาความรู้เรื่องส่วนประกอบของสมุนไพรมาผสมยากินเอง

แต่ถ้ามันดีกว่ายาเอกชน คงทำขายเองไปแล้ว

และตอนนี้กำลังจะหมดลมหายใจ เพราะสั่งสมโรคมานาน และกลับมาสะสมหนักที่บ้านนอกนี่

ไม่เกี่ยวกับกำลังใจ ทุกวันก็ยังฮึดเกินร้อย ทำทุกอย่างที่ทำได้ แม้รู้ว่าเหลืออีกไม่นาน ก็ไม่ยอมอยู่เฉยๆ

จะทำจนวินาทีสุดท้าย

รู้ว่ามันมีหนทางรักษา แต่แสงนั้นมันไกลไปที่จะคลานไปคว้ามา

ตอนที่พิมพ์โพสต์นี้ ใช้แค่นิ้วเดียวเท่านั้น แค่ออกแรงสูดลมหายใจก็เหนื่อย เจ็บเครื่องใน

ไม่ได้กลัวการตาย เหมือนทำเต็มที่แล้ว เรียกว่าคุ้มกับอายุประมาณนี้ ไม่จำเป็นต้องแก่ก็ได้

การตายก็แค่หลับ สมองหยุดทำงานก่อนจะรู้สึกทรมาณซะอีก

ไม่ได้ใฝ่หา ไม่ได้หลีกหนี อะไรจะเกิดก็ปล่อยมันไป

บางทีอาจจะตื่นมาอีกในโรงพยาบาลเหมือนหลายๆครั้ง 

แต่จะเป็นไปได้ยังไงถ้าในเมื่อครั้งนี้ไม่มีใครรู้

แต่พอถามว่าเสียใจไหมก็แอบนิดๆ เพราะเสียดายที่ยังไม่ได้ออกนอกโลกตามที่ฝันไว้เลยสักครั้ง

ตลอดชีวิตนี้ได้คติที่ว่า 

“รางวัลคือของที่มีไว้สำหรับความสำเร็จ ไม่ใช่ของสำหรับความพยายาม และความพยายามไม่จำเป็นต้องสำเร็จ”

ปล.เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ไม่มีการแต่งแต้มใดๆ และผู้เขียนไม่มีเหตุผลให้ขี้โม้ โปรดไช้วิจารณญาณในการอ่าน
ถ้าคิดว่าคนอะไรจะเก่งทุกด้าน แต่ไม่มีใครจ้างเลย ก็ต้องดูแค่วิธีการพิมพ์ การแบ่งวรรค การใช้คำ 
และการเล่นกับคนอ่าน ที่อาจจะผิดน้อยกว่าครู นักพิสูจน์อักษรหรือข้าราชการบางคน (เคยเจองานบางคนอยากไปเจอหน้ามาก)

แต่ถ้าบอกทำให้ฟรี มากันเพียบครับ ฮา ทุกวันนี้ระหว่างไม่มีงานก็แอบทำฟรีอยู่ เผื่อว่าจะสนใจรับไปทำจริงๆบ้าง

หวังว่าจะตื่นมาได้โพสต์อีกครั้งนะครับ ถ้าหายไปเกิน 1 วัน แปลว่าอาจจะไปซะแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่