พอดีได้รับชมรายการเศรษฐกิจ Insight ทางช่อง TNN16 ซึ่งนำเสนอกี่ยวกับเรื่อง "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพิ่มรายได้รัฐ - ลดเหลื่อมล้ำ?" พอจะสรุปได้ดังนี้
ปี 2564 ผู้มีงานทำทั้งหมด 38.8 ล้านคน แบ่งเป็น
(ฝั่งซ้ายของภาพ) แรงงานที่มีรายได้จากค่าจ้างและเงินเดือน 18.6 ล้านคน
- รายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบฯ 10.5 ล้านคน
- รายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบฯ 8.1 ล้านคน
- ยื่นแบบฯ จริง 8.0 ล้านคน
(ฝั่งขวาของภาพ) แรงงานประเภทอื่น อาทิ อาชีพอิสระ เกษตรกร 20.2 ล้านคน
- รายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบฯ 8.5 ล้านคน
- รายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบฯ 11.7 ล้านคน
- ยื่นแบบฯ จริง 2.8 ล้านคน
รวมทั้ง 2 ฝั่ง มีคนยื่นแบบฯ = 8.0+2.8 = 10.8 ล้านคน
สรุปปีภาษี 2564
- ผู้ยื่นแบบฯ 10.8 ล้านคน
- ผู้จ่ายภาษี 4.2 ล้านคน
- ผู้ยื่นแบบฯ ที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี = 10.8-4.2 = 6.6 ล้านคน
ผลการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ปีภาษี 2564 เก็บได้ 3.38 แสนล้านบาท
สัดส่วนรายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อรายได้ภาษีทั้งหมด
- สหรัฐอเมริกา 51%
- OECD (องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ มีสมาชิก 38 ชาติ) 24%
- เอเชียและแปซิฟิก 16%
- ไทย 13%
สรุปสำหรับสหรัฐอเมริกา คือ รายได้จากภาษีครึ่งหนึ่งมาจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่ได้ค้นข้อมูลต่อว่ามีจำนวนผู้เสียภาษีเท่าไหร่ เทียบกับของไทย มีคนจ่ายแค่ 4.2 ล้านคน ถือเป็นสัดส่วนรายได้ 13% ผมก็ว่าเยอะแล้ว
(ข้อความด้านล่างเป็นความเห็นส่วนตัว)
จากภาพด้านบน ปี 2564
- รายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อรายได้ภาษีทั้งหมด 13.2%
- รายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มต่อรายได้ภาษีทั้งหมด 32.6%
สรุป
1) รายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม มากกว่า รายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประมาณ 2.47 เท่า แต่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามาจากผู้เสียภาษี 4.2 ล้านคน ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มมาจาก คนไทย+คนต่างชาติที่อยู่ในไทย+นักท่องเที่ยว รวมแล้วน่าจะมากกว่า 70 ล้านคน
2) มีคนขายและร้านค้าที่ไม่ได้อยู่ในระบบ VAT อีกเป็นจำนวนหนึ่ง ทำให้เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น
3) มีผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีแต่อาจจะไม่ได้จ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
มีข่าวออกมาว่า ทางสรรพากรจะใช้ AI สุ่มตรวจตามเว็บไซต์และเฟสบุ๊กเพื่อตรวจสอบรายได้ของแม่ค้าออนไลน์ ถ้าทำได้สำเร็จ ก็น่าจะจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น เป็นการสร้างความเป็นธรรมให้กับมนุษย์เงินเดือนด้วย ส่วนในปีนี้ คิดว่าน่าจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้นเพราะการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาแล้ว
ภาษีมูลค่าเพิ่มที่น่าจะเก็บได้เยอะ
- รถยนต์ สำหรับรถยนต์คันละ 5 แสนบาท จะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้ 35,000 บาท
- ระบบคอมพิวเตอร์ เช่น บริษัทซื้อระบบคอมพิวเตอร์ ราคา 10 ล้านบาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 700,000 บาท แต่ไม่แน่ใจว่าบริษัทสามารถเคลม VAT ได้หรือเปล่าเพราะ VAT ก็โหดอยู่
- โรงแรม สำหรับห้องพักราคา 4,000 บาทต่อคืน จะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้ 280 บาท
- ค้าปลีก เช่น Big C, Lotus, TOPS, 7-Eleven เป็นต้น
- ห้างสรรพสินค้า ช็อปไปหมื่นนึง ในนั้นมี VAT อยู่เกือบ 700 บาท
- ร้านอาหาร
รายการ เศรษฐกิจ Insight 8 มี.ค. 66
ที่มา:
https://www.youtube.com/watch?v=Zd0ZFVYhu4g
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพิ่มรายได้รัฐ - ลดเหลื่อมล้ำ?
ปี 2564 ผู้มีงานทำทั้งหมด 38.8 ล้านคน แบ่งเป็น
(ฝั่งซ้ายของภาพ) แรงงานที่มีรายได้จากค่าจ้างและเงินเดือน 18.6 ล้านคน
- รายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบฯ 10.5 ล้านคน
- รายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบฯ 8.1 ล้านคน
- ยื่นแบบฯ จริง 8.0 ล้านคน
(ฝั่งขวาของภาพ) แรงงานประเภทอื่น อาทิ อาชีพอิสระ เกษตรกร 20.2 ล้านคน
- รายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบฯ 8.5 ล้านคน
- รายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบฯ 11.7 ล้านคน
- ยื่นแบบฯ จริง 2.8 ล้านคน
รวมทั้ง 2 ฝั่ง มีคนยื่นแบบฯ = 8.0+2.8 = 10.8 ล้านคน
สรุปปีภาษี 2564
- ผู้ยื่นแบบฯ 10.8 ล้านคน
- ผู้จ่ายภาษี 4.2 ล้านคน
- ผู้ยื่นแบบฯ ที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี = 10.8-4.2 = 6.6 ล้านคน
ผลการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ปีภาษี 2564 เก็บได้ 3.38 แสนล้านบาท
สัดส่วนรายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อรายได้ภาษีทั้งหมด
- สหรัฐอเมริกา 51%
- OECD (องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ มีสมาชิก 38 ชาติ) 24%
- เอเชียและแปซิฟิก 16%
- ไทย 13%
สรุปสำหรับสหรัฐอเมริกา คือ รายได้จากภาษีครึ่งหนึ่งมาจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่ได้ค้นข้อมูลต่อว่ามีจำนวนผู้เสียภาษีเท่าไหร่ เทียบกับของไทย มีคนจ่ายแค่ 4.2 ล้านคน ถือเป็นสัดส่วนรายได้ 13% ผมก็ว่าเยอะแล้ว
(ข้อความด้านล่างเป็นความเห็นส่วนตัว)
จากภาพด้านบน ปี 2564
- รายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อรายได้ภาษีทั้งหมด 13.2%
- รายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มต่อรายได้ภาษีทั้งหมด 32.6%
สรุป
1) รายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม มากกว่า รายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประมาณ 2.47 เท่า แต่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามาจากผู้เสียภาษี 4.2 ล้านคน ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มมาจาก คนไทย+คนต่างชาติที่อยู่ในไทย+นักท่องเที่ยว รวมแล้วน่าจะมากกว่า 70 ล้านคน
2) มีคนขายและร้านค้าที่ไม่ได้อยู่ในระบบ VAT อีกเป็นจำนวนหนึ่ง ทำให้เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น
3) มีผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีแต่อาจจะไม่ได้จ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
มีข่าวออกมาว่า ทางสรรพากรจะใช้ AI สุ่มตรวจตามเว็บไซต์และเฟสบุ๊กเพื่อตรวจสอบรายได้ของแม่ค้าออนไลน์ ถ้าทำได้สำเร็จ ก็น่าจะจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น เป็นการสร้างความเป็นธรรมให้กับมนุษย์เงินเดือนด้วย ส่วนในปีนี้ คิดว่าน่าจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้นเพราะการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาแล้ว
ภาษีมูลค่าเพิ่มที่น่าจะเก็บได้เยอะ
- รถยนต์ สำหรับรถยนต์คันละ 5 แสนบาท จะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้ 35,000 บาท
- ระบบคอมพิวเตอร์ เช่น บริษัทซื้อระบบคอมพิวเตอร์ ราคา 10 ล้านบาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 700,000 บาท แต่ไม่แน่ใจว่าบริษัทสามารถเคลม VAT ได้หรือเปล่าเพราะ VAT ก็โหดอยู่
- โรงแรม สำหรับห้องพักราคา 4,000 บาทต่อคืน จะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้ 280 บาท
- ค้าปลีก เช่น Big C, Lotus, TOPS, 7-Eleven เป็นต้น
- ห้างสรรพสินค้า ช็อปไปหมื่นนึง ในนั้นมี VAT อยู่เกือบ 700 บาท
- ร้านอาหาร
รายการ เศรษฐกิจ Insight 8 มี.ค. 66
ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=Zd0ZFVYhu4g