คู่สมรสร่วมทำธุรกิจ ยื่นภาษีแบบไหนให้ถูกต้อง?

เมื่อคู่สมรสร่วมทำธุรกิจ คำถามสำคัญคือ "จะยื่นภาษีอย่างไร?" พร้อมไขข้อข้องใจเรื่องภาษีที่ควรรู้เพื่อความถูกต้อง!

เมื่อสามีภรรยาร่วมกันทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการขายของออนไลน์ เปิดร้านค้าเล็กๆ หรือกิจการภายในครอบครัว สิ่งที่หลายคนสงสัยคือ ต้องยื่น “ภาษีในฐานะคู่สมรส” หรือถือว่าเป็น “หุ้นส่วนธุรกิจ” กันแน่? และภาษีที่เกี่ยวข้องมีอะไรบ้าง?

ในกรณีที่จดทะเบียนสมรสและดำเนินธุรกิจร่วมกัน การเสียภาษีไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียว แต่ขึ้นอยู่กับรูปแบบการจัดการรายได้และลักษณะของกิจการ โดยภาษีหลักๆ ที่อาจเกี่ยวข้องมี 3 ประเภท คือ
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90/91)
ภาษีเงินได้นิติบุคคล (กรณีจัดตั้งเป็นบริษัท ห้างหุ้นส่วน ฯลฯ)

ทั้งนี้สามีภรรยาที่ทำธุรกิจร่วมกัน อาจเข้าข่ายต้องเสียภาษีเพียงบางประเภท หรือครบทั้ง 3 แบบ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางธุรกิจ เช่น รายได้ต่อปี ลักษณะกิจการ และรูปแบบการจดทะเบียน สามารถอธิบายได้ดังนี้

รายได้เกิน 1.8 ล้านต่อปี คู่สมรสต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือไม่?
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) คือภาษีที่เรียกเก็บจากการขายสินค้าและให้บริการภายในประเทศ รวมถึงสินค้าที่นำเข้า โดยอัตราภาษีปัจจุบันอยู่ที่ 7% ตามกฎหมาย ผู้ประกอบธุรกิจที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้อง จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วัน นับจากวันที่รายได้ถึงเกณฑ์ และหลังจากนั้นต้อง ยื่นแบบและชำระ VAT เป็นรายเดือนอย่างต่อเนื่อง

ในกรณีที่สามีภรรยาทำธุรกิจร่วมกันและจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย หากรายได้รวมเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ก็ต้องจดทะเบียน VAT ในนาม "คู่สมรส" และเสียภาษีร่วมกัน ไม่สามารถแยกรายได้กันเพื่อเลี่ยงเกณฑ์ได้ เพราะในทางภาษีถือว่าเป็นหน่วยภาษีเดียวกัน
อย่างไรก็ตามหากรายได้ยังไม่ถึงเกณฑ์ 1.8 ล้านบาท ก็ยังไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน VAT แต่หากประสงค์จะจดเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ เช่น ขอคืนภาษีซื้อ ก็สามารถยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้เช่นกัน

คู่สมรส...ต้องยื่นภาษีบุคคลธรรมดาแบบไหน?
หากสามีภรรยาทำธุรกิจร่วมกัน แต่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ยังต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยคำนวณจากสูตร
(รายได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน) × อัตราภาษี (สูงสุด 35%) = ภาษีที่ต้องชำระ
ซึ่งต่างจากภาษีมูลค่าเพิ่มตรงที่ คู่สมรสสามารถเลือกวิธีการยื่นแบบภาษีได้หลากหลาย ตามที่กฎหมายเปิดช่องไว้ใน มาตรา 57 ฉ แห่งประมวลรัษฎากร โดยมี 3 วิธีหลักให้เลือก ดังนี้

1. ยื่นแบบฯ ร่วมกัน เหมาะสำหรับคู่สมรสที่มีรายได้ต่างกันมาก โดยเลือกยื่นภาษีในนามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วรวมรายได้ทั้งหมดไว้ที่คนนั้น
ยื่นในนามสามี รายได้ของภรรยาและจากธุรกิจรวมกับรายได้ของสามี
ยื่นในนามภรรยา รายได้ของสามีและจากธุรกิจรวมกับรายได้ของภรรยา

2. ยื่นแยกกัน สามีภรรยาแยกรายได้จากธุรกิจที่ทำร่วมกัน แล้วต่างคนต่างยื่นแบบฯ และใช้สิทธิลดหย่อนของตนเอง
หากสามารถแยกรายได้ได้ชัดเจน ว่าส่วนไหนเป็นของใคร ก็ยื่นแยกตามจริง
หากแยกไม่ได้ชัดเจน ให้แบ่งรายได้เท่ากันคนละครึ่ง
หากตกลงกันได้ สามารถแบ่งรายได้ตามสัดส่วนที่เห็นสมควร
ถ้าตกลงกันไม่ได้ กฎหมายกำหนดให้แบ่งคนละครึ่ง
เหมาะสำหรับคู่สมรสที่มีรายได้พอกัน มีฐานภาษีและค่าลดหย่อนใกล้เคียงกัน การยื่นแยกจะช่วยเฉลี่ยภาระภาษีอย่างเหมาะสม

3. แยกเฉพาะเงินเดือน ยื่นรายได้อื่นรวมอีกฝ่าย ในกรณีที่ทั้งคู่มีรายได้จากงานประจำและธุรกิจร่วมกัน สามารถเลือกแยกเฉพาะเงินเดือนของตนเองมายื่นภาษี และให้อีกฝ่ายรับรวมรายได้จากธุรกิจและรายได้อื่นไปยื่นแทน

สามียื่นเฉพาะเงินเดือน ส่วนรายได้จากธุรกิจและอื่น ๆ ไปอยู่กับภรรยา
ภรรยายื่นเฉพาะเงินเดือน ส่วนรายได้จากธุรกิจและอื่น ๆ ไปอยู่กับสามี
เหมาะกับกรณีที่ฝ่ายหนึ่งมีเงินเดือนสูงและใช้สิทธิลดหย่อนเต็มแล้ว การกระจายรายได้อื่นให้ฝ่ายที่มีรายได้น้อยกว่าจะช่วยลดภาระภาษีโดยรวม

ตั้งบริษัทกับคู่สมรส เสียภาษีนิติบุคคลอย่างไร?
หากคู่สมรสที่ทำธุรกิจร่วมกันต้องการยกระดับกิจการเป็นนิติบุคคล เช่น บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน สามารถจดทะเบียนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยไม่มีข้อห้ามใดๆ สำหรับสามีภรรยาในการถือหุ้นหรือเป็นกรรมการร่วมกัน เมื่อธุรกิจมีสถานะเป็น “นิติบุคคล” การจัดการภาษีจะเปลี่ยนไปจากเดิม โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ ดังนี้

1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล (ในนามบริษัท)
รายได้จากการดำเนินธุรกิจจะถูกรวมไว้ในชื่อของนิติบุคคล และต้องคำนวณภาษีจาก (รายได้ – ค่าใช้จ่าย) = กำไรสุทธิ แล้วนำกำไรสุทธิมาคิดภาษีตามอัตราที่กำหนด โดยทั่วไปไม่เกิน 20% ภาษีในส่วนนี้ต้องยื่นและชำระในนามของบริษัท ไม่ใช่ในนามสามีหรือภรรยา

2. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ในนามคู่สมรส)
ถึงแม้กิจการจะอยู่ในรูปแบบบริษัท แต่สามีและภรรยายังต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับรายได้ส่วนตัวที่ได้รับจากบริษัท เช่น เงินเดือน ค่าปันผล ดอกเบี้ย รายได้อื่นๆ ที่ไม่ใช่ของนิติบุคคล
การยื่นแบบฯ ส่วนบุคคลนี้ สามารถเลือกได้ว่าจะ ยื่นร่วมกัน หรือ ยื่นแยกกัน ตามแนวทางที่กล่าวไว้ในหัวข้อภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งขึ้นอยู่กับการวางแผนภาษีและลักษณะรายได้ของแต่ละฝ่าย

กล่าวโดยสรุป การยื่นภาษีสำหรับคู่สมรสที่ทำธุรกิจร่วมกัน มีรายละเอียดที่ควรทำความเข้าใจอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่จำเป็นต้องยื่นรวมกันในนามของสามีและภรรยา รวมถึง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งมีแนวทางการยื่นแตกต่างกันไปตามรูปแบบของธุรกิจ

ดังนั้นการศึกษาและวางแผนภาษีล่วงหน้า จึงเป็นสิ่งสำคัญก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจร่วมกัน เพราะจะช่วยให้คุณและคู่สมรสสามารถบริหารภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงจากการเสียภาษีเกินความจำเป็นในอนาคต



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่