เรามีความคิดแบบนี้ผุดขึ้นมาในหัวตลอดผิดมากไหม...?

เราต้องกราบขออภัยท่านผู้อ่านทุกๆท่านไว้ก่อนเลยนะคะ หากความคิดของเราทำให้ท่านใดรู้สึกไม่ดี ซึ่งตัวเราเองก็ค่อนข้างสับสนและขัดแย้งในตัวเองอยู่ไม่น้อยเช่นกันค่ะ ว่าเราคิดแบบนี้เลวมากมั้ย ผิดมากรึป่าว พยายามจะเลิกคิดแบบนี้ แต่มันก็วนกลับมาทุกที
ยาวนิดนึงนะคะ

     ตั้งแต่จำความได้ เราเกิดมาในบ้านที่ไม่เป็นบ้าน ความทรงจำที่มีทั้งหมดรู้สึกว่าไม่เคยถูกเลี้ยงดูด้วยความรักจากแม่เลย ก่อนหน้าที่แม่จะมีเรา แม่มีครอบครัวมาก่อนมีพี่คนละพ่อ ซึ่งแม่ไม่ได้เป็นคนเลี้ยงดูพี่ๆ พี่ๆเราอยู่กับญาติผู้ใหญ่ท่านนึงมาตลอดจนโต พ่อเราเสียตอนเราเด็กมากๆจากโรคหัวใจเฉียบพลัน ช่วงวัยเด็กเราจะมีแต่ความทรงจำว่าพ่อรักเรามากแค่ไหน พาเราไปเที่ยว ป่วยพ่อคือเป็นคนพาเราไปหาหมอ คือคนคอยสั่งสอนเรา จนวันนึงฟ้าพาท่านจากเราำปไกลแสนไกล หลังจากนั้นชีวิตเราก็เปลี่ยนค่ะ ส่วนในพาร์ทความทรงจำของแม่คือ ทะเลาะกับพ่อเรื่องเงิน เช่น เอาเงินฝากในส่วนของเรา หรือของมีค่าของเราที่พ่อพยายามจะเก็บไว้ให้เราไปขาย หรือไม่ก็ทะเลาะกันเรื่องการใช้ชีวิตของแม่ ช่วงที่พ่ออยู่เราจำเรื่องของแม่ได้เท่านี้จริงๆ ไม่มีภาพจำว่าท่านแสดงความรักกับเราเลย พอพ่อเราเสียเราถูกแม่ส่งไปอยู่กับญาติผู้ใหญ่ท่านนึง ที่พี่ๆเราอยู่ จะว่าโดนทิ้งก็ได้ค่ะ เพราะแม่ไปมีแฟนใหม่ เป็นช่วงชีวิตที่เราเคว้งคว้างที่สุด นอนร้องไห้บ่อยมากๆเพราะคิดถึงพ่อ รู้สึกไม่เหลือใครในชีวิต ไม่มีใครที่สนิทใจด้วยได้เลย พี่ก็คนละพ่อ พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้แม่สนใจ ตั้งใจเรียน พยายามทำให้เห็นว่าดูแลตัวเองได้เพราะอยากให้แม่มารับไปอยู่ด้วย และรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของผู้ใหญ่ที่เลี้ยงดู จนสุดท้ายขอร้องแม่ว่าขอไปอยู่ด้วย ซึ่งแม่ก็ยอมค่ะ แต่แม่ไม่ได้ให้อยู่บ้านหลังเดียวกันนะคะ เราต้องมาเช่าห้องอยู่กับพี่ๆ การเรียนของเราก็ไปเป็นภาระคนอื่นต้องมาคอยจ่ายค่าหนังสือ ค่าเรียนให้ สุดท้ายออกมาทำงานเต็มตัว อยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่อยากเป็นภาระใคร แต่พอเงินเดือนออกแม่จะมารอเอาเงินเดือนจากเรา ช่วงนั้นแม่เริ่มมีหนี้สินพัวพัน กลายเป็นว่าเรา พี่ๆเราจะต้องโดนริบเงินเดือนเป็นประจำ จนเราเริ่มหาที่ยึดเหนี่ยวหาที่ระบาย จะบอกว่าตอนนั้นใช้ชีวิตแบบไม่รู้ว่าอะไรผิดถูกไปหมด แต่คำพูดของพ่อมักจะดึงสติกลับมาเสมอ และด้วยตัวเองยังมีความใฝ่ดีอยู่บ้าง จึงไม่ได้ดิ่งไปจนสุด ใฝ่ฝันช่วงวัยรุ่นแบบที่คนอื่นมีกัน แต่เราคือทำงาน เอาเงินให้แม่ ไม่พอแม่ยังพาเราไปแนะนำเสี่ยคนนึงเพื่อยืมเงิน พอได้มาไม่ใช้จนเสี่ยคนนั้นมาตามเราถึงบ้าน แต่โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเรา เราไม่อยากกลับบ้านอีกเลย ไปค้างบ้านเพื่อน บ้านพี่ที่ทำงาน หรือกลับบ้านก็หลบหน้าแม่ ซึ่งท่านเองก็ไม่ได้สนใจเราเท่าไหร่อยู่แล้วว่าเราจะไปไหนทำอะไร โทรหาเรามีแต่เรื่องเงิน เราดิ้นรนหาสังคมดีๆให้ตัวเอง พยายามจะคบคนดีๆเพราะไม่อยากใช้ชีวิตผิดๆอีกแล้ว จนได้มาเจอกับแฟนคนปัจจุบัน ทำให้เราเข้ารูปเข้ารอย และในที่สุดก็ตัดสินใจมาอยู่ด้วยกัน ช่วยกันสร้างจนตั้งตัวได้ มีบ้านมีรถ มีลูก แต่ในระหว่างนั้นเราก็ส่งเสียแม่ตลอดนะคะ ไม่เคยทิ้ง จนหลังๆมาแม่เราเป็นหนี้หนักมาก แบบไม่รู้สาเหตุซึ่งไม่พ้นเราและพี่ๆรับผิดชอบ เริ่มเข้ามารบกวนทางสามี้เรา แอบมาเอาเงินที่สามีเราโดยไม่ให้เรารู้  เริ่มก้าวก่ายครอบครัวเรา ซึ่งสำหรับเราสามีกับลูกคือเซฟโซนเดียวที่มี เราเตือนแล้วว่าไม่ให้เดือดร้อนถึงครอบครัวเรา แต่ก็ยังทำ จนตอนนี้เราเอือมระอากับแม่ตัวเอง เริ่มอคติกับแม่ตัวเอง จากที่ก่อนหน้านี้เราพยายามจะทำหน้าที่ลูกที่ดี พาไปกินข้าว มีโอกาศก็จะกลับไปเยี่ยมเสมอ แต่ตอนนี้เราไม่มีความคิดแบบนั้นอีกแล้วค่ะ บางครั้งรู้สึกว่าแม่เป็นภาระด้วยซ้ำ เราผิดมากมั้ยคะ ที่เราไม่รักท่านแล้ว หมดแรงจะทำหน้าที่ลูกที่พยายามจะเป็นลูกที่ดีแล้ว พยายามดึงสติตัวเองกลับมาว่านี่คือแม่ที่เลี้ยงดูเรามา ในวงเล็บว่ารึเปล่าตลอด เราปฏิญาณตัวเองว่าจะไม่ทำแบบนี้กับลูดเด็ดขาด เราอยากหลุดพ้นจากแม่ตัวเอง ไม่อยากรับรู้ปัญหา ไม่อยากรับผิดชอบ ถ้าเราจะเพิกเฉยกับแม่ตัวเอง ให้ท่านรับผิดชอบตัวเอง ส่วนเราก็จะให้เป็นรายเดือนตามที่ตั้งไว้ แต่เรารู้สึกว่าไม่รักแม่เราแล้วค่ะ ช่วยดึงสติเราทีค่ะ หรือมีแนวคิดอะไรที่จะทำให้เราอยู่ตรงกลางไม่มีความคิดสุดโต่งแบบนี้มั้ยคะ😭🥺
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่