ทุนอินเดีย-จีน ยึด ‘พัทยา’ ไล่ซื้อผับ ร้านอาหาร โรงแรม พูลวิลล่า จับตาทัวร์ศูนย์เหรียญคืนชีพ
https://www.matichon.co.th/economy/news_3845869
ทุนอินเดีย-จีน ยึด ‘พัทยา’ ไล่ซื้อผับ ร้านอาหาร โรงแรม พูลวิลล่า จับตาทัวร์ศูนย์เหรียญคืนชีพ
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจใน จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนทำธุรกิจที่ จ.ชลบุรี กันมาก โดยเฉพาะ นักลงทุนจากอินเดีย เข้ามาลงทุนซื้อธุรกิจร้านอาหารและผับบาร์บนถนนวอล์กกิ้งสตรีทพัทยา รองรับนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เข้ามาท่องเที่ยวเมืองพัทยากันจำนวนมากก่อนที่จีนจะเปิดประเทศวันที่ 8 มกราคม 2566 แต่การลงทุนยังไม่ได้ครบวงจรเหมือนนักลงทุนจีน
แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะที่ นักลงทุนจีน เริ่มมีเข้ามาซื้อกิจการร้านอาหาร โรงแรมขนาด 3-4 ดาวและโครงการพูลวิลล่า ในย่านบางละมุง พัทยา หาดจอมเทียน รวมถึงเหมาแหล่งท่องเที่ยว ทำเป็นธุรกิจท่องเที่ยวครบวงจรรองรับนักท่องเที่ยวจีน เหมือนกับทัวร์ศูนย์เหรียญที่กำลังจะกลับมาอีกครั้ง
นาย
มีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีคนจีนที่ซื้อบ้านอยู่อาศัยใน จ.ชลบุรี อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ซื้อในลักษณะยกทั้งโครงการ และที่ผ่านมามีนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรด้วยเช่นกัน เพื่อรองรับคนจีนโดยเฉพาะ มีทั้งลงทุนเองและลงทุนโดยคนไทยในรูปแบบนอมินี ทั้งนี้ ภายหลังเกิดกรณีทุนจีนสีเทาก็เริ่มเงียบไปบ้างแล้ว
หมอชนบทชี้ ผลนิด้าโพลล์ ดับฝันหนู ไม่ต้องคิดถึงนายกฯ แค่กลับเป็น รมว.สธ.ก็ทำไม่ได้แล้ว
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3845847
หมอชนบทชี้ ผลนิด้าโพลล์ ดับฝันหนู ไม่ต้องคิดถึงนายกฯ แค่กลับเป็น รมว.สธ.ก็ทำไม่ได้แล้ว
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ เฟซบุ๊ก
ชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ผลนิด้าโพลล์ สามจังหวัดชายแดนใต้ ดับฝันหนู ไม่ต้องคิดถึงนายกฯ แค่กลับเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขก็ทำไม่ได้แล้ว โดยระบุว่า
ผลนิด้าโพลล์ สามจังหวัดชายแดนใต้ ดับฝันหนู ไม่ต้องคิดถึงนายกฯ แค่กลับเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขก็ทำไม่ได้แล้ว
ผลนิด้าโพลล์ในภาคใต้ คงทำให้หัวหน้าพรรคและลูกทีมภูมิใจไทย กุมหัวปวดขมับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เมื่อปลายเดือนธันวาคม เคยประกาศฝันหวานว่าจะได้สส. 20 ที่นั่งจากโควต้าทั้งหมด 58 ที่นั่งในภาคใต้ แต่ผลโพลล์สามจังหวัดชายแดนใต้กลับมีคนจะเลือกนายอนุทินเป็นนายกฯแค่ 2.91% (เป็นพรรคต่ำอันดับ 9) และมีคนที่จะเลือกสส.เขตพรรคภูมิใจไทยแค่ 3.82% (เป็นพรรคต่ำอันดับ 7)
เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะ ข่าวการใช้อำนาจบาตรใหญ่ตามใจตนเอง โยกย้ายหมอสุภัทร ในต้นเดือนมกราคม 2566 แค่นั้นยังไม่พอ พอคนอำเภอจะนะ จ.สงขลาเดินทางกว่า 1,000 กิโลเมตรเพื่อไปถามว่าย้ายหมอที่เขารักทำไม ก็เอาตำรวจกันไว้นอกรั้วไม่ให้เข้ากระทรวงสาธารณสุข ทั้งที่เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่เขาจะมาสอบถามถึงสาเหตุการย้าย และบอกถึงความต้องการของเขา นั่นคือการไม่แยแส คนใต้ ไม่ใส่ใจคนจะนะ คนเขาอ่านข่าว เขาดูออกว่า หัวหน้าพรรคนี้ สนใจชาวบ้านคนใต้ แต่ปาก เวลาหาเสียงเท่านั้น แต่ความเป็นจริงนั้น เบ้ปาก ดูถูกเหยียดหยาม
เมื่อนิด้าโพลล์ สอบถามในวันที่ 10-20 กุมภาพันธ์ 2566 จึงทำให้ผลกลายเป็นแบบนี้ จึงเป็นคำถามสำหรับลูกพรรคภูมิใจไทยว่า “ทำไมหัวหน้าต้องมาทะเลาะ กลั่นแกล้งโยกย้ายประธานชมรมแพทย์ชนบทในช่วงกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มหาเสียงเลือกตั้งแบบนี้”
เป็นคำถามที่น่าสนใจจริงๆว่า ทำไมรัฐมนตรีสาธารณสุขผู้ยิ่งใหญ่ จึงต้องมาแก้แค้นหมอชนบทตัวเล็กๆในอำเภอจะนะ เช่นนี้ การอ้างว่า ปลัดกระทรวงฯทำเอง ไม่ได้สั่ง หรือสั่งไม่ได้ ก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะทุกคนก็เห็นกับตาว่าปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นตำแหน่งข้าราชการประจำอันทรงเกียรติ ที่ควรจะต้องเป็นผู้ถ่วงดุลอำนาจกับรัฐมนตรีโดยใช้วิชาการ เพื่อบอกว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ อะไรเป็นประโยชน์ต่อประเทศ อะไรไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ กลับยอมสนับสนุนกัญชาทางการพี้ โดยเดินตามไปดมใบกัญชาด้วยกันทุกที่
แทนที่จะแย้งด้วยเหตุผลทางการแพทย์จริงๆ รวมทั้ง เดินตามต้อยๆไปหาเสียงด้วยกันตามโรงพยาบาลต่างๆและพบอสม.ทั่วประเทศขนาดนั้น แค่สั่งให้ไปตอบคำถามในสภาก็ยังได้ ทั้งที่กระทรวงอื่นเขารักศักดิ์ศรีเขาจึงไม่ทำ เรียกได้ว่าสั่งซ้ายหันขวาหัน
ดังนั้นการที่การเมืองสั่งย้ายหมอสุภัทรและต้องแลกกับการที่ผลโพลล์เลือกตั้งลดลงอย่างมาก มันคุ้มกันไหม สำหรับเจ้าตัว คงต้องตอบว่ามันคุ้ม เพราะมันคือความแค้น ชิงชัง ที่หมอเล็กๆคนหนึ่ง กล้ามาวิจารณ์ “นโยบายกัญชาทางการพี้ของฉัน” กล้ามาเปิดโปงการหาผลประโยชน์จากวัคซีน การจัดสรรวัคซีนที่เอื้อบางจังหวัดตามโควตาสส. และไฟแค้นนี้กำลังเผาไหม้ ไม่เพียงทำร้ายหมอสุภัทร แต่ทำร้ายตนเอง และพรรคของตนให้ไหม้ลามไปด้วย
สิ่งเหล่านี้ยืนยันได้จาก การเข้าไปจับมือ และมอบคำชื่นชมแก่หมอผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะคนใหม่ ในช่วงที่ไปเยี่ยมจังหวัดสงขลา บอกว่าเป็นคนเก่ง คนดีมาก ทั้งที่เป็นแต่แพทย์ประจำ ยังไม่เคยเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลใดๆเลย การกระซิบให้ข้าราชการผู้บริหารกระทรวงส่งคนไปตรวจสอบหมอสุภัทรทันทีหลังย้ายเพื่อหาหลักฐานอะไรก็ได้ว่าทำผิด ทำไม่ดี และกำชับผู้บริหารกระทรวงว่าให้สนับสนุนงบประมาณให้พัฒนารพ.จะนะเต็มที่ เพื่อให้ดีขึ้นในไม่กี่เดือนหลังหมอสุภัทรย้ายไป เพื่อเยาะเย้ยว่า ถ้าเอ็งย้ายไป เห็นไหมโรงพยาบาลดีขึ้นทันที ทั้งที่เดิมไม่เคยแยแส ไม่เคยสนับสนุนงบประมาณ
โดยตึกผู้ป่วยที่เพิ่งสร้างเสร็จ ราคา 80 ล้าน หมอสุภัทรก็ต้องรวบรวมเงินบริจาคเพื่อมาก่อสร้างเอง นี่คือความหมกมุ่นของความเคียดแค้นชิงชัง ที่ต้องแลกมาด้วยการที่สส.เขตของภูมิใจไทยอาจจะได้ต่ำกว่าเดิม ซึ่งเดิมมี 8 คนก็ว่าน้อยแล้ว ถ้าน้อยกว่าเดิม ก็คืออาจจะไม่มี หรือ 1-2 คนก็ได้
พายุที่ถาโถมเข้าใส่พรรคภูมิใจไทย อย่างรุนแรง ทั้งการเปิดโปงทุจริตในกระทรวงคมนาคมที่มีรัฐมนตรีว่าการสังกัดพรรคภูมิใจไทย และการบอกถึงอันตรายของกัญชาที่กำลังแพร่กระจายในเยาวชน จนไปถึงการล็อคเป้ารณรงค์ไม่ให้เลือกภูมิใจไทยโดยคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ รวมถึงการโยกย้ายหมอสุภัทรอย่างไม่เป็นธรรม อาจจะกลายเป็นทอร์นาโดทางการเมืองที่พัดให้โพลล์ของพรรคภูมิใจไทยในภาคต่างๆลดลงอย่างรุนแรงหรือไม่ คงต้องรอติดตามนิด้าโพลล์ของภาคอื่นต่อไป ….แน่นอนว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กรรมของสัตว์ฟันแทะจริงๆ
Cr. ชมรมแพทย์ชนบท
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0293yonQAP5wGZtRB7tYWa19xjbU47UZ1mSKL9SnWDPeeFm8eko7es13texYMEgZFbl&id=142436575783508
เพื่อไทย จับตา กกต.ออกระเบียบยุบพรรคติดเทอร์โบ
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_508089/
เพื่อไทย จับตา กกต.ออกระเบียบยุบพรรคติดเทอร์โบก่อนเลือกตั้ง มองทำเกินอำนาจหรือไม่ ชี้อาจขัด รธน.และกฎหมายแม่บท ระวังถูกฟ้องศาลปกครอง
นาย
ชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ กกต.ได้ออกระเบียบ 3 ฉบับและได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 15 ก.พ.66 โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการยุบพรรคติดเทอร์โบ โดยในระเบียบดังกล่าวระบุถึงระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการยุบพรรคการเมืองเพียง 67 วัน จากเดิมที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลา ตนได้ตรวจข้อกฎหมายลำดับศักดิ์ของกฎหมายแล้วพบว่า แม้ กกต.จะอ้างอาศัยอำนาจตามมาตราต่างๆในรัฐธรรมนูญ 60 และ พรป.กกต. และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับอื่นๆ
ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บท รวมถึง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาการดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ.2565 แต่ตนเห็นว่า บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและ พรป.กกต.ไม่ได้ให้อำนาจ กกต.ออกระเบียบในลักษณะนี้ได้ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวของ กกต.อาจเป็นการออกระเบียบโดยไม่มีอำนาจ หรือนอกเหนืออำนาจ ระเบียบดังกล่าวจึงอาจไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.ประกอบกับการยุบพรรคเป็นโทษกับพรรคการเมือง กกต.จึง ไม่มีอำนาจออกระเบียบได้ และระเบียบดังกล่าวไม่สามารถมีผลย้อนหลังในคดีความที่นักร้องต่างๆ ได้ยื่นยุบพรรคการเมืองในช่วงก่อนหน้านี้ด้วย
ทั้งนี้ระเบียบนี้เป็นกฎเมื่อ กกต. ในฐานะหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย พรรคการเมืองที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนเสียหายมีอำนาจยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้เพิกถอนทำลายกฎดังกล่าวได้ ซึ่งที่ผ่านระเบียบที่ออกมาในทำนองนี้ ก็ได้มีผู้ฟ้องและศาลปกครองวินิจฉัยว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายและเพิกถอนมาแล้ว
ซึ่งอำนาจในการยุบพรรคการเมืองจะกระทำได้ในกรณีใดบ้างถูกกำหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองโดยเฉพาะอยู่แล้ว กกต.จะออกระเบียบเพิ่มอำนาจและเหตุที่จะยุบพรรคการเมืองให้ต่างไปจากกฎหมายแม่บทไม่ได้ และแม้ว่าฐานอำนาจในการออกระเบียบ กับกระบวนการจะชอบด้วยกฎหมาย แต่ในเนื้อหา อาจไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงต้องดูเป็นกรณีๆไป จึงขอเรียกร้องให้ กกต.ใช้อำนาจตามหลักความชอบด้วยกฎหมาย ของการกระทำทางปกครองและหลักความได้สัดส่วน เพื่อไม่ให้กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามที่รัฐธรรมนู
JJNY : จับตาทัวร์ศูนย์เหรียญคืนชีพ│หมอชนบทชี้นิด้าโพลล์ดับฝันหนู│พท.จับตากกต.ออกระเบียบยุบพรรค│ก้าวไกลคว่ำพ.ร.ก.อุ้มหาย
https://www.matichon.co.th/economy/news_3845869
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจใน จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนทำธุรกิจที่ จ.ชลบุรี กันมาก โดยเฉพาะ นักลงทุนจากอินเดีย เข้ามาลงทุนซื้อธุรกิจร้านอาหารและผับบาร์บนถนนวอล์กกิ้งสตรีทพัทยา รองรับนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เข้ามาท่องเที่ยวเมืองพัทยากันจำนวนมากก่อนที่จีนจะเปิดประเทศวันที่ 8 มกราคม 2566 แต่การลงทุนยังไม่ได้ครบวงจรเหมือนนักลงทุนจีน
แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะที่ นักลงทุนจีน เริ่มมีเข้ามาซื้อกิจการร้านอาหาร โรงแรมขนาด 3-4 ดาวและโครงการพูลวิลล่า ในย่านบางละมุง พัทยา หาดจอมเทียน รวมถึงเหมาแหล่งท่องเที่ยว ทำเป็นธุรกิจท่องเที่ยวครบวงจรรองรับนักท่องเที่ยวจีน เหมือนกับทัวร์ศูนย์เหรียญที่กำลังจะกลับมาอีกครั้ง
นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีคนจีนที่ซื้อบ้านอยู่อาศัยใน จ.ชลบุรี อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ซื้อในลักษณะยกทั้งโครงการ และที่ผ่านมามีนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรด้วยเช่นกัน เพื่อรองรับคนจีนโดยเฉพาะ มีทั้งลงทุนเองและลงทุนโดยคนไทยในรูปแบบนอมินี ทั้งนี้ ภายหลังเกิดกรณีทุนจีนสีเทาก็เริ่มเงียบไปบ้างแล้ว
หมอชนบทชี้ ผลนิด้าโพลล์ ดับฝันหนู ไม่ต้องคิดถึงนายกฯ แค่กลับเป็น รมว.สธ.ก็ทำไม่ได้แล้ว
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3845847
หมอชนบทชี้ ผลนิด้าโพลล์ ดับฝันหนู ไม่ต้องคิดถึงนายกฯ แค่กลับเป็น รมว.สธ.ก็ทำไม่ได้แล้ว
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ เฟซบุ๊กชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ผลนิด้าโพลล์ สามจังหวัดชายแดนใต้ ดับฝันหนู ไม่ต้องคิดถึงนายกฯ แค่กลับเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขก็ทำไม่ได้แล้ว โดยระบุว่า
ผลนิด้าโพลล์ สามจังหวัดชายแดนใต้ ดับฝันหนู ไม่ต้องคิดถึงนายกฯ แค่กลับเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขก็ทำไม่ได้แล้ว
ผลนิด้าโพลล์ในภาคใต้ คงทำให้หัวหน้าพรรคและลูกทีมภูมิใจไทย กุมหัวปวดขมับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เมื่อปลายเดือนธันวาคม เคยประกาศฝันหวานว่าจะได้สส. 20 ที่นั่งจากโควต้าทั้งหมด 58 ที่นั่งในภาคใต้ แต่ผลโพลล์สามจังหวัดชายแดนใต้กลับมีคนจะเลือกนายอนุทินเป็นนายกฯแค่ 2.91% (เป็นพรรคต่ำอันดับ 9) และมีคนที่จะเลือกสส.เขตพรรคภูมิใจไทยแค่ 3.82% (เป็นพรรคต่ำอันดับ 7)
เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะ ข่าวการใช้อำนาจบาตรใหญ่ตามใจตนเอง โยกย้ายหมอสุภัทร ในต้นเดือนมกราคม 2566 แค่นั้นยังไม่พอ พอคนอำเภอจะนะ จ.สงขลาเดินทางกว่า 1,000 กิโลเมตรเพื่อไปถามว่าย้ายหมอที่เขารักทำไม ก็เอาตำรวจกันไว้นอกรั้วไม่ให้เข้ากระทรวงสาธารณสุข ทั้งที่เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่เขาจะมาสอบถามถึงสาเหตุการย้าย และบอกถึงความต้องการของเขา นั่นคือการไม่แยแส คนใต้ ไม่ใส่ใจคนจะนะ คนเขาอ่านข่าว เขาดูออกว่า หัวหน้าพรรคนี้ สนใจชาวบ้านคนใต้ แต่ปาก เวลาหาเสียงเท่านั้น แต่ความเป็นจริงนั้น เบ้ปาก ดูถูกเหยียดหยาม
เมื่อนิด้าโพลล์ สอบถามในวันที่ 10-20 กุมภาพันธ์ 2566 จึงทำให้ผลกลายเป็นแบบนี้ จึงเป็นคำถามสำหรับลูกพรรคภูมิใจไทยว่า “ทำไมหัวหน้าต้องมาทะเลาะ กลั่นแกล้งโยกย้ายประธานชมรมแพทย์ชนบทในช่วงกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มหาเสียงเลือกตั้งแบบนี้”
เป็นคำถามที่น่าสนใจจริงๆว่า ทำไมรัฐมนตรีสาธารณสุขผู้ยิ่งใหญ่ จึงต้องมาแก้แค้นหมอชนบทตัวเล็กๆในอำเภอจะนะ เช่นนี้ การอ้างว่า ปลัดกระทรวงฯทำเอง ไม่ได้สั่ง หรือสั่งไม่ได้ ก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะทุกคนก็เห็นกับตาว่าปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นตำแหน่งข้าราชการประจำอันทรงเกียรติ ที่ควรจะต้องเป็นผู้ถ่วงดุลอำนาจกับรัฐมนตรีโดยใช้วิชาการ เพื่อบอกว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ อะไรเป็นประโยชน์ต่อประเทศ อะไรไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ กลับยอมสนับสนุนกัญชาทางการพี้ โดยเดินตามไปดมใบกัญชาด้วยกันทุกที่
แทนที่จะแย้งด้วยเหตุผลทางการแพทย์จริงๆ รวมทั้ง เดินตามต้อยๆไปหาเสียงด้วยกันตามโรงพยาบาลต่างๆและพบอสม.ทั่วประเทศขนาดนั้น แค่สั่งให้ไปตอบคำถามในสภาก็ยังได้ ทั้งที่กระทรวงอื่นเขารักศักดิ์ศรีเขาจึงไม่ทำ เรียกได้ว่าสั่งซ้ายหันขวาหัน
ดังนั้นการที่การเมืองสั่งย้ายหมอสุภัทรและต้องแลกกับการที่ผลโพลล์เลือกตั้งลดลงอย่างมาก มันคุ้มกันไหม สำหรับเจ้าตัว คงต้องตอบว่ามันคุ้ม เพราะมันคือความแค้น ชิงชัง ที่หมอเล็กๆคนหนึ่ง กล้ามาวิจารณ์ “นโยบายกัญชาทางการพี้ของฉัน” กล้ามาเปิดโปงการหาผลประโยชน์จากวัคซีน การจัดสรรวัคซีนที่เอื้อบางจังหวัดตามโควตาสส. และไฟแค้นนี้กำลังเผาไหม้ ไม่เพียงทำร้ายหมอสุภัทร แต่ทำร้ายตนเอง และพรรคของตนให้ไหม้ลามไปด้วย
สิ่งเหล่านี้ยืนยันได้จาก การเข้าไปจับมือ และมอบคำชื่นชมแก่หมอผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะคนใหม่ ในช่วงที่ไปเยี่ยมจังหวัดสงขลา บอกว่าเป็นคนเก่ง คนดีมาก ทั้งที่เป็นแต่แพทย์ประจำ ยังไม่เคยเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลใดๆเลย การกระซิบให้ข้าราชการผู้บริหารกระทรวงส่งคนไปตรวจสอบหมอสุภัทรทันทีหลังย้ายเพื่อหาหลักฐานอะไรก็ได้ว่าทำผิด ทำไม่ดี และกำชับผู้บริหารกระทรวงว่าให้สนับสนุนงบประมาณให้พัฒนารพ.จะนะเต็มที่ เพื่อให้ดีขึ้นในไม่กี่เดือนหลังหมอสุภัทรย้ายไป เพื่อเยาะเย้ยว่า ถ้าเอ็งย้ายไป เห็นไหมโรงพยาบาลดีขึ้นทันที ทั้งที่เดิมไม่เคยแยแส ไม่เคยสนับสนุนงบประมาณ
โดยตึกผู้ป่วยที่เพิ่งสร้างเสร็จ ราคา 80 ล้าน หมอสุภัทรก็ต้องรวบรวมเงินบริจาคเพื่อมาก่อสร้างเอง นี่คือความหมกมุ่นของความเคียดแค้นชิงชัง ที่ต้องแลกมาด้วยการที่สส.เขตของภูมิใจไทยอาจจะได้ต่ำกว่าเดิม ซึ่งเดิมมี 8 คนก็ว่าน้อยแล้ว ถ้าน้อยกว่าเดิม ก็คืออาจจะไม่มี หรือ 1-2 คนก็ได้
พายุที่ถาโถมเข้าใส่พรรคภูมิใจไทย อย่างรุนแรง ทั้งการเปิดโปงทุจริตในกระทรวงคมนาคมที่มีรัฐมนตรีว่าการสังกัดพรรคภูมิใจไทย และการบอกถึงอันตรายของกัญชาที่กำลังแพร่กระจายในเยาวชน จนไปถึงการล็อคเป้ารณรงค์ไม่ให้เลือกภูมิใจไทยโดยคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ รวมถึงการโยกย้ายหมอสุภัทรอย่างไม่เป็นธรรม อาจจะกลายเป็นทอร์นาโดทางการเมืองที่พัดให้โพลล์ของพรรคภูมิใจไทยในภาคต่างๆลดลงอย่างรุนแรงหรือไม่ คงต้องรอติดตามนิด้าโพลล์ของภาคอื่นต่อไป ….แน่นอนว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กรรมของสัตว์ฟันแทะจริงๆ
Cr. ชมรมแพทย์ชนบท
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0293yonQAP5wGZtRB7tYWa19xjbU47UZ1mSKL9SnWDPeeFm8eko7es13texYMEgZFbl&id=142436575783508
เพื่อไทย จับตา กกต.ออกระเบียบยุบพรรคติดเทอร์โบ
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_508089/
เพื่อไทย จับตา กกต.ออกระเบียบยุบพรรคติดเทอร์โบก่อนเลือกตั้ง มองทำเกินอำนาจหรือไม่ ชี้อาจขัด รธน.และกฎหมายแม่บท ระวังถูกฟ้องศาลปกครอง
นายชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ กกต.ได้ออกระเบียบ 3 ฉบับและได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 15 ก.พ.66 โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการยุบพรรคติดเทอร์โบ โดยในระเบียบดังกล่าวระบุถึงระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการยุบพรรคการเมืองเพียง 67 วัน จากเดิมที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลา ตนได้ตรวจข้อกฎหมายลำดับศักดิ์ของกฎหมายแล้วพบว่า แม้ กกต.จะอ้างอาศัยอำนาจตามมาตราต่างๆในรัฐธรรมนูญ 60 และ พรป.กกต. และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับอื่นๆ
ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บท รวมถึง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาการดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ.2565 แต่ตนเห็นว่า บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและ พรป.กกต.ไม่ได้ให้อำนาจ กกต.ออกระเบียบในลักษณะนี้ได้ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวของ กกต.อาจเป็นการออกระเบียบโดยไม่มีอำนาจ หรือนอกเหนืออำนาจ ระเบียบดังกล่าวจึงอาจไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.ประกอบกับการยุบพรรคเป็นโทษกับพรรคการเมือง กกต.จึง ไม่มีอำนาจออกระเบียบได้ และระเบียบดังกล่าวไม่สามารถมีผลย้อนหลังในคดีความที่นักร้องต่างๆ ได้ยื่นยุบพรรคการเมืองในช่วงก่อนหน้านี้ด้วย
ทั้งนี้ระเบียบนี้เป็นกฎเมื่อ กกต. ในฐานะหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย พรรคการเมืองที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนเสียหายมีอำนาจยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้เพิกถอนทำลายกฎดังกล่าวได้ ซึ่งที่ผ่านระเบียบที่ออกมาในทำนองนี้ ก็ได้มีผู้ฟ้องและศาลปกครองวินิจฉัยว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายและเพิกถอนมาแล้ว
ซึ่งอำนาจในการยุบพรรคการเมืองจะกระทำได้ในกรณีใดบ้างถูกกำหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองโดยเฉพาะอยู่แล้ว กกต.จะออกระเบียบเพิ่มอำนาจและเหตุที่จะยุบพรรคการเมืองให้ต่างไปจากกฎหมายแม่บทไม่ได้ และแม้ว่าฐานอำนาจในการออกระเบียบ กับกระบวนการจะชอบด้วยกฎหมาย แต่ในเนื้อหา อาจไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงต้องดูเป็นกรณีๆไป จึงขอเรียกร้องให้ กกต.ใช้อำนาจตามหลักความชอบด้วยกฎหมาย ของการกระทำทางปกครองและหลักความได้สัดส่วน เพื่อไม่ให้กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามที่รัฐธรรมนู