ข้อดีของ ai
-ช่วยทำให้เห็นแนวทางใหม่ๆ
-ลดระยะเวลาทำงาน
-สะดวกสบาย
-ผู้ใช้ไม่ต้องมีความรู้มาก
-ลดจำนวนการใช้คน
-ลดต้นทุน
AI ก็เริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดและผู้คน เช่น
-ภาพ ai ตอนนี้ทำให้นักวาดตั้งแต่ระดับเล็กจนใหญ่ เริ่มได้งานจ้างน้อยลง ส่งผลทำให้นักวาดบางคนเริ่มอยู่ไม่ได้ บางคนก็เลิกวาดขายไปเลย เพราะ วงการวาดขายแกติแข่งกันเดือดอยู่แล้ว มีการหั่นราคาตัดหน้ากันก็มี แล้วพอ ai เข้ามา กลุ่มผู้ใช้ ai ก็ไล่ spam ภาพ ai บ้าง เอาภาพ ai มาขายหั่นราคาตัดหน้านักวาดบ้าง หรือบางคนก็เลิกจ้างนักวาดไปเลยก็มี ทำให้เหลือแค่กลุ่มคนที่เสพงานศิลป์กับแฟนคลัปนักวาดนั้นๆ ที่ยอมจ่ายเงิน ยอมจ้างนักวาด ยังไม่พอบางคนยังไล่ดูดภาพไปฝึกให้ ai จดจำ style ของนักวาด หรือ ใบหน้าของคนดัง ทำรูปโป๊ หรือรูปไม่เหมาะสม ทั้งที่นักวาด หรือ คนในรูปไม่ได้ กระทำ
-นิยาย ai,เรื่องสั้น ai,หนังสือ ai ตอนนี้วงการหนังสือก็เริ่มมีหนังสือจากผู้ใช้ ai มาวางขายแล้วซึ่งตอนนี้สอนใหญ่เป็นเรื่องสั้น ผู้ใช้ ai บางคนใช้เพื่อปั้มเงิน จนตอนนี้คนก็เริ่มแห่กันทำหนังสือขายกันแล้ว
-เสียงโคลน ai มีกลุ่มคนได้ใช้เสียงโคลนนักพากย์ คนดังต่างๆ มาใช้งานโดยที่ไม่ได้รับอนุญาติ นอกจากจะมีผลกระทบต่ออาชีพแล้วยังมีผลกระทบในการทำลายชื่อเสียงเจ้าของเสียงได้อีกด้วย
-deepfake กลายเป็นเครื่องมือทำหนังโป๊ โดยใช้ใบหน้าของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาติ และมีเหยื่อออกมาเป้นจำนวนมาก หรือไปสร้างข่าวปลอมอย่าง ตอนที่มีคลิปผู้นำยูเคลนประกาศให้ ประชาชนให้ยอมต่อรัสเซีย บน facebook และการปลอมแปลงแอบอ้างอีกมากมาย อีกทั้งบางคนให้หน้าคนดังโดยที่ไม่ได้จ้างคนเหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ
-เพลงและวีดีโอ ai กลายเป็นปัญหาเดียวกับภาพ ai และ deefake
ผลกระทบ platform ที่ลงผลงานทางออนไลน์
เนื่องจาผมเป็นสายวาดเลยยกตัวอย่างได้ประมาณนี้
-deviantart กลายเป็น platform ที่ทีแต่ภาพ ai และกลายเป็นแหล่งที่ผู้ใช้ดูดภาพจากที่อื่มมาแปะ นักวาดโดนงาน ai กลบหายไปเกือบมิด
-artstation เริ่มเป็น platform มัดภาพ ai รวมแพ็คขาย
-pixiv ผู้ใช้ ai บางคนเริ่มไม่ใส่แท๊ก ai ในงานตัวเอง
-pixiv fanbox ผู้ใช้ ai บางคนเริ่มแอบอ้างว่าเป็นคนวาดเองทั้งหมดแล้วขายแพงๆ
แล้วเราจะแยกออกยังไง งานไหนเป็นงานฝีมือมนุษย์ งานไหนงาน ai ?
ซึ่นแน่นอนตอนนี้เราใช้ ai ในการตรวจสอบ แต่อนาคตอาจจะตรวจสอบไม่ได้ เพราะ ปลายทางของการสร้าง ai คือการสร้าง ai ที่เลียนแบบมนุษย์เพื่อมให้มนุษย์สะดวกสบายที่สุด และตอนนี้ยังไม่มีแบ่งที่ชัดเจนว่า อะไรที่ ai ไม่ควรทำได้บ้าง เพื่อให้มนุษย์ยังมีสิ่งที่ทำและอยากทำด้วยตัวเองอยู่
ผลกระทบต่อวงการศึกษา
อันนี้จะเป็นอะไรที่ค่อนข้างหน้ากลัว หลายๆที่เริ่มแบน chatgpt หรือ ai อื่นๆเพราะอาจส่งผลกระทบต่อทักษะการเรียนรู้ต่อนักเรียน ซึ่งบางคนอาจไม่เห็นด้วยเพราะ ai ก็สามารถทำให้นักเรียนรู้ด้วยตัวเองได้เหมือนกัน ผมมองว่าไม่ใช่แค่สถานศึกษาที่ต้องปรับตัวนะ แต่ผู้สร้าง ai เองก็ควรปรับเปลี่ยนให้ตรวจสอบง่ายกว่านี้ เพราะถ้าคนมันจะหาวิธีลอก หรือเหลี่ยมจนไม่สามารถตรวจได้ก็เริ่มมีให้เห็นแล้ว กลายเป็นว่าคนเก่งก็เก่งไปเลย โง่ก็โง่ไปเลยรึป่าว
กฏหมายตามไม่ทัน
ในต้นปี 2023 ได้มีการฟ้องแบบกลุ่มหลายกลุ่ม stabiliy,midjourney,lensa โดนฟ้องร้องโดยกลุ่มศิลปิน chatgpt โดนฟ้องโดยกลุ่ม programmer ,deepfake ถูกฟ้องร้องโดยกลุ่ม ผู้หญิงที่ตกเหยื่อของหนังโป๊ ดูทรงคดีเหล่านี้น่าจะอีกนานเพราะ สิ่งเหล่านี้ใหม่มาก เหมือกับยุคที่พึ่งมีรถยนต์ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีกฏหมายจราจร หรือไฟแดงไฟเขียว และ safety ต่างๆในรถ
หันไปปรับตัวเป็นผู้ใช้ ai อย่างเดียวจะรอดจริงหรือ?
ผมมองว่าพวก chatgpt และพวก ai art ใช้ไม่ยากหรอกศึกษาแป๊ปเดียวก็ใช้ได้ ถ้าให้นักวาดนักเขียนไปใช้ ai กันหมด มันจะไม่กลายเป็นว่างานมันล้นตลาดงั้นหรือ พอล้นตลาดราคาก็ตก และก็อย่าลืมว่าผู้บริโภคมีเท่าเดิม แต่ผลผลิตเยอะ ผู้บริโภคก็ไม่สามารถโตตามผลผลิตได้
ตลาดแรงงานเปลี่ยนไป ซึ่งแน่นอนว่ามีคนปรับตัวไม่ทันแน่ๆ
ในยุคต่อไปตลาดแรงงานจะต้องการกลุ่มคนที่ดูแลและสร้าง robot กับ ai ซึ่งเป็นทักษะที่สูง ส่วนคนที่ถูก ai แทนที่งานไปอาจปรับตัวไม่ได้เพราะทักษะที่มีตอนนี้มันไม่ต้องการในตลาด เช่น คนงานก่อสร้าง แท๊กซี่ อีกอย่างนึงกลุ่มคนเหล่านี้ถ้าจะเรียนรู้ทักษะใหม่ก็ต้องไปนั่งเรียน ใช้ทั้งเงิน และเวลา และที่น่าเศร้าอีกอย่างนึงคือ บริษัทส่วนมากรับแต่คนหนุ่มๆสาวๆ ซึ่งทำให้คนที่ปรับตัวไม่ทันได้กลายเป็น uselass class(ชนชั้นไร้ประโยชน์) และงานที่ดูแลและสร้าง robot กับ ai กลายเป็นงานที่ขาดตลาด
จริยธรรมการใช้และสร้าง ai
เนื่องจากกฏหมายควบคุมการขุดข้อมูล(data mining) และฝึก ai ยังไม่มี นั่นจึงทำให้ผู้คนและ บริษัทใหญ่ๆ อาศัยช่องโหว่ตรงนี้ในการสร้าง ai ต่างๆ ที่ละเมิดความเป็นส่วนตัว สร้างอัตลักษณ์ ปลอมแปลง แอบอ้าง หลอกลวง ทำให้ข้อมูลต่างๆ เริ่มเต็วไปด้วยข่าวปลอม ภาพปลอม เสียงปลอม
งานฝีมือ หรือศิลปะ จากมนุษย์จะไปอยู่ที่ไหน
ในเมื่องานนักวาด นักเขียน นักพากย์ หรืออาชีพ creative อื่นๆ เริ่มถูกงาน ai บดบังหรืออยู่ในตลาดเดียวกัน ผมเชื่อว่าอาชีพพวกนี้ไม่หายไปซะที่เดียวหรอก แต่จะกลายเป็นตลาดกลุ่มเล็กๆ แทน เพราะยังไงก็มีคนชอบวาด ชอบเขียน ชอบร้องเพลงในทุกยุคอยู่แล้ว หรือท้ายที่สุดแล้วงานศิลปะ หรือ creative จากมนุษย์จะไปอยู่กับกลุ่มคนรวย เหมือนกับศิลปะสมัยโบราณจะมีเพียงแค่ชนชั้นสูงได้ครอบครอง
เราจะรู้ได้ไงว่าคนนั้นเก่งจริงๆ มีความสามารถรึป่าว
เพราะ ai สามารถทำอะไรได้หลายๆ อย่าง แต่สุดท้ายงานบางอย่างก็คนต้องใช้ความสามารถของคนอยู่ดี จากที่ผมเห็นมีคนเริ่มใช้ ai เขียน resume สมัครงานให้ซึ่งเขียนได้สุดยอดจริง บางคนใช้ภาพ ai เป็น portfolio สมัคร studio art พอสอบวาดรูปคือวาดไม่เป็น หรือ เขียนบทความทำอะไรที่เป็นงานเกี่ยวกับตำแหน่งนั้นไม่ได้ก็เริ่มมีให้เห็น สร้างความปวดหัวให้กับ hr กับผู้จ้างงานอยู่ หรือบางทีผู้จ้างงานมารับรู้ที่หลังว่าคนที่เขาจ้างไป ai ทำงานเองสะดวกมาก เลยเลิกจ้างคนไปเลย เพราะใช้ ai ประหยัดและสะดวกกว่า
ผลงานจาก ai ควรมีลิขสิทธิ์ หรือไม่
ลิขสิทธิ์ จะคุ้มครองผลงานจากมนุษย์เท่านั้น ผลงานที่เกิดจาก ai ลิขสิทธิ์ควรเป็นของใคร ผู้ใช้ ai,ผู้สร้าง ai,ตัว ai เอง ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่แต่ในปัจจุบันในอเมริกาได้มี ผู้ใช้ ai หลายคนพยายามจดลิขลิทธิผลงานจาก ai แต่ผลตอบรับของสำนักงานลิขสิทธิ์(usco)นั้นคือ ปฎิเสธ จนภายหลังได้ทำการเพิกถอนการรับรอลิขลิทธ์ของหนังสือการ์ตูน zarya of the dawn เพราะใช้ภาพจาก ai ซึ่งก็ต้องติดตามข่าวกันต่อไป ว่าผลงานจาก ai จะได้ลิขสิทธิแบบไหน หรือ อาจไม่ได้เลย
ที่ผมพิมพ์มาทั้งหมดนี่ผมไม่ได้ต่อต้านเทคโนโลยีนะ แค่อยากให้มีเส้นแบ่งตลาดของผลงานมนุษย์ กับ ผู้ใช้ ai หรืออยากให้มีกฏเกณที่ชัดเจนไปเลยยังไงเทคโนโลยีก็มาอยู่แล้วละห้ามกันไม่ได้
ในยุคที่ ai สามารถสร้างนิยาย เรื่องสั้น เพลง รูปภาพ หรือ ทำอะไรได้หลายๆอย่างงานศิลป์ฝีมือมนุษย์จะไปอยู่ที่ไหน หรือ หายไป
-ช่วยทำให้เห็นแนวทางใหม่ๆ
-ลดระยะเวลาทำงาน
-สะดวกสบาย
-ผู้ใช้ไม่ต้องมีความรู้มาก
-ลดจำนวนการใช้คน
-ลดต้นทุน
AI ก็เริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดและผู้คน เช่น
-ภาพ ai ตอนนี้ทำให้นักวาดตั้งแต่ระดับเล็กจนใหญ่ เริ่มได้งานจ้างน้อยลง ส่งผลทำให้นักวาดบางคนเริ่มอยู่ไม่ได้ บางคนก็เลิกวาดขายไปเลย เพราะ วงการวาดขายแกติแข่งกันเดือดอยู่แล้ว มีการหั่นราคาตัดหน้ากันก็มี แล้วพอ ai เข้ามา กลุ่มผู้ใช้ ai ก็ไล่ spam ภาพ ai บ้าง เอาภาพ ai มาขายหั่นราคาตัดหน้านักวาดบ้าง หรือบางคนก็เลิกจ้างนักวาดไปเลยก็มี ทำให้เหลือแค่กลุ่มคนที่เสพงานศิลป์กับแฟนคลัปนักวาดนั้นๆ ที่ยอมจ่ายเงิน ยอมจ้างนักวาด ยังไม่พอบางคนยังไล่ดูดภาพไปฝึกให้ ai จดจำ style ของนักวาด หรือ ใบหน้าของคนดัง ทำรูปโป๊ หรือรูปไม่เหมาะสม ทั้งที่นักวาด หรือ คนในรูปไม่ได้ กระทำ
-นิยาย ai,เรื่องสั้น ai,หนังสือ ai ตอนนี้วงการหนังสือก็เริ่มมีหนังสือจากผู้ใช้ ai มาวางขายแล้วซึ่งตอนนี้สอนใหญ่เป็นเรื่องสั้น ผู้ใช้ ai บางคนใช้เพื่อปั้มเงิน จนตอนนี้คนก็เริ่มแห่กันทำหนังสือขายกันแล้ว
-เสียงโคลน ai มีกลุ่มคนได้ใช้เสียงโคลนนักพากย์ คนดังต่างๆ มาใช้งานโดยที่ไม่ได้รับอนุญาติ นอกจากจะมีผลกระทบต่ออาชีพแล้วยังมีผลกระทบในการทำลายชื่อเสียงเจ้าของเสียงได้อีกด้วย
-deepfake กลายเป็นเครื่องมือทำหนังโป๊ โดยใช้ใบหน้าของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาติ และมีเหยื่อออกมาเป้นจำนวนมาก หรือไปสร้างข่าวปลอมอย่าง ตอนที่มีคลิปผู้นำยูเคลนประกาศให้ ประชาชนให้ยอมต่อรัสเซีย บน facebook และการปลอมแปลงแอบอ้างอีกมากมาย อีกทั้งบางคนให้หน้าคนดังโดยที่ไม่ได้จ้างคนเหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ
-เพลงและวีดีโอ ai กลายเป็นปัญหาเดียวกับภาพ ai และ deefake
ผลกระทบ platform ที่ลงผลงานทางออนไลน์
เนื่องจาผมเป็นสายวาดเลยยกตัวอย่างได้ประมาณนี้
-deviantart กลายเป็น platform ที่ทีแต่ภาพ ai และกลายเป็นแหล่งที่ผู้ใช้ดูดภาพจากที่อื่มมาแปะ นักวาดโดนงาน ai กลบหายไปเกือบมิด
-artstation เริ่มเป็น platform มัดภาพ ai รวมแพ็คขาย
-pixiv ผู้ใช้ ai บางคนเริ่มไม่ใส่แท๊ก ai ในงานตัวเอง
-pixiv fanbox ผู้ใช้ ai บางคนเริ่มแอบอ้างว่าเป็นคนวาดเองทั้งหมดแล้วขายแพงๆ
แล้วเราจะแยกออกยังไง งานไหนเป็นงานฝีมือมนุษย์ งานไหนงาน ai ?
ซึ่นแน่นอนตอนนี้เราใช้ ai ในการตรวจสอบ แต่อนาคตอาจจะตรวจสอบไม่ได้ เพราะ ปลายทางของการสร้าง ai คือการสร้าง ai ที่เลียนแบบมนุษย์เพื่อมให้มนุษย์สะดวกสบายที่สุด และตอนนี้ยังไม่มีแบ่งที่ชัดเจนว่า อะไรที่ ai ไม่ควรทำได้บ้าง เพื่อให้มนุษย์ยังมีสิ่งที่ทำและอยากทำด้วยตัวเองอยู่
ผลกระทบต่อวงการศึกษา
อันนี้จะเป็นอะไรที่ค่อนข้างหน้ากลัว หลายๆที่เริ่มแบน chatgpt หรือ ai อื่นๆเพราะอาจส่งผลกระทบต่อทักษะการเรียนรู้ต่อนักเรียน ซึ่งบางคนอาจไม่เห็นด้วยเพราะ ai ก็สามารถทำให้นักเรียนรู้ด้วยตัวเองได้เหมือนกัน ผมมองว่าไม่ใช่แค่สถานศึกษาที่ต้องปรับตัวนะ แต่ผู้สร้าง ai เองก็ควรปรับเปลี่ยนให้ตรวจสอบง่ายกว่านี้ เพราะถ้าคนมันจะหาวิธีลอก หรือเหลี่ยมจนไม่สามารถตรวจได้ก็เริ่มมีให้เห็นแล้ว กลายเป็นว่าคนเก่งก็เก่งไปเลย โง่ก็โง่ไปเลยรึป่าว
กฏหมายตามไม่ทัน
ในต้นปี 2023 ได้มีการฟ้องแบบกลุ่มหลายกลุ่ม stabiliy,midjourney,lensa โดนฟ้องร้องโดยกลุ่มศิลปิน chatgpt โดนฟ้องโดยกลุ่ม programmer ,deepfake ถูกฟ้องร้องโดยกลุ่ม ผู้หญิงที่ตกเหยื่อของหนังโป๊ ดูทรงคดีเหล่านี้น่าจะอีกนานเพราะ สิ่งเหล่านี้ใหม่มาก เหมือกับยุคที่พึ่งมีรถยนต์ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีกฏหมายจราจร หรือไฟแดงไฟเขียว และ safety ต่างๆในรถ
หันไปปรับตัวเป็นผู้ใช้ ai อย่างเดียวจะรอดจริงหรือ?
ผมมองว่าพวก chatgpt และพวก ai art ใช้ไม่ยากหรอกศึกษาแป๊ปเดียวก็ใช้ได้ ถ้าให้นักวาดนักเขียนไปใช้ ai กันหมด มันจะไม่กลายเป็นว่างานมันล้นตลาดงั้นหรือ พอล้นตลาดราคาก็ตก และก็อย่าลืมว่าผู้บริโภคมีเท่าเดิม แต่ผลผลิตเยอะ ผู้บริโภคก็ไม่สามารถโตตามผลผลิตได้
ตลาดแรงงานเปลี่ยนไป ซึ่งแน่นอนว่ามีคนปรับตัวไม่ทันแน่ๆ
ในยุคต่อไปตลาดแรงงานจะต้องการกลุ่มคนที่ดูแลและสร้าง robot กับ ai ซึ่งเป็นทักษะที่สูง ส่วนคนที่ถูก ai แทนที่งานไปอาจปรับตัวไม่ได้เพราะทักษะที่มีตอนนี้มันไม่ต้องการในตลาด เช่น คนงานก่อสร้าง แท๊กซี่ อีกอย่างนึงกลุ่มคนเหล่านี้ถ้าจะเรียนรู้ทักษะใหม่ก็ต้องไปนั่งเรียน ใช้ทั้งเงิน และเวลา และที่น่าเศร้าอีกอย่างนึงคือ บริษัทส่วนมากรับแต่คนหนุ่มๆสาวๆ ซึ่งทำให้คนที่ปรับตัวไม่ทันได้กลายเป็น uselass class(ชนชั้นไร้ประโยชน์) และงานที่ดูแลและสร้าง robot กับ ai กลายเป็นงานที่ขาดตลาด
จริยธรรมการใช้และสร้าง ai
เนื่องจากกฏหมายควบคุมการขุดข้อมูล(data mining) และฝึก ai ยังไม่มี นั่นจึงทำให้ผู้คนและ บริษัทใหญ่ๆ อาศัยช่องโหว่ตรงนี้ในการสร้าง ai ต่างๆ ที่ละเมิดความเป็นส่วนตัว สร้างอัตลักษณ์ ปลอมแปลง แอบอ้าง หลอกลวง ทำให้ข้อมูลต่างๆ เริ่มเต็วไปด้วยข่าวปลอม ภาพปลอม เสียงปลอม
งานฝีมือ หรือศิลปะ จากมนุษย์จะไปอยู่ที่ไหน
ในเมื่องานนักวาด นักเขียน นักพากย์ หรืออาชีพ creative อื่นๆ เริ่มถูกงาน ai บดบังหรืออยู่ในตลาดเดียวกัน ผมเชื่อว่าอาชีพพวกนี้ไม่หายไปซะที่เดียวหรอก แต่จะกลายเป็นตลาดกลุ่มเล็กๆ แทน เพราะยังไงก็มีคนชอบวาด ชอบเขียน ชอบร้องเพลงในทุกยุคอยู่แล้ว หรือท้ายที่สุดแล้วงานศิลปะ หรือ creative จากมนุษย์จะไปอยู่กับกลุ่มคนรวย เหมือนกับศิลปะสมัยโบราณจะมีเพียงแค่ชนชั้นสูงได้ครอบครอง
เราจะรู้ได้ไงว่าคนนั้นเก่งจริงๆ มีความสามารถรึป่าว
เพราะ ai สามารถทำอะไรได้หลายๆ อย่าง แต่สุดท้ายงานบางอย่างก็คนต้องใช้ความสามารถของคนอยู่ดี จากที่ผมเห็นมีคนเริ่มใช้ ai เขียน resume สมัครงานให้ซึ่งเขียนได้สุดยอดจริง บางคนใช้ภาพ ai เป็น portfolio สมัคร studio art พอสอบวาดรูปคือวาดไม่เป็น หรือ เขียนบทความทำอะไรที่เป็นงานเกี่ยวกับตำแหน่งนั้นไม่ได้ก็เริ่มมีให้เห็น สร้างความปวดหัวให้กับ hr กับผู้จ้างงานอยู่ หรือบางทีผู้จ้างงานมารับรู้ที่หลังว่าคนที่เขาจ้างไป ai ทำงานเองสะดวกมาก เลยเลิกจ้างคนไปเลย เพราะใช้ ai ประหยัดและสะดวกกว่า
ผลงานจาก ai ควรมีลิขสิทธิ์ หรือไม่
ลิขสิทธิ์ จะคุ้มครองผลงานจากมนุษย์เท่านั้น ผลงานที่เกิดจาก ai ลิขสิทธิ์ควรเป็นของใคร ผู้ใช้ ai,ผู้สร้าง ai,ตัว ai เอง ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่แต่ในปัจจุบันในอเมริกาได้มี ผู้ใช้ ai หลายคนพยายามจดลิขลิทธิผลงานจาก ai แต่ผลตอบรับของสำนักงานลิขสิทธิ์(usco)นั้นคือ ปฎิเสธ จนภายหลังได้ทำการเพิกถอนการรับรอลิขลิทธ์ของหนังสือการ์ตูน zarya of the dawn เพราะใช้ภาพจาก ai ซึ่งก็ต้องติดตามข่าวกันต่อไป ว่าผลงานจาก ai จะได้ลิขสิทธิแบบไหน หรือ อาจไม่ได้เลย
ที่ผมพิมพ์มาทั้งหมดนี่ผมไม่ได้ต่อต้านเทคโนโลยีนะ แค่อยากให้มีเส้นแบ่งตลาดของผลงานมนุษย์ กับ ผู้ใช้ ai หรืออยากให้มีกฏเกณที่ชัดเจนไปเลยยังไงเทคโนโลยีก็มาอยู่แล้วละห้ามกันไม่ได้