‘พท.’ ยินดีสภาฯ ผ่านร่างกม.ประมง วาระ 1 โว หากได้เป็นรบ. ไทยจะกลับมาเป็นเจ้าสมุทรอีกครั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3841665
‘พท.’ ยินดีสภา ผ่านร่าง กม.ประมง วาระ 1 โว หากได้เป็น รบ. ไทยจะกลับมาเป็นเจ้าสมุทรอีกครั้ง
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พร้อมนาย
ปลอดประสพ สุรัสวดี ร่วมแถลงข่าวนโยบายประมง โดย นพ.
ชลน่านกล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องชาวประมงหลังจากที่สภา รับหลักการ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประมง พ.ศ.2558 พ.ศ. … เมื่อวานนี้ (23 กุมภาพันธ์) ซึ่งที่ผ่านมาพรรค พท.ให้ความสำคัญกับพี่น้องชาวประมงมาโดยตลอด ส่วนในการพิจารณาในวาระที่ 2 ที่มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เพื่อพิจารณาปัญหาการประมงนั้น พรรค พท.ได้โควต้าคณะ กมธ. 6 คน เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงจากชาวประมงเป็น 2 คน เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นและวิธีการแก้ไขปัญหาในร่างกฎหมายนี้
นพ.
ชลน่านกล่าวต่อว่า ที่ประชุมสภา เลือกร่าง พ.ร.บ.ประมงของพรรค พท. ที่เกิดจากการทำงานร่วมกันของสมาคมประมง เป็นผู้ยกร่างร่วมกันใช้เป็นร่างหลักในการพิจารณาในชั้นวาระที่ 2 หรือชั้น กมธ.เหตุผลที่เลือกร่างนี้เป็นร่างหลัก เพราะมีหลักการที่ครอบคลุมและแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวประมงมากที่สุด หากพรรค พท.เป็นรัฐบาล นโยบายที่ประกาศไปจะกลับมาเป็นนโยบายรัฐบาลที่นำมาสู่การขับเคลื่อนให้การประมงไทยกลับมายิ่งใหญ่ประมงไทยจะกลับมาเป็นเจ้าสมุทรอีกครั้ง
ด้าน นาย
ปลอดประสพกล่าวว่า ขอขอบคุณ ส.ส.ทั้งสภา ที่ได้ช่วยกันลงคะแนนเสียงผ่าน พ.ร.บ.ประมง ในฐานะที่เรียนจบด้านประมงและยังเป็นอธิบดีกรมประมง รู้สึกแปลกใจที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล รับทราบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้อง แสดงให้เห็นว่าหัวหน้ารัฐบาลอาจปิดปากท่าน แต่ในวินาทีสุดท้ายที่ท่านเปลี่ยนใจมาช่วยชาวประมง ขอให้ชาวประมงมั่นใจว่าพรรค พท.จะต่อสู้เรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้การประมงสูญสลาย
นาย
ปลอดประสพกล่าวต่อว่า เราจะไปเจรจากับอียูอย่างตัวเท่ากัน ภาคอุตสาหกรรมประมงผลิตไปขายยุโรปจำนวนมาก ไม่ต้องกลัว ในชีวิตผมเคยต่อสู้แบบนี้มาหลายครั้ง ขอให้มั่นใจถ้าได้เป็นรัฐบาล ขอตำหนิรัฐบาลทหารที่ขายชีวิตชาวประมงเพียงเพื่อให้ได้รับรองไปเยี่ยมประเทศของเขาได้ ขอตำหนิข้าราชการบางคนที่มารังแกพี่น้องชาวประมง พี่น้องชาวประมงทุกภาคส่วนมาร่วมกันต่อสู้ จะเป็นชีวิตใหม่ของชาวประมงที่ดีกว่าเดิม เรื่องนี้ต้องไว้ใจพรรค พท. เราทำได้ เพราะพรรค พท.คิดใหญ่ ที่จะเข้าไปแก้ไขกฎหมาย
ตรีชฎา ดับฝันบิ๊กตู่ เย้ย 9 ปี หนี้ท่วมหัว ยังจะ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” แนะปล่อยมืออาชีพมาทำ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3841330
‘ตรีชฎา’ อัด ‘บิ๊กตู่’ พอแล้ว 9 ปีหนี้ท่วม ดับฝัน “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” บอก อย่าฝืนไปต่อสงสาร ปชช.
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ น.ส.
ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงสโลแกนหาเสียง “
ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ของ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ในฐานะที่ประชาชนที่ต้องทนมา 9 ปี สโลแกนนี้คงไม่เหมาะสม แต่คำที่คู่ควรมากที่สุดตอนนี้ก็คือ “
ประยุทธ์พอแล้ว 9 ปีหนี้ท่วม” มากกว่า เพราะตั้งแต่ปี 2557 ที่ พล.อ.
ประยุทธ์ รัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลประชาธิปไตย น.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เหลืออีก 3 เดือนก็จะครบ 9 ปีเต็ม ถือได้ว่า เป็น 9 ปีที่ประเทศได้รับความเสียหายหลายด้าน โดยเฉพาะหนี้สินของประเทศที่แทบจะท่วมหัว ทั้งหนี้สาธารณะ คงค้าง ณ เดือนธันวาคม 2565 ทั้งสิ้น 9,302,526 ล้านบาท หรือเกือบ 10 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือนสูงขึ้นอยู่ที่ 14.7 ล้านล้านบาท คิดเป็น 88% ของ GDP และยังขยายเพดานหนี้อีก แม้แต่นาย
ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ ได้แถลงชัดเจนว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนยังไว้วางใจไม่ได้ต้องแก้ไปเรื่อยๆ หนี้ครัวเรือนเป็นเหมือนระเบิดเวลาต้องแก้ไขอย่างต่อเนื่อง
น.ส.
ตรีชฎากล่าวต่อว่า พรรค พท.ตระหนักถึงปัญหานี้เป็นอย่างดี จึงมีนโยบายแก้ไขหนี้ด้วยการสร้างรายได้ โดยเฉพาะภาคการเกษตร ราคาสินค้าเกษตรจะปรับขึ้นยกแผง ค่าแรงผู้ใช้แรงงานจะปรับขึ้นเป็นวันละ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรีจะปรับขึ้นเป็น 25,000 บาท ภายใน 4 ปี พักหนี้ 3 ปีทันที ปลอดต้น ปลอดดอกเบี้ย มั่นใจว่าประชาชนจะหลุดพ้นบ่วงกรรมหนี้ที่รัฐบาลได้สร้างเอาไว้แน่นอน
“
หนี้แทบจะท่วมหัว ไม่รู้กี่ปีกี่ชาติจะใช้หนี้หมด ถ้าท่าน “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ท่านจะทำให้หนี้พอกพูนมากขนาดไหน พอแล้ว พอกันที ปล่อยให้มืออาชีพทำงาน พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมทั้งนโยบายและบุคลากรมากฝีมือ ตั้งใจเข้ามาแก้วิกฤต เพื่อพลิกฟื้นประเทศและทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หมดเวลาแห่งความทุกข์ยากของประชาชนแล้ว” น.ส.
ตรีชฎากล่า
‘จักรพล’ ซัด รบ.ผลาญงบ 800 ล้าน แก้ PM2.5 ไม่ได้ เลือก พท.เข้าไปดัน กม.อากาศสะอาด
https://www.matichon.co.th/politics/news_3841047
‘จักรพล’ ทวงคืนลมหายใจสะอาดให้ ปชช. หลังเชียงใหม่ติดอันดับโลกฝุ่น PM2.5 ลั่นเลือกตั้งสมัยหน้าหมดเวลา ‘ประยุทธ์’ มาเริ่มต้นใหม่กับ รบ. ‘เพื่อไทย’ ที่สดใส
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นาย
จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐานเป็นปัญหาเรื้อรังในช่วง 4-5 ปี ล่าสุดพบว่า จ.เชียงใหม่ เป็นเมืองหลักที่มีมลพิษติดอันดับที่ 6 ของโลก และถูกจัดอันดับต่อเนื่องหลายวัน กระทบต่อการหายใจของประชาชน ลูกหลาน เยาวชน ในขณะที่รัฐบาลละเลย เมินเฉยต่อปัญหา และยังดองพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อากาศสะอาด เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี 1 เดือน แต่ใช้งบประมาณมากมาย
นาย
จักรพลกล่าวว่า หากมองย้อนหลังไป 2 ปี งบประมาณแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในปี 2565 และปี 2566 ประมาณ 406 ล้านบาท และ 410 ล้านบาท รวม 816 ล้านบาท ทั้งหมดคือการผลาญงบ ผลาญชีวิต ผลาญเวลาของประชาชน
นาย
จักรพลกล่าวอีกว่า พรรค พท.เคยเสนอแนวทางแก้ฝุ่น PM2.5 ที่จะผลักดันเป็นนโยบายได้แก่
1. ห้ามเผาป่าเผาไร่จริงจัง
2. เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านและเอกชนไทยห้ามเผาไร่จริงจัง
3. เปลี่ยนรถเมล์ กทม.เป็นรถไฟฟ้าให้เร็วที่สุด
4. เข้มรถปล่อยควัน โรงงานปล่อยมลพิษ ไซต์ก่อสร้าง
5. ทำไทยเป็นศูนย์ผลิตรถไฟฟ้า ดันราคาลง คนใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น
และ 6. ผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด
“
เพื่อไทยพร้อมผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด เป็นนโยบายหลักหากได้เป็นรัฐบาล และเราจะส่งเสริมมาตรการต่างๆ เพื่อลดผลกระทบและแก้ไขปัญหาระยะยาว เลือกตั้งสมัยหน้าหมดเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หยุดการแก้ไขปัญหาแบบไม่สนใจลมหายใจประชาชน แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่กับรัฐบาลเพื่อไทยที่สดใส และสะอาดกว่าอย่างแน่นอน” นาย
จักรพลกล่าว
‘โรม’ ตอกกลับ ‘พีระพันธุ์’ อย่ามัวแต่ขู่ฟ้อง ท้า กางหลักฐานเช่าตึกที่ทำการพรรค รทสช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3841722
‘โรม’ ตอกกลับ ‘พีระพันธุ์’ อย่ามัวแต่ขู่ฟ้อง ท้า กางหลักฐานเช่าตึกที่ทำการพรรค รทสช.
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีนาย
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำนาย
อุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. จึงมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของพรรค รทสช. พิจารณาว่าจะยื่นฟ้องร้องนายรังสิมันต์หรือไม่ว่า การที่ตนพูดพาดพิงถึงพรรค รทสช. เพราะพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ปัจจุบันเปิดตัวในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครทสช.
ซึ่งแม้ว่า พล.อ.
ประยุทธ์ จะเพิ่งสมัครสมาชิกพรรคได้ไม่นานและไม่ได้มีตำแหน่งบริหารใดๆ ในพรรค แต่ในทางการเมืองเป็นที่รู้กันอย่างดีว่าพรรครทสช. ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นฐานสำหรับการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.
ประยุทธ์ต่อไป และ พล.อ.
ประยุทธ์ก็มีความใกล้ชิดกับผู้บริหารพรรคหลายคน เช่น นาย
พีระพันธุ์ ที่ พล.อ.
ประยุทธ์เคยแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 จนยกระดับมาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน ดังนั้นเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าสำนักงานพรรครทสช. ตั้งอยู่บนที่ดินของนาย
อุปกิต ตนในฐานะ ส.ส. จึงจำเป็นต้องทำหน้าที่ ใช้เอกสิทธิตั้งคำถามในสภาฯ ว่า พล.อ.
ประยุทธ์กำลังร่วมมือกับบุคคลที่ตัว พล.อ.
ประยุทธ์ ควรสืบรู้ได้ว่ามีข้อครหาเกี่ยวกับยาเสพติดและการฟอกเงิน หรือไม่
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนที่นายพีระพันธุ์ระบุว่า การไปเช่าทรัพย์สินนั้นเป็นเรื่องปกติทั่วไป ถ้าไปเช่าทรัพย์สินใครแล้วเจ้าของมีความผิดและคนเช่าผิดไปด้วยก็คงไม่มีการเช่าทรัพย์สินเกิดขึ้นในประเทศ ตนเห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงเป็นการตกลงกันระหว่างฝ่ายหนึ่งคือพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนนายกรัฐมนตรี กับอีกฝ่ายคือผู้มีข้อครหาเกี่ยวกับยาเสพติดและการฟอกเงิน พรรค รทสช. สมควรชี้แจงให้กระจ่าง ซึ่งตนก็ไม่เคยขัดขวาง เช่นเรื่องสัญญาเช่าที่ดินและอาคารมาเป็นที่ทำการพรรค ที่อ้างว่าทำกันปีต่อปี ถ้ามีอยู่จริงก็สามารถนำมาแสดงให้ดูได้ตั้งแต่วันถัดจากที่ตนอภิปรายด้วยซ้ำ แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนจะยังไม่เคยมีการเปิดเผยแต่อย่างใด
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญกว่านั้น ไม่ว่าจะมีการเช่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ การที่นาย
อุปกิต ที่มีสถานะเป็น ส.ว. ยินยอมให้พรรครทสช. นำที่ดินและอาคารของตัวเองไปเป็นสำนักงานพรรค อาจเข้าข่ายการที่ ส.ว. แสดงการฝักใฝ่หรืออยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมือง ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 113 โดยในส่วนของนาย
อุปกิต ตนได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว และในโอกาสนี้ก็อยากถามไปยังพรรค รทสช. ว่าการที่หัวหน้าพรรคยอมรับเองว่ามีการเช่าที่ดินและอาคารจาก ส.ว. เท่ากับว่าได้ตกลงกันในสิ่งที่รู้อยู่ว่าเป็นการที่ ส.ว. กระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ อย่างนั้นใช่หรือไม่
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่ได้มีความขัดแย้งส่วนตัวกับนาย
พีระพันธุ์ ในอดีตเคยร่วมงานกันด้วยดีในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่นาย
พีระพันธุ์เป็นหัวหน้าพรรครทสช. ตนคาดหวังว่าจะได้รับการชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้ มิใช่การขู่ว่าจะดำเนินคดีใส่กัน
JJNY : 5in1 ‘พท.’ ยินดีสภาฯ│ตรีชฎาดับฝันตู่│‘จักรพล’ ซัด รบ.ผลาญงบ│‘โรม’ตอกกลับ‘พีระพันธุ์’│มะนาวแพงฉุดฉุดไม่อยู่!
https://www.matichon.co.th/politics/news_3841665
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พร้อมนายปลอดประสพ สุรัสวดี ร่วมแถลงข่าวนโยบายประมง โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องชาวประมงหลังจากที่สภา รับหลักการ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประมง พ.ศ.2558 พ.ศ. … เมื่อวานนี้ (23 กุมภาพันธ์) ซึ่งที่ผ่านมาพรรค พท.ให้ความสำคัญกับพี่น้องชาวประมงมาโดยตลอด ส่วนในการพิจารณาในวาระที่ 2 ที่มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เพื่อพิจารณาปัญหาการประมงนั้น พรรค พท.ได้โควต้าคณะ กมธ. 6 คน เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงจากชาวประมงเป็น 2 คน เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นและวิธีการแก้ไขปัญหาในร่างกฎหมายนี้
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า ที่ประชุมสภา เลือกร่าง พ.ร.บ.ประมงของพรรค พท. ที่เกิดจากการทำงานร่วมกันของสมาคมประมง เป็นผู้ยกร่างร่วมกันใช้เป็นร่างหลักในการพิจารณาในชั้นวาระที่ 2 หรือชั้น กมธ.เหตุผลที่เลือกร่างนี้เป็นร่างหลัก เพราะมีหลักการที่ครอบคลุมและแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวประมงมากที่สุด หากพรรค พท.เป็นรัฐบาล นโยบายที่ประกาศไปจะกลับมาเป็นนโยบายรัฐบาลที่นำมาสู่การขับเคลื่อนให้การประมงไทยกลับมายิ่งใหญ่ประมงไทยจะกลับมาเป็นเจ้าสมุทรอีกครั้ง
ด้าน นายปลอดประสพกล่าวว่า ขอขอบคุณ ส.ส.ทั้งสภา ที่ได้ช่วยกันลงคะแนนเสียงผ่าน พ.ร.บ.ประมง ในฐานะที่เรียนจบด้านประมงและยังเป็นอธิบดีกรมประมง รู้สึกแปลกใจที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล รับทราบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้อง แสดงให้เห็นว่าหัวหน้ารัฐบาลอาจปิดปากท่าน แต่ในวินาทีสุดท้ายที่ท่านเปลี่ยนใจมาช่วยชาวประมง ขอให้ชาวประมงมั่นใจว่าพรรค พท.จะต่อสู้เรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้การประมงสูญสลาย
นายปลอดประสพกล่าวต่อว่า เราจะไปเจรจากับอียูอย่างตัวเท่ากัน ภาคอุตสาหกรรมประมงผลิตไปขายยุโรปจำนวนมาก ไม่ต้องกลัว ในชีวิตผมเคยต่อสู้แบบนี้มาหลายครั้ง ขอให้มั่นใจถ้าได้เป็นรัฐบาล ขอตำหนิรัฐบาลทหารที่ขายชีวิตชาวประมงเพียงเพื่อให้ได้รับรองไปเยี่ยมประเทศของเขาได้ ขอตำหนิข้าราชการบางคนที่มารังแกพี่น้องชาวประมง พี่น้องชาวประมงทุกภาคส่วนมาร่วมกันต่อสู้ จะเป็นชีวิตใหม่ของชาวประมงที่ดีกว่าเดิม เรื่องนี้ต้องไว้ใจพรรค พท. เราทำได้ เพราะพรรค พท.คิดใหญ่ ที่จะเข้าไปแก้ไขกฎหมาย
ตรีชฎา ดับฝันบิ๊กตู่ เย้ย 9 ปี หนี้ท่วมหัว ยังจะ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” แนะปล่อยมืออาชีพมาทำ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3841330
‘ตรีชฎา’ อัด ‘บิ๊กตู่’ พอแล้ว 9 ปีหนี้ท่วม ดับฝัน “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” บอก อย่าฝืนไปต่อสงสาร ปชช.
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงสโลแกนหาเสียง “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ในฐานะที่ประชาชนที่ต้องทนมา 9 ปี สโลแกนนี้คงไม่เหมาะสม แต่คำที่คู่ควรมากที่สุดตอนนี้ก็คือ “ประยุทธ์พอแล้ว 9 ปีหนี้ท่วม” มากกว่า เพราะตั้งแต่ปี 2557 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ รัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลประชาธิปไตย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เหลืออีก 3 เดือนก็จะครบ 9 ปีเต็ม ถือได้ว่า เป็น 9 ปีที่ประเทศได้รับความเสียหายหลายด้าน โดยเฉพาะหนี้สินของประเทศที่แทบจะท่วมหัว ทั้งหนี้สาธารณะ คงค้าง ณ เดือนธันวาคม 2565 ทั้งสิ้น 9,302,526 ล้านบาท หรือเกือบ 10 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือนสูงขึ้นอยู่ที่ 14.7 ล้านล้านบาท คิดเป็น 88% ของ GDP และยังขยายเพดานหนี้อีก แม้แต่นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ ได้แถลงชัดเจนว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนยังไว้วางใจไม่ได้ต้องแก้ไปเรื่อยๆ หนี้ครัวเรือนเป็นเหมือนระเบิดเวลาต้องแก้ไขอย่างต่อเนื่อง
น.ส.ตรีชฎากล่าวต่อว่า พรรค พท.ตระหนักถึงปัญหานี้เป็นอย่างดี จึงมีนโยบายแก้ไขหนี้ด้วยการสร้างรายได้ โดยเฉพาะภาคการเกษตร ราคาสินค้าเกษตรจะปรับขึ้นยกแผง ค่าแรงผู้ใช้แรงงานจะปรับขึ้นเป็นวันละ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรีจะปรับขึ้นเป็น 25,000 บาท ภายใน 4 ปี พักหนี้ 3 ปีทันที ปลอดต้น ปลอดดอกเบี้ย มั่นใจว่าประชาชนจะหลุดพ้นบ่วงกรรมหนี้ที่รัฐบาลได้สร้างเอาไว้แน่นอน
“หนี้แทบจะท่วมหัว ไม่รู้กี่ปีกี่ชาติจะใช้หนี้หมด ถ้าท่าน “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ท่านจะทำให้หนี้พอกพูนมากขนาดไหน พอแล้ว พอกันที ปล่อยให้มืออาชีพทำงาน พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมทั้งนโยบายและบุคลากรมากฝีมือ ตั้งใจเข้ามาแก้วิกฤต เพื่อพลิกฟื้นประเทศและทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หมดเวลาแห่งความทุกข์ยากของประชาชนแล้ว” น.ส.ตรีชฎากล่า
‘จักรพล’ ซัด รบ.ผลาญงบ 800 ล้าน แก้ PM2.5 ไม่ได้ เลือก พท.เข้าไปดัน กม.อากาศสะอาด
https://www.matichon.co.th/politics/news_3841047
‘จักรพล’ ทวงคืนลมหายใจสะอาดให้ ปชช. หลังเชียงใหม่ติดอันดับโลกฝุ่น PM2.5 ลั่นเลือกตั้งสมัยหน้าหมดเวลา ‘ประยุทธ์’ มาเริ่มต้นใหม่กับ รบ. ‘เพื่อไทย’ ที่สดใส
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐานเป็นปัญหาเรื้อรังในช่วง 4-5 ปี ล่าสุดพบว่า จ.เชียงใหม่ เป็นเมืองหลักที่มีมลพิษติดอันดับที่ 6 ของโลก และถูกจัดอันดับต่อเนื่องหลายวัน กระทบต่อการหายใจของประชาชน ลูกหลาน เยาวชน ในขณะที่รัฐบาลละเลย เมินเฉยต่อปัญหา และยังดองพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อากาศสะอาด เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี 1 เดือน แต่ใช้งบประมาณมากมาย
นายจักรพลกล่าวว่า หากมองย้อนหลังไป 2 ปี งบประมาณแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในปี 2565 และปี 2566 ประมาณ 406 ล้านบาท และ 410 ล้านบาท รวม 816 ล้านบาท ทั้งหมดคือการผลาญงบ ผลาญชีวิต ผลาญเวลาของประชาชน
นายจักรพลกล่าวอีกว่า พรรค พท.เคยเสนอแนวทางแก้ฝุ่น PM2.5 ที่จะผลักดันเป็นนโยบายได้แก่
1. ห้ามเผาป่าเผาไร่จริงจัง
2. เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านและเอกชนไทยห้ามเผาไร่จริงจัง
3. เปลี่ยนรถเมล์ กทม.เป็นรถไฟฟ้าให้เร็วที่สุด
4. เข้มรถปล่อยควัน โรงงานปล่อยมลพิษ ไซต์ก่อสร้าง
5. ทำไทยเป็นศูนย์ผลิตรถไฟฟ้า ดันราคาลง คนใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น
และ 6. ผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด
“เพื่อไทยพร้อมผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด เป็นนโยบายหลักหากได้เป็นรัฐบาล และเราจะส่งเสริมมาตรการต่างๆ เพื่อลดผลกระทบและแก้ไขปัญหาระยะยาว เลือกตั้งสมัยหน้าหมดเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หยุดการแก้ไขปัญหาแบบไม่สนใจลมหายใจประชาชน แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่กับรัฐบาลเพื่อไทยที่สดใส และสะอาดกว่าอย่างแน่นอน” นายจักรพลกล่าว
‘โรม’ ตอกกลับ ‘พีระพันธุ์’ อย่ามัวแต่ขู่ฟ้อง ท้า กางหลักฐานเช่าตึกที่ทำการพรรค รทสช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3841722
‘โรม’ ตอกกลับ ‘พีระพันธุ์’ อย่ามัวแต่ขู่ฟ้อง ท้า กางหลักฐานเช่าตึกที่ทำการพรรค รทสช.
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำนายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. จึงมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของพรรค รทสช. พิจารณาว่าจะยื่นฟ้องร้องนายรังสิมันต์หรือไม่ว่า การที่ตนพูดพาดพิงถึงพรรค รทสช. เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ปัจจุบันเปิดตัวในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครทสช.
ซึ่งแม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเพิ่งสมัครสมาชิกพรรคได้ไม่นานและไม่ได้มีตำแหน่งบริหารใดๆ ในพรรค แต่ในทางการเมืองเป็นที่รู้กันอย่างดีว่าพรรครทสช. ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นฐานสำหรับการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป และ พล.อ.ประยุทธ์ก็มีความใกล้ชิดกับผู้บริหารพรรคหลายคน เช่น นายพีระพันธุ์ ที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 จนยกระดับมาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน ดังนั้นเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าสำนักงานพรรครทสช. ตั้งอยู่บนที่ดินของนายอุปกิต ตนในฐานะ ส.ส. จึงจำเป็นต้องทำหน้าที่ ใช้เอกสิทธิตั้งคำถามในสภาฯ ว่า พล.อ.ประยุทธ์กำลังร่วมมือกับบุคคลที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์ ควรสืบรู้ได้ว่ามีข้อครหาเกี่ยวกับยาเสพติดและการฟอกเงิน หรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนที่นายพีระพันธุ์ระบุว่า การไปเช่าทรัพย์สินนั้นเป็นเรื่องปกติทั่วไป ถ้าไปเช่าทรัพย์สินใครแล้วเจ้าของมีความผิดและคนเช่าผิดไปด้วยก็คงไม่มีการเช่าทรัพย์สินเกิดขึ้นในประเทศ ตนเห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงเป็นการตกลงกันระหว่างฝ่ายหนึ่งคือพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนนายกรัฐมนตรี กับอีกฝ่ายคือผู้มีข้อครหาเกี่ยวกับยาเสพติดและการฟอกเงิน พรรค รทสช. สมควรชี้แจงให้กระจ่าง ซึ่งตนก็ไม่เคยขัดขวาง เช่นเรื่องสัญญาเช่าที่ดินและอาคารมาเป็นที่ทำการพรรค ที่อ้างว่าทำกันปีต่อปี ถ้ามีอยู่จริงก็สามารถนำมาแสดงให้ดูได้ตั้งแต่วันถัดจากที่ตนอภิปรายด้วยซ้ำ แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนจะยังไม่เคยมีการเปิดเผยแต่อย่างใด
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญกว่านั้น ไม่ว่าจะมีการเช่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ การที่นายอุปกิต ที่มีสถานะเป็น ส.ว. ยินยอมให้พรรครทสช. นำที่ดินและอาคารของตัวเองไปเป็นสำนักงานพรรค อาจเข้าข่ายการที่ ส.ว. แสดงการฝักใฝ่หรืออยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมือง ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 113 โดยในส่วนของนายอุปกิต ตนได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว และในโอกาสนี้ก็อยากถามไปยังพรรค รทสช. ว่าการที่หัวหน้าพรรคยอมรับเองว่ามีการเช่าที่ดินและอาคารจาก ส.ว. เท่ากับว่าได้ตกลงกันในสิ่งที่รู้อยู่ว่าเป็นการที่ ส.ว. กระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ อย่างนั้นใช่หรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่ได้มีความขัดแย้งส่วนตัวกับนายพีระพันธุ์ ในอดีตเคยร่วมงานกันด้วยดีในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่นายพีระพันธุ์เป็นหัวหน้าพรรครทสช. ตนคาดหวังว่าจะได้รับการชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้ มิใช่การขู่ว่าจะดำเนินคดีใส่กัน