ผู้นำฝ่ายค้าน กรีดยับ! ส.ส.ซีกรัฐบาล ต้นเหตุสภาล่ม ดักคอ ‘ตู่’ ไม่ใช่เงื่อนไขสั่งยุบ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7465539

ผู้นำฝ่ายค้าน เตือนหากยังฝืนถกร่างกม.กัญชา สภาจะล่มอีก ซัด ซีกรัฐบาล ต้นเหตุ ชี้ไม่ถึงขั้นใช้เป็นเงื่อนไข ยุบสภา อัด ‘บิ๊กตู่’ จ้องสืบทอดอำนาจ
 
เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2566 ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงประชุมสภาล่ม จากการพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ว่า เข้าใจความรู้สึกประชาชนว่าคงโกรธ คับแค้น และถึงขั้นประณามกินเงินภาษีประชาชน แต่ไม่ทำงาน  สถานการณ์ขณะนี้คงเป็นเช่นนี้ต่อไป หากยังพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชา เนื่องจากมีปัญหาข้อกฎหมายให้ถกเถียงกันมาก มีทั้งฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายไม่เห็นด้วย
  
อย่างไรก็ตาม จุดยืนทุกฝ่ายเห็นด้วยกับกัญชาทางการแพทย์มากกว่ากัญชาเสรี หรือเพื่อสันทนาการ พรรคเพื่อไทยพยายามเรียกร้องให้มีตัวบทมาควบคุมกัญชาเสรี ซึ่งร่างพ.ร.บ.กัญชา จาก 45 มาตรา มาเป็น 95 มาตรา ก็ไม่มีมาตราใดเลยมาควบคุม ทำให้ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย เราต้องการองค์ประชุมเพียง 217 เสียงก็ยังไม่พอ จึงทำให้เกิดภาพองค์ประชุมล่ม
 
“นี่คือความบิดเบี้ยวของสภาที่มาจากเสียงข้างน้อย ส.ส.ลาออก ย้ายพรรค โดยไม่สนใจเสียงของประชาชนที่เลือกเข้ามา เพียงแค่เพื่อแสวงหากลับเข้ามาเป็นส.ส.ใหม่ นี่คือเหตุของสภาล่ม บอกได้เลยว่าถ้าสภาพยังเป็นแบบนี้ ก็จะเป็นเช่นนี้ตลอดไป” นพ.ชลน่าน กล่าว
 
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ที่ผ่านมาฝ่ายค้านแก้ปัญหาให้หลายเรื่อง โดยเสนอประธานสภาว่า ถ้าประชุมตามปกติ ติดกับดักแน่ ดังนั้น กฎหมายสำคัญที่หลายฝ่ายเห็นพ้องว่าต้องให้ผ่านสภา เช่น ร่างพ.ร.บ.ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่างพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.ก.การประมง 7 ฉบับ ก็ควรนัดประชุมนัดพิเศษ แม้เสียงจะน้อย แต่องค์ประชุมก็ผ่านได้
 
เมื่อถามว่าหากเป็นกฎหมายอื่นสภาจะไม่ล่ม แต่ถ้าเป็นกฎหมายกัญชา สภาจะล่มใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ถ้าเสียงข้างมาก อยากให้ผ่านก็ต้องระดมเสียงให้มากพอ ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยในหลายมาตรา ส่วนจะใช้มาเป็นเงื่อนไขยุบสภาด้วยหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ไม่เคยให้ความสำคัญกับบทบาทของสภาอยู่แล้ว ถ้าสภาไม่ทำผิดจนถึงขั้นทนไม่ได้ ก็ไม่น่าจะใช้เป็นเงื่อนไขยุบสภา ตนเคยพูดหลายครั้งว่านายกฯจะยุบสภา แบบไม่เคยดูตามข้อกฎหมายข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพียงแต่ดูว่ายุบเมื่อไหร่ จะได้สืบทอดอำนาจต่อเมื่อนั้น
 
ส่วนที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ยอมรับ ร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิตและร่างพ.ร.บ.กัญชา อาจถูกแขวนยาวไปสมัยหน้า นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิต อาจเจรจากับประธานสภา โดยใช้วิธีนัดประชุมพิเศษได้ ฝ่ายค้านก็ยินดีร่วมพิจารณากฎหมายฉบับนี้

---

ย้ำ 'ก้าวไกล' ไม่เอา ทั้ง 2 ป. เป็นนายกฯ 'โรม’ สวนจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ต้องทลายมรดก คสช.
https://prachatai.com/journal/2023/01/102346

'โรม’ สวน ‘ประวิตร’ สังคมไทยจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ต้องทลายมรดก คสช.-ล้างผลพวงรัฐประหาร ย้ำชัดก้าวไกลไม่เอาประยุทธ์-ประวิตรเป็นนายกฯ สืบทอดอำนาจ
 
18 ม.ค.2566 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ (18 ม.ค.) ที่รัฐสภา รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ให้ความเห็นกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวระหว่างการเปิดตัวนโยบายของพรรคพลังประชารัฐเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้ง ว่าพร้อมจับมือกับทุกฝ่ายเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง
  
รังสิมันต์ กล่าวว่า ทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีบทบาทสำคัญในการทำรัฐประหารและการสืบทอดอำนาจ ทำให้ประเทศไทยต้องพบวิกฤตต่างๆ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าการที่เราจะแก้ไขวิกฤตทางการเมืองของประเทศ หรือก้าวข้ามความขัดแย้งได้  จำเป็นต้องทลายมรดกของ คสช. และผลพวงของการรัฐประหารเสียก่อน ไม่เช่นนั้น ประเทศไทยจะไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน

รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราเห็นคือ กลุ่ม 3 ป. มีบทบาทสำคัญในการทำลายหลักการสิทธิมนุษยชน ทำให้ตน และคนอีกจำนวนมากถูกจับกุมดำเนินคดี ถูกปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีการตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมาเป็นทางเลือก เพื่อต่อสู้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศ และลบล้างผลพวงการรัฐประหารทั้งหมด

“หลังรัฐประหาร 2557 มีคนจำนวนมากถูกตั้งข้อหาร้ายแรง ทั้งๆ ที่ความต้องการของพวกเขามีเพียงอย่างเดียวคือเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นและเป็นประชาธิปไตย ดังนั้น ที่พลเอกประวิตรอ้างว่า อยากจะสานสัมพันธ์หรือจับมือกับทุกฝ่าย มั่นใจว่าประชาชนไม่เห็นด้วย เพราะสิ่งที่ประชาชนต้องการในวันนี้คือการเปลี่ยนแปลง และพาประเทศไทยออกจากซากเดนของ คสช. ที่ทั้งพลเอกประยุทธ์และพลเอกประวิตรสร้างไว้” รังสิมันต์กล่าว
 
รังสิมันต์กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่คือพรรคการเมืองที่ตอบโต้กับความเลวร้ายที่คณะรัฐประหารสร้างขึ้น เมื่อเกิดการยุบพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลก็สานต่อเจตนารมณ์ เรามีภารกิจเดียวกัน คือเราจะไม่ยอมให้คนอย่างพลเอกประยุทธ์ หรือพลเอกประวิตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อสานต่ออำนาจต่อไปแน่นอน

---

‘หมอเรวัต’ เย้ย ‘บิ๊กตู่’ เผชิญหน้าซักฟอกเดียวดาย ชวนน่าขนพอง เหตุ องครักษ์ ย้ายหนีซบ รทสช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3777866

‘เรวัต’ เย้ย ‘บิ๊กตู่’ เผชิญหน้าซักฟอกเดียวดาย ชวนน่าขนพอง เหตุ องครักษ์ ย้ายหนีซบ รทสช.
 
เมื่อวันที่ 18 มกราคม นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย (สร.) กล่าวว่า แม้ว่าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 จะไม่มีการลงมติก็ตาม แต่เนื้อหาน่าจะรุนแรงมากกว่าการจับมาเปลือยกายอย่างล่อนจ้อน โดยจะสาหัสถึงกับถลกหนังหัวพล.อ.ประยุทธ์ เลยทีเดียว ซึ่งครั้งนี้จะต่างจากการอภิปรายทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะทั้งกำลังใจไม้ค้ำยัน และองครักษ์ที่เคยเป็น ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ย้ายตามไปรวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กันหมด จึงไม่เหลือ ส.ส.ในฝั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่เลย
 
“การที่ต้องเผชิญหน้ากับการอภิปรายที่รุนแรงอย่างเดียวดาย ชวนให้น่าขนพองสยองเกล้า คงต้องรอดูว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะรับมือแบบโฮมอะโลน ไหวหรือไม่ หรือยอมยกธงขาวชิงยุบสภาหนีไปก่อน” นพ.เรวัต กล่าว