JJNY : อิ๊งนำ พท.ลุยหาเสียง เชียงราย-เชียงใหม่│‘เพื่อไทย’ ปล่อยคลิป│“ธนาธร”วอนอย่าย้ายประเทศ│‘รัสเซีย-ยูเครน’ ไม่จบง่าย

อิ๊ง นำ พท.ลุยหาเสียงขอแลนด์สไลด์ เชียงราย-เชียงใหม่ ‘เต้น’ ปลื้ม ปชช.ต้อนรับอย่างดี
https://www.matichon.co.th/politics/news_3840465
 
 
อิ๊ง นำ พท.ลุยหาเสียงขอแลนด์สไลด์ เชียงราย-เชียงใหม่ ‘เต้น’ ปลื้ม ปชช.ต้อนรับอย่างดี แม้แต่ที่ภาคใต้
 
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย แถลงว่า พรรค พท.เตรียมลงพื้นที่ปราศรัย จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์นี้ โดยวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ลงพื้นที่พบปะประชาชน เปิดปราศรัยใหญ่ที่ จ.เชียงราย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และคณะ
 
ในช่วงเช้าจะไปพบปะผู้ประกอบการในพื้นที่ และประชาชนที่จุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นจะเปิดปราศรัยใหญ่ที่ ร.ร.ปล้องวิทยาคม  อ.เทิง จ.เชียงราย เริ่มตั้งแต่เวลา 17.00-18.30 น. หลังจากปราศรัยเสร็จสิ้น พรรค พท.จะลงพื้นที่ถนนคนเดิน อ.เมืองเชียงราย

ต่อจากนั้นในวันที่ 26 ก.พ.เดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ ในช่วงเช้าจะไปพบผู้ประกอบการท่องเที่ยวและพี่น้องชาวชาติพันธุ์ ที่ม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และในช่วงบ่ายจะเดินทางไปที่ศูนย์เฝ้าระวังฝุ่น PM 2.5 ช่วงเย็นจะเป็นการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
 
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดีอย่างเนืองแน่นล้นหลาม จากการลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ในหลายจังหวัดที่ผ่านมา มีผู้คนที่มาเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยจำนวนมาก ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพผู้คนจำนวนไม่มากหน้าเวที หรือพี่น้องออกจากเวทีขณะที่เวทียังไม่จบนั้น ชี้แจงว่าเราเล็งเห็นและเข้าใจความพยายามนี้ แต่ความจริงต้องเป็นความจริง ทุกเวทีปราศรัยของพรรค พท. แม้กระทั่งในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดี มีตัวชี้วัดหลายประการ เช่น ผลการสำรวจของสำนักโพลที่ได้มาตรฐานชี้ตรงกันว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท.ยกระดับสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เชื่อว่าหลังยุบสภา เมื่อประกาศนโยบายชุดใหญ่คะแนนนิยมของทั้งพรรคและว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะพุ่งทะยานสูงขึ้นมากขึ้นไปกว่านี้

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า เวทีของพรรค พท. การติดตามรับชมย้อนหลังทางช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ หรือการปราศรัยของแต่ละบุคคลมียอดการรับชมสูงที่สุด หากเทียบกับเวทีพรรคการเมืองอื่นๆ เรื่องดังกล่าวปั่นตัวเลขทางการเมืองไม่ได้ ซึ่งทุกคนทุกส่วนตรวจสอบได้ ยืนยันไม่ได้ยกตนข่มท่าน แต่เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์ จึงจำเป็นต้องอธิบายยืนยันว่าพรรค พท.ทุกคน ทุกส่วนงาน ยังเดินหน้าเต็มกำลังต่อไปในทุกพื้นที่ในทุกวาระ เพื่อบรรลุเป้าหมายแลนด์สไลด์ให้ได้
 
นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า พรรค พท.จะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องจนถึงเดือน พ.ค.และประกาศนโยบายชุดใหญ่หลังจากยุบสภา เราจะคำนึงถึงอายุของการตั้งครรภ์และความพร้อมของสภาวะร่างกายของ น.ส.แพทองธาร ซึ่งเรื่องนี้พี่น้องในพื้นที่ส่งความห่วงใยกันมามาก ต้องขอกราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ และขอยืนยันว่า น.ส.แพทองธารยังคงตั้งใจ และมุ่งมั่นที่จะพบปะพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยใช้เวลาในช่วงนี้ให้ได้คุ้มค่าที่สุด สำหรับการทำงานร่วมกับพรรค พท.ภายใต้เป้าหมายแลนด์สไลด์
  

 
‘เพื่อไทย’ ปล่อยคลิป ชูนโยบาย ยกระดับโครงการ ’30 บาท รักษาทุกโรค’ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
https://www.matichon.co.th/election66/news_3840406

‘เพื่อไทย’ ปล่อยคลิป ชูนโยบาย ยกระดับโครงการ ’30 บาท รักษาทุกโรค’ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
 
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย (พท.) เผยแพร่คลิปวิดีโอผลงานโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ระบุข้อความว่า โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ประสบความสำเร็จมาแล้ว อนาคตสาธารณสุขไทย คือการยกระดับโครงสร้างทั้งระบบ ให้สมบูรณ์และดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ใกล้ใจ-เลือกหมอ เลือกโรงพยาบาลด้วยตัวเอง
 
ง่ายดาย-บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทั่วไทย ครบครัน-ใช้ฐานข้อมูล Cloud ทั้งระบบ รวดเร็ว-รักษาและจ่ายยาออนไลน์ ปลอดภัย-ข้อมูลผู้ป่วยไม่รั่วไหล สะดวก-นัดคิวออนไลน์ ไม่ต้องรอคิวนานๆ ทันใจ-ตรวจเลือดคลินิกใกล้บ้าน เจอหมออีกวันได้เลย โปร่งใส-ลดภาระของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ ระดมฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรีให้เด็กหญิงอายุตั้งแต่ 9-11 ปีทุกคน และผู้หญิงที่ยังไม่เคยรับเชื้อ HPV ป้องกันมะเร็งท่อน้ำดี-มะเร็งตับ ตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ในตับและไวรัสตับอักเสบ ซี รับยา รักษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย Mental Health สุขภาพจิตคนไทยจะไม่ถูกละเลย มีการให้คำปรึกษาจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยาคลินิก ทั้งที่โรงพยาบาลและผ่านระบบ Telemedicine ส่งเสริมให้มีสถานชีวาภิบาล ไร้กังวลสำหรับผู้ป่วยติดเตียง ร่วมมือทั้งภาครัฐ และเอกชน สนับสนุนงบประมาณโดย สปสช.
 
โดยในคลิปวิดีโอดังกล่าว นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้ร่วมผลักดันโครงการ 30 บาท กล่าวว่า โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ประสบความสำเร็จมาแล้ว และก้าวต่อไปของเราคือการยกระดับบริการสาธารณสุขให้สมบูรณ์และดียิ่งขึ้น ในอดีตเราตั้งจะนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อเชื่อมข้อมูลสุขภาพคนไทยทั้งระบบ เราจะสานต่อเพื่อก้าวต่อไปอย่างมั่นคง เพราะวันนี้เทคโนโลยีดิจิทัลดีพร้อมสำหรับทุกอย่างแล้ว เราจึงพัฒนาเชื่อมข้อมูลสุขภาพคนไทยทั้งระบบเพื่อตอบโจทย์ของคนไทยทั้งประเทศ ด้วยการอัพเกรดระบบ IT ในงานสาธารณสุขทั้งหมด เพราะระบบสาธารณสุขไทยไม่ควรหยุดพัฒนาคุณภาพ
 
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรค พท.จะยกระดับศักยภาพของโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค ด้วยระบบเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อให้ครอบคลุมทุกวงจร ทุกความต้องการในประเทศ สร้างวันนี้ให้พี่น้องคนไทยยั่งยืน แข็งแรง และก้าวต่อไปให้เท่าทันโลก

https://www.facebook.com/watch/?ref=external&v=913482203183097



“ธนาธร” วอนเยาวชนอย่าย้ายประเทศ ชี้ไทยต้องพึ่งนักวิทย์ฯ สร้างเทคโนโลยีให้ทันโลก
https://www.thairath.co.th/news/politic/2637783

ประธานคณะก้าวหน้า บรรยายที่ มธ. ชี้ไม่แปลกใจคนรุ่นใหม่สิ้นหวังกับอนาคต เหตุไร้งานที่ดีหลังจบ ผลักสถานการณ์สังคมสูงวัย-เด็กเกิดน้อยจนน่าห่วง ขออย่าเพิ่งย้ายไปไหน ไทยยังต้องการนักวิทย์อีกมาก
 
วันที่ 23 ก.พ. 2566 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมบรรยายในหัวข้อ “การปรับตัวและรับมือของนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ในยุค Technology Disruption” ให้แก่คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
 
โดยนายธนาธร ได้เริ่มต้นการบรรยาย ด้วยการถามคำถามต่อนักศึกษาทุกคนในห้อง ว่าใครบ้างที่คิดว่าเมื่อเรียนจบไปแล้วตัวเองจะมีอนาคตที่สดใส หางานที่มั่นคง ตั้งตัวได้ เลี้ยงพ่อแม่ สร้างครอบครัว มีอนาคตที่ดีรออยู่ หรือคิดว่าตัวเองจะหางานที่ดีได้ลำบาก มองไม่เห็นทางที่ชีวิตจะมีความมั่นคงพอสร้างครอบครัวได้ ซึ่งปรากฏว่านักศึกษาส่วนใหญ่ยกมือตอบอย่างหลัง ก่อนที่ธนาธรระบุว่าทุกครั้งที่ตัวเองได้ไปบรรยายที่ใดก็ตาม จะถามคำถามนี้กับนักศึกษาเสมอ และคำตอบที่ได้ก็เป็นแนวเดียวกัน ว่าคนรุ่นใหม่จำนวนมากรู้สึกหมดหวังกับการมีอนาคตในประเทศไทย
 
ประเทศไทยในขณะนี้ได้เข้าสู่สภาวะสังคมสูงวัยอย่างเป็นทางการแล้ว ที่น่ากังวลกว่าคืออัตราเด็กเกิดใหม่เอง ก็ตกลงจากประมาณ 1 ล้านคนต่อปี เมื่อ 15-20 ปีที่แล้ว มาเป็นปีละแค่ 5 แสนคนต่อปีในปัจจุบัน และหากไปดูสถิติที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่ง จะเห็นว่าตำแหน่งงานที่มีรายได้ดีในบริษัทที่มีความมั่นคง เปิดรับเด็กจบใหม่ทั้งประเทศอยู่ที่ไม่เกินปีละ 3-4 หมื่นตำแหน่งเท่านั้น และต่อให้เด็กจบใหม่ได้เข้าไปทำงานในตำแหน่งเหล่านั้น แต่ด้วยอัตราเงินเดือนที่ขึ้นตามรอบปกติ เมื่ออายุถึง 30 ปี ต่อให้สองคนสามีภรรยารวมกัน ก็ยังไม่สามารถผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ส่งลูกเรียนในโรงเรียนดีๆ ได้ 
   
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จำนวนประชากรเกิดใหม่จะลดลงเรื่อยๆ เพราะประเทศไทยในปัจจุบัน ไม่สามารถสร้างงานดีๆ ได้เพียงพอกับจำนวนคนที่เกิดมาในประเทศได้ อัตราการเกิดจึงลดลงเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไปประชากรวัยทำงานหนึ่งคนก็จะต้องแบกรับภาระในการดูแลประชากรวัยเด็กและผู้สูงวัยมากขึ้นด้วย รายจ่ายของประเทศจะมากขึ้นจากการดูแลเด็กและผู้สูงอายุที่มากขึ้น แต่ภาษีที่เก็บได้จะน้อยลงจากประชากรวัยทำงานที่ลดลง
 
นายธนาธรกล่าวต่อไป ว่าทางออกของประเทศไทยจากสถานการณ์ขาดแคลนประชากรวัยทำงานในอนาคตมีแค่สองทางเลือก คือการเปิดให้แรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานมากขึ้น หรือการเพิ่มผลิตภาพต่อหัวแรงงานของคนไทย ซึ่งสำหรับตัวเองแล้วทางเลือกหลังเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแน่นอน แต่จะทำเช่นนั้นได้ สิ่งที่จำเป็นมากๆ คือประเทศไทยต้องมีเทคโนโลยีที่ทันโลกเป็นของตัวเองให้ได้ ซึ่งก็จะต้องอาศัยเครื่องมือหลักคือวิทยาศาสตร์ และคนอย่างนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ฯ ทุกคนนี่เอง ก็คือคนที่ต้องอยู่แถวหน้าของการพัฒนาประเทศ
 
ไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับสังคมไทย เราเป็นประเทศที่ติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลางมานานมากแล้ว วันนี้ประเทศที่พัฒนาแล้วก็แก่ เข้าสู่สังคมชราภาพเหมือนกัน แต่ที่แตกต่างกันคือเขารวยแล้วแก่ ของเราแก่ก่อนรวย วิธีที่จะทำลายวงจรนี้มีอย่างเดียว คือประเทศต้องมีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เป็นของตัวเอง ประเทศของเราต้องการนักวิทยาศาสตร์อย่างพวกคุณ เพราะฉะนั้นขอนะครับ อย่าเพิ่งย้ายประเทศกันนะครับ ไปเรียนชั่วครั้งชั่วคราวหาประสบการณ์ได้ แต่ขอให้กลับมาช่วยสร้างประเทศของเราด้วยกัน” นายธนาธรกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่