อิ๊ง นำ พท.ลุยหาเสียงขอแลนด์สไลด์ เชียงราย-เชียงใหม่ ‘เต้น’ ปลื้ม ปชช.ต้อนรับอย่างดี
https://www.matichon.co.th/politics/news_3840465
อิ๊ง นำ พท.ลุยหาเสียงขอแลนด์สไลด์ เชียงราย-เชียงใหม่ ‘เต้น’ ปลื้ม ปชช.ต้อนรับอย่างดี แม้แต่ที่ภาคใต้
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย แถลงว่า พรรค พท.เตรียมลงพื้นที่ปราศรัย จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์นี้ โดยวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ลงพื้นที่พบปะประชาชน เปิดปราศรัยใหญ่ที่ จ.เชียงราย นำโดย นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรค น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และคณะ
ในช่วงเช้าจะไปพบปะผู้ประกอบการในพื้นที่ และประชาชนที่จุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นจะเปิดปราศรัยใหญ่ที่ ร.ร.ปล้องวิทยาคม อ.เทิง จ.เชียงราย เริ่มตั้งแต่เวลา 17.00-18.30 น. หลังจากปราศรัยเสร็จสิ้น พรรค พท.จะลงพื้นที่ถนนคนเดิน อ.เมืองเชียงราย
ต่อจากนั้นในวันที่ 26 ก.พ.เดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ ในช่วงเช้าจะไปพบผู้ประกอบการท่องเที่ยวและพี่น้องชาวชาติพันธุ์ ที่ม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และในช่วงบ่ายจะเดินทางไปที่ศูนย์เฝ้าระวังฝุ่น PM 2.5 ช่วงเย็นจะเป็นการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
นาย
ณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดีอย่างเนืองแน่นล้นหลาม จากการลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ในหลายจังหวัดที่ผ่านมา มีผู้คนที่มาเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยจำนวนมาก ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพผู้คนจำนวนไม่มากหน้าเวที หรือพี่น้องออกจากเวทีขณะที่เวทียังไม่จบนั้น ชี้แจงว่าเราเล็งเห็นและเข้าใจความพยายามนี้ แต่ความจริงต้องเป็นความจริง ทุกเวทีปราศรัยของพรรค พท. แม้กระทั่งในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดี มีตัวชี้วัดหลายประการ เช่น ผลการสำรวจของสำนักโพลที่ได้มาตรฐานชี้ตรงกันว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท.ยกระดับสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เชื่อว่าหลังยุบสภา เมื่อประกาศนโยบายชุดใหญ่คะแนนนิยมของทั้งพรรคและว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะพุ่งทะยานสูงขึ้นมากขึ้นไปกว่านี้
นาย
ณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า เวทีของพรรค พท. การติดตามรับชมย้อนหลังทางช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ หรือการปราศรัยของแต่ละบุคคลมียอดการรับชมสูงที่สุด หากเทียบกับเวทีพรรคการเมืองอื่นๆ เรื่องดังกล่าวปั่นตัวเลขทางการเมืองไม่ได้ ซึ่งทุกคนทุกส่วนตรวจสอบได้ ยืนยันไม่ได้ยกตนข่มท่าน แต่เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์ จึงจำเป็นต้องอธิบายยืนยันว่าพรรค พท.ทุกคน ทุกส่วนงาน ยังเดินหน้าเต็มกำลังต่อไปในทุกพื้นที่ในทุกวาระ เพื่อบรรลุเป้าหมายแลนด์สไลด์ให้ได้
นาย
ณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า พรรค พท.จะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องจนถึงเดือน พ.ค.และประกาศนโยบายชุดใหญ่หลังจากยุบสภา เราจะคำนึงถึงอายุของการตั้งครรภ์และความพร้อมของสภาวะร่างกายของ น.ส.แพทองธาร ซึ่งเรื่องนี้พี่น้องในพื้นที่ส่งความห่วงใยกันมามาก ต้องขอกราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ และขอยืนยันว่า น.ส.แพทองธารยังคงตั้งใจ และมุ่งมั่นที่จะพบปะพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยใช้เวลาในช่วงนี้ให้ได้คุ้มค่าที่สุด สำหรับการทำงานร่วมกับพรรค พท.ภายใต้เป้าหมายแลนด์สไลด์
‘เพื่อไทย’ ปล่อยคลิป ชูนโยบาย ยกระดับโครงการ ’30 บาท รักษาทุกโรค’ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
https://www.matichon.co.th/election66/news_3840406
‘เพื่อไทย’ ปล่อยคลิป ชูนโยบาย ยกระดับโครงการ ’30 บาท รักษาทุกโรค’ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย (พท.) เผยแพร่คลิปวิดีโอผลงานโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ระบุข้อความว่า โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ประสบความสำเร็จมาแล้ว อนาคตสาธารณสุขไทย คือการยกระดับโครงสร้างทั้งระบบ ให้สมบูรณ์และดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ใกล้ใจ-เลือกหมอ เลือกโรงพยาบาลด้วยตัวเอง
ง่ายดาย-บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทั่วไทย ครบครัน-ใช้ฐานข้อมูล Cloud ทั้งระบบ รวดเร็ว-รักษาและจ่ายยาออนไลน์ ปลอดภัย-ข้อมูลผู้ป่วยไม่รั่วไหล สะดวก-นัดคิวออนไลน์ ไม่ต้องรอคิวนานๆ ทันใจ-ตรวจเลือดคลินิกใกล้บ้าน เจอหมออีกวันได้เลย โปร่งใส-ลดภาระของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ ระดมฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรีให้เด็กหญิงอายุตั้งแต่ 9-11 ปีทุกคน และผู้หญิงที่ยังไม่เคยรับเชื้อ HPV ป้องกันมะเร็งท่อน้ำดี-มะเร็งตับ ตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ในตับและไวรัสตับอักเสบ ซี รับยา รักษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย Mental Health สุขภาพจิตคนไทยจะไม่ถูกละเลย มีการให้คำปรึกษาจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยาคลินิก ทั้งที่โรงพยาบาลและผ่านระบบ Telemedicine ส่งเสริมให้มีสถานชีวาภิบาล ไร้กังวลสำหรับผู้ป่วยติดเตียง ร่วมมือทั้งภาครัฐ และเอกชน สนับสนุนงบประมาณโดย สปสช.
โดยในคลิปวิดีโอดังกล่าว นพ.
สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้ร่วมผลักดันโครงการ 30 บาท กล่าวว่า โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ประสบความสำเร็จมาแล้ว และก้าวต่อไปของเราคือการยกระดับบริการสาธารณสุขให้สมบูรณ์และดียิ่งขึ้น ในอดีตเราตั้งจะนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อเชื่อมข้อมูลสุขภาพคนไทยทั้งระบบ เราจะสานต่อเพื่อก้าวต่อไปอย่างมั่นคง เพราะวันนี้เทคโนโลยีดิจิทัลดีพร้อมสำหรับทุกอย่างแล้ว เราจึงพัฒนาเชื่อมข้อมูลสุขภาพคนไทยทั้งระบบเพื่อตอบโจทย์ของคนไทยทั้งประเทศ ด้วยการอัพเกรดระบบ IT ในงานสาธารณสุขทั้งหมด เพราะระบบสาธารณสุขไทยไม่ควรหยุดพัฒนาคุณภาพ
ขณะที่ น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรค พท.จะยกระดับศักยภาพของโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค ด้วยระบบเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อให้ครอบคลุมทุกวงจร ทุกความต้องการในประเทศ สร้างวันนี้ให้พี่น้องคนไทยยั่งยืน แข็งแรง และก้าวต่อไปให้เท่าทันโลก
https://www.facebook.com/watch/?ref=external&v=913482203183097
“ธนาธร” วอนเยาวชนอย่าย้ายประเทศ ชี้ไทยต้องพึ่งนักวิทย์ฯ สร้างเทคโนโลยีให้ทันโลก
https://www.thairath.co.th/news/politic/2637783
ประธานคณะก้าวหน้า บรรยายที่ มธ. ชี้ไม่แปลกใจคนรุ่นใหม่สิ้นหวังกับอนาคต เหตุไร้งานที่ดีหลังจบ ผลักสถานการณ์สังคมสูงวัย-เด็กเกิดน้อยจนน่าห่วง ขออย่าเพิ่งย้ายไปไหน ไทยยังต้องการนักวิทย์อีกมาก
วันที่ 23 ก.พ. 2566 นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมบรรยายในหัวข้อ “
การปรับตัวและรับมือของนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ในยุค Technology Disruption” ให้แก่คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โดยนาย
ธนาธร ได้เริ่มต้นการบรรยาย ด้วยการถามคำถามต่อนักศึกษาทุกคนในห้อง ว่าใครบ้างที่คิดว่าเมื่อเรียนจบไปแล้วตัวเองจะมีอนาคตที่สดใส หางานที่มั่นคง ตั้งตัวได้ เลี้ยงพ่อแม่ สร้างครอบครัว มีอนาคตที่ดีรออยู่ หรือคิดว่าตัวเองจะหางานที่ดีได้ลำบาก มองไม่เห็นทางที่ชีวิตจะมีความมั่นคงพอสร้างครอบครัวได้ ซึ่งปรากฏว่านักศึกษาส่วนใหญ่ยกมือตอบอย่างหลัง ก่อนที่ธนาธรระบุว่าทุกครั้งที่ตัวเองได้ไปบรรยายที่ใดก็ตาม จะถามคำถามนี้กับนักศึกษาเสมอ และคำตอบที่ได้ก็เป็นแนวเดียวกัน ว่าคนรุ่นใหม่จำนวนมากรู้สึกหมดหวังกับการมีอนาคตในประเทศไทย
ประเทศไทยในขณะนี้ได้เข้าสู่สภาวะสังคมสูงวัยอย่างเป็นทางการแล้ว ที่น่ากังวลกว่าคืออัตราเด็กเกิดใหม่เอง ก็ตกลงจากประมาณ 1 ล้านคนต่อปี เมื่อ 15-20 ปีที่แล้ว มาเป็นปีละแค่ 5 แสนคนต่อปีในปัจจุบัน และหากไปดูสถิติที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่ง จะเห็นว่าตำแหน่งงานที่มีรายได้ดีในบริษัทที่มีความมั่นคง เปิดรับเด็กจบใหม่ทั้งประเทศอยู่ที่ไม่เกินปีละ 3-4 หมื่นตำแหน่งเท่านั้น และต่อให้เด็กจบใหม่ได้เข้าไปทำงานในตำแหน่งเหล่านั้น แต่ด้วยอัตราเงินเดือนที่ขึ้นตามรอบปกติ เมื่ออายุถึง 30 ปี ต่อให้สองคนสามีภรรยารวมกัน ก็ยังไม่สามารถผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ส่งลูกเรียนในโรงเรียนดีๆ ได้
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จำนวนประชากรเกิดใหม่จะลดลงเรื่อยๆ เพราะประเทศไทยในปัจจุบัน ไม่สามารถสร้างงานดีๆ ได้เพียงพอกับจำนวนคนที่เกิดมาในประเทศได้ อัตราการเกิดจึงลดลงเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไปประชากรวัยทำงานหนึ่งคนก็จะต้องแบกรับภาระในการดูแลประชากรวัยเด็กและผู้สูงวัยมากขึ้นด้วย รายจ่ายของประเทศจะมากขึ้นจากการดูแลเด็กและผู้สูงอายุที่มากขึ้น แต่ภาษีที่เก็บได้จะน้อยลงจากประชากรวัยทำงานที่ลดลง
นาย
ธนาธรกล่าวต่อไป ว่าทางออกของประเทศไทยจากสถานการณ์ขาดแคลนประชากรวัยทำงานในอนาคตมีแค่สองทางเลือก คือการเปิดให้แรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานมากขึ้น หรือการเพิ่มผลิตภาพต่อหัวแรงงานของคนไทย ซึ่งสำหรับตัวเองแล้วทางเลือกหลังเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแน่นอน แต่จะทำเช่นนั้นได้ สิ่งที่จำเป็นมากๆ คือประเทศไทยต้องมีเทคโนโลยีที่ทันโลกเป็นของตัวเองให้ได้ ซึ่งก็จะต้องอาศัยเครื่องมือหลักคือวิทยาศาสตร์ และคนอย่างนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ฯ ทุกคนนี่เอง ก็คือคนที่ต้องอยู่แถวหน้าของการพัฒนาประเทศ
“
ไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับสังคมไทย เราเป็นประเทศที่ติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลางมานานมากแล้ว วันนี้ประเทศที่พัฒนาแล้วก็แก่ เข้าสู่สังคมชราภาพเหมือนกัน แต่ที่แตกต่างกันคือเขารวยแล้วแก่ ของเราแก่ก่อนรวย วิธีที่จะทำลายวงจรนี้มีอย่างเดียว คือประเทศต้องมีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เป็นของตัวเอง ประเทศของเราต้องการนักวิทยาศาสตร์อย่างพวกคุณ เพราะฉะนั้นขอนะครับ อย่าเพิ่งย้ายประเทศกันนะครับ ไปเรียนชั่วครั้งชั่วคราวหาประสบการณ์ได้ แต่ขอให้กลับมาช่วยสร้างประเทศของเราด้วยกัน” นาย
ธนาธรกล่าว
JJNY : อิ๊งนำ พท.ลุยหาเสียง เชียงราย-เชียงใหม่│‘เพื่อไทย’ ปล่อยคลิป│“ธนาธร”วอนอย่าย้ายประเทศ│‘รัสเซีย-ยูเครน’ ไม่จบง่าย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3840465
อิ๊ง นำ พท.ลุยหาเสียงขอแลนด์สไลด์ เชียงราย-เชียงใหม่ ‘เต้น’ ปลื้ม ปชช.ต้อนรับอย่างดี แม้แต่ที่ภาคใต้
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย แถลงว่า พรรค พท.เตรียมลงพื้นที่ปราศรัย จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์นี้ โดยวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ลงพื้นที่พบปะประชาชน เปิดปราศรัยใหญ่ที่ จ.เชียงราย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และคณะ
ในช่วงเช้าจะไปพบปะผู้ประกอบการในพื้นที่ และประชาชนที่จุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นจะเปิดปราศรัยใหญ่ที่ ร.ร.ปล้องวิทยาคม อ.เทิง จ.เชียงราย เริ่มตั้งแต่เวลา 17.00-18.30 น. หลังจากปราศรัยเสร็จสิ้น พรรค พท.จะลงพื้นที่ถนนคนเดิน อ.เมืองเชียงราย
ต่อจากนั้นในวันที่ 26 ก.พ.เดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ ในช่วงเช้าจะไปพบผู้ประกอบการท่องเที่ยวและพี่น้องชาวชาติพันธุ์ ที่ม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และในช่วงบ่ายจะเดินทางไปที่ศูนย์เฝ้าระวังฝุ่น PM 2.5 ช่วงเย็นจะเป็นการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดีอย่างเนืองแน่นล้นหลาม จากการลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ในหลายจังหวัดที่ผ่านมา มีผู้คนที่มาเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยจำนวนมาก ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพผู้คนจำนวนไม่มากหน้าเวที หรือพี่น้องออกจากเวทีขณะที่เวทียังไม่จบนั้น ชี้แจงว่าเราเล็งเห็นและเข้าใจความพยายามนี้ แต่ความจริงต้องเป็นความจริง ทุกเวทีปราศรัยของพรรค พท. แม้กระทั่งในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดี มีตัวชี้วัดหลายประการ เช่น ผลการสำรวจของสำนักโพลที่ได้มาตรฐานชี้ตรงกันว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท.ยกระดับสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เชื่อว่าหลังยุบสภา เมื่อประกาศนโยบายชุดใหญ่คะแนนนิยมของทั้งพรรคและว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะพุ่งทะยานสูงขึ้นมากขึ้นไปกว่านี้
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า เวทีของพรรค พท. การติดตามรับชมย้อนหลังทางช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ หรือการปราศรัยของแต่ละบุคคลมียอดการรับชมสูงที่สุด หากเทียบกับเวทีพรรคการเมืองอื่นๆ เรื่องดังกล่าวปั่นตัวเลขทางการเมืองไม่ได้ ซึ่งทุกคนทุกส่วนตรวจสอบได้ ยืนยันไม่ได้ยกตนข่มท่าน แต่เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์ จึงจำเป็นต้องอธิบายยืนยันว่าพรรค พท.ทุกคน ทุกส่วนงาน ยังเดินหน้าเต็มกำลังต่อไปในทุกพื้นที่ในทุกวาระ เพื่อบรรลุเป้าหมายแลนด์สไลด์ให้ได้
นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า พรรค พท.จะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องจนถึงเดือน พ.ค.และประกาศนโยบายชุดใหญ่หลังจากยุบสภา เราจะคำนึงถึงอายุของการตั้งครรภ์และความพร้อมของสภาวะร่างกายของ น.ส.แพทองธาร ซึ่งเรื่องนี้พี่น้องในพื้นที่ส่งความห่วงใยกันมามาก ต้องขอกราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ และขอยืนยันว่า น.ส.แพทองธารยังคงตั้งใจ และมุ่งมั่นที่จะพบปะพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยใช้เวลาในช่วงนี้ให้ได้คุ้มค่าที่สุด สำหรับการทำงานร่วมกับพรรค พท.ภายใต้เป้าหมายแลนด์สไลด์
‘เพื่อไทย’ ปล่อยคลิป ชูนโยบาย ยกระดับโครงการ ’30 บาท รักษาทุกโรค’ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
https://www.matichon.co.th/election66/news_3840406
‘เพื่อไทย’ ปล่อยคลิป ชูนโยบาย ยกระดับโครงการ ’30 บาท รักษาทุกโรค’ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย (พท.) เผยแพร่คลิปวิดีโอผลงานโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ระบุข้อความว่า โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ประสบความสำเร็จมาแล้ว อนาคตสาธารณสุขไทย คือการยกระดับโครงสร้างทั้งระบบ ให้สมบูรณ์และดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ใกล้ใจ-เลือกหมอ เลือกโรงพยาบาลด้วยตัวเอง
ง่ายดาย-บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทั่วไทย ครบครัน-ใช้ฐานข้อมูล Cloud ทั้งระบบ รวดเร็ว-รักษาและจ่ายยาออนไลน์ ปลอดภัย-ข้อมูลผู้ป่วยไม่รั่วไหล สะดวก-นัดคิวออนไลน์ ไม่ต้องรอคิวนานๆ ทันใจ-ตรวจเลือดคลินิกใกล้บ้าน เจอหมออีกวันได้เลย โปร่งใส-ลดภาระของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ ระดมฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรีให้เด็กหญิงอายุตั้งแต่ 9-11 ปีทุกคน และผู้หญิงที่ยังไม่เคยรับเชื้อ HPV ป้องกันมะเร็งท่อน้ำดี-มะเร็งตับ ตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ในตับและไวรัสตับอักเสบ ซี รับยา รักษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย Mental Health สุขภาพจิตคนไทยจะไม่ถูกละเลย มีการให้คำปรึกษาจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยาคลินิก ทั้งที่โรงพยาบาลและผ่านระบบ Telemedicine ส่งเสริมให้มีสถานชีวาภิบาล ไร้กังวลสำหรับผู้ป่วยติดเตียง ร่วมมือทั้งภาครัฐ และเอกชน สนับสนุนงบประมาณโดย สปสช.
โดยในคลิปวิดีโอดังกล่าว นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้ร่วมผลักดันโครงการ 30 บาท กล่าวว่า โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ประสบความสำเร็จมาแล้ว และก้าวต่อไปของเราคือการยกระดับบริการสาธารณสุขให้สมบูรณ์และดียิ่งขึ้น ในอดีตเราตั้งจะนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อเชื่อมข้อมูลสุขภาพคนไทยทั้งระบบ เราจะสานต่อเพื่อก้าวต่อไปอย่างมั่นคง เพราะวันนี้เทคโนโลยีดิจิทัลดีพร้อมสำหรับทุกอย่างแล้ว เราจึงพัฒนาเชื่อมข้อมูลสุขภาพคนไทยทั้งระบบเพื่อตอบโจทย์ของคนไทยทั้งประเทศ ด้วยการอัพเกรดระบบ IT ในงานสาธารณสุขทั้งหมด เพราะระบบสาธารณสุขไทยไม่ควรหยุดพัฒนาคุณภาพ
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรค พท.จะยกระดับศักยภาพของโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค ด้วยระบบเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อให้ครอบคลุมทุกวงจร ทุกความต้องการในประเทศ สร้างวันนี้ให้พี่น้องคนไทยยั่งยืน แข็งแรง และก้าวต่อไปให้เท่าทันโลก
https://www.facebook.com/watch/?ref=external&v=913482203183097
“ธนาธร” วอนเยาวชนอย่าย้ายประเทศ ชี้ไทยต้องพึ่งนักวิทย์ฯ สร้างเทคโนโลยีให้ทันโลก
https://www.thairath.co.th/news/politic/2637783
ประธานคณะก้าวหน้า บรรยายที่ มธ. ชี้ไม่แปลกใจคนรุ่นใหม่สิ้นหวังกับอนาคต เหตุไร้งานที่ดีหลังจบ ผลักสถานการณ์สังคมสูงวัย-เด็กเกิดน้อยจนน่าห่วง ขออย่าเพิ่งย้ายไปไหน ไทยยังต้องการนักวิทย์อีกมาก
วันที่ 23 ก.พ. 2566 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมบรรยายในหัวข้อ “การปรับตัวและรับมือของนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ในยุค Technology Disruption” ให้แก่คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โดยนายธนาธร ได้เริ่มต้นการบรรยาย ด้วยการถามคำถามต่อนักศึกษาทุกคนในห้อง ว่าใครบ้างที่คิดว่าเมื่อเรียนจบไปแล้วตัวเองจะมีอนาคตที่สดใส หางานที่มั่นคง ตั้งตัวได้ เลี้ยงพ่อแม่ สร้างครอบครัว มีอนาคตที่ดีรออยู่ หรือคิดว่าตัวเองจะหางานที่ดีได้ลำบาก มองไม่เห็นทางที่ชีวิตจะมีความมั่นคงพอสร้างครอบครัวได้ ซึ่งปรากฏว่านักศึกษาส่วนใหญ่ยกมือตอบอย่างหลัง ก่อนที่ธนาธรระบุว่าทุกครั้งที่ตัวเองได้ไปบรรยายที่ใดก็ตาม จะถามคำถามนี้กับนักศึกษาเสมอ และคำตอบที่ได้ก็เป็นแนวเดียวกัน ว่าคนรุ่นใหม่จำนวนมากรู้สึกหมดหวังกับการมีอนาคตในประเทศไทย
ประเทศไทยในขณะนี้ได้เข้าสู่สภาวะสังคมสูงวัยอย่างเป็นทางการแล้ว ที่น่ากังวลกว่าคืออัตราเด็กเกิดใหม่เอง ก็ตกลงจากประมาณ 1 ล้านคนต่อปี เมื่อ 15-20 ปีที่แล้ว มาเป็นปีละแค่ 5 แสนคนต่อปีในปัจจุบัน และหากไปดูสถิติที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่ง จะเห็นว่าตำแหน่งงานที่มีรายได้ดีในบริษัทที่มีความมั่นคง เปิดรับเด็กจบใหม่ทั้งประเทศอยู่ที่ไม่เกินปีละ 3-4 หมื่นตำแหน่งเท่านั้น และต่อให้เด็กจบใหม่ได้เข้าไปทำงานในตำแหน่งเหล่านั้น แต่ด้วยอัตราเงินเดือนที่ขึ้นตามรอบปกติ เมื่ออายุถึง 30 ปี ต่อให้สองคนสามีภรรยารวมกัน ก็ยังไม่สามารถผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ส่งลูกเรียนในโรงเรียนดีๆ ได้
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จำนวนประชากรเกิดใหม่จะลดลงเรื่อยๆ เพราะประเทศไทยในปัจจุบัน ไม่สามารถสร้างงานดีๆ ได้เพียงพอกับจำนวนคนที่เกิดมาในประเทศได้ อัตราการเกิดจึงลดลงเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไปประชากรวัยทำงานหนึ่งคนก็จะต้องแบกรับภาระในการดูแลประชากรวัยเด็กและผู้สูงวัยมากขึ้นด้วย รายจ่ายของประเทศจะมากขึ้นจากการดูแลเด็กและผู้สูงอายุที่มากขึ้น แต่ภาษีที่เก็บได้จะน้อยลงจากประชากรวัยทำงานที่ลดลง
นายธนาธรกล่าวต่อไป ว่าทางออกของประเทศไทยจากสถานการณ์ขาดแคลนประชากรวัยทำงานในอนาคตมีแค่สองทางเลือก คือการเปิดให้แรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานมากขึ้น หรือการเพิ่มผลิตภาพต่อหัวแรงงานของคนไทย ซึ่งสำหรับตัวเองแล้วทางเลือกหลังเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแน่นอน แต่จะทำเช่นนั้นได้ สิ่งที่จำเป็นมากๆ คือประเทศไทยต้องมีเทคโนโลยีที่ทันโลกเป็นของตัวเองให้ได้ ซึ่งก็จะต้องอาศัยเครื่องมือหลักคือวิทยาศาสตร์ และคนอย่างนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ฯ ทุกคนนี่เอง ก็คือคนที่ต้องอยู่แถวหน้าของการพัฒนาประเทศ
“ไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับสังคมไทย เราเป็นประเทศที่ติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลางมานานมากแล้ว วันนี้ประเทศที่พัฒนาแล้วก็แก่ เข้าสู่สังคมชราภาพเหมือนกัน แต่ที่แตกต่างกันคือเขารวยแล้วแก่ ของเราแก่ก่อนรวย วิธีที่จะทำลายวงจรนี้มีอย่างเดียว คือประเทศต้องมีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เป็นของตัวเอง ประเทศของเราต้องการนักวิทยาศาสตร์อย่างพวกคุณ เพราะฉะนั้นขอนะครับ อย่าเพิ่งย้ายประเทศกันนะครับ ไปเรียนชั่วครั้งชั่วคราวหาประสบการณ์ได้ แต่ขอให้กลับมาช่วยสร้างประเทศของเราด้วยกัน” นายธนาธรกล่าว