JJNY : 5in1 เศรษฐานำทัพเพื่อไทย│"ก้าวไกล"ลุยสมุทรปราการ│เอกชนเมินร่วมทุน│DES รับยังจับ 9Nearไม่ได้│ไร้เจรจาสันติภาพปีนี้

เศรษฐา นำทัพเพื่อไทย ลุยเหนือ จับตาเวทีใหญ่ 3 แคนดิเดต ขึ้นพร้อมกัน
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7601712
 
 
เพื่อไทย กางปฏิทินปราศรัย ปักหมุดทิ้งทวนในกทม. 12 พ.ค. “อิ๊งค์” ร่วมด้วย เต้น แซะ ตู่ ขายของเก่า เชื่อคนอยากจบลุงตู่แล้ว แนะเพื่อนมิตรเคารพเรื่องแก้รธน.
 
เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย แถลงถึงการลงพื้นที่ปราศรัยใน จ.น่าน และลำปาง ระหว่างวันที่ 8-9 เม.ย. ว่า จ.น่าน และลำปาง จะเป็นครั้งแรกที่ทีมเพื่อไทยชุดใหญ่ไปปราศรัยในภูมิภาค หลังมีการจับสลากหมายเลขผู้สมัคร ส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อ นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่จะร่วมปราศรัยผ่านระบบออนไลน์
 
นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค ตน และผู้สมัคร ส.ส.ของแต่ละจังหวัด
 
การประกาศชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยครบ 3 คน รวมถึงการประกาศตัวเลขในนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี เกิดการตื่นตัวที่จะสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ให้ได้รับเลือกตั้งเข้าไปผลักดันนโยบายให้เป็นจริง
 
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า เริ่มจากวันที่ 8 เม.ย. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดพระธาตุแช่แห้ง อ.เมือง จ.น่าน ในเวลา 15.00 น. จากนั้นจะไปสมทบคาราวานรถแห่ของผู้สมัครใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เดินทางไปในทุกจังหวัด โดยมีพิธีเปิดกิจกรรมรถแห่ “กึ๊ดใหญ่ทำเป็น” 8 จังหวัดภาคเหนือ ณ วัดพระธาตุแช่แห้งในเวลา 15.30 น.
 
จากนั้นจะเริ่มกิจกรรมรถแห่รอบเมือง ผ่านตลาดเทวราช ชุมชน ย่านธุรกิจ ไปหยุดปราศรัยบนรถแห่หน้าวัดภูมินทร์ (ถนนคนเดิน) ก่อนที่ในเวลา 18.00 น. จะมีเวทีปราศรัยใหญ่ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตน่าน อ.เมือง จากนั้นไปถนนคนเดินเพื่อพบปะพี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอย
ในวันที่ 9 เม.ย. เวลา 07.30 น. ออกเดินทางไปยัง อ.วังชิ้น จ.แพร่ เพื่อพบปะเกษตรกรชาวสวนผลไม้ และชาวนาในพื้นที่ จากนั้นเวลา 13.00 น. จะเดินทางไปพบปะประชาชนใน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง และในเวลา 16.30 น. จะมีการร่วมขบวนปราศรัยบนรถแห่ ณ ห้าแยกหอนาฬิกา อ.เมือง จ.ลำปาง ส่วนในเวลา 18.00 น.จะมีเวทีปราศรัยใหญ่ ณ ตลาดนัดคลองถมห้างฉัตร อ.เมือง จ.ลำปาง
 
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า จากนี้ทีมปราศรัยของพรรคเพื่อไทย ทั้งเวทีใหญ่ เวทีระดับเขต เวทีย่อย ปูพรมลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเวทีใหญ่ที่มีแคนดิเดตนายกฯ เข้าร่วมด้วยได้วางคิวถึงสิ้นเดือน เม.ย. แล้ว ส่วนในเดือน พ.ค. จะมีการปราศรัยในทุกวันทุกภูมิภาค เพื่อเน้นย้ำนโยบายและสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน
 
ส่วนเวทีปราศรัยปิดท้าย คือ วันที่ 12 พ.ค. โดยเวทีนี้จะมีแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คนปรากฏตัวบนเวทีร่วมกันอีกครั้ง เชื่อว่าเวลานั้น น.ส.แพทองธาร จะผ่านการคลอดบุตร และพักฟื้นเรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าตัวยืนยันที่จะเข้าร่วมเวทีนี้อย่างแน่นอน
 
ทั้งนี้ ในช่วงนี้มีสถานการณ์ที่ทำให้เกิดคำถามถึงนโยบายพรรคเพื่อไทยว่า ทำได้จริงหรือไม่ ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะจับมือกับใคร และมีสัญญาณทำให้การเลือกตั้งสะดุดหรือไม่ ตอนนี้ตนคิดว่าคำตอบใน 2 ประเด็นแรกชัดเจนแล้ว ส่วนสถานการณ์พิเศษนั้น ตนไม่เชื่อว่าจะมีการหยุดยั้งขัดขวางการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชน
 
ส่วนนโยบายที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นำเสนอ อาจเป็นการพยายามเอาของเก่ามาขาย เพราะนโยบายขายไม่ได้ จึงพยายามให้คนนึกถึงความสงบจบที่ลุงตู่ แต่ประชาชนต้องการจบลุงตู่มากกว่า ขอให้อำนาจนอกระบบยอมรับการตัดสินใจของประชาชน ถอยพ้นไปจากวิถีทางในระบบรัฐสภา” นายณัฐวุฒิ กล่าว
 
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับการประกาศนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น การวิพากษ์วิจารณ์ย่อมเกิดขึ้นได้ ประชาชนก็สามารถใช้วิจารณญาณได้ แต่ท่วงทำนองขอให้มีความเหมาะสม โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ได้ร่วมงาน ร่วมแนวทางประชาธิปไตยด้วยกันมา เพื่อทำให้การทำงานภาพรวมในสนามเลือกตั้งสวยงาม การแก้รัฐธรรมนูญเป็นแนวทางที่นำเสนอโดยนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย และเป็นแนวทางของพรรคเพื่อไทยมาตลอดที่ต้องแก้เต็มคาราเบล
 
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ต้องให้ประชาชนเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มีกระบวนการทำประชามติทั้งก่อนและหลังการยกร่าง ส่วนเนื้อหาสาระต้องเป็นวาระของ ส.ส.ร.ด้วย พรรคการเมืองมีสิทธิ์เสนอแนวทางประกอบการพิจารณาได้ แต่ไม่ใช่การไปแทรกแซงกดดัน การเห็นด้วยหรือไม่ต้องเคารพต่อความเห็นของ ส.ส.ร. ส่วนการต่อสู้ทางการเมืองคงไม่มีใครมีมาตรวัดว่าใครทำอะไรมามากกว่าใคร เราเคารพทั้งความเหมือนและความต่างของเพื่อนร่วมทางจะดีกว่า


  
"ก้าวไกล" ลุยหาเสียงสมุทรปราการ ย้ำชัยชนะรอบที่แล้ว "พิธา" ไร้กังวล “บ้านใหญ่”
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7601591

“ก้าวไกล” ลุยหาเสียงสมุทรปราการ ย้ำชัยชนะรอบที่แล้ว “พิธา” เผย พร้อมสานต่อนโยบายแก้ปัญหาแบบไร้รอยต่อ ไร้กังวล “บ้านใหญ่” ในพื้นที่ จ่อเปิดตัวเพลงใช้หาเสียง
 
วันที่ 7 เม.ย.2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส. หาเสียง ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการในเขต 2 เขต 3 และเขต 7 โดยเน้นหาเสียงพื้นที่ตลาดนัดที่มีพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ค้ารายย่อย และประชาชนที่ประกอบอาชีพขับขี่รถยนต์ และจักรยานยนต์รับจ้าง รวมถึงประชาชนที่ทำงานโรงงานอุตสาหกรรม ที่พักอาศัยในพื้นที่นี้เป็นส่วนใหญ่ 
  
นายพิธา กล่าว่า สาเหตุที่เลือกจ.สมุทรปราการ เพราะพื้นที่นี้เป็นยุทธศาสตร์ ที่อดีตพรรคอนาคตใหม่เคยชนะเป็นอันดับ 2 คิดเป็นร้อยละ 25 ของคนในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมามี ส.ส. ลงพื้นที่ช่วยพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะช่วงน้ำท่วม ช่วงโรงงานหมิงตี้ระเบิด ตลอดจนช่วงโควิด 19 ที่ผ่านมา ดังนั้นไม่เพียงพื้นที่ กทม.เท่านั้น แต่ปริมณฑลก็เป็นพื้นที่ที่พรรคตั้งใจขยายและตอกย้ำความสำเร็จต่อไป
 
โดยพื้นที่จ.สมุทรปราการถือเป็นจุดแข็งอันดับต้นๆ ที่คนในพื้นที่มีความต้องการเข้าถึงระบบการศึกษา สุขภาพ และปัญหาการคมนาคม สิ่งแวดล้อม ที่ต้องเข้ามาแก้ปัญหาแบบไร้รอยต่อ จึงเป็นเหตุผลที่คนในจังหวัดต้องเลือกพรรคก้าวไกลยกจังหวัด ทั้ง 8 เขต เพื่อเวลายกมือออกเสียงในสภาฯ มติจะเป็นเอกฉันท์ แก้ปัญหาให้กับประชาชนอข่างเป็นรูปธรรม
 
นายพิธา กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่กังวลเสียงของประชาชนในพื้นที่จะเทไปให้บ้านใหญ่เจ้าของพื้นที่ เพราะที่ผ่านมา เสียง 1 ใน 4 ของพื้นที่เลือกอดีตพรรคอนาคตใหม่ และในช่วงนั้นมีความเข้มแข็งในเรื่องของระบบอุปถัมภ์ในพื้นที่ก็ตาม เชื่อมั่นว่า ประชาชนต้องการการเมืองรูปแบบใหม่ไม่ต้องอยู่ภายใต้อาณัติใคร
 
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลมีแนวคิดเหมือนพรรคการเมืองอื่นๆ ที่เริ่มมีการแต่งเพลงประจำพรรค และเพลงประจำตัวหัวหน้าพรรคเพื่อใช้ในการหาเสียง หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตอนนี้คงยังไม่มีแนวคิดนั้น เนื่องจากพรรคไม่ได้มีเงินทุนจำนวนมาก แต่ในอนาคตอาจเอาเพลงอื่นๆมาดัดแปลงเนื้อร้องให้เข้ากับพรรคก้าวไกลแทน และอาจจะเป็นแนว “ฮิพฮอพ” แต่คงไม่มีท่าเต้น เพราะเกรงว่าจะเป็นมหรสพ ผิดกฎหมายเลือกตั้งได้
 
นายพิธา กล่าวทิ้งท้าย ว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประชาชนจดจำพรรคก้าวไกลได้ในวันใช้สิทธิ์เลือกตั้ง คือ การหาเสียงของพรรคที่ไม่ให้เป็นภาระของประชาชนหลังจากนี้ คือ เลือกก้าวไกล กาก้าวไกล พร้อมบอกเบอร์ของ ส.ส.เขตเท่านั้น หากประชาชนกังวลว่าจะกาผิดสีผิดเบอร์ก็เลือกแค่พรรคก้าวไกล เห็นโลโก้พรรค เห็นชื่อพรรคก็พอ และจำแค่เลขของ ส.ส.เขต เพราะกฎกติกาใหม่สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ 2 ใบ 2 หมายเลข อาจทำให้ประชาชนสับสนได้
 


เอกชนเมินร่วมทุนทางด่วนกะทู้ - ป่าตอง กทพ.เชื่อเพราะปัญหาเศรษฐกิจ
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1062033

การทางพิเศษฯ เปิดประมูลทางด่วนกะทู้ - ป่าตองสุดเหงา ไร้เอกชนยื่นซอง คาดเพราะผลกระทบทางเศรษฐกิจ เตรียมปรับแผนรวบสายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ เปิดประมูลอีกรอบ
 
รายงานข่าวจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า วันนี้ กทพ.ได้กำหนดให้เอกชนยื่นซองข้อเสนอร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ปรากฏว่าไม่มีเอกชนรายใดมายื่นข้อเสนอเพื่อเข้าร่วมลงทุนโครงการ ทั้งนี้ คาดว่ามีสาเหตุเนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากสถานการณ์ต่างๆ อาทิ โรคระบาดจากเชื้อไวรัส Covid-19 ที่ส่งผลกระทบระยะยาว สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ทำให้กระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างจากเดิมเมื่อปี 2564 ได้ประมาณการไว้ในปีที่เริ่มก่อสร้างจำนวน 8,878 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอีกประมาณร้อยละ 10 จึงทำให้ไม่จูงใจเอกชนในการตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนโครงการเท่าที่ควร
 
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานทางถนนในจังหวัดภูเก็ต เพื่อรองรับการที่จังหวัดภูเก็ตเข้าร่วมการคัดเลือกเพื่อเป็นเจ้าภาพงาน Specialize Expo 2028 ซึ่งเป็นงานมหกรรมใหญ่ระดับโลกที่จะจัดขึ้นในปี 2571 กทพ. จะพิจารณาทบทวนการดำเนินโครงการโดยอาจดำเนินโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง (โครงการระยะที่ 1) ร่วมกับโครงการทางพิเศษสายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ (โครงการระยะที่ 2) รวมเป็นโครงการเดียว เพื่อจูงใจให้เอกชนสนใจร่วมลงทุนมากยิ่งขึ้น โดยจะพิจารณามูลค่าลงทุนของโครงการ รวมทั้งระยะเวลาการให้สัมปทานเอกชนให้มีความสอดคล้องกับสภาะปัจจุบัน
 
สำหรับการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต กทพ.ได้ประกาศเชิญชวน เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2565 เพื่อเชิญชวนผู้สนใจซื้อเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (Request for Proposal : RFP) และเข้าร่วมคัดเลือกเป็น ผู้ร่วมลงทุนโครงการฯ ซึ่งเมื่อครบกำหนดการซื้อเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน ปรากฏว่ามีภาคเอกชน ประกอบด้วย บริษัทเอกชนไทยและบริษัทเอกชนต่างชาติ ให้ความสนใจซื้อเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนรวมทั้งสิ้น จำนวน 13 ราย และ กทพ. ได้กำหนดให้เอกชนที่สนใจยื่นข้อเสนอในวันนี้ (7 เมษายน 2566)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่