JJNY : มะนาว-มะละกอปรับขึ้นราคา│"จาตุรนต์"ชำแหละ 8ปัญหาใหญ่│‘ก่อแก้ว’เย้ยรทสช.│องค์กรพิทักษ์สัตว์ยื่น ก้าวไกล จี้แก้ กม.

มะนาว-มะละกอ ปรับขึ้นราคา กิโลละ 5 บาท คนขายโอดรับมาแพง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7525830
 
 
มะนาว-มะละกอ ปรับขึ้นราคา กิโลละ 5 บาท คนขายโอดรับมาแพง แม่ค้าส้มตำ ต้องแบกต้นทุนเพิ่ม แต่ยังไม่ขึ้นตาม เพราะผักชนิดอื่นราคาถูกลง
 
นครราชสีมา – วันที่ 23 ก.พ.2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาผักที่ตลาดสดในเขตพื้นที่ จ.นครราชสีมา พบว่าราคาผักหลายชนิดปรับขึ้นราคา โดยเฉพาะมะนาวกับมะละกอพันธุ์ดำเนินและแขกดำ ที่แม่ค้าส้มตำนิยมซื้อไปทำเมนูส้มตำขายมีการปรับขึ้นราคากิโลกรัมละ 5 บาท
 
ทำให้ มะละกอดำเนิน กิโลกรัมละ 30 บาท จาก 25 บาท มะละกอแขกดำ กิโลกรัมละ 25 บาท จากกิโลกรัมละ 20 บาท นอกจากนี้มะนาวก็ปรับราคาขึ้นเช่นกัน โดยขายอยู่ที่ลูกละ 6 บาท จากลูกละ 5 บาท
 
สำหรับในส่วนของมะนาวแป้นนั้นขายตามขนาดของลูกถ้าลูกใหญ่และสวยนั้นจะขายอยู่ที่ลูกละ 8 บาท โดยแม่ค้าภายในตลาดต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าที่ต้องขายราคานี้เพราะรับมาแพง ซึ่งจากราคาของมะละกอและมะนาวที่มีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นนั้นส่งผลกระทบกับประชาชนและบรรดาแม่ค้าที่ประกอบกิจการร้านอาหารอีสาน
 
นางนุชจรินทร์ ศรีศิริ อายุ 47 ปี แม่ค้าส้มตำ บอกว่า หลังจากที่มะละกอและมะนาวมีการปรับราคาขึ้นทางร้านก็ยังคงขายในราคาเดิมเพราะราคาของผักชนิดอื่นที่ใช้ในการทำส้มตำก็มีราคาถูกลงทั้งพริกและมะเขือเทศก็เลยถือว่าเป็นการถัวเฉลี่ยราคากันไป นอกจากนี้ราคาของผักที่แพงขึ้นก็ไม่ได้แพงตลอดเดี๋ยวราคาก็ถูกลง ที่สำคัญคือตนเห็นใจลูกค้าประจำที่มารับประทานอาหารที่ร้านจึงเป็นเหตุผลที่ไม่ได้ปรับราคาของอาหารตามราคาของผักที่แพงขึ้น



"จาตุรนต์" ชำแหละ 8 ปัญหาใหญ่ ที่มาจาก "บิ๊กตู่" ชี้หากยังเลือกเป็นนายกฯก็จะยิ่งเสียหาย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3838657
 
“จาตุรนต์” ชำแหละ 8 ปัญหาใหญ่ ที่มาจาก “บิ๊กตู่” ชี้หากยังเลือกเป็นนายกฯก็จะยิ่งเสียหาย เพราะไม่ยอมรับความผิดพลาดและล้มเหลวของตัวเอง
 
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับปัญหาความเสียหายของประเทศ ที่พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีทางแก้ได้ โดยมีรายละเอียดว่า 

8 ปัญหาความเสียหายของประเทศที่ไม่มีทางแก้ได้หากนายกฯยังเป็นประยุทธ์ จันทร์โอชา
 
ความเสียหายที่พลเอกประยุทธ์ก่อขึ้นเป็นความเสียหายที่เกิดจากความล้มเหลวผิดพลาดของพลเอกประยุทธ์เอง แต่ในการอภิปรายก็ชัดเจนว่าไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง จึงไม่มีทางเป็นไปได้ที่พลเอกประยุทธ์จะกลับลำแก้ไขความผิดพลาดของตนเองใน 8 ข้อนี้เลย
 
1.การต่างประเทศ ที่ประเทศไทยร่วมมือกับใครไม่ได้เลยหลังการรัฐประหาร ในเวทีต่างประเทศเวลานี้จากความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ ประเทศใหญ่ มองมาทางภูมิภาคนี้เขาสนใจอยู่ 2 เรื่อง
 
เรื่องที่ 1 คือในภูมิภาคนี้จะสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศแค่ไหน? แต่ปรากฏว่าไทยทำผิดพลาดตรงที่เราไม่แสดงความยอมรับกฎหมายระหว่างประเทศ ในการที่ไปงดออกเสียงในเรื่องรัสเซีย-ยูเครนในครั้งหลัง
 
เรื่องต่อมาคือการรัฐประหารในเมียนมาร์ ที่อาเซียนมีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ โดยเฉพาะมติให้คืนประชาธิปไตยโดยเร็ว และก็ต้องการให้มีการสนับสนุนทางมนุษยธรรมแก่ประชาชนชาวเมียนมาร์ แต่ปรากฏประเทศไทยที่เป็นประเทศที่ควรทำเรื่องนี้ได้ดีที่สุดและทำมากที่สุด กลับไม่ทำอะไรเลย หรือทำตรงกันข้าม
 
เพราะฉะนั้นประเทศไทยในการต่างประเทศเป็นตัวตลก และไม่มีที่ยืนในเวทีระหว่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยไม่มีโอกาสที่จะร่วมมือกับใครได้เลย

2. รัฐบาลไทยไม่สามารถทำการตกลงทางการค้าเสรีหรือเรียกว่า FTA กับประเทศใหญ่ๆได้ในรอบ 8 ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะกับสหภาพยุโรปหรืออังกฤษ กับอีกบางประเทศ นั่นเป็นเพราะว่าวิธีคิดของพลเอกประยุทธ์และภาพพจน์ในสายตาต่างประเทศมันตกต่ำ ทำให้เราเสียโอกาสในการส่งออกไปมหาศาล
 
3.การดึงการลงทุนจากต่างประเทศเข้าประเทศ จากการที่ไทยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานล่าช้า ซึ่งเห็นชัดคือโครงการรถไฟความเร็วสูง การพัฒนาโลจิสติกส์ก็พัฒนาช้า พัฒนาคนให้มีทักษะเพื่อรู้จักใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็ช้า นี่เป็นสาเหตุที่ไม่มีใครอยากมาลงทุน
รวมไปถึงการไม่แก้กฎกติกาที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน แต่หลักนิติธรรมกลับเข้ามาแทรกแซง ทั้งอัยการ ตำรวจ วางระบบสว.เป็นผู้รับรองตุลาการระดับสูงเพราะฉะนั้นต่างประเทศเขามองเข้ามาหลักนิติธรรมไม่รู้อยู่ที่ไหน ไม่นับว่าการบังคับใช้กฎหมายกันอย่างไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมต่อประชาชนเต็มไปหมด

ทั้งนี้ยังมีการทำลายระบบการจัดซื้อจัดจ้าง ที่ยกโครงการขนาดใหญ่ให้บริษัทนายทุนใหญ่ ยกให้ต่างประเทศและองค์กรต่างประเทศ รัฐบาลไทยยกให้ไปเปล่าๆแถมยกเว้นระเบียบจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดทุกฉบับ เขามองมาเขาจะคิดอย่างไร?

4. ความล้มเหลวในการรองรับการลงทุนในประเทศและการท่องเที่ยวในเรื่องแรงงานข้ามชาติ เป็นระบบที่ต้องการขูดรีดเอาประโยชน์จากแรงงานข้ามชาติและธุรกิจที่ใช้แรงงานข้ามชาติ คิดค่าหัวใต้โต๊ะ 30,000 บาท แต่กิจการต่าง ๆ ในไทยขาดแคลนแรงงานข้ามชาติอยู่มากถึง 600,000 คน พวกเขาก็ไปต่อไม่ได้ ระบต้องการทำให้ยากเพื่อหาประโยชน์
 
5. นโยบายการคลังที่ก่อหนี้สูง แต่ใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพไม่มีประสิทธิผล อันนี้โยงไปกับเรื่องทางกองทัพและเรื่องทางความมั่นคงด้วยรายจ่ายประจำพุ่งสูง งบลงทุนน้อย เน้นโครงการประเภทเอาเงินกู้มาเพิ่มการบริโภคใช้จ่ายซึ่งปัจจุบันกำลังโยงเข้ากับการหาเสียงของพรรคการเมืองและเป็นเรื่องที่พลเอกประยุทธ์แก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้
  
6.ทุจริตคอรัปชั่นสูงทั้งระบบ โดยต้นตอมาจากการเข้าไปแทรกแซงการแต่งตั้งคณะกรรมการ ปปช.เห็นได้จากประธาน ปปช.คือคนสนิทของคนในคสช. รวมทั้งองค์กรทางด้านการตรวจสอบทั้งหลาย เดี๋ยวนี้รับรองโดยวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งของพลเอกประยุทธ์ทั้งนั้น
 
7. การใช้ความมั่นคงเป็นหลักวางระบบบริหารประเทศ โดยกองทัพครอบงำการบริหารราชการแผ่นดินทั้งระบบ อันนี้จะเห็นจากตอนบริหารโควิด-19 ที่ไม่สนใจเรื่องเศรษฐกิจ หรือบริหารแบบขาดวิสัยทัศน์ เช่น นโยบายทวงคืนผืนป่าและการจัดงบประมาณแผ่นดินที่เน้นความมั่นคง
 
8. การทำให้ประเทศเสียหายขาดรายได้จากการประมงหลายแสนล้านต่อปี เพราะการเจรจาของพลเอกประยุทธ์ทำไปในขณะเป็นหัวหน้าคสช. ซึ่งรัฐบาลคสช.ต้องการลดการเสียดทานในการที่สหภาพยุโรปไม่ยอมรับรัฐบาลเผด็จการ
  
เพราะฉะนั้นจึงไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาวประมงทั่วประเทศ 22 จังหวัด อะไรก็ยอมหมดเพื่อให้รัฐบาล คสช. อยู่ได้ พอมาเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งก็รับรองข้อตกลงเหล่านั้น ไม่คิดจะแก้ไขเลยและเป็นไปไม่ได้เลยที่ในอนาคตพลเอกประยุทธ์จะแก้เรื่องนี้ เพราะมันเท่ากับกลืนน้ำลายตัวเอง
จะเห็นไดัว่า 8 ข้อนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่มาจากพลเอกประยุทธ์และพลเอกประยุทธ์จะไม่มีทางแก้ปัญหาเหล่านี้ หากพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งอีก ประเทศก็จะยิ่งเสียหายต่อไป

https://www.facebook.com/Chaturon.FanPage/posts/pfbid0CWGchuQc7MpPNjBXefvxoaEMz3jiqpVEkqp2hD4E9qhkQ1wocGcD6byYWRbBobuPl
  


‘ก่อแก้ว’ เย้ยรทสช. ส่ง ‘วิทยา’ คุมอีสาน บอกบ้านเกิดนครศรีฯ ยังสอบตกเลย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3838660

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) และอดีตแกนนำนปช. กล่าวถึงกรณี นายวิทยา แก้วภราดัย  รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภาคอีสาน และมีแกนนำเสื้อแดงมาเปิดตัวด้วยว่า ตนเชื่อว่าพี่น้องคนอีสานเป็นคนที่รักประชาธิปไตยและรังเกลียดเผด็จการ คนอีสานรักความเป็นธรรม จริงจัง จริงใจ และรู้ทันว่าใครเป็นอย่างไร ส่วนที่มีแกนนำเสื้อแดงไปเปิดตัวเป็นผู้สมัคร ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคนเหล่านั้น ล้วนผิดหวังจากพรรค พท. ที่ไม่ส่งลงสมัคร จึงหาที่ลงไม่ได้และหาที่ลง
 
นายก่อแก้ว กล่าวต่อว่า แต่เมื่อตัดสินใจแล้ว ขออย่ามาอ้างว่าเป็นคนเสื้อแดง เพราะว่าคนเสื้อแดงเป็นสัญลักษณ์ของผู้รักประชาธิปไตย และมีอุดมการณ์ในการต่อสู้ หากใครย้ายไปเป็นนั่งร้านให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการ ก็ไม่ควรอ้างตัวเองว่าเป็นคนเสื้อแดง ทั้งนี้ตนเชื่อว่าพี่น้องคนอีสานยังเชื่อมั่นในนโยบายของพรรค พท. และยังรักนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านตั้งแต่พรรคไทยรักไทย จนมาถึงพท. ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องคนอีสานมาโดยตลอด เพราะพรรค พท.ได้ช่วยดูแลพ่อแม่พี่น้อง ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในทุกๆ ด้าน
 
นายก่อแก้ว กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา พี่น้องคนไทยโดยเฉพาะคนอีสานผิดหวังจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ อย่างยิ่ง เศรษฐกิจย่ำแย่ ราคาข้าว ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ แต่สินค้าแพงทั้งแผ่นดิน ชีวิตความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ ตนเชื่อว่าพี่น้องคนอีสานและคนไทยทั้งประเทศเจ็บปวด และรอเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่กลับมาดีอย่างเดิม
 
นายวิทยาไม่เคยคลุกคลีกับคนอีสาน ไม่รู้จักคนอีสานดี เคยเป็นผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดูแลภาคใต้ แม้แต่จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดบ้านเกิดทีม ปชป.ยังเกิดการแตกแยกกันอย่างหนัก จนปี 2562 ลงสมัครส.ส.นครศรีธรรมราชยังสอบตก ผมจึงเชื่อมั่นว่าพรรค รทสช.จะไม่ได้ส.ส.อีสานแม้แต่คนเดียว” นายก่อแก้ว กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่