“หมอธีระ” เผย US FDA ไฟเขียวใช้วัคซีนแบบ Bivalen ให้ชาวมะกัน แทนรุ่นดั้งเดิม ชี้ลดรุนแรงได้16เท่า
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3792459
“หมอธีระ” เผย US FDA มีมติใช้วัคซีนแบบ Bivalen เป็นองค์ประกอบหลักให้ ปชช.มะกัน แทนวัคซีนรุ่นดั้งเดิมเข็มแรก-เข็มกระตุ้น ระบุสามารถลดเสี่ยงป่วยรุนแรงได้ 16 เท่า และลดเสี่ยงเสียชีวิตได้ 13 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน
เมื่อวันที่ 27 มกราคม นพ.
ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 147,330 คน ตายเพิ่ม 744 คน รวมแล้วติดไป 674,168,661 คน เสียชีวิตรวม 6,753,161 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 16 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 90.72 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 82.39
…Update การประชุมของ US FDA
เมื่อคืนนี้มีการประชุมสำคัญเกี่ยวกับแผนการให้วัคซีนแก่ประชาชนของคณะกรรมการ VRBPAC
ประชุมกันถึงเกือบหกโมงเย็นของอเมริกา หรือหกโมงเช้าของไทยวันนี้
สาระสำคัญที่เกิดขึ้นคือ กรรมการโหวต 21:0 เห็นด้วยกับการใช้วัคซีนแบบ Bivalent (มีสายพันธุ์ดั้งเดิมร่วมกับสายพันธุ์ BA.4/5) เป็นองค์ประกอบหลักสำหรับวัคซีนที่ให้แก่ประชาชนในอเมริกา โดยจะใช้แทนวัคซีนรุ่นดั้งเดิมตั้งแต่เข็มแรกไปจนถึงเข็มกระตุ้น
โดยมีการนำเสนอข้อมูลชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีน Bivalent นั้นจะสามารถลดเสี่ยงป่วยรุนแรงได้ 16 เท่า และลดเสี่ยงเสียชีวิตได้ 13 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน
และคนที่ได้วัคซีน Bivalent นั้น จะลดเสี่ยงป่วยรุนแรงได้ 3 เท่า และลดเสี่ยงเสียชีวิตได้ 2 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับวัคซีนแต่ไม่ได้รับวัคซีน Bivalent เป็นเข็มกระตุ้น
อีกประเด็นสำคัญที่จะเกิดขึ้นในการประชุมคือ การหารือเกี่ยวกับแนวทางการฉีดวัคซีนในอนาคตว่าจะทำอย่างไร ทั้งนี้มีการร่างข้อเสนอเพื่อพิจารณาตามที่มีข่าววันก่อนว่าจะเสนอให้ฉีดปีละครั้งสำหรับคนที่เคยได้วัคซีนครบมาก่อน (ภาพที่ 1) แต่สรุปว่ายังไม่มีการฟันธง และคาดว่าทาง VRBPAC จะให้ทาง the Advisory Committee on Immunization Practices ของ US CDC พิจารณาอีกที
ความเคลื่อนไหวข้างต้น สะท้อนให้เราเห็นว่าวัคซีน Bivalent นั้นจะเป็นเครื่องมือป้องกันหลักที่จะได้รับการใช้ในการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 และอนาคตจะมีการปรับปรุงวัคซีนตามสายพันธุ์ย่อยที่คาดการณ์ให้เหมาะสมกับสายพันธุ์ที่ระบาด ส่วนการฉีดวัคซีนกระตุ้นในระยะยาวนั้นยังไม่มีความชัดเจน จำเป็นต้องติดตามกันต่อไป
…อัพเดต Long COVID
Landry M และคณะจากมหาวิทยาลัย George Washington ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ผลการวิจัยในวารสารการแพทย์โรคติดเชื้อ Emerging Infectious Diseases ฉบับมีนาคม 2566ศึกษาตั้งแต่กรกฎาคม 2564 ถึงมีนาคม 2565 ในกลุ่มนักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรในมหาวิทยาลัยจำนวน 1,338 คนที่ติดเชื้อโควิด-19 พบว่ามีผู้ที่ประสบปัญหา Long COVID กว่าหนึ่งในสาม (36%)
ปัญหา Long COVID พบมากในกลุ่มคนที่ติดเชื้อแบบมีอาการ และ/หรือมีหลายอาการ, คนที่มีโรคประจำตัว, เพศหญิง, คนที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ, คนที่สูบบุหรี่หรือเคยสูบมาก่อน นอกจากนี้ยังพบว่า การได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นจนครบ จะช่วยลดเสี่ยง Long COVID ได้ราวครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน
…สำหรับไทยเรา
การป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ หรือไม่ติดเชื้อซ้ำ ย่อมดีที่สุด
การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ ระหว่างใช้ชีวิตประจำวันนอกบ้าน จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
อ้างอิง
1. Vaccines and Related Biological Products Advisory Committee January 26, 2023 Meeting. US FDA
2. Live blog: Tracking the meeting of the FDA advisory panel on Covid vaccines. STAT News. 27 January 2023
3. FDA Advisory Committee Votes to Unify the Strain Composition of COVID-19 Primary and Booster Vaccines. Contagion Live. 27 January 2023
4. Landry M et al. Postacute Sequelae of SARS-CoV-2 in University Setting. Emerging Infectious Diseases. Volume 29, Number 3—March 2023
https://www.facebook.com/thiraw/posts/pfbid0aMCePphXk4JrvcHJjgX41pEmK9ber5Bv4W5zxWKHbavGHqqysiFYufSrwjGQKdPLl
อาจได้กิน 'ไก่แพง' ส.ผู้เลี้ยง โอดต้นทุนแพงสุด ขาดทุนมา 2 เดือน อาจต้องลดการเลี้ยงลง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7478814
อาจได้กิน ‘ไก่แพง’ ส.ผู้เลี้ยง โอด ต้นทุนแพงสุดเป็นประวัติการณ์ ขาดทุนมา 2 เดือน ถ้าแบกไม่ไหว ต้องลดการเลี้ยงลง ทำใจราคาพุ่งชัวร์ ส่งผลกระทบประชาชน
วันที่ 27 ม.ค.2666 นาย
วีระพงษ์ ปัญจวัฒนกุล ที่ปรึกษาสมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อ เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้เลี้ยงไก่เนื้อกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากต้นทุนการเลี้ยงไก่เนื้อได้ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน ล่าสุดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยต้นทุนการเลี้ยงไก่ปีนี้ขยับขึ้นมาอีก 2-3 บาท/ก.ก. ล่าสุดอยู่ที่ 45 บาท/ก.ก. สูงกว่าต้นทุนปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 42-43 บาท/ก.ก.เนื่องจากราคาอาหารสัตว์ปรับราคาขึ้นต่อเนื่อง
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาปรับเพิ่มขึ้นอีก 6 บาท/ถุงขนาด 30 ก.ก. มาอยู่ที่ 550 บาท/ถุง ขณะที่ราคาพันธุ์ไก่ก็ปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุน ค่าไฟฟ้าก็ปรับเพิ่มขึ้น30% รวมถึงค่าจ้างแรงงงาน ซ้ำเติมภาวะต้นทุนให้สูงขึ้นไปอีก
ปัจจุบันผู้เลี้ยงไก่เนื้อเจอปัญหาหนักมาก แม้ว่าต้นทุนการเลี้ยงไก่เป็นจะพุ่งขึ้นมาแตะที่ 45 บาท แต่ราคาขายไก่เนื้อเข้าโรงงานชำแหละกลับต่ำกว่าปีก่อน โดยราคาขายเข้าโรงงานอยู่ที่ 41-45บาท/ก.ก. เนื่องจากขณะนี้ตลาดไม่เอื้อให้ปรับขึ้นราคา เพราะซัพพลายล้นตลาด จากการส่งออกเนื้อไก่ที่ชะลอตัวลงอย่างมาก โดยตลาดนำเข้าสำคัญอย่างอียูและญี่ปุ่นลดการนำเข้าเพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น หากปรับราคาก็จะขายไม่ออก รวมถึงการเปิดประเทศของจีนก็ทำให้กำลังการบริโภคภายในปรับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
“อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือดูแลเรื่องราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ อยากให้เห็นใจคนเลี้ยงไก่บ้าง ไม่ใช่ดูและเฉพาะเกษตกรผู้ปลูกพืชที่นำมาทำวัตถุดิบอาหารไก่ ขณะนี้ผู้เลี้ยงขาดทุนติดต่อกันมา 2 เดือนแล้ว ไม่รู้ว่าจะแบกภาระต้นทุนได้อีกนานแค่ไหน หากแบกไม่ไหว อนาคตคงต้องแก้ปัญหาขาดทุนด้วยการลดปริมาณการเลี้ยงลง ซึ่งจะทำให้ราคาไก่แพงขึ้น และในที่สุดก็จะส่งผลกระทบต่อประชาชนต้องกินไก่แพงแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้หากรัฐไม่เข้ามาแก้ไขปัญหานี้”
รายงานข่าวจากกรมการค้าภายใน แจ้งถึงราคาจำหน่ายปลีก เนื้อไก่ในตลาดสดกรุงเทพมหานคร ประจำวันที่ 26 ม.ค.2566 ว่า ไก่สดชำแหละ น่อง สะโพก และไก่สดทั้งตัว ไม่รวมเครื่องใน ราคา 75 – 85 บาท/ก.ก.,ไก่สดชำแหละเนื้อสันใน และ ไก่สดชำแหละ เนื้ออก เนื้อล้วนราคา 90- 100บาท/ก.ก., ไก่สดชำแหละ เนื้ออก ติดหนัง และไก่สดชำแหละ น่อง ราคา 80-85บาท/ก.ก. เป็นต้น
"ก้าวไกล" จี้ ทอ.แจง จัดทำแอปฯ NAPA (นภา) ราคาแพง 40 ล้าน จริงหรือไม่
https://www.thairath.co.th/news/politic/2613733
"ธนเดช" ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลาดพร้าว-ก้าวไกล แฉซ้ำ ทอ.เตรียมออกแอปฯ NAPA อ้างได้ข้อมูล ราคาจัดทำแพงถึง 40 ล้าน ทั้งที่ฟังก์ชันแทบไม่ต่างจากเว็บไซต์-โหลดได้แค่แอนดรอยด์ เผย กำลังพลไม่กล้าตรวจรับ เหตุเสี่ยงติดร่างแหทุจริต จี้ ทอ.เร่งเปิดเผยเอกสารจัดทำ
วันที่ 27 ม.ค. 2566 ร.ท.
ธนเดช เพ็งสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตลาดพร้าว พรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณีที่กองทัพอากาศจัดทำแอปพลิเคชัน NAPA (นภา) โดยมีการกล่าวอ้างว่า มีมูลค่าการจัดทำถึง 40 ล้านบาท ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง ก็ถือว่าแพงเกินไปจนรับไม่ได้ เพราะฟังก์ชันต่างๆ ที่มีอยู่ เท่าที่ได้เห็นภาพตัวอย่างหน้าจอแสดงผลที่มีการเผยแพร่ในหมู่กำลังพล เรียกได้ว่าไม่ต่างอะไรจากเว็บไซต์ และยังใช้งานได้กับระบบแอนดรอยด์เท่านั้นด้วย
ร.ท.
ธนเดช กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้แอปฯ จัดทำเสร็จแล้ว แต่ติดปัญหาที่ไม่มีใครกล้าตรวจรับ เพราะมีความเสี่ยงจะติดร่างแหไปด้วย หากมีการตรวจสอบพบการทุจริตเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยความไม่สมเหตุสมผล และความเสี่ยงนี้เองทำให้กำลังพลหลายส่วนที่ต้องเกี่ยวข้องกับการดำเนินการต่อมีความกังวล ดังนั้นตนจึงขอเรียกร้องให้กองทัพอากาศ เปิดเผยถึงมูลค่าที่แท้จริงในการจัดทำแอปพลิเคชันดังกล่าวต่อสาธารณะ รวมถึงรายละเอียดฟังก์ชันต่างๆ ที่แอปฯ นี้สามารถอำนวยความสะดวกให้กำลังพลของกองทัพอากาศได้ ว่ามีความแตกต่างจากหน้าเว็บไซต์อย่างไร เป็นไปตามความจำเป็นที่กำลังพลต้องใช้งานหรือไม่
ร.ท.
ธนเดช ยังกล่าวด้วยว่า ทางที่ดีที่สุด กองทัพอากาศ ควรเปิดเผยไปถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับการจัดทำแอปพลิเคชันนี้ เพราะนี่คือภาษีที่ประชาชนต้องจ่ายไป ประชาชนย่อมมีสิทธิเต็มที่ที่จะรู้ถึงรายละเอียดการใช้จ่ายที่แท้จริงของการดำเนินการ ซึ่งไม่ใช่ความลับด้านความมั่นคงแต่อย่างใด แต่หากกองทัพอากาศเลือกที่จะไม่เปิดเผย หรือออกมาตอบคำถามแบบไม่ชัดเจน ไม่สามารถทำให้ประชาชนหายสงสัยได้ ตนก็ต้องนำเรื่องนี้ไปขอให้กลไกสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการต่อ ผ่านกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อไป
“
ผมไม่อยากให้พี่น้องทหารของผมต้องมาเกี่ยวข้องกับวงจรการคอร์รัปชัน จึงขอตั้งคำถามถึงกองทัพอากาศ ว่า มูลค่าการจัดทำที่แท้จริงของแอปพลิเคชันนี้มีราคาเท่าไรแน่ สูงถึง 40 ล้านบาท อย่างที่มีข่าวออกมาหรือไม่ เรื่องนี้ต้องตอบให้ชัด เอาเอกสารมาดู อธิบายเหตุผล หากไม่ตอบ หรือตอบไม่เคลียร์ ผมจะไปยื่นเรื่องนี้ที่กรรมาธิการ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการต่อแน่นอน” ร.ท.ธนเดช กล่าว.
JJNY : “หมอธีระ”เผย US FDA ไฟเขียวใช้วัคซีนแบบ Bivalen│อาจได้กิน'ไก่แพง'│"ก้าวไกล"จี้ ทอ.แจงจัดทำแอปฯ│สภาล่มอีกแล้ว
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3792459
“หมอธีระ” เผย US FDA มีมติใช้วัคซีนแบบ Bivalen เป็นองค์ประกอบหลักให้ ปชช.มะกัน แทนวัคซีนรุ่นดั้งเดิมเข็มแรก-เข็มกระตุ้น ระบุสามารถลดเสี่ยงป่วยรุนแรงได้ 16 เท่า และลดเสี่ยงเสียชีวิตได้ 13 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน
เมื่อวันที่ 27 มกราคม นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 147,330 คน ตายเพิ่ม 744 คน รวมแล้วติดไป 674,168,661 คน เสียชีวิตรวม 6,753,161 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 16 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 90.72 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 82.39
…Update การประชุมของ US FDA
เมื่อคืนนี้มีการประชุมสำคัญเกี่ยวกับแผนการให้วัคซีนแก่ประชาชนของคณะกรรมการ VRBPAC
ประชุมกันถึงเกือบหกโมงเย็นของอเมริกา หรือหกโมงเช้าของไทยวันนี้
สาระสำคัญที่เกิดขึ้นคือ กรรมการโหวต 21:0 เห็นด้วยกับการใช้วัคซีนแบบ Bivalent (มีสายพันธุ์ดั้งเดิมร่วมกับสายพันธุ์ BA.4/5) เป็นองค์ประกอบหลักสำหรับวัคซีนที่ให้แก่ประชาชนในอเมริกา โดยจะใช้แทนวัคซีนรุ่นดั้งเดิมตั้งแต่เข็มแรกไปจนถึงเข็มกระตุ้น
โดยมีการนำเสนอข้อมูลชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีน Bivalent นั้นจะสามารถลดเสี่ยงป่วยรุนแรงได้ 16 เท่า และลดเสี่ยงเสียชีวิตได้ 13 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน
และคนที่ได้วัคซีน Bivalent นั้น จะลดเสี่ยงป่วยรุนแรงได้ 3 เท่า และลดเสี่ยงเสียชีวิตได้ 2 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับวัคซีนแต่ไม่ได้รับวัคซีน Bivalent เป็นเข็มกระตุ้น
อีกประเด็นสำคัญที่จะเกิดขึ้นในการประชุมคือ การหารือเกี่ยวกับแนวทางการฉีดวัคซีนในอนาคตว่าจะทำอย่างไร ทั้งนี้มีการร่างข้อเสนอเพื่อพิจารณาตามที่มีข่าววันก่อนว่าจะเสนอให้ฉีดปีละครั้งสำหรับคนที่เคยได้วัคซีนครบมาก่อน (ภาพที่ 1) แต่สรุปว่ายังไม่มีการฟันธง และคาดว่าทาง VRBPAC จะให้ทาง the Advisory Committee on Immunization Practices ของ US CDC พิจารณาอีกที
ความเคลื่อนไหวข้างต้น สะท้อนให้เราเห็นว่าวัคซีน Bivalent นั้นจะเป็นเครื่องมือป้องกันหลักที่จะได้รับการใช้ในการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 และอนาคตจะมีการปรับปรุงวัคซีนตามสายพันธุ์ย่อยที่คาดการณ์ให้เหมาะสมกับสายพันธุ์ที่ระบาด ส่วนการฉีดวัคซีนกระตุ้นในระยะยาวนั้นยังไม่มีความชัดเจน จำเป็นต้องติดตามกันต่อไป
…อัพเดต Long COVID
Landry M และคณะจากมหาวิทยาลัย George Washington ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ผลการวิจัยในวารสารการแพทย์โรคติดเชื้อ Emerging Infectious Diseases ฉบับมีนาคม 2566ศึกษาตั้งแต่กรกฎาคม 2564 ถึงมีนาคม 2565 ในกลุ่มนักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรในมหาวิทยาลัยจำนวน 1,338 คนที่ติดเชื้อโควิด-19 พบว่ามีผู้ที่ประสบปัญหา Long COVID กว่าหนึ่งในสาม (36%)
ปัญหา Long COVID พบมากในกลุ่มคนที่ติดเชื้อแบบมีอาการ และ/หรือมีหลายอาการ, คนที่มีโรคประจำตัว, เพศหญิง, คนที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ, คนที่สูบบุหรี่หรือเคยสูบมาก่อน นอกจากนี้ยังพบว่า การได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นจนครบ จะช่วยลดเสี่ยง Long COVID ได้ราวครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน
…สำหรับไทยเรา
การป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ หรือไม่ติดเชื้อซ้ำ ย่อมดีที่สุด
การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ ระหว่างใช้ชีวิตประจำวันนอกบ้าน จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
อ้างอิง
1. Vaccines and Related Biological Products Advisory Committee January 26, 2023 Meeting. US FDA
2. Live blog: Tracking the meeting of the FDA advisory panel on Covid vaccines. STAT News. 27 January 2023
3. FDA Advisory Committee Votes to Unify the Strain Composition of COVID-19 Primary and Booster Vaccines. Contagion Live. 27 January 2023
4. Landry M et al. Postacute Sequelae of SARS-CoV-2 in University Setting. Emerging Infectious Diseases. Volume 29, Number 3—March 2023
https://www.facebook.com/thiraw/posts/pfbid0aMCePphXk4JrvcHJjgX41pEmK9ber5Bv4W5zxWKHbavGHqqysiFYufSrwjGQKdPLl
อาจได้กิน 'ไก่แพง' ส.ผู้เลี้ยง โอดต้นทุนแพงสุด ขาดทุนมา 2 เดือน อาจต้องลดการเลี้ยงลง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7478814
อาจได้กิน ‘ไก่แพง’ ส.ผู้เลี้ยง โอด ต้นทุนแพงสุดเป็นประวัติการณ์ ขาดทุนมา 2 เดือน ถ้าแบกไม่ไหว ต้องลดการเลี้ยงลง ทำใจราคาพุ่งชัวร์ ส่งผลกระทบประชาชน
วันที่ 27 ม.ค.2666 นายวีระพงษ์ ปัญจวัฒนกุล ที่ปรึกษาสมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อ เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้เลี้ยงไก่เนื้อกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากต้นทุนการเลี้ยงไก่เนื้อได้ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน ล่าสุดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยต้นทุนการเลี้ยงไก่ปีนี้ขยับขึ้นมาอีก 2-3 บาท/ก.ก. ล่าสุดอยู่ที่ 45 บาท/ก.ก. สูงกว่าต้นทุนปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 42-43 บาท/ก.ก.เนื่องจากราคาอาหารสัตว์ปรับราคาขึ้นต่อเนื่อง
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาปรับเพิ่มขึ้นอีก 6 บาท/ถุงขนาด 30 ก.ก. มาอยู่ที่ 550 บาท/ถุง ขณะที่ราคาพันธุ์ไก่ก็ปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุน ค่าไฟฟ้าก็ปรับเพิ่มขึ้น30% รวมถึงค่าจ้างแรงงงาน ซ้ำเติมภาวะต้นทุนให้สูงขึ้นไปอีก
ปัจจุบันผู้เลี้ยงไก่เนื้อเจอปัญหาหนักมาก แม้ว่าต้นทุนการเลี้ยงไก่เป็นจะพุ่งขึ้นมาแตะที่ 45 บาท แต่ราคาขายไก่เนื้อเข้าโรงงานชำแหละกลับต่ำกว่าปีก่อน โดยราคาขายเข้าโรงงานอยู่ที่ 41-45บาท/ก.ก. เนื่องจากขณะนี้ตลาดไม่เอื้อให้ปรับขึ้นราคา เพราะซัพพลายล้นตลาด จากการส่งออกเนื้อไก่ที่ชะลอตัวลงอย่างมาก โดยตลาดนำเข้าสำคัญอย่างอียูและญี่ปุ่นลดการนำเข้าเพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น หากปรับราคาก็จะขายไม่ออก รวมถึงการเปิดประเทศของจีนก็ทำให้กำลังการบริโภคภายในปรับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
“อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือดูแลเรื่องราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ อยากให้เห็นใจคนเลี้ยงไก่บ้าง ไม่ใช่ดูและเฉพาะเกษตกรผู้ปลูกพืชที่นำมาทำวัตถุดิบอาหารไก่ ขณะนี้ผู้เลี้ยงขาดทุนติดต่อกันมา 2 เดือนแล้ว ไม่รู้ว่าจะแบกภาระต้นทุนได้อีกนานแค่ไหน หากแบกไม่ไหว อนาคตคงต้องแก้ปัญหาขาดทุนด้วยการลดปริมาณการเลี้ยงลง ซึ่งจะทำให้ราคาไก่แพงขึ้น และในที่สุดก็จะส่งผลกระทบต่อประชาชนต้องกินไก่แพงแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้หากรัฐไม่เข้ามาแก้ไขปัญหานี้”
รายงานข่าวจากกรมการค้าภายใน แจ้งถึงราคาจำหน่ายปลีก เนื้อไก่ในตลาดสดกรุงเทพมหานคร ประจำวันที่ 26 ม.ค.2566 ว่า ไก่สดชำแหละ น่อง สะโพก และไก่สดทั้งตัว ไม่รวมเครื่องใน ราคา 75 – 85 บาท/ก.ก.,ไก่สดชำแหละเนื้อสันใน และ ไก่สดชำแหละ เนื้ออก เนื้อล้วนราคา 90- 100บาท/ก.ก., ไก่สดชำแหละ เนื้ออก ติดหนัง และไก่สดชำแหละ น่อง ราคา 80-85บาท/ก.ก. เป็นต้น
"ก้าวไกล" จี้ ทอ.แจง จัดทำแอปฯ NAPA (นภา) ราคาแพง 40 ล้าน จริงหรือไม่
https://www.thairath.co.th/news/politic/2613733
"ธนเดช" ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลาดพร้าว-ก้าวไกล แฉซ้ำ ทอ.เตรียมออกแอปฯ NAPA อ้างได้ข้อมูล ราคาจัดทำแพงถึง 40 ล้าน ทั้งที่ฟังก์ชันแทบไม่ต่างจากเว็บไซต์-โหลดได้แค่แอนดรอยด์ เผย กำลังพลไม่กล้าตรวจรับ เหตุเสี่ยงติดร่างแหทุจริต จี้ ทอ.เร่งเปิดเผยเอกสารจัดทำ
วันที่ 27 ม.ค. 2566 ร.ท.ธนเดช เพ็งสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตลาดพร้าว พรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณีที่กองทัพอากาศจัดทำแอปพลิเคชัน NAPA (นภา) โดยมีการกล่าวอ้างว่า มีมูลค่าการจัดทำถึง 40 ล้านบาท ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง ก็ถือว่าแพงเกินไปจนรับไม่ได้ เพราะฟังก์ชันต่างๆ ที่มีอยู่ เท่าที่ได้เห็นภาพตัวอย่างหน้าจอแสดงผลที่มีการเผยแพร่ในหมู่กำลังพล เรียกได้ว่าไม่ต่างอะไรจากเว็บไซต์ และยังใช้งานได้กับระบบแอนดรอยด์เท่านั้นด้วย
ร.ท.ธนเดช กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้แอปฯ จัดทำเสร็จแล้ว แต่ติดปัญหาที่ไม่มีใครกล้าตรวจรับ เพราะมีความเสี่ยงจะติดร่างแหไปด้วย หากมีการตรวจสอบพบการทุจริตเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยความไม่สมเหตุสมผล และความเสี่ยงนี้เองทำให้กำลังพลหลายส่วนที่ต้องเกี่ยวข้องกับการดำเนินการต่อมีความกังวล ดังนั้นตนจึงขอเรียกร้องให้กองทัพอากาศ เปิดเผยถึงมูลค่าที่แท้จริงในการจัดทำแอปพลิเคชันดังกล่าวต่อสาธารณะ รวมถึงรายละเอียดฟังก์ชันต่างๆ ที่แอปฯ นี้สามารถอำนวยความสะดวกให้กำลังพลของกองทัพอากาศได้ ว่ามีความแตกต่างจากหน้าเว็บไซต์อย่างไร เป็นไปตามความจำเป็นที่กำลังพลต้องใช้งานหรือไม่
ร.ท.ธนเดช ยังกล่าวด้วยว่า ทางที่ดีที่สุด กองทัพอากาศ ควรเปิดเผยไปถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับการจัดทำแอปพลิเคชันนี้ เพราะนี่คือภาษีที่ประชาชนต้องจ่ายไป ประชาชนย่อมมีสิทธิเต็มที่ที่จะรู้ถึงรายละเอียดการใช้จ่ายที่แท้จริงของการดำเนินการ ซึ่งไม่ใช่ความลับด้านความมั่นคงแต่อย่างใด แต่หากกองทัพอากาศเลือกที่จะไม่เปิดเผย หรือออกมาตอบคำถามแบบไม่ชัดเจน ไม่สามารถทำให้ประชาชนหายสงสัยได้ ตนก็ต้องนำเรื่องนี้ไปขอให้กลไกสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการต่อ ผ่านกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อไป
“ผมไม่อยากให้พี่น้องทหารของผมต้องมาเกี่ยวข้องกับวงจรการคอร์รัปชัน จึงขอตั้งคำถามถึงกองทัพอากาศ ว่า มูลค่าการจัดทำที่แท้จริงของแอปพลิเคชันนี้มีราคาเท่าไรแน่ สูงถึง 40 ล้านบาท อย่างที่มีข่าวออกมาหรือไม่ เรื่องนี้ต้องตอบให้ชัด เอาเอกสารมาดู อธิบายเหตุผล หากไม่ตอบ หรือตอบไม่เคลียร์ ผมจะไปยื่นเรื่องนี้ที่กรรมาธิการ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการต่อแน่นอน” ร.ท.ธนเดช กล่าว.