JJNY : หมอพรทิพย์ซัด‘ตู่’│เชื่อมั่นค้าปลีกไตรมาสแรกลดลง│ไมค์ยื่นจ.ม.บี้เพื่อไทย พรรคจ่อจับผู้สมัครขอโทษ│"ไพศาล"ฟันธง !

หมอพรทิพย์ ซัด ‘บิ๊กตู่’ ปัญหาทุจริตฉาวคับประเทศ ยังนิ่งเฉย แถมทำอะไรไม่ได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3778969
 
 
หมอพรทิพย์ ซัด ‘บิ๊กตู่’ ปัญหาทุจริตฉาวคับประเทศ ยังนิ่งเฉย แถมทำอะไรไม่ได้
 
เมื่อวันที่ 19 มกราคม แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา เผยแพร่ข้อเขียนผ่านอินสตาแกรม ถึงการบริหารงานของนายกรัฐมนตรีที่มีต่อปัญหาทุจริตคอรัปชั่นภายในประเทศ ความว่า
  
“ต้องกลับมาเขียนเรื่องนี้อีกครั้งเพราะความนิ่งเฉยของนายกต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในหลายหน่วยงาน
 
กรณีตู้ห่าวที่พลิกให้เห็นขยะใต้พรมตั้งแต่การแทรกซึมยึดแผ่นดินของคนต่างด้าวด้วยการทุจริตและด้วยด้วยความอ่อนแอของคนไทยทุกภาคส่วน เดิมทีคนพม่ายึดธุรกิจแผงลอยในตลาด และกิจการหลายอย่าง เราคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานที่ทะลักเข้ามาไม่ได้ ตามมาด้วยเรื่องคนจีนที่ก็ทะลักเข้ามาพร้อมการแทรกที่จุดโหว่ของระบบราชการไทยและคนไทย
 
กรณีการจ่ายส่วยในการเลื่อนตำแหน่งที่รู้กันว่ามีในหลายหน่วยงาน ขนาดจับเงินสดได้จำนวนมหาศาลยังทำอะไรไม่ได้
กรณีการใช้อำนาจเข้าตรวจค้นแล้วยักยอกเงินของกลางซึ่งมีมานานหัวหน้าล้วนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่หรือร่วมกินด้วยเลย
กรณีการแก้ปัญหาในระบบราชการด้วยการย้ายไปแขวน ย้ายสลับที่ไม่เคยมีระบบให้สังคมได้ติดตามมีส่วนร่วม เมื่อมีข่าวอื่นแทรก ผู้คนเริ่มลืมคนเหล่านี้ก็กลับเข้าสู่ตำแหน่ง แต่อะไรก็ไม่เท่ากับย้ายคนสีเทาไปไว้ในหน่วยงานอื่น ทำให้บุคคลากรดีๆต้องเสียขวัญเสียกำลังใจเพราะเป็นที่พักรอเวลา
 
ผู้คนในปัจจุบันไม่รักษาและไม่ศรัทธาธรรม ถูกพลังความชั่วฉุดให้ทำชั่วได้ง่าย รวมทั้งคนที่ไม่ได้ร่วมทำชั่วต่างเกรงและกลัวที่ออกมาจัดการหรือต่อสู้ กลายเป็นฝ่ายหลบลี้หนีภัย ล้วนทำให้มีการแผ่อำนาจความชั่วร้ายเต็มไปหมด
 
เสียดายที่ผู้นำตั้งใจเดินต่อในสายการเมืองจึงเงียบต่อสิ่งเลวร้ายเหล่านี้
 
หมอยังคงรักษาความศรัทธาไว้อยู่ เพียงแต่มองหาแนวร่วม มองหาทางออกไม่เจอ ไม่หมดใจ ไม่ถอดใจแน่นอน ยามนี้ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ที่ได้ปลุกปั้นตามที่รัฐธรรมนูญฉบับ2540 กำหนดกำลังเริ่มหันหัวเรือเดินหน้าได้ใหม่ หลังจากที่การเมืองต้องการยุบ แต่เมื่อยุบไม่สำเร็จก็ใช้เป็นที่เอาคนมารอขึ้นหน่วยงานอื่น แต่ไม่หมือนคราวนี้ที่ย้ายคนมีปัญหาจากหน่วยอื่นมาพักไว้ นอกจากจะไม่แก้ปัญหาเรื่องทุจริตคอรัปชั่นแล้ว ยังเป็นการทำลายกำลังใจคนดีๆ
คำแนะนำของหมอคือ ถ้าเราไม่ลุกขึ้นสู้เอง รอดูคนอื่น ก็จงอย่าหวังว่าจะมีความเปลี่ยนแปลง หมอใช้แนวทางเก็บเศษแก้วแตกตลอดชีวิต สิ่งที่เกิดขึ้นคือเศษแก้วที่ทุกคนต้องช่วยกันเก็บออกและจัดการคนที่โยนแก้วทิ้งเรี่ยราด
 
ที่ผ่านมาคนตัวเล็กก็เปลี่ยนโลกได้ ต้องสู้ ต้องกล้า”
  
https://www.instagram.com/p/CnlF4RLpNYk/?hl=th


 
ส. ผู้ค้าปลีกไทย คาดความเชื่อมั่นค้าปลีกไตรมาสแรกลดลง เหตุกำลังซื้ออ่อนแอ นโยบายรัฐไม่ชัดเจน
https://brandinside.asia/retail-sentiment-q1-2023/

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย คาดดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกเดือน ม.ค.-มี.ค. 2566 ลดลง เหตุกำลังซื้อฐานรากอ่อนแอ, ต้นทุนค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นจากราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มสูง, ค่าสาธารณูปโภค และความกังวลต่อความไม่ชัดเจนของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวอาจไม่เป็นไปตามเป้า

ต้นปี 2023 ค้าปลีกกลับมาซบเซา
 
ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก (Retail Sentiment Index – RSI) เดือนธันวาคมที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 7.2 จุด เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายนโดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการโควิดและเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
 ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย
 
ส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อยอดขายสาขาเดิม (SSSG) , ยอดใช้จ่ายต่อครั้ง (Spending Per Bill หรือ Per Basket Size) และความถี่ของผู้ใช้บริการ (Frequency) ปรับเพิ่มขึ้น โดยเมื่อพิจารณาตามประเภทร้านค้า พบว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการร้านค้าประเภทภัตตาคาร ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ร้านค้าประเภทวัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีความเชื่อมั่นลดลงหลังมีการเร่งซื้อเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
 
อย่างไรก็ตามด้านดัชนี RSI ใน 3 เดือนจากนี้ (ม.ค.-มี.ค.) มีแนวโน้มปรับลดลง แต่ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 จากปัจจัยกดดันทั้งภาวะเงินเฟ้อที่ยังสูง กำลังซื้ออ่อนแอ หนี้ครัวเรือน มาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐที่ทยอยหมดลง แนวโน้มต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นทั้งจากค่าวัตถุดิบ ค่าไฟฟ้า เป็นต้น
 
นอกจากนี้ยังพบว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีลักษณะไม่สมดุล (K-shape Recovery) สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ โดยธุรกิจร้อยละ 30 ยังไม่ฟื้นตัวและคาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ในปี 2567 ในขณะที่ร้อยละ 11 ฟื้นตัวแล้วในปี 2565 ส่วนที่เหลือคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวและขยายตัวได้ในปี 2566 ทางสมาคมฯ จึงมีความเห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่จะเข้ามาอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจต้องมีความหลากหลาย ตรงเป้าหมาย ไม่ซับซ้อน เน้นการเพิ่มกำลังซื้อแก่ผู้บริโภคฐานรากที่ยังอ่อนแอเพื่อกระตุ้นการจับจ่าย ในขณะที่ผู้บริโภคระดับบน, ผู้มีรายได้ประจำที่มีกำลังซื้อต้องใช้มาตรการต่างชุดกัน โดยเน้นย้ำว่ารัฐต้องคลอดมาตรการที่ต่อเนื่องและระยะยาวจนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจที่ชัดเจน
 
ทั้งนี้ยังมีบทสรุปประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ “ประเมินการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีก”  ของผู้ประกอบการที่สำรวจระหว่างวันที่ 18-24 ธ.ค.65 ดังนี้
 
•  ประเมินการฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีก ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประเมินว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคโดยรวมในไตรมาสที่ 4 ปี 65 ปรับดีขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปีก่อนหน้า โดยธุรกิจมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น และธุรกิจ 57% มีสภาพคล่องเพียงพอมากกว่า 12 เดือน
○  62 %  ของผู้ประกอบการ ระบุว่า ธุรกิจขยายตัว
○ 5 %    ของผู้ประกอบการ ระบุว่า ธุรกิจทรงตัว
○ 33 %  ของผู้ประกอบการ ระบุว่า ธุรกิจหดตัว

• ประเมินเป้าหมายยอดขาย ปี 2566 ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ตั้งเป้ายอดขายปี 2566 เพิ่มขึ้นมากกว่า 5% และคาดว่ารายได้จะกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุดในปี 2567 และผู้ประกอบการ 22% (กลุ่ม 20% และ 2%) ตั้งเป้ายอดขายปี 66 ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ 5%
○ ร้อยละ 41 % ตั้งเป้ายอดขาย มากกว่า 10%
○ ร้อยละ 37 % ตั้งเป้ายอดขาย ระหว่าง 5 – 10%
○ ร้อยละ 20 % ตั้งเป้ายอดขาย ระหว่าง 1 – 5%
○ ร้อยละ 2 %   ตั้งเป้ายอดขาย เท่าเดิม

• ประเมินรายได้สู่ภาวะปกติของผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการ ร้อยละ 30 คาดว่าธุรกิจจะเข้าสู่ภาวะปกติ ต้องใช้เวลาถึงปี 2567 ธุรกิจถึงเข้าสู่ภาวะปกติก่อนเกิดโควิด11%  คาดเข้าสู่ภาวะปกติ ตั้งแต่ปี 2565
○ 11%  คาดเข้าสู่ภาวะปกติ Q1 2566
○ 24%  คาดเข้าสู่ภาวะปกติ Q2 2566
○ 11%  คาดเข้าสู่ภาวะปกติ Q3  2566
○ 13%  คาดเข้าสู่ภาวะปกติ Q4  2566
○ 30%  คาดเข้าสู่ภาวะปกติ  ปี 2567

• ปัจจัยความกังวลที่มีต่อการฟื้นตัวของธุรกิจในปี 2566
○ อันดับที่ 1  ต้นทุนสูงขึ้น
○ อันดับที่ 2  กำลังซื้อเปราะบาง
○ อันดับที่ 3  เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และ นักท่องเที่ยวมาต่ำกว่าที่คาด
○ อันดับที่ 4  มาตรการรัฐที่ทยอยหมดลง
 
สรุปภาพรวมการค้าปลีกไทยอยู่ในช่วงฟื้นตัวที่ไม่เท่ากันหรือขาดสมดุล (K-Shaped Recovery) อีกทั้งต้องเผชิญกับมรสุมเศรษฐกิจอย่างน้อย 5 ลูก ประกอบด้วย 1) ภาวะเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยเพิ่มสูง 2) ภาวะหนี้ครัวเรือนสูงที่เป็น ตัวฉุดการบริโภค 3) ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับขึ้นสูงต่อไป 4) การกลับมาระบาดของโควิด-19 5) การปรับเพิ่มของค่าแรง-แรงงานขาดแคลน ซึ่งมรสุมเศรษฐกิจดังกล่าวจะส่งผลโดยตรงที่ทำให้ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่กำลังซื้อยังคงอ่อนแรง ผู้ประกอบการจึงควรเตรียมความพร้อมในการรับมือ ถอดรหัสการทำธุรกิจด้วยการลงมือปฏิบัติทันที พร้อมนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนหรือ ESG เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ เพราะอนาคตของค้าปลีกไทยในอีก 3 ปีข้างหน้าเราอาจไม่เห็นภาพค้าปลีกยุคเดิมอีกต่อไปแล้ว



ไมค์ ยื่นจ.ม. บี้เพื่อไทย ทบทวนส่งพวกนกหวีด ลงส.ส. ด้านพรรคจ่อจับ 2 ผู้สมัครขอโทษ  
https://www.matichon.co.th/politics/news_3778891

ไมค์ ยื่นจ.ม. บี้เพื่อไทย ทบทวนส่งพวกนกหวีด ลงส.ส. ด้านพรรคจ่อจับ 2 ผู้สมัครขอโทษ  

เมื่อวันที่ 19 มกราคม นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง นักกิจกรรมทางการเมือง แนวร่วมราษฎร ได้ ทำหนังสือถึง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้เกี่ยวข้องในการคัดสรรว่าที่ผู้สมัครส.ส. เรื่อง ขอให้ทบทวนการส่ง นายวิชัย ล้ำสุทธิ เป็นผู้สมัครสส. ในจังหวัดระยอง โดยมีเนื้อหาดังนี้

ตามที่ทางพรรคเพื่อไทย ได้มีมติส่ง นายวิชัย ล้ำสุทธิ เป็นผู้สมัครส.ส.จังหวัดระยอง ประชาชนและกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในพื้นที่ระยอง มีความกังวลใจอย่างยิ่ง เนื่องจากที่ผ่านมา นายวิชัย ล้ำสุทธิ เป็น อันตรายต่อประชาธิปไตย และย่อมส่งผลเสียต่อพรรคเพื่อไทย ที่โดยเฉพาะต่อคะแนนเสียงเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากนายวิชัย ล้ำสุทธิ เคยสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ กปปส. ในการกดดันให้นายกรัฐมนตรีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาล และนำไปสู่รัฐประหารในปี 2557 อีกทั้งยังได้แสดงท่าทีต่อต้าน การยุตินักโทษทางความคิด สิทธิเสรีภาพของประชาชน และแสดงความสนับสนุนความรุนแรงต่อประชาชนที่ คิดเห็นต่างจากรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกทั้งยังเคยเป็นเลขาธิการพรรคไทยภักดีที่เคยประกาศว่าสนับสนุน การทำงานของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชาอย่างเต็มที่
 
แม้ว่าทางภาคประชาชนและผู้ลงคะแนนเสียงตระหนักได้ถึงการย้ายพรรคของนักการเมือง เพื่อเป็น ตัวแทนสะท้อนถึงปัญหาของพื้นที่นั้นๆ หากแต่การแสดงออกถึงอุดมการณ์และการกระทำที่ผ่านมา ขัดต่อ อุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทยอย่างรุนแรง อีกทั้งในระหว่างที่เป็นส.ส.เขตจังหวัดระยอง นายวิชัยไม่ได้ทำหน้าที่ เป็นตัวแทนประชาชนในพื้นที่อย่างจริงจัง ประชาชน และผู้ลงคะแนนเสียงจำนวนมากมีความต้องการอย่างยิ่งที่จะให้พรรคเพื่อไทยได้ทบทวนมตินี้ อย่างรอบคอบอีกครั้ง ในฐานะประชาชนและผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในจังหวัดระยอง จึงขอเรียกร้องพรรคเพื่อไทยที่อยู่เคียง ข้างกับประชาชนและต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทย ให้ทบทวนการส่งบุคคลผู้นี้อีกครั้ง ด้วย ความหวังว่าจะเกิดปรากฎการณ์แลนด์สไลด์ทั้งประเทศในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง นายภาณุพงศ์ ได้เผยแพร่จดหมายดังกล่าวผ่านทวิตเตอร์นั้น บัญชีทางการของพรรคเพื่อไทย ได้เข้ามาตอบกลับ นายภาณุพงศ์ ด้วยการนำหมายกำหนดการของ 2 ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ที่มีประวัติเคยร่วมชุมนุมสนับสนุนการรัฐประหาร เตรียมขอโทษพี่น้องประชาชน  โดยระบุว่า 
 
“วันที่ 19 มกราคม 66 เวลา 11.00 น. นายวิชัย ล้ำสุทธิ ผู้ประสงค์ลงสมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย จ.ระยอง นายขจรศักดิ์ ประดิษฐาน ผู้ประสงค์ลงสมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย กทม. เขตห้วยขวาง แถลงข่าวขอโทษพี่น้องประชาชนคนรักประชาธิปไตย Live ผ่านเพจพรรคเพื่อไทย” 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่