สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ที่บ้านเคยทำร้านอาหารมาเกือบ 30 ปี ขอตอบในส่วนที่เจอนะคะ
- งานร้านอาหารเป็นงานจุกจิก ทำสารพัดสิ่ง ต่อให้แต่ละคนมีหน้าที่ก็ไม่ได้แปลว่าจะได้ทำแค่ที่กำหนด เช่น เด็กเสิร์ฟไม่ได้ทำแค่เสิร์ฟ แต่ยังรวมไปถึงเก็บเงิน เก็บโต๊ะ ทำความสะอาด จัดร้าน ดูแลรองรับอารมณ์ลูกค้า บางทีก็ต้องช่วยคนครัวรวมถึงทำความสะอาด, คนครัวไม่ใช่แค่ทำอาหาร แต่รวมไปถึง คิดเมนู จัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ ส่วนประกอบอาหารและเครื่องปรุง ยาวไปจนถึงไปตลาดเพื่อหา Ingredients รวมถึงต้องคิดคำนวนให้เพียงพอว่าต้องเตรียมของแค่ไหนถึงจะพอดี ไม่มากจนเหลือทิ้ง และไม่น้อยจนไม่พอขาย แต่ละวันก็ใช้ของไม่เท่ากันขึ้นกับปัจจัยที่ต่างกัน เช่น แถวออฟฟิศ วันธรรมดาคนจะเยอะ, แหล่งท่องเที่ยว วันเสาร์อาทิตย์คนจะเยอะ, หน้าเทศกาลก็เตรียมอีกแบบ, เวลาข้าวของแพงก็ต้องคิดคำนวนอีกแบบ
- ค่าจ้างไม่สูง เพราะเป็นงานที่ไม่ต้องใช้การศึกษาและทักษะ เป็นงานใช้แรงงาน จ้างแพงมากก็เข้าเนื้อ และโดยปกติงานเสิร์ฟเวลาจ้างจะรวมค่าทิป/service charge ไปด้วย ซึ่งคนไทยไม่นิยมให้ทิป ขนาดตอนนี้บังคับ serv. charge หลายคนก็ยังไม่เห็นด้วย ไม่เหมือนต่างประเทศที่จะบังคับทิปดังนั้นเราจึงเห็นความต่างในความตั้งใจบริการของเด็กเสิร์ฟเพราะเค้ารู้ว่ายิ่งบริการดีเท่าไหร่ก็หมายถึงตัวเงินที่เพิ่มขึ้นจากความพยายาม ซึ่งถ้าเทียบกับงานออฟฟิศหรืองานโรงงานที่มีชั่วโมงการทำงานแน่นอน ทำงานเกินเวลาคิดเป็นโอที และงานไม่จับฉ่าย recruit เข้าไปตำแหน่งไหนก็ทำแค่นั้น ส่วนร้านอาหารเวลางานคือตั้งแต่ก่อนเปิดร้านไปจนถึงปิดร้านแล้วงานทุกอย่างเสร็จเมื่อไหร่ก็คือเมื่อนั้น
- ร้านอาหารไม่มีวันหยุด เพราะจะหมายถึงรายได้ที่หายไป มากกว่านั้นคือลูกค้าจะหายไปด้วย ซึ่งสำคัญมาก ดังนั้นถ้าเทียบกับงานอื่นๆที่เวลาเข้างานแน่นอน วันหยุดตามปฏิทิน (ซึ่งไทยเป็นประเทศที่วันหยุดค่อนข้างมากถ้าเทียบกับประเทศอื่น) ลาป่วย ลากิจ ลาพักร้อน ลาบวช ลาแต่งงาน ฯลฯ โดยที่ยังได้รับค่าจ้าง แต่เด็กเสิร์ฟที่ทำงานรายวันถ้าหยุดคือไม่มีรายได้ ถ้าได้รายเดือนแล้วหยุดบ่อยคือให้ออก ถ้าร้านที่กำหนดวันหยุดชัดเจนแล้วมีคนหยุดกะทันหัน คนอื่นก็จะโดนตามมาทำงาน ดังนั้นคนที่พอมีทางไปก็จะไม่ทนกับงานที่เงินน้อย ไม่มีวันหยุดและสวัสดิการ และเค้าจะไม่มีความรู้สึกอยากทำให้มันดีเพราะร้านอาหารเป็นงานที่ไม่ได้มี career path ชัดเจนและเค้าไม่ได้เป็นเจ้าของ ส่วนมากทำเพื่อรองานอื่นหรือเก็บประสบการณ์เพื่อไปที่อื่น
- งานร้านอาหารเป็นงานจุกจิก ทำสารพัดสิ่ง ต่อให้แต่ละคนมีหน้าที่ก็ไม่ได้แปลว่าจะได้ทำแค่ที่กำหนด เช่น เด็กเสิร์ฟไม่ได้ทำแค่เสิร์ฟ แต่ยังรวมไปถึงเก็บเงิน เก็บโต๊ะ ทำความสะอาด จัดร้าน ดูแลรองรับอารมณ์ลูกค้า บางทีก็ต้องช่วยคนครัวรวมถึงทำความสะอาด, คนครัวไม่ใช่แค่ทำอาหาร แต่รวมไปถึง คิดเมนู จัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ ส่วนประกอบอาหารและเครื่องปรุง ยาวไปจนถึงไปตลาดเพื่อหา Ingredients รวมถึงต้องคิดคำนวนให้เพียงพอว่าต้องเตรียมของแค่ไหนถึงจะพอดี ไม่มากจนเหลือทิ้ง และไม่น้อยจนไม่พอขาย แต่ละวันก็ใช้ของไม่เท่ากันขึ้นกับปัจจัยที่ต่างกัน เช่น แถวออฟฟิศ วันธรรมดาคนจะเยอะ, แหล่งท่องเที่ยว วันเสาร์อาทิตย์คนจะเยอะ, หน้าเทศกาลก็เตรียมอีกแบบ, เวลาข้าวของแพงก็ต้องคิดคำนวนอีกแบบ
- ค่าจ้างไม่สูง เพราะเป็นงานที่ไม่ต้องใช้การศึกษาและทักษะ เป็นงานใช้แรงงาน จ้างแพงมากก็เข้าเนื้อ และโดยปกติงานเสิร์ฟเวลาจ้างจะรวมค่าทิป/service charge ไปด้วย ซึ่งคนไทยไม่นิยมให้ทิป ขนาดตอนนี้บังคับ serv. charge หลายคนก็ยังไม่เห็นด้วย ไม่เหมือนต่างประเทศที่จะบังคับทิปดังนั้นเราจึงเห็นความต่างในความตั้งใจบริการของเด็กเสิร์ฟเพราะเค้ารู้ว่ายิ่งบริการดีเท่าไหร่ก็หมายถึงตัวเงินที่เพิ่มขึ้นจากความพยายาม ซึ่งถ้าเทียบกับงานออฟฟิศหรืองานโรงงานที่มีชั่วโมงการทำงานแน่นอน ทำงานเกินเวลาคิดเป็นโอที และงานไม่จับฉ่าย recruit เข้าไปตำแหน่งไหนก็ทำแค่นั้น ส่วนร้านอาหารเวลางานคือตั้งแต่ก่อนเปิดร้านไปจนถึงปิดร้านแล้วงานทุกอย่างเสร็จเมื่อไหร่ก็คือเมื่อนั้น
- ร้านอาหารไม่มีวันหยุด เพราะจะหมายถึงรายได้ที่หายไป มากกว่านั้นคือลูกค้าจะหายไปด้วย ซึ่งสำคัญมาก ดังนั้นถ้าเทียบกับงานอื่นๆที่เวลาเข้างานแน่นอน วันหยุดตามปฏิทิน (ซึ่งไทยเป็นประเทศที่วันหยุดค่อนข้างมากถ้าเทียบกับประเทศอื่น) ลาป่วย ลากิจ ลาพักร้อน ลาบวช ลาแต่งงาน ฯลฯ โดยที่ยังได้รับค่าจ้าง แต่เด็กเสิร์ฟที่ทำงานรายวันถ้าหยุดคือไม่มีรายได้ ถ้าได้รายเดือนแล้วหยุดบ่อยคือให้ออก ถ้าร้านที่กำหนดวันหยุดชัดเจนแล้วมีคนหยุดกะทันหัน คนอื่นก็จะโดนตามมาทำงาน ดังนั้นคนที่พอมีทางไปก็จะไม่ทนกับงานที่เงินน้อย ไม่มีวันหยุดและสวัสดิการ และเค้าจะไม่มีความรู้สึกอยากทำให้มันดีเพราะร้านอาหารเป็นงานที่ไม่ได้มี career path ชัดเจนและเค้าไม่ได้เป็นเจ้าของ ส่วนมากทำเพื่อรองานอื่นหรือเก็บประสบการณ์เพื่อไปที่อื่น
แสดงความคิดเห็น
ทำไมลูกจ้างร้านอาหารถึงหายาก และมักทำงานกันไม่ค่อยทนครับ
ญาติคนนี้มักบ่นให้ฟังถึงปัญหาเรื่องลูกจ้างที่หายาก และมักทำงานกันไม่ค่อยจะทน
บางคนทำไปซักพักอยู่ดีๆก็หายไปเลย ไม่มาทำงาน เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมาก
ทั้งๆที่ญาติคนนี้ก็บอกว่าได้พยายามดูแลลูกจ้างอย่างดีที่สุดแล้ว เช่น มีที่พักให้ , มีอาหารให้กินที่ร้าน , ปรับค่าจ้างเพิ่มขึ้น ฯลฯ
แต่ตลอดเวลาที่ทำร้านอาหาร ก็ยังคงมีปัญหาจุกจิกเรื่องลูกจ้างอยู่ตลอด
ภายหลังญาติคนนี้ได้เลิกทำร้านอาหาร และไปเปิดร้านขายอาหารสัตว์แทน
ญาติบอกว่าปัญหาเรื่องลูกจ้างแทบไม่มีเลย เหมือนหน้ามือเป็นหลังมือ
ทำไมลูกจ้างร้านอาหารถึงหายาก และมักทำงานกันไม่ค่อยทนครับ ถ้าเทียบกับลูกจ้างของธุรกิจประเภทอื่นๆ
การทำงานร้านอาหาร มันมีดีเทลที่ยากลำบากกว่างานอื่นตรงไหน หลายคนถึงมักไม่ค่อยอยากมาทำกัน
ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากครับ
ปล.ไม่ได้เหมารวมนะครับ อาจไม่ไช่ทั้งหมด หลายร้านลูกจ้างอยู่กันยาวๆก็มีให้เห็นเหมือนกัน